คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 8-- (140%)
(8)....
*อ่านtalk ด้วยนะค้า*
ปวดตา ..
หลังจากที่กลับมาจากอพาร์ทเม้นของมินซอกแล้ว ชายหนุ่มก็หมกตัวอยู่ในห้องเพื่อตามเนื้อหาที่เพื่อนๆเรียนระหว่างที่เขาโดดเรียนไปดูแลคนไม่สบายมา
จนกระทั่งเสียงประตูห้องขัดจังหวะและอี้ชิงก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มมึนๆ
ตามประสาคนอารมณ์ดี
“อ้าว ไงอี้ชิง”
“ไง เด็กขยัน วันนี้ทุกคนกำลังจะบุกไปบ้านจงอินกันน่ะ ไปปะ”
“หะ? .. อ่อ ก็ไ-“
“พอกลับมาอ่านหนังสือทั้งวันแล้วปะ พอได้แล้ว เดี๋ยวฉลาดเกินแล้วเพื่อนหลอกไม่ได้นะเว้ย
ฮ่าๆ ไปเหอะ ไอ้จงอินมันชวน บอกว่าต้องไปให้ได้ ”
“ก็ได้ๆ กี่โมงแล้วเนี่ย” นักศึกษาหนุ่มคนขยันขยี้ตาบิดขี้เกียจ และปิดฝาแล็ปท็อปที่วางอยู่ข้างหน้า
“ประมาณห้าโมงครึ่งอะ”
“เวลาอาหารเย็น ดีๆ ที่นั่นมีของกินใช่ปะ?”
ถามต่อพลางใส่เสื้อแจ็คเก็ตลวกๆเพื่อกันลมหนาวข้างนอก
อี้ชิงส่ายหน้าเนือยๆ “ไม่รู้ คงมี ไม่ก็ไม่มี
จงอินมันบอกแค่ว่าให้ไปบ้านมัน แค่นั้น ไม่ได้บอกรายละเอียด”
“โอเคๆ แล้วจะไปกันตอนไหน”
“ตอนนี้” ตอบอย่างรวดเร็วแล้วก็หายตัวออกไปจากห้องทันที
ไม่ให้อีกฝ่ายได้ถามอะไรเพิ่มเติมเป็นเจ้าหนูจำไมอีก
ที่ทางเข้าอพาร์ทเม้น คริส และเทา กำลังอยู่ในชุดเต็มยศ ผ้าพันคอ
แจ็คเก็ต รองเท้า พร้อม! ยืนรอเพื่อนอีกสองคนมาสมทบ
เพื่อเดินทางไปบุกบ้านของเพื่อนซี้ผิวแทนกัน
.. ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนลงเม็ด ไล่ให้เหล่าเด็กหนุ่มทั้งสี่รีบวิ่งไปให้ถึงบ้านของเพื่อน ก่อนที่จะเปียกโชกเป็นกลุ่นลูกหมาตกน้ำกันทั้งหมด บ้านของจงอินถูกตกแต่งด้วยโทนสีสว่างๆ อบอุ่นๆ เข้ากับนิสัยของเจ้าของเป็นอย่างดี มีกลิ่นอ่อนๆของเทียนหอมวนิลลา
หอมดีจัง มินซอกจะชอบมั้ยนะถ้าซื้อไปฝาก
ลู่หานนึกในใจก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิด
“เอ้า ไหนมีอะไรกินบ้างวะ หิวจะกินวัวได้ทั้งตัวละ” อี้ฟานเปิดประเด็นสำคัญทันทีที่ทุกคนเข้ามาในเขตบ้านและจงอินปิดประตูตามหลังลงเรียบร้อย
“เออ คิดว่าจะสั่งพิซซ่าว่ะ รวมเงินกันๆ ใครมีหมวกส่งมาซิ” จงอินตอบ
พร้อมกับหันไปรอบๆมองว่ามีใครใส่หมวกมาบ้าง
“มีแค่หกคนเอง ไม่ต้องใช้หมวกหร-“
“อย่าขัดดิวะเทา มันได้ฟีลอะ เข้าใจปะ มันเป็นฟีล อะนี่เจอละหมวก”
จงอินสวนทันที พร้อมกับยื่นหมวกไปรอบๆ ทำท่าก้มๆเงยๆ “
มีใครใจบุญร่วมกันบริจาคสมทบทุนให้เหล่าหนุ่มหล่อผู้หิวโหยบ้างครับ”
หมวกแก๊บของซักในห้องถูกส่งต่อกันไปท่ามกลางเสียงหัวเราะ หลังจากที่วนกลับมาถึงต้นทางอีกครั้ง จำนวนเงินก็พอที่จะซื้อพิซซ่าเดลิเวอรี่ถาดใหญ่ได้ถาดนึง คริสทำตัวเป็นหัวหน้ากลุ่ม เป็นคนโทรสั่ง เพราะเจ้าตัวบอกว่า มันเป็นวิธีที่คลาสสิกกว่าการกดสั่งจองผ่านหน้าเว็ปอะไรพวกนั้น
ชายหนุ่มทั้งหกนั่งคุยโน่นนี่กันไปพลางๆ รอเวลาอาหารมา และประเด็นที่เหล่าเพื่อนร่วมหอของลู่หานอยากจะยกขึ้นมาที่สุดก็เริ่มต้นขึ้น
“รู้ปะวันก่อนเกิดอะไรขึ้น”
“อะไร” คยองซูถามเสียงเนือยๆปกติ ขัดกับหน้าตาน่ารักของเขา
“เมื่อคืนลู่หานหนีไปนอนบ้านเด็กมันมาเว่ย”
“เค้าไม่ใช่เด็กกูว้อยยยย”
ลู่หานสวนทันทีที่รู้ว่าเพื่อนๆกำลังจะรุมล้อเขาอีกแล้ว “เราไม่ได้คบกันซะหน่อย”
“ไม่ต้องมาโกหกเลย” เทาเริ่มล้อบ้าง “แหม่ ไหนบอกเพิ่งรู้จัก ถึงขนาดไปค้างบ้านเค้าเลย
พี่ลู่คนแมนจริงครัช”
“ก็ ก็จักรยานไอ้คริสมันโดนขโมยอะ โอ้ย ไม่พูดแล้ววุ้ยยยยยยย”
ลู่หานที่พยายามอธิบายท่ามกลางสายตาล้อเลียนจากเพื่อนก็ยอมแพ้ในที่สุด
และยอมนั่งหน้ามุ่ยรอให้ทุกคนลืมไปเอง
ไม่นานนักบทสนาก็เปลี่ยนเป็นสงครามหมอน ไม่ใช่แบบที่ตีกันน่ารักๆแบบในโฆษณาชุดเครื่องนอน
แต่เป็นสงครามหมอนของชายหนุ่มวัยคึกคะนองไม่รู้จักโต
ในที่สุดอี้ชิงก็ลงมานอนกองที่พื้นตะโกนลั่น
ยกเท้าที่สวมถุงเท้าสีขาวขึ้นมาโบกไปมาแทนธงขาว “ข้าน้อยยอมแพ้แล้ว!
