คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4 -- (100%)
(4)..
"ไปเถลไถลที่ไหนมาล่ะลู่หาน" เสียงทักทายดังขึ้นทันทีที่นักศึกษาหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาในอพาร์ทเม้นที่อยู่ด้วยกันกับกลุ่มเพื่อนของเขา
นอกจากรูมเมททั้งสามของเขา ตอนนี้ยังมีจงอิน คยองซู และชานยอลนอนกลิ้งไปมาอยู่ในห้องนั่งเล่นอยู่อีกด้วย
ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนๆของเขามารวมตัวกันอยู่ในอพาร์ทเม้นในวันนี้ จริงอยู่ที่พวกนี้ชอบมาฉลองมาเล่าอยู่บ่อยๆอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าวันนี้มันไม่ใช่วันเทศกาลอะไรเลยนี่นา
"ไงทุกคน ไป ... ทำการบ้านน่ะ สั่งงานเยอะจริงๆเลยน้า" ลู่หานโบ้ยไปเรื่องอื่น ให้บอกว่าไปนั่งจ้องตากับคนน่ารักมาจนค่ำคงโดนล้อแย่แน่ๆ
เพื่อนตัวสูงคิ้วเข้มยกมือขึ้นเรียก "โว้ วันศุกร์ยังจะทำอะไรนักหนาน่ะการบ้านน่ะ มานั่งมาๆ"
ชายหนุ่มเดินไปตามคำชวน ชานยอลเขยิบตัวไปติดริมโซฟาทำตัวลีบ ให้ลู่หานเข้ามานั่งระหว่างเขาและคริส
เป็นคืนวันศุกร์ที่สบายๆ จงอินนั่งอยู่มุมหนึ่งพร้อมคยองซูที่นอนหนุนตักของแดนเซอร์ผิวแทนคนดังคนนี้ ข้างๆพวกเขาคือแบคฮยอนที่กำลังลูบขาเพื่อนสนิทหูกางอย่างเหม่อลอยและดูเหมือนชานยอลเองก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ เทานอนอยู่บนพื้น เท้าของเขาแทบจะทิ่มหน้าคริสที่กำลังนอนทับอี้ชิง ..ผู้ซึ่งกำลังนอนกอดกีต้าร์สุดที่รักอยู่อีกที
โดยรวมแล้ว พวกเขาดูเหมือนแก๊งเด็กสี่ขวบที่กำลังหมดแรง
...จนกระทั่งแบคฮยอนเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมา
“เอาล่ะลู่หาน ตกลงไปทำอะไรมา ไม่ต้องคิดจะบอกว่าไปอ่านหนังสือเรียน พวกเราไม่เชื่อ”
“ก็...” คนถูกถามนึกถึงเศษคุ้กกี้ที่ร่วงอยู่เต็มกระเป๋ากางเกงของเขา ...ประโยคหวานๆทำจากน้ำตาลบนขนมชิ้นนั้น ...นึกถึงตอนที่คุณบาริสต้าแสนซนสอนทำลาเต้
...นึกถึงช่วงที่ร่างกายของเขาทั้งสองใกล้ชิดกันตอนที่อยู่หลังเค้าน์เตอร์
..โอเค ยอมก็ได้ จะยอมเล่า..นิดนึงก็ได้
“... เมื่อกี้อยู่กับผู้ชายคนนึง”
จากเด็กสี่ขวบที่หมดแรงกลายเป็นเด็กหนุ่มกระตือรือร้นกันในพริบตา
“จริงหรอ!!!”
“ร้ายไม่เบานะเนี่ย”
“เค้าหน้าตาเป็นไง หล่อมากป่าว”
“แก่ป่าว คนนั้นเค้าอายุเท่าไหร่อะ?”
