ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Soy milk latte and Silent Barista LUMIN #LMsilent

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 -- (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 58


    (2) ...


     


    ความเงียบสงบในตอนเช้า

    .

    .

    .



    ถูกทำลายลงไม่เหลือชิ้นดี เมื่ออี้ชิงลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าทานตั้งแต่ก่อนไก่โห่ เนื่องจากเขามีสอบในคาบเช้า และยังส่งเสียงดังจนทุกคนในอพาร์ทเม้นต้องตื่นขึ้นมาเช็คดูว่ามีใครพังประตูมาขโมยของ รึ มีอะไรในห้องครัวระเบิดรึเปล่า

     
     

    ลู่หานคลานลงมาจากที่นอนพร้อมผมชี้ฟูที่เกิดจากการนอนดิ้นระดับแผ่นดินไหวขนาดย่อม เขาเดินไปล็อคคอรูมเมทแสนอินดี้ที่ปลุกเขาขึ้นมาจากฝันหวานเป็นการลงโทษ จนอีกฝ่ายทำท่าตบพื้นเป็นเหมือนนักมวยปล้ำที่เรียกให้กรรมการมาช่วยแกะคู่ต่อสู้ออกไป ก่อนจะเดินนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวฝั่งตรงข้าม

     
     

    “กินด้วยดิ แบ่งไข่มาหน่อย” ลู่หานชี้จานที่เต็มไปด้วยเมนูไข่ วางอยู่หน้ารูมเมทที่กำลังลูบคอป้อยๆ หลังโดนคนแก่ทำร้าย



    “ไม่ให้ ที่บ้านสอนว่าไม่ให้แบ่งอาหารเช้าให้คนแก่ที่ชอบล็อคคอคนอื่น”



    “โหย คนบ้านไหนเค้าสอนละเอียดขนาดนั้นฮะ ไอ้ขี้งก หาแฟนไม่ได้แน่ๆงกอย่างนี้” ลู่หานบอกก่อนสะบัดหน้างอนๆ เลย์ถึงกับหลุดขำออกมาจนสำลักอาหารเช้าสุดที่รัก


     

    หลังจากมั่นใจว่าเพื่อนของเขาจะไม่โดนอาหารเช้าฆาตกรรมแล้ว ชายหนุ่มก็ไปสำรวจเสบียงในตู้เย็น แทบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ยกเว้น กล่องใส่เต้าเจี้ยวที่นั่งเหงาอยู่ในมุมมืด และก้อนลึกลับบางอย่างที่น่าจะเคยถูกเรียกว่าแซนด์วิชเมื่อ3 เดือนที่แล้ว


    “ย่าห์อี้ชิงนี่กินไข่หมดแพ็คเลยหรอ เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนะ!”  ลู่หานโวยวายใส่อี้ชิงที่พยักหน้าและมองจานอาหารเช้าที่เต็มไปด้วยสารพัดเมนูไข่ด้วยความรัก  “เฮ้อ นายนี่มัน... เดี๋ยวไปหาอะไรกินที่คาเฟ่แล้วกัน”



    “แหมมม” อี้ชิงลากเสียงยาวพร้อมยักคิ้ว “ไปหาแฟนแต่เช้าเลยนะ”


    “ม- ไม่ -ว้อยย” ลู่หานแก้ตัวไม่ถูก ได้แต่หยิบผ้าเช็ดตัวของใครซักคนที่วางพาดเก้าอี้ทิ้งไว้โยนใส่หน้าอีกฝ่ายก่อนจะเดินหนีเสียงหัวเราะชอบใจของอีกฝ่ายออกไปล้างหน้าแปรงฟัน


    “โอ๊ะ! รีบไปไหนแต่เช้าเนี่ยลู่หาน” เทาอุทานออกมาเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเกือบชนกับลู่หานที่กำลังทำท่าพุ่งตัวเข้าไปพอดี



    “ไม่เช้าแล้วเทา 7โมงแล้ว ของในตู้เย็นหมดด้วย”



    “แล้วไปหาในห้องน้ำจะมีหรอ?” เทาถามออกมางงๆ



    “ก็จะรีบอาบน้ำแต่งตัวไปหาข้าวกินไง” คนแก่กว่าตอบออกมาพร้อมกับส่ายหัว “ให้ตายสิ ตอนเช้านี้ไม่มีใครมีสติกันเลยใช่มั้ยเนี่ย”



    เทาเชิดหน้าพร้อมยักไหล่หยิ่งๆก่อนเดินออกไปที่ห้องครัว เปิดทางให้ลู่หานได้ไปอาบน้ำแต่งตัว