ข้ายอมแพ้แล้ว!”
คนส่งพิซซ่ามาถึงในขณะที่ทุกคนกำลังเล่นกันเพลินๆ
แฟนตัวเล็กของเจ้าของบ้านได้ยินจึงเสียงกระดิ่งจึงเดินไปรับของมาจัดวางบนโต๊ะให้เรียบร้อย
เมื่อมีกลิ่นอาหาร เด็กที่เหลือก็เริ่มทยอยกันเดินเข้ามาล้อมกล่องพิซซ่าแล้วหยิบส่วนของตัวเองไปกิน
ลู่หานพยายามถือให้ดีให้ซอวกระเด็นใส่เสื้อ ส่วนเทาก็ถือประคบประหงมอย่างกับเป็นถ้วยรางวัลยังไงอย่างงั้น
ตามด้วยคริสที่พยายามก้าวขายาวอย่างเก้กังๆ ผ่านหมอนที่วางเกะกะบนพพื้น
และอี้ชิงที่เดินไปนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับจงอินและคยองซูทั้งที่
ในขณะที่ในบ้านกำลังเงียบสงบไร้บทสนทนาใดๆ
เพราะทุกคนกำลังสนใจอาหารตรงหน้า จงอินก็เริ่มบทสนทนาอีกครั้ง
“นี่.. ทุกคน..”
ว่าแล้วก็มองกลับไปกลับมาระหว่างคยองซูที่นั่งเคี้ยวพิซซ่าตุ้ยๆอย่างเพลิดเพลิน
กับกลุ่มเพื่อนที่เหลือ
เมื่อคนผิวแทนไม่ยอมพูดต่อซักทีมัวแต่ทำสายตาเลิกลั่ก
ราวกับว่ากำลังจะบอกอะไรบางอย่าง ...
“เอ้า เรียกแล้วพูดดิเฮ่ย”
“ใจเย็นได้ปะ..” คยองซูตอบทันควัน
แสดงตัวว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องที่จงอินจะพูดด้วย “มันพูดยาก-“
“คืองี้” จงอินขัดขึ้นมาอีกครั้ง สูดหายใจเข้าเต็มปอดเรียกความมั่นใจ
“ที่วันนี้เรียกทุกคนมารวมตัวกัน เพราะมีเรื่องอยากจะบอก.. คือมันก็ไม่มีอะไรมาก
แต่-“
“ยินดีด้วยจงอิน นายจะได้เป็นคนแม่คนใหม่แล้วใช่มั้ย
ถึงว่าช่วงนี้พุงป่องๆ”
เทาขัดขึ้นมาเสียงกวนๆก่อนจะโดนหนังยางมัดถุงกับข้าวในมือคยองซู
ยิงไปที่หน้าผาก
..แม่นขนาดนี้ ไปเล่นหนังจีนกำลังภายในได้นะ..
