ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Soy milk latte and Silent Barista LUMIN #LMsilent

    ลำดับตอนที่ #1 : 1-- (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 58


             

    (1) ...

             
    วันนี้ก็เหมือนทุกวันที่หนุ่มนักศึกษาชาวจีนหอบหนังสือเรียนเต็มไม้เต็มมือมานั่งทำการบ้านที่คาเฟ่เล็กๆแห่งนี้ การมาที่นี่กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาไปซะแล้ว นั่งตรงที่ประจำข้างหน้าต่างบานใหญ่ สั่งลาเต้แก้วนึงกับจงแด เจ้าของคาเฟ่ที่มีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่ตลอดเวลา แล้วก็นั่งเคลียร์งานมหาลัยโดยมีเสียงเพลงแจสเบาๆคลอเป็นแบ็คกราวน์


    ลู่หานเดินไปต่อแถวเพื่อสั่งเครื่องดื่มพลางจัดสายสะพายเป้อย่างเหม่อลอย

     

    ลาเต้ร้อน decaf 1แก้ว 

    เขาพึมพำเมนูที่จะสั่งหว่างรอคิว จริงๆเค้าไม่จำเป็นจะต้องสั่งด้วยซ้ำ แค่เดินไปหน้าเค้าน์เตอร์ จงแดก็จำออเดอร์ของเขาได้ขึ้นใจอยู่แล้ว ก็แหงล่ะ เค้าดื่มอยู่อย่างเดียวนี่นา

    แต่แล้วเขากลับพบว่า คนที่ยืนหลังเค้าท์เตอร์วันนี้ ไม่ใช่เจ้าของร้านอารมณ์ดีอย่างทุกวัน


    กลับเป็น เด็กหนุ่มตัวเล็ก ผมสีชมพูสดใส เข้ากันกับผิวขาวๆ 


    จากตรงนั้นเขาพยายามมองแต่ด้วยระยะทางที่ไกลกว่าสายตาของเขาทำให้เห็นป้ายชื่อที่เสื้อของหนุ่มคนนั้นไม่ชัด แต่สิ่งที่เห็นชัดคือป้ายกระดาษสีสด สะดุดตา วางอยู่หน้าแคชเชียร์

     

    'สวัสดีครับ! ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องจงแดเองครับ  จงแดติดธุระ ผมเลยมาแทนช่วยชี้เมนูที่ต้องการให้ผมหน่อยนะครับ ^^'

    ข้างใต้มีตัวอักษรเขียนว่า 'เมนูครับ!' พร้อมลูกศรใหญ่ๆ สีแดงสดชี้ไปที่รายการเครื่องดื่มของทางร้าน
     

    'แปลกแฮะ รับออเดอร์แบบนี้ ... สงสัยจะเป็นชาวต่างชาติ ฟังภาษาเกาหลีไม่ออก '
    ลู่หานคิดในใจ  จริงๆแล้วเค้าเองก็มาจากจีน แต่ด้วยความที่อยู่มานาน และมีทักษะด้านภาษาที่ดี ทำให้เขาสื่อสารได้เหมือนคนท้องถิ่น จนแยกแทบไม่ออก



    ในที่สุดก็ถึงคิวของเขา ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาชี้เมนูประจำ อีกฝ่ายมองตามอย่างตั้งใจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น


    ลู่หานแอบเหลือบไปอ่านป้ายชื่อของบาริสต้าหน้าใหม่

    .มินซอก



    บาริสต้าหนุ่มชื่อมินซอกหันมายิ้มตาหยีให้ลูกค้าที่เพิ่งสั่งเครื่องดื่มเสร็จ เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจ และอบอุ่นอย่างหน้าประหลาด


     

    ลู่หานรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัวและแรงขึ้นเล็กน้อยจากรอยยิ้มน่ารักนั้น เขายิ้มตอบเบาๆและเดินไปรอที่จุดรับเครื่องดื่ม