“พวกเรารู้จักเค้ารึเปล่าอะ? รึว่า.. เซฮุน เซฮุนแน่เลย ใช่ปะๆ”
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่นายเป็นเกย์หรอ?.. ไม่ใช่นะ ไม่ได้จะว่าอะไร รักกันก็ดีแล้วๆ”
หนุ่มชายจีนหัวเราะกับท่าทีตลกๆของเพื่อนๆเขา “ไม่.. ไม่ใช่แบบนั้นๆ เราแค่นั่ง...คุยกัน ดื่มกาแฟ อะไรงี้ไง ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกอะไรซะหน่อย”
“โถ่” ประสานเสียงกันด้วยความผิดหวัง
จงอินแกล้งถอนหายใจแรงๆ “ว้า นึกว่าในกลุ่มเราจะมีโฮโมตัวจริงซักคนแล้ว”
คริสได้แต่หัวเราะในลำคอ แบคฮยอนแอบยิ้มให้กับชานยอล
ส่วนคยองซูก็จิ้มแขนจงอินแรงๆไป1ทีด้วยนิ้วมือสั้นๆของเขา “เรานี่แหละโฮโมตัวจริง และก็กำลังนอนอยู่บนตักของโฮโมตัวจริงเสียงจริงอีกคนด้วย มีไรปะ?”
คนที่เหลือส่งเสียงล้อเลียนกันเสียงดัง ในขณะที่ชายหนุ่มตาโต เอาแต่ส่งรอยยิ้มโหดๆให้กับแฟนผิวแทนของเขา
“ชู่วว.. อย่าเสียงดังดิ” จงอินบอกทุกคนเขินๆ
“ชู่ววววววว.. อย่าเสียงดังดิ” คริสล้อเลียนด้วยเสียงแหลมๆสูงกว่าปกติสองอ็อกเทฟ ฟังดูน่าหมั่นไส้จนเทาห้ามใจเตะเพื่อนตัวสูงไม่ไหว “เสียงน่าเกลียดมาก เงียบไปเลย เบ็นเบ็น”
“ทุกคนนนนนนนนนนน” ลู่หานชูมือสองข้างโบกไปมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ “ยังเล่าไม่จบเลย สนใจเราที”
“โอ๊ะ โทษทีลู่หาน ต่อเลยๆ”
“ถึงไหนแล้วล่ะ..... เอาเป็นว่า สรุปนะ พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน เข้าใจนะ แค่เพื่อนกันเท่านั้น” ชายหนุ่มชายจีนเน้นทุกคำพูดในขณะที่เสียงข้างในหัวของเขากลับตะโกนว่า 'ไม่! แค่เพื่อนอะไรกัน โกหกตัวเองชัดๆ'
เขาทำได้แค่ยกยิ้มกว้างให้เพื่อนๆ จนกระทั่งชานยอลขัดจังหวะ ทักขึ้นมา
“เฮ้ยหาน มีเศษอะไรร่วงมาจากกางเกง?”
คุ้กกี้แตกๆที่ถูกลืมไปครู่หนึ่ง ถูกแงะออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยความรู้สึกผิดที่เขาทำให้ของที่มินซอกอุตส่าห์ให้มาเละขนาดนี้ ชายหนุ่มยกขนมขึ้นมาชิม รสชาติไม่เลวเลย ทั้งที่เละขนาดนี้ยังอร่อยเลย
“ทำไมลู่หานได้คุ้กกี้แล้วเราไม่ได้วะ?” แบคฮยอนจอมประชดประชันเริ่มแผดเสียง เทาเองก็เอากับเขาด้วย แกล้งสะอื้นทำเป็นเสียความรู้สึกสุดความสามารถ
ลู่หานได้แต่หัวเราะเหนื่อยใจ แล้วโยนเศษที่แตกออกมาเล็กๆให้สองคนนั้น
“พวกนายนี่ทำตัวเหมือนนกพิราบเลย”
“ทำไมต้องนกพิราบอะ?”
“ก็มาล้อมๆแล้วก็ครวญครางจนกว่าจะได้อาหารไง”
“เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆเลยครับเพื่อนหาน เอาพวกเราไปเทียบกะนกพิราบ”
“ก็ใครโวยวายจะเอาคุ้กกี้ล่ะ”
“คุ้กกี้ไหน กินมั่งดิ” คราวนี้เป็นจงอินที่เข้ามาร่วมบทสทนา “พวกนั้นยังได้เลย แบ่งมาม่างงงงงงงง” จงอินเริ่มงอแงแบบมึนๆ
“เห็นนี่มั้ย?” ลู่หานชูชิ้นคุ้กกี้ที่ยังคงมีเศษร่วงลงมาอยู่เรื่อยๆ “มันไม่พอให้กิน8คนหรอกนะ!”
