คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3 -- (100%)
(3) ..
อิสรภาพอันหอมหวาน..
ลู่หานเดินออกมาจากห้องเล็กเชอร์อย่างร่าเริง ขัดกับการบ้านปริมาณมหาศาลที่เขาต้องทำให้เสร็จ แม้ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังสะพายเป้คู่ใจเดินท่าทางสบายๆ จิตใจของเขาล่องลอยไปถึงคาเฟ่ซะแล้ว
มินซอกเหมือนแม่เหล็กแรงสูง และตัวเขาก็เหมือนคลิปหนีบกระดาษเบาหวิวที่พร้อมและเต็มใจจะโดนดึงดูดเข้าไปติดโดยไม่ต้องออกแรงใดๆ
นักศึกษาชาวจีนเดินมาถึงคาเฟ่ในเวลาเพียง 10นาที ..ทำลายสถิติของลูกค้าทุกๆคน
ลู่หานยืนมองอยู่หน้าร้านซักพักก่อนจะเข้าร้าน เขาชอบที่จะมองบาริสต้าตัวเล็กมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบข้าง บางทีการที่ขาดประสาทสัมผัสไป1ด้าน อาจจะทำให้เขามีประสาทสัมผัสที่เหลือดีขึ้น ...ดูได้จากการที่มินซอกยืนพิงเค้าน์เตอร์จ้องเล็บมือขวาตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ
หนุ่มชาวจีนเดินเข้าร้านหัวเราะเบาๆกับท่าทางเด็กๆของอีกฝ่าย วันนี้คงไม่ค่อยมีลูกค้าสินะเลยดูเบื่อๆอย่างนี้ เขายืนรอห่างๆ จนมินซอกเงยหน้าขึ้นมาเห็นเองเพราะไม่ต้องการจะทำให้อีกฝ่ายตกใจ
บาริสต้าหนุ่มก้มลงหยิบของบางอย่าใต้เค้าน์เตอร์ก่อนเดินตรงมาหาอีกฝ่ายแล้วยื่นให้
--วันนี้เป็นยังไงบ้าง ?
ลู่หานอ่านกระดาษที่มินซอกเขียนเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเขามา และทำให้อีกฝ่ายประทับใจอีกครั้ง เมื่อเขาตอบกลับด้วยท่าที่เขาเพิ่งนั่งฝึกมา
---ดีมาก แล้วคุณล่ะ---
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้ากลมอีกครั้ง แก้มของคนตัวเล็กแดงขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขาเขียนตอบ
--ลู่หานไม่ต้องทำเพื่อผมขนาดนี้ก็ได้นะ
--แต่ผมอยากทำนี่นา มันสนุกดี และผมชอบ..
ลู่หานวางปากกาลงแล้วยกมือขึ้นทำท่าทางที่แปลว่า “ทำให้คุณมีความสุข”
มินซอกยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าพลางส่ายตัวไปมาด้วยความเขินอาย เขามีความสุขล้นอกจนแทบจะระเบิดแล้วในตอนนี้
---ขอบคุณนะ---
มินซอกตอบกลับมาด้วยภาษามือ ทำให้ลู่หานรู้สึกภูมิใจมากที่เขาสามารถแปลสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อได้ เขารู้สึกราวกับว่าได้เข้าใกล้มินซอกมากขึ้นอีก1ก้าว
เวลาผ่านไปซักพัก ภายในร้านยังมีเพียงบาริสต้าหนุ่มและนักศึกษาชาวจีนเท่านั้น เนื่องจากวันนี้เป็นธรรมดา
มินซอกพาลู่หานเดินเข้ามาหลังเค้าน์เตอร์ตรงมาที่ Espresso machine
--อยากลองฝึกใช้ดูมั้ย ?