“แต่!” จงอินส่งเสียงดังเรียกความสนใจอีกครั้ง เพื่อต่อประโยคให้จบ
“แต่ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าฉลองซักหน่อย”
“จงอินไม่ต้องลีลาละ มีคนอยากรู้จนจะอกแตกตายแล้ว” คยองซูหัวเราะ
ส่วนคริสทิ้งทำท่าฟุบโซฟาแกล้งตาย
“โอเค โทษที ก็มันตื่นเต้นนี่นา .. ก็แค่อยากจะบอกว่า
ตอนนี้กูกับคยองซูเป็นแฟนกันแล้วนะ” จงอินพูดรัวประโยคสุดท้ายด้วยความเร็วแสง
แก้มสีเข้ม แดงขึ้นมาจนน่าถ่ายรูปเก็บไว้อวดลูกหลาน
เสียงปรบมือดังขึ้นจากเพื่อนพร้อมเสียงล้อเลียน
จนกระทั่งอี้ชิงขัดขึ้นมาด้วยเสียงยานๆ
“ทำไมมาฉลองตอนนี้ ไม่ได้คบกันมาชาตินึงแล้วหรอ”
คยองซูส่งเยงหัวเราะหึออกมา พลางนั่งโยกไปมาเล็กน้อย
ไม่สามารถเดาได้ว่ากำลังมีความสุข ขำ รึโมโห
“ไม่ใช่ นายดูผิดแล้ว”
“อ้าวงั้นก่อนหน้านี้นัวเนียงุ้งงิ้งกันตลอดนี่คือ
เพื่อนเค้าทำกันช้ะ”
“นี่! หยุดเซ้าซี้ดิ!” ไม่ว่าเปล่า
จงอินยกแขนขึ้นมาโอบไหล่แฟนตัวเล็กแล้วก็โยกไปโยกมากับอีกคน
...ดูเป็นคู่ที่ตลกดี .. ยินดีด้วยนะ! :)
วันรุ่งขึ้นผ่านไปไวมากจนรู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาเย็นและภาพตรงหน้าก็คือคาเฟ่ที่แสนคุ้นตา
และลู่หานกำลังกำกระเป๋าตังค์แน่น เตรียมตัวเดินเข้าร้าน
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปกว่าครึ่งดวง ท้องฟ้ากลางเป็นสีส้มทองสวย
มินซอกกำลังยืนล้างมืออยู่จึงไม่ได้สังเกตลูกค้าคนพิเศษที่เข้ามาจนกระทั่งลู่หาน
เอื้อมมือมาสัมผัสบาๆบนไหล่เล็ก
--พร้อมจะไปรึยัง?— นักศึกษาหนุ่มยกมือขึ้นทำท่าอย่างที่ตั้งใจฝึกมา
ยิ้มจนตาแทบหายด้วยความตื่นเต้นกับเดทเย็นนี้
บาริสต้าตัวเล็กพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างตาหยี กระตุกหัวใจอีกฝ่ายซะแทบล้ม
แล้วก็จัดแจงถอดผ้ากันเปื้อนเปลี่ยนเป็นเสื้อแจ็คเก็ตที่ดูอุ่นนุ่ม
แขวนอยู่หลังเค้าน์เตอร์
หยิบกระเป๋าแล้วรีบเดินมาหาลู่หานที่ยืนรออยู่ข้างประตูร้าน
หลังจัดการล็อคกุญแจประตูค่าเฟ่ และคล้องโซ่อีกชั้นแล้ว
มือเล็กก็เข้าไปประสานกับมืออีกฝ่าย มินซอกทำท่าบอกอีกฝ่ายว่า พร้อมแล้ว ไปกันเถอะ!
ไม่จำเป็นมีบทสนทนาแก้ขัดเขินใดๆ
..แค่หันมายิ้มให้กันและกันเป็นพักๆระหว่างทาง
..ก็อบอุ่นไปทั้งหัวใจแล้ว
มือของทั้งสองยังคงประสานกันตลอดทางเดิน การมาทานอาหารด้วยกันครั้งนี้
ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย มินซอกเองก็เพิ่งหายไข้
จึงไม่ได้มีโอกาสมานั่งวางแผนว่าจะไปกินที่ไหนกันจริงๆจัง
ยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าแต่ละคนอยากทานอะไร แต่ในที่สุดทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารของครอบครัว
ขนาดเล็ก ตกแต่งเรียบๆ ดูบรรยากาศอบอุ่น
มินซอกทำท่าชี้ไปทางร้าน แล้วยักไหล่เบาๆพร้อมเอียงคอ เหมือนจะถามอีกฝ่ายว่า
เอาร้านนี้เป็นไง? ลู่หานที่กำลังเล็งร้านเดียวกันอยู่ก็พยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม
จากเมนูที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ราคาอาหารไม่ได้แพงนักและยังมีให้เลือกหลากหลาย
มีตั้งแต่บิบิมบับ บุลโกกิ ไปจนถึงเมนูพิเศษของร้านอีกมากมาย ถือว่าน่าสนใจใช้ได้
ในที่สุดทั้งสองก็ตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้าร้าน
กระดิ่งที่แขวนอยู่ที่ประตูส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งเบาๆตามแรงเหวี่ยง
ต้อนรับแขกผู้มาใหม่ทั้งสอง คุณป้าตัวเล็กหน้าตาใจดีรีบเดินมาต้อนรับ
หาที่นั่งให้พวกเขาและหยิบเมนูมาให้
และทั้งสองก็ไม่ลืมที่ค้อมหัวแสดงความขอบคุณเล็กน้อยอย่างมีมารยาทขณะรับ
ก่อนจะเริ่มเลือกอาหารที่ต้องการ
บทสนทนาเริ่มขึ้นอีกครั้ง บนกระดาษทิชชู่ที่วางอยู่บนโต๊ะ
-อันนี้เป็นไง- ลู่หานชี้ไปที่รูปบิบิมบับชามใหญ่
ที่ดูน่าจะแบ่งกันทานได้สองคนพอดีอิ่ม อีกฝ่ายก็มองตามและพยักหน้า
-เอาสิ น่าอร่อยดี... ว่าแต่ลู่หานเคยมากินที่นี่รึเปล่าเนี่ย?-
-ยังไม่เคยเลย แต่ว่ากลิ่นที่นี่หอมใช้ได้ น่าจะอร่อยนะ-
-จริงด้วย หอมมากๆเลย-
มีเสียงตะหลิวและแสงสว่างวาบจากเตาในครัวเป็นแบ็คกราวน์ของร้าน
และกลิ่นหอมของอาหารที่เพิ่งทำใหม่ๆคลุ้งไปทั่วทั้งร้าน ลูกค้าโต๊ะอื่นๆที่นั่งทานอยู่ก่อนก็ดูมีความสุขกับอาหารดี
..พวกเรานี่ตาถึงกันจริงๆนะเนี่ยที่เลือกร้านนี้
คุณป้าท่าทางใจดีเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมแก้วน้ำสองใบและกระดาษจดรายการอาหาร
“เอาเป็นบิบิมบับเนื้อครับ ไซส์ใหญ่เลยครับ” ลู่หานรับหน้าที่สั่งอาหาร
พลางส่งเมนูของทั้งสองคนคืนหญิงชราตรงหน้า บาริสต้าตัวเล็กนั่งเรียบร้อย ส่งยิ้มกว้างไปให้กับคุณป้าทดแทนกับที่เขาไม่สามารถพูดกับเธอได้
“บิบิมบับเนื้อ ไซส์ใหญ่หนึ่งที่นะคะ .. รับอะไรอีกมั้ยคะ?”