“งั้นก็ให้เราคนเดียวทั้งหมดดิ”
“ให้ตายดิพวกนายนี่มัน.. พอละ บอกลาคุ้กกี้ได้” พูดจบก็เขมือบคุ้กกี้ที่เหลือทั้งหมดเข้าไปในคำเดียว พร้อมทิ้งเศษมากมายไว้บนตักของชานยอลที่นั่งข้างๆ
“ยี้ ขอเป็นชิ้น ไม่ได้ขอเศษคุ้กกี้ที่กระเด็นจากปากซะหน่อย”
“เอี้ยบไปเอยอานยอล” ลู่หานตอบโต้โดยที่ปากยังเต็มไปด้วยขนม พ่นเศษขนมมาพร้อมกับทุกคำพูด “อ้วกอายอี้อันเด็กอนุบาลอิงๆเอย” เขาเช็ดปากแล้วกลืนอาหารในปากลงไป เพื่อนๆได้แต่ขำคนที่ว่าคนอื่นเป็นเด็กอนุบาลทั้งๆที่ตัวเองยังอมขนมไว้เต็มปาก และเมื่อปากของลู่หานว่างอีกครั้ง เขาก็ร่วมวงหัวเราะกับเพื่อนต่อ
.
...เฮ้ออ ความจริงแล้วอยากจะนั่งกินฟินๆสงบๆมากกว่า ไอ้พวกนี้มันมารหัวใจจริงๆ
ครึ่งชั่วโมงหลังจากการชุลมุนแย่งขนมของเหล่าชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆทั้งหลาย เทา จงอิน และคยองซู ก็ลุกออกไปแชร์บุหรี่กันที่ระเบียง (เพื่อนๆเองก็สงสัยว่าจะสูบทำไม ถ้าเวลาจะสูบสามคนจะแชร์กันสูบเพียงมวนเดียวเท่านั้น ..ทั้งสามก็ได้ให้เหตุผลว่า จะได้ไม่ทำร้ายทั้งกระเป๋าตังค์และปอดมากเกินไป)
อี้ชิงหลับคอพับคออ่อนกอดคอกีต้าร์ไปแล้ว ส่วนๆชานยอลเองก็ดูง่วงมากแล้วจนไม่มีสติพอจะมาใส่ใจแบคฮยอนที่กำลังแกล้งดึงหูของเขาเล่นไปในองศาที่น่าจะเจ็บไม่น้อย
ลู่หานมองดูกลุ่มเพื่อนของเขา ทุกคนดูเปลี่ยนไปมากจากตอนแรกที่เจอกันสมัยประถม ที่ว่าเปลี่ยนก็แค่รูปลักษณ์ภายนอก เพราะภายใต้รูปลักษณ์ของเด็กมหาลัยนั้น ทุกคนก็ยังนิสัยเหมือนตอนประถมไม่มีเปลี่ยน
หลังจากที่ได้เจอมินซอก นักศึกษาหนุ่มก็เริ่มสังเกตว่าตัวเขาเอง อยู่แต่กับกลุ่มเพื่อนพวกนี้มาตลอด ไม่เคยคิดจะยื่นมือไปทำความรู้จักคนใหม่ๆเลย
...บางที่ลึกๆแล้วเขาอาจจะอยากจะเปิดรับคนใหม่ๆเข้ามาบ้าง
มันทำให้ชายหนุ่มนึกถึงเนื้อเพลงที่เคยร้องในค่ายสมัยยังเด็ก
Make new friends, but keep the old. One is silver and the other is gold.