ลู่หานพยักหน้าตอบ
บาริสต้าหนุ่มหยิบแก้วมาออกมาจากชั้น
--แก้วจะต้องอุ่นอยู่ตลอด มันจะทำให้นมและกาแฟไม่เสียความร้อนตอนที่เทลงไป
เขาเทน้ำร้อนลงในแก้วแล้ววางมันไว้ที่เค้าน์เตอร์ ก่อนจะหยิบกล่องนมขึ้นมา ใช้นิ้วชี้แตะโลโก้ 2% milk ให้อีกฝ่ายมองตาม
บาริสต้าหนุ่มสอนวิธีการใช้ *steam wand เพื่อทำฟองนม และโชวิธีการเทแบบที่ไม่ทำให้เลอะข้างๆแก้ว ความจริงแล้วลู่หานเริ่มตามไม่ทันตั้งแต่ช่วงที่สอนการใช้tamper* และพอจะกลับมาฟังทันอีกครั้งตอนช่วงที่เทฟองนมลงบนกาแฟสีสวย
--ตอนนี้เหลือ latte art
มินซอกเริ่มเทนมลงที่ฝั่งหนึ่งของแก้ว เขาขยับเหยือกอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ในเวลาอึดใจเดียวก็ได้ลาเต้อาร์ทรูปหัวใจที่สมบูรณ์แบบมาลอยอยู่บนลาเต้ร้อน โดยที่ลู่หานแทบมองไม่ทันด้วยซ้ำ
บาริสต้าหนุ่มหันมาส่งยิ้มซนๆแล้วส่งแก้วกาแฟที่เพิ่งทำเสร็จให้อีกฝ่าย นิ้วมือของทั้งสองคนสัมผัสกันเล็กน้อยขณะที่ลู่หานยื่นมือไปรับ มันเป็นเพียงสัมผัสเบาบางแต่ลู่หานกลับรู้สึกอย่างชัดเจน
มินซอกเงยหน้าขึ้นมองลู่หาน เหลือบไปที่แก้วกาแฟและมองกลับมาที่ชายหนุ่มอีกครั้ง เขาทำท่าทางเหมือนยกแก้วขึ้นดื่มเพื่อบอกให้อีกฝ่ายดื่มได้แล้ว ทำให้ลู่หานหลุดยิ้มออกมา พลากยกแก้วอุ่นๆในมือขึ้นมาจิบ อร่อย.. อร่อยสมกับกลิ่นหอมกรุ่นและหน้าตาน่าหลงใหล อาจจะอร่อยกว่าแก้วเมื่อวานและเมื่อเช้าด้วยซ้ำ
มินซอกเท้าแขนที่เค้าน์เตอร์พลางมองคนข้างหน้าดื่มจนหมดแก้ว ด้วยความที่กลางวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้กินข้าวจึงใช้เวลาไม่นานนักก็หมดแก้ว วันนี้เขาเพิ่งได้ทานไปแค่สโคนเย็นๆครึ่งชิ้นที่จงอิน หัวหน้าทีมเต้นของโรงเรียน เอามาแจกให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา และก็กาแฟอีก2แก้ว
นักศึกษาหนุ่มวางแก้วลงและใช้แขนเสื้อยาวๆเช็ดมุมปาก ในขณะที่คนตัวเล็กยกแก้วไปแช่น้ำสบู่ที่ซิงค์ด้วยความเคยชิน เขาหันกลับมาหาลู่หานด้วยท่าทีที่เคอะเขินเล็กน้อยแล้วหยิบกระดาษแผ่นเดิมขึ้นมาเขียนอีกรอบ
--การมีเพื่อนนี่ดีจังเลย
--ใช่แล้ว ดีมากเลย :)
ลู่หานเขียนตอบพร้อมใส่หน้ายิ้มลงไป
--ลู่หานมีเพื่อนเยอะมั้ย ผมรู้สึกว่าคุณน่าจะเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะนะ ..ผมสงสัยมาซักพักแล้วน่ะ ขอโทษที่ถามแปลกๆนะ
--ไม่เป็นไร! จะว่าเรียกเยอะ.. ก็คงได้แหละมั้ง
--ลู่หานเล่าให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย?
บาริสต้าหนุ่มตอบพลางทำหน้าตื่นเต้น บางทีคนตัวเล็กอาจจะไม่ค่อยเคยมีเพื่อนซักเท่าไหร่เลยอยากฟังเรื่องเพื่อนๆของลู่หานบ้าง
--เริ่มที่รูมเมทของผมแล้วกันนะ คนแรกชื่ออี้ชิง เขาเป็นคนที่มึนๆหน่อย ชอบเล่นกีต้าร์ คนที่สองจื่อเทา หน้าดุนะ แต่จริงๆเป็นคนอ่อนโยนมากเลย สุดท้ายก็คริส เป็นนักบาสเก็ตบอลเถื่อน ชอบมาแข่งกับผมเรื่องความแมน แต่ผมแมนที่สุดอยู่แล้ว
มินซอกอ่านแล้วก็หลุดขำออกมา เสียงหัวเราะของเขาน่ารักมากและฟังดูจริงใจ ลู่หานแอบสงสัยว่าคนตัวเล็กรู้ตัวมั้ยว่ากำลังหัวเราะอยู่ เขารับกระดาษที่มินซอกเขียนเสร็จแล้วมาอ่าน
--รูมเมทของลู่หานเป็นคนน่าสนใจทั้งนั้นเลย ..ผมอยากมีรูมเมทบ้างจัง ..แล้วเพื่อนที่มหาลัยของลู่หานล่ะ เป็นยังไงกันบ้าง?