    ทุกการเคลื่อนไหวของบาริสต้าตัวเล็กคนนั้นดูสง่าและสงบ ท่วงท่าคล่องแคล่ว รับออเดอร์บ้าง หันทำเครื่องดื่มที่ espresso machine บ้าง น่าแปลกที่ไม่มีเสียงอะไรหลุดรอดออกมาให้ได้ยินเลย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ลู่หานปักใจเชื่อเข้าไปใหญ่ ว่ามินซอกเป็นชาวต่างชาติ พูดภาษาเกาหลีไม่ได้

     

    'ขนาดท่าเสยผมยังดูมีเสน่ ' นักศึกษาหนุ่มมองบาริสต้ายกมือขึ้นเสยผมที่ปกลงมาให้เข้าที่ ราวกับตกอยู่ในพวังค์ จนกระทั่งลาเต้ร้อนที่เขาสั่ง มาวางที่เค้าน์เตอร์


     

    'ได้เวลาสะสางการบ้านแล้ว ' นึกพลางยกกาแฟไปวางที่โต๊ะประจำ งานของวันนี้คือ เรียงความวิชาภาษาเกาหลี รายงานเรื่องทฤษฎีการประพันธ์เพลง และ แคลคูลัส1บท ...


    เห้ออออออ วันนี้จะเสร็จมั้ยนะ



    ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งถอนหายใจแล้วหันไปจิบกาแฟ  แล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็น ลาเต้อาร์ตรูปหัวใจเล็กๆน่ารัก หลายๆดวง ลอยอยู่ด้านบนของกาแฟหอมฉุย

    เอาล่ะ มีแรงแล้ว ! พร้อมลุยแล้ว!

     

     

    ... Soy milk latte and silent barista ...



    เรียงความ1เรื่อง และ รายงานครึ่งเล่ม ผ่านไป  ถึงเวลาปิดร้าน ลูกค้าคนอื่นทะยอยออกไปได้ซักพักแล้ว เหลือเพียงนักศึกษาหนุ่มชาวจีนที่กำลังเก็บทุกอย่างเข้าเป้ใบเก่งของเขาอย่างทุลักทุเล และมินซอกที่ถูพื้นอยู่เงียบๆ




    ถ้าเป็นวันอื่น ตอนนี้จงแดคงกำลังโละเบเกอรี่ที่ขายไม่หมดวันนี้ และแบ่งบางส่วนให้ลูกค้าที่อยู่จนร้านปิดอย่างลู่หาน



    แต่วันนี้บาริสต้าหน้าใหม่อย่างมินซอก ขายเบเกอรี่หมด ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว (ลู่หานเดาว่า รอยยิ้มของมินซอกน่าจะมีส่วนในเรื่องนี้)



    เสียงลากเก้าอี้เก็บของลู่หานดังก้องในร้านที่เงียบสนิท เขาหันหน้าไปคิดว่าจะค้อมหลังรึโบกมือเล็กน้อยเพื่อบอกบาริสต้าตัวเล็กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะไปแล้ว แต่มินซอกก็ยังคงง่วนกับการถูพื้นไม่สนใจเสียงเก้าอี้ นักศึกษาหนุ่มจึงเดินตรงไปทางประตู แต่ก็ต้องหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะโต๊ะเรียกดังมาจากด้านหลัง มินซอกยกมือขึ้นทำท่าเหมือนบอกเขาว่าอย่าเพิ่งออกไป
     




    คนตัวเล็กรีบจัดแจงเก็บไม้ถูพื้นเข้าที่และเช็ดมือเล็กน้อยก่อนเดินมาหาอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร


     

    “เอ่อ.. มาแทนจงแดเหนื่อยน่าดูเลยนะครับ”  ลู่หานเริ่มเปิดบทสนทนาทำลายความเงียบระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่แทนที่มินซอกจะตอบ เขากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นเป็นเชิงว่าหยุดก่อน ก่อนจะลวงมือไปควานหาบางอย่างในกระเป๋าใบเล็กของเขาและยิ้มออกมาเหมือนเด็กๆเมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ มินซอกหยิบสมุดฉีกเล่มเล็กๆและปากกาออกมา เขียนยุกยิกๆก่อนจะยื่นให้อีกฝ่าย

     

     

    -คุณคงจะพอเดาได้ ผมหูหนวกน่ะครับ เราคงเขียนคุยกันแทน ..ได้รึเปล่าครับ?