หาเพื่อนใหม่ไว้ แต่อย่าลืมเพื่อนเก่า ทั้งสองแตกต่างกัน แต่มีคุณค่าไม่แพ้กัน
...เขาตัดสินใจได้แล้ว
พรุ่งนี้เขาจะนัดทุกคนมาทานอาหารเย็นที่อพาร์ทเม้นอีกครั้ง แล้วจะชวนมินซอกมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักด้วย มินซอกเองก็ดูอยากรู้จักเพื่อนๆของเขาไม่น้อยจากที่คุยกันวันนี้ ....คิดได้แล้วก็ตั้งเตือนไว้ในโทรศัพท์มือถือซะเลย
ทำไมเขาไม่ทำตั้งนานแล้วน่ะหรอ ? เพราะเขาเพิ่งเจอกันเมื่อ2วันก่อนเท่านั้นไง อย่าลืมสิ ..และเขาเองก็กังวลว่าเพื่อนๆจะมองเขาแปลกๆ
เขาที่ว่าไม่ได้หมายถึงแค่ตัวเขาเอง แต่รวมถึงมินซอกด้วย
ทั้งหมดที่เขาบอกกลุ่มเพื่อนของเขาคือว่า เขากำลังคุยกับคนคนนึง เขาไม่ได้บอกว่าคนคนนั้น เป็นคนที่หูหนวกสนิททั้งสองข้างและไม่สามารถพูดได้อีกด้วย
ลู่หานกังวลไปถึงพรุ่งนี้ตอนเย็นที่เขาจะชวนมินซอกมา เพื่อนๆจะทำตัวยังไงเมื่อรู้ว่ามินซอกมีความแตกต่างจากคนอื่น
บรรยากาศจะน่าอึดอัดรึเปล่า? จริงอยู่ที่ความสดใสและความน่ารักเป็นธรรมชาติของมินซอกต้องช่วยให้บรรยากาศสดใสขึ้นได้อย่างแน่นอน
...แต่มินซอกจะรู้สึกอึดอัดใจรึเปล่า? ทุกคนจะเข้าใจมินซอกมั้ย?
แน่นอนว่าในสายตาของลู่หาน มินซอกไม่ได้ผิดไปจากปกติอะไรเลย เพียงแต่ใช้การสื่อสารที่ต่างจากคนอื่นเท่านั้น มินซอกเข้าใจและมีความสามารถทุกๆอย่างเหมือนทุกคน
และยังชงลาเต้ได้ละมุนนุ่มลิ้นน่าหลงใหลมากกว่าใครทั้งนั้น
... Soy milk latte and silent barista ...
กีต้าร์ตัวโปรดของหนุ่มชาวจีนแสนสุนทรีย์เลื่อนหลุดออกจากอ้อมกอดหลวมๆ เกิดเสียงแปร่งๆจากสายกีต้าร์โดนกระทบ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวสลึมสลือตื่นขึ้นมา “อืมม ปวดคอจัง ... ไปนอนแล้วนะทุกคน”
เสียงของอี้ชิงปลุกลู่หานกลับมาอีกครั้งเขา เด้งตัวลุกออกจากโซฟา เหลือที่ว่างให้ชานยอลที่นั่งสัปหงกข้างๆได้ยืดขาสบายๆ “นายก็จะไปนอนแล้วหรอลู่หาน?”
พยักหน้าหึกหงักเพลียๆแทนคำตอบแล้วเดินโงนเงนไปตามโถงมืดๆที่อี้ชิงเพิ่งเดินผ่านไป เขาถอดสเว็ทเตอร์และถุงเท้าใส่ตะกร้าผ้าสีน้ำเงินเข้มข้างประตูห้องนอนแล้วเข้าห้อง เขาได้ยินเสียงเทา จงอิน คยองซูเดินกลับเข้ามาจากการแชร์ควันบุหรี่ที่ระเบียง และคริสเปิดวงสนทนาอีกรอบ ชายหนุ่มแปรงฟันพลางฟังเสียงเพื่อนๆคุยกันอู้อี้ๆที่ลอดผ่านประตูห้องเข้ามา ต่อด้วยกลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากรสมิ้นต์ชื่นใจ และ ตบท้ายด้วยการล้างหน้าด้วยครีมล้างหน้าที่ได้มาจากซุ้มแจกฟรีเมื่ออาทิตย์ก่อน
หลังจากเช็กมือถือสองสามรอบว่ามีใครส่งข้อความมาใหม่รึเปล่า และทุกครั้งก็พบกล่องข้อความที่ว่างเปล่า ลู่หานก็ทิ้งตัวลงเตียงนุ่มและหลุดเข้าสู่ห้วงนิทรา
....