--ก็มีชานยอล เป็นคู่หูเล่นกีต้าร์กับอี้ชิง.. และก็แบคฮยอน เพื่อนสนิทของเค้า แบคฮยอนค่อนข้างจะพูดมากแล้วก็ถามเยอะนะ แต่อยู่ด้วยก็สนุกดี อีกคนก็จงอินนักเต้น เป็นคนที่ดูเท่และชิวไปพร้อมๆกันได้ ส่วนคยองซูก็เป็นแฟนจงอิน เค้าทั้งน่ากลัวและคาดเดายาก แต่ก็เป็นคนที่นิสัยดีมากๆเลยคนนึง ทุกคนรักเค้ามาก คนสุดท้ายก็เพื่อนสนิทผม เซฮุน ตัวร้ายเลย เด็กสุดในกลุ่มแล้วยังชอบแกล้งคนอื่นอีก แต่ผมก็รักเค้าแหละ ฮ่าๆ
เขาส่งกระดาษที่เขียนตอบแล้วให้มินซอกที่รับไปอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาทำท่าครุ่นคิดซักพักและตอบกลับมาในที่สุด
--ที่คุณบอกว่ารักเซฮุนนี่หมายถึง .. รักแบบเพื่อนๆรึเปล่า
ที่เขาเขียนไปอาจจะดูกำกวมนี่เอง
--ใช่แล้ว ผมน่าจะเขียนให้ชัดเจนกว่านี้ ว่าแต่ทำไมมินซอกถึงถามหรอ
--ไม่มีอะไรหรอก ...เอ้อ ลู่หานเป็นเพื่อนของจงแดด้วยใช่มั้ย?
--อืมมม จริงๆจะเรียกว่าเพื่อนก็ได้แหละ ผมเจอเค้าบ่อยเพราะว่ามาร้านนี้ประจำ เราก็ได้คุยกันบ้างอะไรบ้าง
--ดีจังเลยน้า
ลู่หานพยักหน้า อีกฝ่ายก็ยิ้มหวานให้ เอียงหัวไปด้านนึงเล็กน้อย คล้ายๆนกแก้ว ลู่หานสังเกตว่ามินซอกทำท่าพวกนี้บ่อยๆ ท่าเอียงหัวและส่ายไหล่ดุ๊กดิ๊ก มันทำให้เขานึกถึงกระต่ายรึนกตัวน้อยๆ
--ผมถามได้มั้ยว่าคุณอายุเท่าไหร
คนตัวเล็กอ่านแล้วตอบด้วยท่าทีเคอะเขินเล็กน้อย
--24
คำตอบที่ได้ มากกว่าที่ลู่หานคาดไว้!
--ผมนึกว่าคุณเด็กกว่าซะอีก !
--จริงหรอ
--มินซอกดูเด็กมากเลย ผมหมายถึงในแง่ดีนะ คุณดูยังเด็กอยู่เลย
--มีคนเคยบอกผมแบบนี้เหมือนกัน เพราะหน้าผมมั้ง
ลู่หานเงยขึ้นมาสำรวจใบหน้าอีกฝ่ายซักพักแล้วเขียนตอบ
--ก็ส่วนนึงนะ อีกอย่างคือมินซอกให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงดี
--มันเป็นคำชมใช่มั้ยเนี่ย
--แน่นอน!
--ดีมาก :D
มินซอกพับกระดาษและเก็บลงไป แล้วหันกลับมามองที่ลู่หานแล้วเอียงหัวเล็กน้อยอย่างที่ชอบทำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยมองไปที่อีกฝ่าย ...ลู่หานมองเห็นดวงดาวมากมายในนัยน์ตาคู่นั้น ราวกับต้องมนต์สะกด
ชายหนุ่มทั้งสองนั่งมองหน้ากันโดยปราศจากการสื่อสารใดๆ ใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่ถึงครึ่งฟุต ทว่าไม่มีความรู้สึกกระอักกระอ่วนระหว่างพวกเขาเลยซักนิด
อาจจะฟังดูตลก ที่คนสองคนที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน กลับรู้สึกคุ้นเคยกันได้ขนาดนี้ แต่มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
...ความรู้สึกเหมือนได้เจอสิ่งที่รอคอยมานาน
ในที่สุดก็เจอฟันเฟืองซี่เล็กๆ ที่ลงล็อคได้พอดีก็มาประกอบทั้งสองคนให้สมบูรณ์แบบ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเลยเวลาร้านปิด ดวงอาทิตย์ลับของฟ้าไปเป็นเวลานานแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่นั่งซึมซับเวลาด้วยกันโดยไม่ต้องสื่อสารอะไรนานขนาดไหน แต่เป็นลู่หานลุกขึ้นมาก่อนอย่างเขินๆ และทำท่า “ฉัน- ไป” ด้วยภาษามือ มันน่าอายไม่น้อยที่ความรู้ของเขาตอนนี้ มีเพียงศัพท์ง่ายๆสั้นๆเท่านั้น