“ไม่ครับ เท่านี้แหละครับ ขอบคุณมาก”
รอจนคุณป้าเดินไปแล้ว จึงเริ่มเขียนส่งให้มินซอกอีกครั้ง
-แล้วตอนนี้ มินซอกโอเครึยัง อาการดีขึ้นแล้วใช่มั้ย?-
-จริงๆก็ยังไม่ถึงกับหายสนิทนะ แต่ว่าไม่ไอแล้วล่ะ
แพร่เชื้อไม่ได้แล้ว-
-ดีแล้ว พักเยอะๆครับ ... ที่นี่บรรยากาศโรแมนติกดีเนอะ-
ไม่ว่าเปล่าส่งไปพลางทำท่าผายมือไปรอบๆด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้มตลกๆ
อีกฝ่ายก็ขำออกมาเบาๆอย่าน่ารักแล้วก็ยิ้มกว้างโชฟันกระต่าย
-มุ้งมิ้งมากจริงๆ-
บาริสต้าตัวน้อยตอบกลับและทำท่าล้อเลียนคนตรงข้าม
ลู่หานอดหัวเราะไม่ได้กับท่าทางน่ารักๆของคนที่พยายามล้อเขา
เขาแกล้งเตะขาอีกคนเบาๆใต้โต๊ะ และอีกฝ่ายก็ทำกลับมาแบบเดียวกันพร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนอีก
หลังจากเย้าแหย่กันใต้โต๊ะอยู่ไม่นาน อาหารก็มาถึง
พร้อมกับเครื่องเคียงมากมาย
ลู่หานทำหน้าที่ตักแบ่งเป็นสองจาน เขาตักเนื้อใส่ในถ้วยของมินซอกเยอะโดยไม่รู้ตัวด้วยความที่กลัวว่าอีกคนจะทานน้อยเกินไป
อาหารของร้านนี้จัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว ข้าวที่หุงออกมาไม่แฉะไม่แห้งเกินไปทำให้คลุกได้ดี
เนื้อในจานก็รสชาติสดใหม่ไม่เหมือนของที่ทำไว้ก่อนแล้ว
และผักก็สดจนแทบไม่มีรสขมเลยสักนิด
ทั้งสองจัดการอาหารในจานของตัวเองท่ามกลางความเงียบ สบตากันบ้างเป็นระยะๆ
เหมือนเป็นการสื่อว่ากำลังมีความสุขกับมื้อนี้ทั้งคู่ โดยไม่ต้องออกเสียง
ชายหนุ่มเริ่มสังเกตว่าบาริสต้าตัวเล็กเป็นคนที่ทานอาหารค่อนข้างช้า
และพิถีพิถันกับการเคี้ยวแต่ละคำให้ละเอียด แอบนับในใจได้ประมาณยี่สิบครั้งต่อคำก่อนจะกลืน
และด้วยนิสัยของลู่หานที่เป็นคนตรงๆ จึงถามไป
-มันจะได้ย่อยง่ายๆไง เค้าอุตส่าห์ให้ฟันเรามาเคี้ยว ก็ต้องใช้สิ!-
-อย่างนี้นี่เอง-
ลู่หานตอบกลับไป โดยที่ยังไม่หายขำคำตอบของมินซอกที่ดูกวนๆโดยเจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำ
นักศึกษาหนุ่มเริ่มลดระดับความเร็วมาทานช้าๆกับคนตรงข้าม .. จริงๆทำแบบมินซอกก็ไม่ได้ลำบากอะไรเนอะ
กลืนสบายดีด้วย
พนักงานหญิงของร้านเดินมาที่โต๊ะของเขาสองสามครั้ง พยายามชักจูงให้พวกเขาสั่งเมนูนั่นนี่เพิ่ม
ซึ่งลู่หานก็ได้ปฏิเสธอย่างสุภาพทุกครั้ง
เมื่ออาหารในจานพร่องลงจนใกล้หมด บาริสต้าตัวเล็กชะงักเมือที่กำลังถือช้อนส้อม
ก่อนจะมีสีหน้าทรมานเล็กน้อยและเลื่อนมือเล็กมากุมที่ท้อง เขารีบลุขึ้นมาแล้วทำท่าทางบอกว่าขอตัวสักพักก่อนจะเดินหายออกไป
ลู่หานที่ยังคงตกใจไม่น้อยกับท่าทีของเพื่อนร่วมมื้ออาหารของเขา
ได้แต่นั่งรอด้วยความกังวล
..มินซอกเป็นอะไร เมื่อกี้ยังดูโอเคอยู่เลย
ไม่นานคนตัวเล็กก็กลับมาพร้อมใบหน้าที่ซีดกว่าเดิม
ลู่หานรีบส่งแก้วน้ำให้
-มินซอกเป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายรึเปล่า?-