     

    หลังจากแปรงฟัน อาบน้ำ กลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากอีก2ครั้ง เขาแต่งตัวอย่างรวดเร็วและปิดท้ายด้วยสเว็ทเตอร์ตัวเก่ง ก่อนจะเช็คกางเกงอีกที โอเค รูดซิปเรียบร้อย บ็อกเซอร์ไม่โผล่มาทักทายโลกกว้าง  


     

    ชายหนุ่มหันไปเช็คสภาพตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าที่ฝึกมาทั้งคืนอีกครั้ง

     

    --ผม--

    --ต้องการ--

    --L-A-T-T-E--

    --เล็ก--

    --1แก้ว—

    --ขอบคุณครับ—

     

    โอเค! พร้อมเดินทาง!





     

    ... Soy milk latte and silent barista ...






    หลังจากที่ออกจากบ้านและหลีกเลี่ยงการสนทนากับเหล่ารูมเมทที่ยังไม่ตื่นดีได้ ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมายของเขา อากาศกำลังเย็นสบาย มีแสงแดดอ่อนๆ แทบไม่เหลือร่องรอยของพายุฝนเมื่อวานให้เห็น


    เขาทักทายเหล่าคุณลุงคุณป้าที่มาเดินออกกำลังกายตอนเช้าระหว่างทาง ย่านที่เขาอยู่เป็นย่านที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่มาก เพราะมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ เด็กมหาวิทยาลัยไม่ค่อยจะมาอยู่อาศัยในย่านนี้มากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่หอแถวสถาบันมากกว่า ทำให้ที่แถวนี้เงียบสงบ เพราะเหล่าคุณลุงคุณป้าไม่นิยมปาร์ตี้โต้รุ่งเสียงดังแบบที่วัยรุ่นชอบทำกัน




    เมื่อถึงร้าน ลู่หานแอบยืนส่องผ่านกระจกบานใหญ่หน้าคาเฟ่โปรดก่อนจะเข้าร้าน เวลาเช้าขนาดนี้ยังไม่มีลูกค้ามาที่ร้าน มีมินซอกที่กำลังก้มๆเงยๆดุ๊กดิ๊กๆ จัดขนมอยู่หน้าตู้เบเกอรี่


    บาริสต้าตัวเล็กไม่ได้หันมามองตอนที่ลู่หานเปิดประตูเดินเข้าร้าน แต่เมื่อนักศึกษาหนุ่มเดินมาเกือบถึงตู้เบเกอรี่ มินซอกก็เงยหน้าขึ้นมาเจอพอดี เขาเผยอปากเล็กน้อยด้วยความตกใจก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นรอยยิ้มกว้างพร้อมยกมือน้อยๆขึ้นมาโบกทักทายอย่างน่าเอ็นดูเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือใคร





    วันนี้ลูกค้าหนุ่มมีทีท่าเกร็งๆและตื่นเต้นแปลกๆ ทำให้มินซอกยกคิ้วพร้อมเอียงหัวไปด้านข้างด้วยความสงสัย 




    ตื่นเต้น...  ประโยคที่ฝึกมาทั้งคืน ลู่หานแทบลืมหมดแล้ว รอยยิ้มที่สดใสของบาริสต้าหนุ่มตรงหน้าทำให้สมองของเขาโล่งไปหมด ชายหนุ่มลดสายตาไปมองที่เค้าน์เตอร์ เลื่อนไปถึงผ้ากันเปื้อนสีดำเรียบสนิทของมินซอก สูดหายใจเข้าเต็มปอดและมองกลับไปที่มินซอกอย่างเขินๆก่อนจะทำท่าตามที่ฝึกมาทั้งคืน แอบเกร็งเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น






    --ผม--


    --ต้องการ--


    --L-A-T-T-E 
     

    --เล็ก--

    --1แก้ว—


    --ขอบคุณครับ—

     


     

    บาริสต้าผมชมพูทำหน้าตกใจจนตาโตอยู่วินาทีนึง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาจนแก้มแทบปริ โชให้เห็นฟันกระต่ายน่ารัก ตาสองข้างหยีจนดูเหมือนลูกแมวน้อยที่กำลังมีความสุข แล้วเอื้อมไปหยิบแก้วเอสเปรสโซ่ด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้น พร้อมกับยิ้มหน้าบานจนลู่หานอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ 

     
     