ตื๊ดดด ตื๊ดดดด ตื๊ดดดดดดด ชายหนุ่มงัวเงียหงิบมือถือขึ้นมากดรับสาย พลางขยี้ตา นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย
“..ฮัลโหล” รับสายด้วยเสียงที่ไม่ต่างจากละเมอซักเท่าไหร่
“อ้าว เราโทรมาปลุกหรอ? โทษทีๆ” เสียงที่คุ้นเคยตอบกลับมา เซฮุนนี่เอง
“ไม่หรอ-... ก็ปลุกแหละ ไม่เป็นไรๆ มีไรอะ”
“คือจำการบ้านเรียงความได้ใช่ป่าว.. เมื่อคืนอู้มากไปหน่อย..”
“จะยืมลอก ว่างั้น?”
“วิชานี้เราเรียนกะอาจารย์คนละคนกันนะ! ไม่มีใครรู้หรอกๆ”
“เสียใจด้วยนะเซฮุน “ ลู่หานถอนหายใจ “เราก็ยังไม่ได้ทำการบ้านซักวิชาเลยว่ะ”
“บ้าน่า! ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย? ท่านนักเรียนดีเด่นลู่หานกลายเป็นคนส่งงานไม่ตรงเวลาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
“ ก็แบบ .. ช่วงนี้ยุ่งๆหน่อย”
“เกิดอะไรขึ้น? ทุกคนไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย? รึว่าคืนที่ผ่านมาลู่หานน้อยได้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว อั๊ยหยะ!”
คนยังไม่ตื่นดีได้แต่พ่นลมออกมาทางจมูกเสียงดังกับแต่ละสมมติฐานของเพื่อน “ไม่ใช่ซะหน่อย ทำไมพวกนายทุกคนนี่มัน”หมกมุ่นจังเลยนะ”
“ทุกคนคิดงั้นแสดงว่าเมื่อวานนายอยู่กะใครบางคน “ เซฮุนเริ่มระติดประต่อจนเป็นเรื่องเป็นราว “สาวที่นายชอบใช่มะ?”
“ก็.. ประมาณนั้น” บางทีเซฮุนก็น่าจะเอาดีด้านนี้ เป็นนักสืบ เป็นโคนันคุง รึอะไรแนวๆนั้น
“เฮ้ยจริงดิ!! งั้นเดี๋ยวต้องมาเล่าด้วยนะ อย่าเบี้ยวล่ะ!” และดูเหมือนว่าเซฮุนจะลืมจุดประสงค์หลักของการโทรมาซะแล้ว
“เออเคๆ อาบน้ำละ เดี๋ยวมีคลาส”
“เออเหมือนกัน ถ้าตัวเหม็นไปเรียนคนข้างๆคงสาปส่ง”
“ดี เจอกัน” พูดจบนักศึกษาหนุ่มชาวจีนก็วางสายและโยนมือถือไปที่อีกฝั่งของเตียง ก่อนจะเอื้อมไปหยิบและฝืนความง่วงลุกขึ้นมาอาบน้ำ วันนี้เค้าต้องไปที่คาเฟ่ก่อนไปเรียนด้วย จะได้ชวนมินซอกมาทานข้าวเย็นพร้อมกับเพื่อนๆที่อพาร์ทเม้น
ระหว่างยืนในม่านน้ำใต้ฝักบัว เสียงริงโทนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ลู่หานเอื้อมมือไปปิดน้ำก่อนเดินไปหาต้นเสียง เขาพยายามใช้นิ้วเปียกๆสไลด์หน้าจอซักพักกว่าจะสำเร็จ ชื่ออี้ชิงปรากฎหลาอยู่บนหน้าจอ โทรมาทำไมเนี่ย? แล้วเช้างี้ทำไมไม่อยู่บ้านเนี่ย?
“มีอะไรอี้ชิง”
“เอาหนูกลับบ้านได้มั้ย เราเลี้ยงหนูที่อพาร์ทเม้นได้มั้ย?”
“ห๊ะ? ให้ตายสิ ตอนนี้อาบน้ำอยู่ ทำไมเช้านี้ทุกคนถึงโทรมมาจังวะเนี่ย”
“นายยังไม่ได้ตอบนะ ตกลงเอาหนูกลับไป ได้ รึไม่ได้?”