ลู่หานส่งกระดาษให้อีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงและดูอาการดีขึ้นแล้ว
-ไม่เป็นไรๆ อ่า.. จำเรื่องที่ผมบอกลู่หานครั้งก่อนได้มั้ย?... มันทำให้ผมทานเยอะๆไม่ได้น่ะ ไม่งั้นจะรู้สึกไม่ค่อยสบาย-
มินซอกตอบกลับมาด้วยท่าทางอายๆ
-อ๋อ.. งั้นมินซอกดื่มน้ำแล้วนั่งพักก่อนโอเคมั้ย-
-อื้ม โอเค- แล้วก็ยกน้ำขึ้นมาดื่ม ช้าๆ –แล้วเพื่อนๆลู่หานเป็นยังไงมั่ง-
-ยังคึกเป็นลิงกันทุกคนเหมือนเดิม.. จะว่าไป ตอนนี้ทุกคนโวยวายอยากเจอมินซอกตัวจริงกันใหญ่เลยล่ะฮ่าๆ-
-จริงหรอ? อ่า.. ถ้ามีโอกาสผมก็อยากเจอกับพวกเค้าเหมือนกัน : )-
รับกระดาษจากมินซอกมาอ่าน ...แล้วก็นึกได้
-งั้นวันนี้เลยเป็นไง ทุกคนคงอยู่ที่ห้องหมดแล้วตอนพวกเราเสร็จจากที่นี่น่ะ
แล้วเดี๋ยวจากที่นั่นค่อยหาแท็กซี่กลับกันอีกทีก็ได้-
บาริสต้าผมชมพู ใช้เวลาคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า
-ได้สิ .. แต่ผมจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนทุกคนรึเปล่าเนี่ย-
-ไม่เลยๆ ทุกคนต้องตื่นเต้นมากแน่-
ลู่หานเขียนตอบพลางนึกถึงท่าทางอยากรู้อยากเห็นของรูมเมททั้งสามของเขาเอย่างมีความสุข
...แต่เดี๋ยวนะ
ลู่หานเพิ่งนึกได้ตอนนี้ว่าเขายังไม่เคยพูดถึงรายละเอียดอะไรของมินซอกให้ทุกคนฟังเลยนอกจากชื่อกับงานที่ทำ
ด้วยความที่เขาเองก็ชินกับการคุยกับมินซอกแบบนี้จนลืมไปว่าน่าจะบอกเพื่อนๆก่อนสักนิด
จะได้เตรียมตัวถูก.... และไม่ทำให้มินซอกอึดอัด
-งั้นเดี๋ยวผมโทรไปบอกเพื่อนแป๊บนึงนะ เดี๋ยวมา-
ลู่หานส่งกระดาษให้อีกฝ่ายแล้วล้วงกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมาโช
-อื้ม โอเคๆ-
#80%#
นักศึกษาหนุ่มเดินออกมาหน้าร้าน
และต่อสายโทรศัพท์เมือถือคู่ใจไปหาเพื่อนซี้ทันที
“อี้ชิง ทุกคนอยู่ที่ห้องรึเปล่า?”
“หา? อ่า.. อยู่ๆ อยู่นะ ทำไมหรอ?”
“ดีมาก บอกให้ทุกคนรีบจัดบ้านให้มันมีที่เดิน แล้วก็ดูดีๆเร็วเข้า ..
เปิดสปีกเกอร์เลยก็ได้เดี๋ยวพูดทีเดียว”
ได้เสียงครืดคราดเหมือนกำลังเลื่อนโทรศัพท์ออกจากหูกลับมา
ตามด้วยเสียงอี้ชิงเรียนคริสและเทา
“ว่ามาเลยลู่หาน”
“โอเค ทุกคน อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่กางเกงด้วย ทำตัวดีๆ จัดบ้านให้เรียบร้อย
เก็บถุงเท้าที่พาดอยู่บนจอทีวีเมื่อตอนกลางวัน จัดการให้เรียบร้อยภายในครึ่งชม.
..เพราะว่าฉันกำลังจะพามินซอกไปรู้จักกับพวกนายแล้ว”
“อะไรนะ เฮ้ย ฮะ จริงหรอ เฮ้ยยย โอเคได้ๆ ... คริส!
ไปเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้ ชุดนี้มันหายนะของวงการแฟชั่นชัดๆ เอากองนั้นเข้าตู้ด้วย“
เสียงตอบรับของทั้งสามตีกันวุ่นวานที่ปลายสายทำให้คนออกคำสั่งขำไม่น้อย
รอให้ความวุ่นวายที่ปลายสายสงบลงก่อนจะพูดต่อ
“นี่ อย่าเพิ่งวาง ..มีอีกเรื่อง..”
“อะฮะ มีอะไรหรอ?”
“คือ.. มินซอกเค้า.. เค้า..”
“เค้าทำไม? เป็นอะไร? เป็นหนุ่มกล้ามบึ้กหน้าโหดแต่งหญิงอะไรงี้หรอ?