มินซอกลุกขึ้นตามพลางยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มเก็บของใส่เป้เตรียมจะกลับ บาริสต้าผมชมพูเดินไปหยิบของบางอย่าง ก่อนเดินตามไปยัดใส่มืออีกฝ่ายที่หน้าประตูร้าน และดันให้อีกฝ่ายรีบๆกลับเพราะข้างนอกมืดมากแล้ว
ชายหนุ่มที่ถูกเร่งให้กลับ ได้แต่รีบเดินออกไปตามคำสั่งของคนตัวเล็กจนไม่มีโอกาสได้มองของในมือ เมื่อผ่านร้านไปจนลับสายตา เขายืนใต้เสาไฟและแบมือขึ้นมาดูของที่ได้รับ
คุ้กกี้ ... คุ้กกี้กลมๆที่มีตัวอักษรทำจากน้ำตาลตกแต่งข้างบนเป็นคำว่า “When you smile, sun shines”
ลู่หานพลิกคุ้กกี้ในมือไปมาแล้วเขย่าเล็กน้อยในเศษคุ้กกี้หลุดออกไป ความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนเวลาที่มีคนมาบอกอะไรบางที่ทำให้หัวใจพองโตในตอนที่คาดไม่ถึง เหมือนความรู้สึกของสาวน้อยที่ถูกชายหนุ่มที่ชอบเซอไพรซ์ด้วยการชวนไปพรอม รึความรู้สึกของคนที่เบื่อชีวิตคู่แล้วจู่ๆแฟนก็มาบอกเลิกพอดี ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ก็ทำให้ผู้รับสาส์นหยุดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นสักครู่ และจบลงด้วยความรู้สึกที่มีความสุขซะจนไม่สนว่าทำไมคนนั้นถึงส่งข้อความแบบนั้นมาให้
มันอาจจะฟังดูเข้าใจยาก
..เพราะความรักเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเหลือเกิน
ลู่หานมองดูขนมในมืออีกครั้ง “When you smile, sun shines” นี่เป็นเนื้อเพลงรึเปล่านะ? เหมือนเคยได้ยินมาก่อนแต่ไม่แน่ใจว่าจากไหน ตอนนี้ท้องของเขาครวญครางด้วยความหิวโหย แต่เขายังอยากจะเก็บขนมชิ้นนี้ไว้ซึมซับข้อความหวานๆอีกซักพัก
ทำไมกัน.. ทำไมคนตัวเล็กนี่ถึงเข้ามาปั่นป่วนสมองของเขาได้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้ ...โดยไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ?
ชายหนุ่มเก็บคุ้กกี้ที่ได้รับเข้ากระเป๋ากางเกงอย่างเหม่อลอย ในหัวของเขามีประโยคหวานที่ทำมาจากน้ำตาลวนเวียนไปมา
....และเมื่อถึงอพาร์เม้นเขาก็ได้พบว่าขนมหวานหักเป็นสองส่วน และกระเป๋ากางเกงของเขาเต็มไปด้วยเศษคุ้กกี้ไปหมด
steam wand คือก้านที่อยู่ข้างๆตัวเครื่อง espresso machine ไว้ใช้ทำฟองนม
Tamper คือตัวที่กดผงกาแฟให้อัดแน่นลง basket โดยที่ทุกๆจุดควรจะแน่นเท่ากัน น้ำที่ไหลผ่านจะได้ผ่านผงกาแฟทุกๆจุดเท่ากันน่ะค่ะ
_____________________________________________
ตอนที่สามแล้ว วู้วว XD ยังคงคอนเซ็ปพี่ลู่สุดละมุนอยู่ค่ะ! อย่าเพิ่งเบื่อนะ555
บางคนอาจจะสงสัยว่ามินซอกในเรื่องหัวเราะได้ยังไง จริงๆแล้วมินซอกไม่ได้เป็นใบ้แต่พูดไม่ได้เพราะหูหนวกแต่กำเนิดน่ะค่ะ ไม่เคยได้ยินเสียงคนอื่นพูดและก็ไม่ได้ยินเสียงตัวเองด้วย ทำให้พูดไม่ได้น่ะค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านและก็ แท็ก #LMsilent กับ คอมเม้นนะคะ เข้าไปอ่านแล้วดีใจแทนคนแต่งเลยยย TT เราขอแคปคอมเม้นไปตอบในทวิตน้าา พอดีในมือถือมันตอบไม่ได้ (รึได้แต่เราทำไม่เป็น5555 orz) อ่านตอนนี้จบใครว่าๆก็คอมเม้นและติดแท็กกันได้นะคะ >//////<
บ๊ายบายกันด้วย เจ้ามันดูที่เพิ่งมาส่งถึงบ้านเมื่อวานค่ะ >3< น่ารักเนอะะะะะะะะ TTTTTT
ความคิดเห็น