     

    ลู่หานตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบความหาดินสอขึ้นมาเขียนตอบ


     

    -อ้าว ตอนแรกผมก็นึกว่าคุณเป็นคนต่างชาติ ไม่รู้ภาษาเกาหลีซะอีก ... แล้ววันแรกนี่ ชินกับงานรึยังครับ


     

    -โอเคเลยครับ ผมชอบงานที่มากเลย มันไม่หนักเท่าที่ผมคิดนะ แต่สนุกดีครับ


     

    -ดีแล้วครับ.. ว่าแต่จงแดจะกลับมาเมื่อไหร่หรอครับเนี่ย


     

    -ผมก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะครับ แต่ว่าถ้าเค้าบอกผมเมื่อไหร่ ผมจะมาบอกนะ คุณเป็นเพื่อนจงแดหรอ?


     

    -เอ่อก็.. ผมเป็นลูกค้าขาประจำน่ะครับ


     

    -อ๋ออย่างนี้นี่เอง .. อ้อยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อมินซอกนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณชื่ออะไรหรอ


     

    -ลู่หานครับ จริงๆไม่ต้องพูดสุภาพกับผมก็ได้นะ ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย


     

    -งั้นผมเรียกลู่หานนะ .. พรุ่งนี้คุณจะมารึเปล่า ลู่หาน


     

    ลู่หานรับกระดาษมาอ่านแล้วพยักหน้ารัว เท่านั้นมินซอกก็ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นเหงือก แล้วเดินกลับไปที่ไม้ถูพื้นของเค้า  แล้วหันมาโบกมือลาลู่หานป้อยๆ อีกฝ่ายมองแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะเดินออกมาจากร้าน

     
     

    พรุ่งนี้คุณจะมารึเปล่า ลู่หาน งั้นหรอ ให้ตายสิ ทั้งคาเฟอีน ทั้งบาริสต้าตัวเล็กคนนี้ ทำหัวเค้าหมุนไปหมด นี่เป็นขาประจำมาตั้งนานขนาดไหนแล้ว จงแดไม่เห็นเคยพูดกับเค้าอย่างนี้บ้างเลย ว่าแต่จงแดนี่ไปทำธุระอะไรเนี่ย และมินซอกจะทำงานที่นี่นานรึเปล่า แต่มินซอกดูจะดึงดูดลูกค้าได้ดี อาจจะมากกว่าจงแดนิดนึงเลยด้วยซ้ำ (เค้าจะไม่บอกจงแดในส่วนนี้)


     

    จงแดและมินซอกมีลักษณะที่แตกต่างกันมาก คนหลังนี่จะค่อนข้างโฟกัสเรื่องกาแฟมากกว่าการคุยเจ๊าะแจ๊ะกับคนรอบข้าง ซึ่งนั่นอาจจะเป็นผลมาจากการที่มินซอกไม่สามารถได้ยินที่คนอื่นพูด เลยสื่อสารกันลำบาก ส่วนจงแดนี่ จะเป็นคนที่อัธยาศัยดี คุยกับลูกค้าอย่างสนุกสนาน และนั่นก็ทำให้ลูกค้าหลายๆคนติดใจคาเฟ่เล็กๆแห่งนี้

     


    พรุ่งนี้ ถึงจะฝมตก พายุหิมะเข้า รึอะไร เค้าก็จะไปที่คาเฟ่อีกรอบให้ได้ ก็เพราะเรียงความของเขายังไม่เสร็จ ... และส่วนนึงก็เพราะบอกกับมินซอกแล้วว่าจะไป ส่วนนึงเท่านั้นแหละ !