พวกเราไม่มีปัญหานะ มันเป็นความชอบของพวกนาย เรารับ-“
“ไม่! ไม่ใช่! ไอ้บ้า ฟังให้จบสิ” ลู่หานกลั้นขำกับความคิดประหลาดของเพื่อน
ก่อนจะกลับมาที่จัดประสงค์หลักของการโทรครั้งอีกครั้ง “จริงๆแล้ว
เราควรจะบอกทุกคนเร็วกว่านี้ หวังว่ามันจะไม่ทำให้ทุกคนทำตัวแปลกๆรึ-“
“โอ้ยไม่ต้องลีลา พูดมาเลย!”
เสียงโวยวายจากคนที่ไม่เคยทนความอยากรู้ได้อย่างคริสดังขึ้นมาอีกครั้ง
“คือมินซอกเค้าหูหนวกและก็พูดไม่ได้น่ะ”
ปลายสายเงียบไปชั่วขณะจนน่าอึดอัดใจ จนกระทั่งเทาแทรกขึ้นมา
“ฉันรู้ภาษามือนะ!”
“จริงด้วย ลืมไปสนิทเลย
..อ่า...หวังว่าพวกนายจะยังอยากจะเจอมินซอกอยู่นะ ..หรือว่า.. “
ลู่หานตอบกลับเสียงอ่อย
“อยากสิ” เสียงทุ้มของคริสตอบกลับมา “พวกเราแค่ตกใจเฉยๆ
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรไม่ดีนี่..
จริงๆถ้าบอกล่วงหน้าซักหน่อยจะได้เตรียมตัวดีกว่านี้”
“ไม่มีปัญหาหรอกหาน แค่ตกใจ แค่นั้นแหละ”
น้ำเสียงใจดีๆของอี้ชิงช่วยพูดเรียกกำลังใจให้ลู่หานอีกแรง
“ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเร็วกว่านี้” ลู่หานพูดเสียงเบา
“แต่ไม่ต้องกังวลนะ มินซอกเป็นคนคุยดีแถมยังเขียนไวมาก ไวกว่าทุกคนที่เรารู้จัก
เพราะงั้นไม่มีปัญหาเรื่องการคุยกันแน่ๆ ..อ้อและก็ เค้าต้องดีใจมากๆถ้ารู้ว่าเทารู้ภาษามือด้วย
อยู่กับเรานี่มินซอกต้องเขียนตลอดเลย”
“ดีๆ พามาได้เลยไม่ต้องกังวลเรื่องพวกเรานะ เค้าถึงขนาดทำให้นายหลงขนาดนี้
อยากเจอจะแย่แล้วเนี่ย” อี้ชิงพูดต่อ “เดี๋ยวจะซ่อนความรกทุกย่างในบ้านให้เอง
เชื่อมือได้ ไปๆ กลับไปหาเด็กหนุ่มที่รักของนายได้แล้ว”
เสียงกอดผ้าถูกโยนลงตระกร้า และเสียงเลื่อนโต๊ะ จากปลายสายทำให้ชายหนุ่มสบายใจขึ้นมาก
ดีใจไม่น้อยที่ปฏิกริยาของทุกคนไม่เป็นไปในทางที่เขากลัว ลู่หานบอกลาเพื่อนๆก่อนจะวางสายและเดินกลับโต๊ะที่มีคนแก้มกลมนั่งรออยู่
-เป็นไง เพื่อนๆโอเครึเปล่า-
เอียงคอเป็นเชิงถามเล็กน้อยเมื่อลู่หานเลื่อสายตาจากกระดาษที่มินซอกเขียนตรียมไว้ระหว่างที่เขออกไปโทรศัพท์มาที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ..ลู่หานพยักหน้าตอบและนั่งลงอีกครั้ง พอดีกับที่พนักงานหญิงมีอายุเดินผ่านมาแถวโต๊ะเขาอีกครั้ง จึงเรียกเธอ จ่ายค่าอาหาร และออกจากร้าน
ตอนที่ใบเสร็จเก็บเงินมา ลู่หานยืนยันว่าจะจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เอง แต่มินซอกเองก็ไม่ยอม
สุดท้ายก็จบลงที่หารครึ่งกัน เพราะมินซอกบอกว่า
ไว้ลู่หานค่อยเลี้ยงครั้งหน้าแล้วกัน
.
.
.
.
แปลว่าเราจะได้มาด้วยกันอีกสินะ
: )
ระหว่างทางเดินกลับจากร้านอาหาร บาริสต้าตัวเล็กมีอาการสลึมสลือเล็กน้อย
นักศึกษาหนุ่มจึงโอบเอวอีกฝ่ายไว้หลวมๆ เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายเซไปชนคนข้างทาง
มินซอกจึงเอียงตัวซบไปทางลู่หานเล็กน้อย แสดงความขอบคุณ
ความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้ คงตรงกับคำว่า อิ่มเอมหัวใจ มากที่สุด
แม้อากาศภายนอกที่หนาวเหน็บและความชื้นที่มาจากเกล็ดหิมะละลายจนซึมเข้ามา ก็ไม่อาจสร้างความหนาวเหน็บให้กับหัวใจทั้งสองดวงที่กำลังพองโต
กับบรรยากาศอบอุ่นที่ล้อมรอบชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานสองคนนี้ได้เลย
ด้วยระยะห่างที่แทบไม่เหลือระหว่างร่างของทั้งสอง ลู่หานได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่และแป้งเด็กจากบาริสต้าผมชมพูข้างๆ
..หอม สะอาด และอ่อนโยน...
น่าหลงใหล
ว่าแต่ .. ตัวเขากลิ่นเป็นยังไงมั่งเนี่ย
.. หวังว่าจะดีนะ ._.