    หนุ่มชาวจีนทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สตูล ตัวหนึ่งที่หน้าเค้าน์เตอร์ พลางมองอีกฝ่ายใช้เครื่องEspresso machineด้วยท่าที่คล่องแคล่ว มินซอกยกถ้วยใส่นมขึ้นมาจ่อกับก้านข้างๆเครื่องทำกาแฟ เพื่อทำฟองนม ทุกการกระทำดูพริ้วซะจนดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย


     

    ไม่นาน แก้วลาเต้ร้อนหอมกรุ่นก็ถูกวางลงตรงหน้าลู่หาน พร้อมกระดาษทิชชู่วางอยู่ข้างๆอย่างเป็นระเบียบ บาริสต้าตัวเล็กเท้าแขนบนเค้าน์เตอร์มองลู่หานยกลาเต้ขึ้นมาจิบด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะยิ้มหวานออกมาเมื่อลู่หานวางแก้วลงแล้วยกนิ้วโป้งทั้งสองขึ้นมาให้


    มินซอกหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากบนของตัวเองเหมือนพยายามสื่ออะไรบางอย่าง อีกฝ่ายยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองตามจึงได้รู้ว่ามีหนวดสีขาวจากฟองนมติดอยู่ ชายหนุ่มหัวเราะตามคนตัวเล็กพลางยกกระดาษขึ้นมาเช็ดปาก

     



     

    ...บางที การสื่อสารก็ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงเสมอไป...



     


     

    ... Soy milk latte and silent barista ...

     


     

    ลู่หานหยิบดินสอขึ้นมาเขียนลงบนกระดาษแผ่นเล็กๆแล้วส่งให้คนตรงข้าม

    --เมื่อกี้ผมทำถูกมั้ย ตอนที่สั่งน่ะ มันดูตลกรึเปล่า ผมพยายามจำมาทั้งคืนเลย



    --สำหรับคนที่เพิ่งเคยรู้จัก KSL ลู่หานทำได้ดีมากๆเลยล่ะ! ผมเห็นแล้วมีความสุขมากเลยจริงๆนะ


    --ผมดีใจจัง ฮ่าๆ เอ้อผมว่าจะบอกอยู่ว่าลาเต้ที่มินซอกทำนี่ อร่อยสุดๆไปเลย น่าจะสอนจงแดบ้างนะ


    มินซอกหยิบกระดาษมาอ่านแล้วหลุดขำ ก่อนจะเขียนตอบ

    --ว่าจงแดทำไม่อร่อยเลยหรอ เดี๋ยวผมจะไปฟ้องจงแด!


    --อร่อยนะแต่..แก้วที่มินซอกทำอร่อยกว่าน่ะ


    --คนเราก็ต้องมีเรื่องที่ถนัดและไม่ถนัดแหละเนอะ ... แต่วันหลังผมจะลองสอนเค้าดูนะ


    --เอาเลยครับ.. แต่ผมว่ากาแฟที่คุณทำมันอร่อยเป็นพิเศษนะ... เหมือนใส่ความพิเศษของมินซอกลงไป


    --ความพิเศษ? ของผม ?? มันคืออะไรน่ะ


    --ผมก็ไม่แน่ใจนะ แต่ที่แน่ๆ จงแดไม่มีมันน่ะ

    ลู่หานเขียนตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ


    --เอ... คงไม่ค่อยมีใครได้ดื่มกาแฟที่ชงจากบาริสต้าหูหนวกละมั้ง


    --ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ...แต่ว่า เจ๋งออก ไม่เหมือนใคร เป็นกาแฟที่หาได้ยากมากๆเลยนะเนี่ย


    --ฮื้ม งั้นหรอ

    มินซอกเขียนตอบพร้อมกับอมยิ้ม ลู่หานคิดว่าคงมีคนไม่น้อยที่เข้ามาที่คาเฟ่แล้วทำเหมือนมินซอกเป็นเด็กอนุบาลที่ฟังภาษาคนไม่เข้าใจ อีกฝ่ายจึงดูสบายใจที่เขาไม่มีท่าทีแสดงอาการว่าสงสาร หรือมองว่าเป็นความผิดปกติ คงเจอเรื่องน่าอึดอัดใจมากเลยสินะ



    --อื้ม.. คงจะดีนะ ถ้าทุกคนคิดว่าความแตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลก แต่เป็นความพิเศษต่างหาก


     

    มินซอกอ่านแล้วยิ้มเศร้า พยักหน้าช้าๆ

    --คนส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นปมด้อย บางคนก็พยายามตะโกนเสียงดังใส่ผม พวกเค้าคิดว่าถ้าพูดดังๆ ช้าๆ ผมจะเข้าใจ