     


     

    ... Soy milk latte and silent barista ...

     


     

    นักศึกษาหนุ่มถึงอพาร์ทเม้นด้วยสภาพเปียกปอน

    ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตก ดันลงเม็ดมาซะจนเค้าเปียกไปหมด

     
     

    ลู่หานสะบัดผมไปมาเหมือนโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เพิ่งขึ้นจากน้ำ ก่อนจะเดินเข้าอพาร์ทเม้นไป เห็นรูมเมทของเขาสองคนอยู่ในห้องนั่งเล่น จื่อเทา นอนแผ่หุ่นบางแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาบนโซฟา พร้อมเล่นวีดีโอเกมไปด้วย  อี้ชิงนั่งเคี้ยวโปเตโต้ชิพตุ้ยๆอยู่ที่มุมห้อง ส่วนคริส รูมเมทคนที่สามของเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้  แต่มีเสื้อโค้ทตัวเก่งที่น่าจะเปียกฝนมาพาดตากอยู่บนเก้าอี้หน้าครัว และแว่นกันแดดที่พกติดไปทุกที่ก็วางอยู่ใกล้ๆกัน


     

    “ไง” อี้ชิงส่งเสียงทักมาจากมุมห้องในขณะที่ลู่หานปลดเป้หนักๆออกจากบ่าแล้วเริ่มยืดเส้นยืดสาย อี้ชิงยื่นถุงมันฝรั่งในมือมาให้เขาพร้อมบอกว่า “ กินมั้ย เลย์ของเลย์” แล้วก็ขำมุกแป้กๆของตัวเอง


     

    “ตอนนี้อยากกินข้าวเย็นเลยมากกว่า สั่งอะไรมากกินกันดีมั้ย?” ลู่หานตอบกลับ


     

    เทาหยุดเกมและกันมาสนใจทันที “เอาๆ เอาพิซซ่านะ”


     

    “นายเป็นเด็กรึไงฮะ เมื่อวานก็เพิ่งกินพิซซ่าไป”

     


    “แต่มันอร่อยนี่นาาาาา หม่าม้าลู่หานคร้าบบบ สั่งพิซซ่าเลย” เทาทำท่าออดอ้อนพร้อมอี้ชิงที่ส่งเสียงเชียร์มาจากมุมห้องว่า “พิซซ่าๆ ผมก็อยากกินเหมือนกันหม่าม้า”


     

    “ก็ได้ๆ เดี๋ยวม้าสั่งให้ แต่ลูกๆจ่ายนะ” ลู่หานเออออเล่นไปกับเทา และอี้ชิง แต่ก็ไม่สำเร็จ

    “โห่ยหม่าม้า มีแม่บ้านไหนเค้าให้ลูกจ่ายค่าอาหารเย็นมั่งล่ะ” คริสที่เดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้ยืนพิงขอบประตูแล้วหัวเราะเบาๆกับท่าทางตลกๆของเพื่อนทั้งสาม  “ก็ได้ งั้นป่าป๊าเป็นคนจ่าย” ลู่หานพยักเพยิดหน้าไปทางคริสที่ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าตัวเองประมาณว่า นี่ชั้นเป็นพ่อของไปเด็กสองคนนั้นหรอ ก่อนถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบบัตรเครดิทจากกระเป๋าตังค์ใบหรูของเขา “กินให้พุงแตกไปเลยนะ ไอ้พวกเด็กตะกละ”

     


    “เย่!

    “เย่!

    “เย่!