อีกประมาณห้าบล็อค ก็จะถึงอพาร์ทเม้นของลู่หานและรูมเมทอีกสามชีวิต
ชายหนุ่มทั้งสองที่เพิ่งทานอาหารด้วยกันมายังคงเดินอยู่ในท่าเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ
ลู่หานคิดว่าทั้งท่าทางและความสูงของอีกฝ่ายมันช่างพอดีซะจริงๆ โชคดีที่ตอนนี้ความรู้สึกคลื่นไส้ของมินซอกที่เกิดขึ้นหลังทานอาหารมากเกินไป
หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว และตอนนี้คนตัวเล็กยังดูมีความสุขไปไม่น้อยกว่าคนข้างๆเลย
ทั้งสองเดินก้าวเท้าเป็นจังหวะเดียวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ และดูเหมือนจะสังเกตเห็นพร้อมกันจึงหันมายิ้มซุกซนให้กัอย่างสนุกสนาน
จู่ๆมินซอกก็ยกมือเล็ก ขึ้นมาชี้ไปที่ท้องฟ้าข้างหน้าเพื่อให้อีกคนมองตาม
ผืนฟ้าในตอนนี้มีหลายสีที่ตัดกันแต่งแต้มแต่กลับสวยจนน่าหยุดยืนชมยืนชม
ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยลงลับขอบฟ้า โดยมีตึกหลากหลายความสูงบดบังบ้าง แต่สีส้มนวลยังคงฉายออกมาชัดเจน
ตัดกับสีฟ้าครามบนท้องฟ้า
บริเวณที่หยุดยืนเงียบสงัดและไร้ผู้คนกวนใจ มีเพียงสองคนที่ยืนข้างๆกัน
มือประสานกันหลวมๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าสีสวย จนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าและเงามืดปลกคลุมในที่สุด
ลู่หานขยับมือให้มือทั้งสองประสานกันแน่นขึ้นเล็กน้อย และมินซอกก็เอียงคอซบบ่าของคนข้างๆ
น่าแปลกจริงๆ ที่คนเพิ่งรู้จักกันสามารถทำให้อบอุ่นหัวใจ..
และใจเต้นแรงได้ขนาดนี้ : )
เมื่อถึงหน้าทางเข้าอพาร์ทเม้น ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน มินซอกคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้
ก่อนที่ลู่หานจะเปิดประตูเข้าไป
-ขอยอมรับเลยวว่าตอนนี้ผมตื่นเต้นมากๆเลยล่ะ-
เขียนอย่างรวดเร็ว
–ลู่หานได้บอกแล้วใช่มั้ยว่าผมมาด้วย-
นักศึกษาหนุ่มพยักหหน้า
-ไม่ต้องกังวลนะ พวกเค้าอยากเจอคุณจะตาย ผมมั่นใจว่าทุกคนต้องชอบมินซอกแน่ๆ-
-ขอบคุณนะ ..ขอผมทำใจแป๊บนึง-
มินซอกสูดหายใจเข้าเต็มปอดเหมือนพยายามจะคลายความตื่นเต้น ก่อนจะหันมายิ้มประหม่าให้อีกฝ่าย
เป็นสัญญาณว่าพร้อมแล้ว ลู่หานจึงเคาะประตู
มีเสียงเหมือนคนวิ่ง และเสียงคนล้มตรงมาทางประตู
“อ้อ ไงลู่หาน” คริสมาถึงประตูคนแรก แอบหอบเล็กน้อยแต่ยังเก๊กหน้าไว้ คาดว่าจะวิ่งแย่งกันมาเปิดประตู
“อ่า สวัสดี .. คุณมินซอกใช่มั้ย ?” คริสพูดพลางยื่นมือไปหาอีกคน
ไม่แน่ใจว่าคริสจำไม่ได้ หรือว่าด้วยความตื่นเต้นและเคยชิน
จึงพูดออกไปทั้งที่ลู่หานบอกไปแล้วว่ามินซอกไม่ได้ยิน
มินซอกทำหน้าเหรอหราเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝายพูด
แต่ก็รับมือมาจับ ทักทายอย่างสุภาพ ก่อนที่เทาจะโผล่มาข้างหลังคริสและลากทุกคนเข้าบ้านไปพร้อมกัน
ไม่นานนัก เทาและมินซอกก็คุยกันอย่างออกรสด้วยภาษามือที่เชี่ยวชาญทั้งคู่
..ลู่หานมองดูอยู่ไม่ไกลและแอบสงสัยว่าคุยอะไรกัน
อี้ชิงเดินเข้ามาและพยายามแนะนำตัวเอง แต่ดูเหมือนเทาจะทำหน้าที่แนะนำทุกคนไปแล้ว
เพราะว่าลู่หานจำท่าทางที่ใช้แทนอักษรของชื่อได้ ต้องทำท่ามือระดับอก
มินซอกพยักหน้าและยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้อี้ชิง
ก่อนจะหันไปหาทำและทำท่าขออะไรบางอย่าง เทาลุกออกไปและกลับมาอีกครั้งพร้อมสมุดกระดาษฉีกและปากกา
ยื่นให้มินซอก
-ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนเลยนะครับ!-
มินซอกเขียน
–จื่อเทาแนะนำทุกคนให้ผมรู้จักเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ขอโทษนะครับที่ไม่สามารถแนะนำตัวเองได้
ต้องเขียนแบบนี้แทน-
อี้ชิงคว้ากระดาษมาเขียนตอบเมื่อมั่นใจว่าทุกคนอ่านหมดแล้ว
-ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณมินซอก! ลู่หานเล่าเรื่องคุณประจำเลยล่ะ
เขียนแบบนี้ก็ได้บรรยากาศใหม่สนุกดีออก อย่ากังวัลไปเลย-
มินซอกอ่านและเงยหน้าขึ้นมาเจออีกสามคนที่พยักหน้ารัวๆใส่ บอกว่าเหนด้วยกับอี้ชิง
ก่อนจะยิ้มกว้าง เริ่มต้นบรรยากาศอย่างเป็นกันเองไม่อึดอัด ลู่หานดีใจจริงๆที่เพื่อนของเขาทำให้มินซอกดูผ่อนคลาย
หายเกร็งไปได้มาก
และการยิงคำถามก็เริ่มขึ้น กระดาษใบเดิมถูกเหล่ารูมเมทแสนซนแย่งกันเขียนคำถามที่สงสัยนักหนาลงไป
-คุณมินซอกเป็นลูกพี่ลูกน้องของจงแดหรอ ? คุณทำงานอยู่ที่คาเฟ่หรอ ?