“ไม่รู้สิอี้ชิง ชั้นไม่ใช่แม่นายนะ! ถามคริสสิ!”
“อ้าว งั้นแสดงว่าคริสเป็นแม่เราอะดิ งั้นนายก็เป็-“ ลู่หานชิงตัดสายก่อนที่อี้ชิงจะสร้างครอบครัวใหม่ให้เขาเสร็จ และโยนมือถือไปตกที่บนผ้าเช็ดตัวที่กองไว้ แล้วกลับไปล้างฟองแชมพูกลิ่นมิ้นต์ออกให้หมด
ทำไมวันนี้ถึงมีแต่คนโทรมาคุยอะไรมึนๆใส่แต่เช้าเนี่ย ?
ชายหนุ่มถอนหายใจพลางรีบเช็ดหัวให้แห้ง ก่อนออกไปหยิบเสื้อและกางเกงมั่วๆออกจากกองผ้า โชคดีหน่อยที่มันดูเข้ากันลงตัวดี ระหว่างทางออกลู่หานไม่ลืมที่จะหยิบกล้วยที่คริสซื้อมา และก็ปากกาเขียนลื่นๆเอาไว้เขียนคุยกับมินซอก
วันนี้ค่อนข้างหนาวกว่าทุกวัน ลมเย็นๆพัดหน้าชายหนุ่มที่กำลังรีบเดินไปคาเฟ่ตลอดทาง จนจมูกของเขาแข็งชาไปหมด แอบระแวงเล็กน้อยว่าจะมีใครโทรมาพ่นคำถามมึนๆแบบอี้ชิงใส่เขาอีกรึเปล่า และโชคดีไปที่ไม่มีใครโทรมาอีก เขามาถึงร้านโดยไม่มีอะไรมารบกวน
น่าแปลก
ป้ายที่แขวนติดกระจกยังคงโชด้าน ‘Closed’ ชายหนุ่มเอาหน้าแนบกระจกพยายามมองเข้าไป ด้วยความที่คิดว่ามินซอกอาจจะลืมพลิกแผ่นป้ายเป็น ‘Open’ ก็ได้
แต่สิ่งที่ได้เห็นภายในร้านกลับกลายเป็นเก้าอี้ที่ยังคงถูกวางคว่ำไว้บนโต๊ะ ไฟทั้งหมดก็ยังไม่เปิด และร้านดูมืดสนิท ไร้วี่แววของบาริสต้าหนุ่มที่เขาอยากเจอ
มินซอกไม่ได้อยู่ที่นี่ ? ตอนนี้เกือบ เก้าโมงแล้วนี่นา คาเฟ่ควรจะเปิดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ
มินซอกหายไปไหน?
ชายหนุ่มได้แต่เดินวนไปวนมาหน้าประตูร้าน
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นล่ะ
ไม่นะ
...เขาไม่น่าปล่อยให้มินซอกกลับคนเดียวมืดๆเมื่อวานเลย...
TBC
มันซิวรือ : ฟิตซิกแพ็คไปสู้อูหมิน !
(เห่อไม่เลิก T Tมันน่ารักง่ะ)
แทนแท้นนน เริ่มมีปมแล้ว เย่ อย่าเพิ่งเบื่อนะฮือ 5555
ดองมาซักพักขอโทษนะคะ เราอู้เอง เรียนหนักอีกส่วน(น้อย)นึง 5555 T T ขอบคุณทุกคนที่ติดแท็ก #LMsilent และก็คอมเม้นท์มาในนี้น้า T T รู้สึกดีใจมากกกกกกกก
ตอนต่อไปจะพยายามรีบแปลมาลงนะกลัวค้างนาน O<-<
ใครอ่านจบแล้วว่างๆก็คอมเม้นรึแท็กในทวิตได้น้า :D
ปล. ชอบคอมเม้นของคุณ lumin_0977 มากเลยค่ะ
" ไม่มีเสียงอะไรที่ฟังรู้เรื่องกว่าเสียงของหัวใจหรอก"
เสี่ยวอย่างมีสไตล์ค่ะ (ชมนะๆๆๆ) ชอบ555555555
ความคิดเห็น