    ลู่หานพยายามคิดว่าจะตอบอย่างไรดี ให้มินซอกรู้สึกดีขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับดึงกระดาษไปเขียนอีกรอบ


    --อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ผมชินแล้วล่ะ สบายมาก ผมเจอแบบนี้มาตั้งยี่สิบปีแล้วนะ


    ลู่หานก้มลงอ่านก่อนจะหันมาเจอมินซอกทำท่ายิ้มอย่างภาคภูมิใจ ราวกับเด็กน้อยที่สอบได้คะแนนเต็มแล้วเอาผลสอบไปให้ผู้กครองดู จนลู่หานหลุดขำพรืดออกมา บรรยากาศที่หม่นหมองกลับกลายเป็นสดใสอีกครั้ง

    --ได้เวลาที่ผมต้องไปเรียนแล้วล่ะ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วผมจะมาอีกรอบนะ แล้วเจอกันมินซอก


    มินซอกพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มโชฟันกระต่ายน่ารัก ก่อนจะเก็บกระดาษที่พวกเขาเขียนคุยกันเข้าไปในกระเป๋าของผ้ากันเปื้อนสีดำของเขา ส่วนอีกฝ่ายก็รีบจัดการลาเต้แสนอร่อยจนหมดแก้วก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วเดินออกจากร้าน โดยไม่ลืมที่จะหันกลับมาโบกมือบ๊ายบายบาริสต้าผมชมพูที่กำลังโบกมือให้เขาอยู่เหมือนกัน ผ่านกระจกบานโตหน้าร้าน





     

    ... Soy milk latte and silent barista ...






    ในคาบว่างช่วงหลังเที่ยง นักศึกษาหนุ่มชาวจีนนั่งอยู่ที่มุมนึงของโรงอาหาร เปิดข้อมูล KSL (Korean Sign Language) ที่อ่านค้างไว้เมื่อคืนมาอ่านต่ออย่างตั้งใจ ในขณะที่เพื่อนๆรอบข้างกำลังเล่นเกมส์บ้าง คุยกันบ้าง นั่งจีบกันบ้าง


    จริงอยู่ที่โรงอาหารอาจจะดูไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะมานั่งตั้งใจหาความรู้ซักเท่าไหร่ แต่มันเป็นที่เดียวที่เค้าจะมีพื้นที่พอจะยกมือขึ้นทำท่าทางตามเนื้อหาที่อ่านได้บ้าง


    อันที่จริงเพื่อนๆรอบข้างก็ไม่ได้รบกวนเขามากนัก ทุกคนมักเข้าใจดีและพร้อมจะสนับสนุนเมื่อเพื่อนดูมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะทำอะไรบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะเป็นหนุ่มนักฟุตบอลคนดังของมหาวิทยาลัยจะมานั่งคร่ำเคร่งฝึกภาษามือ ..เพื่อนๆเข้าใจอยู่แล้ว ว่าบางทีคนเรามันก็มีอารมณ์ อยากเลี้ยงอุรังอุตัง(วันนั้นอี้ชิงยังไม่หายติดใจสวนสัตว์ที่ไปตอนวันหยุด) อยากเรียนภาษามือขึ้นมา ไม่แปลกหรอก  (ประชดในใจ)



     

    ลู่หานพยายามจะจำท่าทางของแต่ละตัวอักษรให้ได้ทั้งหมด ก่อนที่จะเริ่มฝึกอย่างอื่น ตอนนี้เค้ารู้จัก L A T E (จากการท่องทั้งคืนเพื่อไปสั่งลาเต้ 1แก้ว... ลู่หานคิดว่ามันคุ้มค่าที่นอนไม่พอจริงๆ) แต่เขาอยากจะทำท่า M, I, N, S, EO และ ได้ด้วย (และตัวอักษรทุกตัวที่เหลือด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลู่หานค่อนข้างสนใจ6ตัวนี้เป็นพิเศษ )


    ภายในเวลาไม่นาน ลู่หานก็สามารถแปลตัวอักษรทั้งหมดบนแถบ
    notification ของไอโฟนของเขาเป็นภาษามือได้ โดยมีเพื่อนๆคอยส่งหายตาเป็นห่วงมาเป็นระยะๆ

     

    .............