     
     

    _______________________________


     

     

    มื้อเย็นดำเนินไปอย่างครึกครื้น ทุกคนนั่งกินพิซซ่ากันกลางบ้าน พร้อมกับมาแลกเปลี่ยนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตกัน

     

    เทา ทำงานเป็นครูฝึกวูซูที่โดโจซอยใกล้ๆอพาร์ทเม้น วันนี้เค้าต้องรับมือกับเด็กข้อมือหักสองคน และตาเขียว1คน



    เลย์ ทำงานพาร์ททามที่ร้านขายเครื่องดนตรีในวันที่เขาไม่มีเรียน วันนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจยกเว้นเรื่องที่ได้ขนมมันฝรั่งเลย์ฟรีมา1ถุง ซึ่งมันตลกมาก(?) ในความคิดของอี้ชิง


     

    คริส ยังเรียนอยู่และก็เป็นนักบาสของมหาลัยด้วย ตอนนี้เค้าเพิ่งมีแฟนใหม่ซึ่งเด็ด มาก (ตามที่คริสบอกแต่ยังไม่เคยมีใครเคยเจอแฟนและบรรดาแฟนเก่าของคริสซักคน ซึ่งทุกคนเริ่มจะคิดว่าคริสหลอกให้พวกเค้าอิจฉาแน่ๆ)

     
     

    เมื่อถึงตาของเขา ลู่หานเล่าให้ทุกคนฟังเรื่องบรรดาคลาสเรียนที่น่าเบื่อหน่ายของเขา และเก็บเรื่องบาริสต้าคนใหม่ไว้เล่าหลังสุด



    “เอ่อแล้วหลังจากเลิก เราก็ไปที่คาเฟ่ของจงแดเหมือนเดิม แต่จงแดไปทำธุระ มีคนใหม่มาแทนด้วย”



    “อ้าวหรอ? เป็นไงอะ เค้าบริการแย่เลยปะ"
     


    “ไม่ๆๆ ไม่เลย ตรงกันข้ามเลย ... คือนั่นแหละประเด็น” เจ้าของเรื่องเริ่มพูดเสียงอุบอิบ


    “ถ้านายคิดว่าเค้าน่ารักขนาดนั้นก็เอาเค้ากลับบ้านมาด้วยสิ” เทาพูดก่อนจะโหยหวนเพราะโดนลู่หานตบหัวไป1ที “เอ้า ก็พูดจริงอ้ะ!


    “เราเพิ่งเจอกันวันนี้เอง เข้าใจมั้ย? จะไปเอาเค้ากลับมาได้ไงล่ะ”

     


    หลังจากนั้นการสอบปากคำก็เริ่มขึ้น ทุกคนยิงคำถามมากมายใส่ลู่หาน บาริสต้าที่น่ารักคนนั้นชื่ออะไร ทำกาแฟอร่อยมั้ย และอีกหลายอย่าง ลู่หานพยายามเลี่ยงเรื่องขอบเขตทางการสื่อสารไว้เพราะว่ายังไม่อยากให้พวกเค้านึกภาพมินซอกผิดไปจากปกติ

     


    “เค้าชื่อมินซอก ก็ดูเป็นคนดีนะ ทำกาแฟโคตรอร่อย อายุก็.. น่าจะพอๆกันไม่ก็เด็กกว่าพวกเราหน่อย.. แก้มเค้าพอๆหน่อยเหมือนเด็กเลย” ทุกคนหันไปขำคริสที่อมลมพองแก้มจนเป่งล้อลู่หานก่อนจะโดนตบออกไป “ไม่ขนาดนั้นว้อย ไอ้บ้า..  เออสรุป เค้าก็น่ารักดี แต่ยังไม่อุ้มเค้ากลับมานี่หรอกนะ” ลู่หานพูดออกมาอย่าหนักแน่นจนทุกคนขำ ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าประโยคนั้นตลกตรงไหน “รอดูเถอะ ซักวันนะ!

     

     

    _______________________



     

    สองทุ่ม..