    ในชั่วโมงประวัติศาสตร์ศิลปะ อาจารย์ปาร์คนำภาพวาดเก่าแก่มาให้ลูกศิษย์ศึกษา ภาพลายเส้นโค้งสีน้ำตาลตัดกันไปมาบนผืนผ้าใบเก่าๆ ตั้งไว้หน้ากำแพงขาวสะอาดของห้องเรียน ลู่หานอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงลาเต้รสนุ่มอุ่นๆ พร้อมฟองนมที่ถูกตกแต่งด้วยลาเต้อาร์ทที่น่าหลงใหล



    ภาพวาดดอกซากุระสีชมพูอ่อนข้างๆยิ่งทำให้เขานึกไปถึงบาริสต้าตัวเล็กผมสีชมพูดสดใส ... และรอยยิ้มแสนซน

     
     

    ลู่หานเริ่มรู้สึกตัวว่าเขาชักจะอาการหนักแล้วเมื่ออ่านชื่อจิตกรในคาบผิดเป็น คิมมินซอก .... ไม่ต่ำกว่าสามครั้ง


     

    “....าน! ลู่หาน!!!” ชายหนุ่มถูกดึงกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งเมื่อเพื่อนร่วมโต๊ะของเขา ดีดนิ้วห่างจากหน้าของเขาเพียงเล็กน้อย ทำให้เขาสะดุ้งจนแทบตกเก้าอี้


    “อ-อะไร เซฮุน มีอะไร”



    “เหม่ออะไรเนี่ย นั่งทำหน้าเอ๋อทั้งวันเลยเนี่ย”



    “หน้าเอ๋อ? โหยพูดซะเสียเซลฟ์หมด”



    “ก็มันเอ๋อดูจริงๆนี่นา ฮ่าๆ มีความรักล่ะสิเพื่อน” เซฮุนพูดตรงจุดจนลู่หานแทบสะอึกออกมา



    “ป-เปล่าซะหน่อย” ตอบเร็วและยังลิ้นพันกันอีก เนียนมากจริงๆลู่หาน



    “ดูไม่ออกก็แย่แล้ว หน้าแดงเชียวนะ เด็กน้อยเอ๊ย” คนเด็กกว่าทำท่าล้อเลียนก่อนจะเริ่มสอบสวนต่อ “เล่าให้ฟังบ้างสิ เค้าคนนั้นเป็นใครอะ?”



    “ก็บอกว่าไม่-”



    “อย่าบอกนะว่าเป็นอาจารย์ จิ๊ๆ ลู่หานนายนี่มันลามกที่สุด ลามกจริงๆเลย ลู่หานจอมลา-“



    “เค้าไม่ใช่อาจารย์ว้อย!!!



    “อ้าวงั้นแสดงว่ามีความรักจริงด้วย!” เซฮุนตบเขาฉาด หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อน ลู่หานได้แต่ฟุบลงบนโต๊ะ ยอมรับความพ่ายแพ้ที่เสียรู้ปิศาจข้างๆ



    “ก็... ก็คงงั้นมั้ง ไม่รู้อะ เพิ่งรู้จักกันเอง”



    “ฮื้มมม ไวไฟจริงๆเลยนะคนแถวนี้” เซฮุนล้อเลียน จนลู่หานเอาดินสอเคาะหัวไป1ทีด้วยความหมั่นไส้ และบ่นว่าชวนเขาคุยเสียการเรียน (ทั้งที่นั่งเหม่อมาทั้งคาบ)



    “โอเคๆ พ่อคนมีความรัก ตั้งใจเรียนละกัน” เซฮุนขยิบตากวนๆ ก่อนที่ทั้งสองจะหันมองหน้าห้อง และพบว่าอาจารย์กำลังเก็บของเตรียมเดินออกจากห้องซะแล้ว ....


     
    TBC

     

     

    จบไปอีก1ตอนแล้ว เย่! อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ ช่วงนี้เนื้อเรื่องเรียบๆ ไม่หวือหวามาก ยังอยู่ในขั้นตกหลุมรักค่ะ (เสี่ยว)  เรื่องนี้พี่ลู่มามาดผู้ชายอบอุ่นน่ะค่ะ ค่อยๆรู้จักกันไปทีละนิด555 กับเพื่อนนี่ล็อคคอแต่เช้า พอกับมินซอกนี่ละมุนตลอดเลยย

    ขอบคุณทุก #LMsilent ทุกคอมเม้นต์นะคะ ชอบมากเลย อ่านแล้วมีไฟมาแปลต่อ55555 ว่าแต่มันตอบคอมเม้นต์ยังไงง่ะ... T T

    ใครชอบรึอยากวิจารณ์อะไร คอมเม้นต์, ติดแท็ก #LMsilent ได้เลยนะคะ อ่านแล้วรู้สึกมีไฟ XD มาคุยกันได้555


     

    @jam_mml  (trans)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×