     

    คริสและเทากำลังแข่งมาริโอ้คาร์ทกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่ลู่หานและอี้ชิงกำลังตรวจเรียงความของอีกฝ่ายพลางส่ายหัวกับท่าทางเด็กๆ ของรูมเมทอีกสองคน เทาเริ่มโวยวายเมื่อคริสส่งเต่าสีฟ้ามาชนรถของเขา และใช้เท้าเตะเบาๆเปิดศึก หลังจากนั้นก็ปลุกปล้ำทะเลาะกันต่อที่พื้นห้อง อี้ชิงกับลู่หานได้แต่ถอนหายใจเบาๆแล้วแยกย้ายไปห้องนอน

     

    วันนี้เค้าควรจะนอนเร็วๆ ช่วงนี้เรียนหนักมาก งานก็เยอะ จนเขาแทบหมดแรงจะเดินแล้ว

    ชายหนุ่มอาบน้ำแปรงฟันแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนก่อนจะนึกจะไรบางอย่างออกมาได้ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดอินเทอร์เน็ต

     


     

    ภาษามือพื้นฐาน (Basic Korean sign language)

     

    KSL ก็เหมือนภาษามือของชาติอื่นๆ เป็นการสื่อสารที่ใช้ท่าทาง มือ แขนรวมไปถึงการยกคิ้ว ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า พยักหน้า ...



     

    ลู่หานนั่งอ่านข้อมูลจนเริ่มปวดตา นิ้วของเค้าเริ่มเกร็งจากการที่สไลด์หน้าจอเป็นเวลานาน เค้าพยายามจำตัวอักษรพื้นฐาน และวลีสั้นๆที่มีประโยชน์ เช่น “ขอบคุณ” “ฉันต้องการ” และ “กรุณาทำ...” นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้เรื่องเลข และคำอีกเล็กน้อยเช่น “เล็ก” “กาแฟ”  ชายหนุ่มวางมือถือลงแล้วกลับลงไปนอนยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนจะนอนทำท่าเป็นประโยคที่เค้าตั้งใจจำและฝึกมาเป็นชั่วโมง จนหลับไป

     

     

    --ผม--

     

    --ต้องการ--

     

    --L-A-T-T-E--

     

    --เล็ก--

     

    --1แก้ว—

     

    --ขอบคุณครับ—

     

     _________________________________________________________________________

     

     

    จบแล้วค่ะตอนแรก อ่านแล้วงงกันมั้ย เราจะอธิบายนิดนึงนะ ในเรื่องนี้มินซอกเป็น congenital deafness หรือ หูหนวกแต่กำเนิด ซึ่งทำให้พูดไม่ได้ไปด้วย เลยต้องทำป้ายให้ชี้เมนูแทนน่ะค่ะ

     

    ถ้าใครอ่านแล้วถูกใจก็คอมเม้นรึว่าติดแท็ก #LMsilent กันได้นะ คอมเม้นแล้ว ติดแท็กด้วยก็ดีน้าา เพราะเราใช้dek-d ไม่ค่อยเป็น นี่เพิ่งรู้ว่ากดเซฟแล้วมันจะขึ้นเลย เลยดองมานานเลย ไม่รู้ว่าโพสขึ้นเว็ปเลย 555555 ขอบคุณนะ มีคนคอมเม้นด้วยดีใจ T T

     

    อีกอย่างเราเป็นคนแปลเฉยๆ (ครั้งแรกด้วย ขอโทษนะถ้าอ่านแล้วงงๆT T ) คนแต่งจริงๆเราให้ลิ้งค์ไว้หน้าแรกแล้ว เป็นภาษาอังกฤษ เขียนดีมากเลย ใครอยากฝึกภาษาลองไปอ่านดูก็ดีนะ แนะนำเล้ย  :D

     

    คุยกันได้ในทวิตฮ้าาา  :) @jam_mml


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×