เป็นบาริสต้าใช่มั้ย? ทำไมคุณมินซอกเพิ่งมาทำงานนี้หรอ? คุณมินซอกกับลู่หานได้จูบกันรึยัง?
ตอนนี้เรียนอยู่ที่ไหนหรอ? คุณมินซอกอายุเท่าไหร่? –
มินซอกพยายามเขียนตอบทุกคำถามให้ครบ
-ใช่แล้ว ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องจงแด แต่เราโตมาด้วยกันเหมือนพี่น้องแท้ๆมากกว่าแหละ
ใช่ครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่ที่คาเฟ่ เป็นบาริสต้า สนุกมากเลยนะ วันหลังทุกคนมาที่ร้านได้นะ
..ก่อนหน้านี้จงแดยังไม่ไดชวนผม และผมก็ยังมาไม่ได้ด้วย .. ฮ่าๆ ยังครับ ยัง พวกเรายังไม่ได้จูบกัน
แต่ว่ามื้อเย็นวันนี้อบอุ่นมากจริงๆ ..ตอนนี้ผมไม่ได้เรียนอยู่ครับ และก็ ผมอายุ24
แล้ว
น่าจะมากกว่าทุกคนเลยใช่มั้ย?-
ทุกคนพยักหน้าตอบอึ้งๆ เห็นคนตรงหน้าตัวเล็กๆ ผมสีชมพูสดใสแบบนี้นึกว่ายังอายุซัก
19-20 เด็กกว่าพวกเขา เหล่ารูมเมทชาวจีนจึงขอโทษที่เสียมารยาท
มินซอกเองก็ได้แต่บอกว่า ไม่เป็นไรๆ เราก็เหมือนเป็นเพื่อนกัน
ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้
ทุกคนดูพอใจกับความเป็นกันเองของมินซอก
และเริ่มชวนมินซอกมาเล่นวีดีโอเกม
ดีเนอะ แขกมาบ้านชวนเล่นวีดีโอเกม (ลู่หานประชดในใจ)
มินซอกตกลง และเล่นได้ดีจนน่าแปลกใจ
-พี่เคยเล่นมาก่อนหรอ?- คริสถาม
-ไม่เคยเลยๆ แต่ว่ามันสนุกดีเนอะ-
ปัญหาเดียวในการเล่นคือมินซอกไม่ได้ยินเสียงร้องเตือนว่าคู่ต่อสู้จะโผล่มา
ทำให้โดนจังๆไปหลายดอก
“ผลไม้มั้ย ใครเอาผลไม้บ้าง” อี้ชิงออกมาพร้อมตะกร้าใส่ผลไม้สด มีเพียงเทาที่รับไว้และจัดการแอปเปิ้ลไปหมดตะกร้า
ก่อนจะขอตัวไปนอนเพราะหนังท้องตึง หนังตาหย่อน
ประมาณสามทุ่ม มินซอกเริ่มสัปหงก ซบไหล่ลู่หานที่นั่งข้างๆไปหลายครั้ง
จนคิดว่าน่าจะได้เวลากลับแล้ว พวกเขาโทรเรียกแท็กซี่และออกไปยืนรอแท็กซี่ด้วยกัน
ลู่หานพยายามอาสานั่งรถไปส่งด้วย แต่มินซอกก็ยืนยันว่าไปได้ และไม่อยากให้ลู่หานต้องนั่งกลับมาอีกรอบ
จนอีกฝ่ายต้องยอม
-วันนี้สนุกมากๆเลย เพื่อนของลู่หานก็น่ารักกันทุกคนเลย
ดีใจที่ได้เจอทุกคนเลยนะ-
-เนอะ แต่ผมไม่ชมพวกนั้นหรอกเดี๋ยวเหลิง ฮ่าๆ
ผมมั่นใจว่าเจ้าพวกลิงนี่ก็ดีใจที่ได้เจอมินซอกนะ .. แล้วนี่กลับไหวจริงๆ ไม่ให้ผมไปส่งจริงๆหรอ-
มินซอกพยักหน้า ด้วยรอยยิ้มกว้างเอกลักษณ์ของเจ้าตัว รถแท็กซี่มาถึงพร้อมไฟหน้าที่ส่องสว่างตัดกับถนนที่มืดสนิท
-ก็.. พรุ่งนี้เจอกันนะ?-
-แน่นอน ถ้าไม่ติดอะไรขึ้นมานะ!
ฝันดีนะมินซอก-
-ฝันดีลู่หาน-
มินซอกโบกมือและขึ้นรถแท็กซี่ไป ครู่เดียวรถก็ออกตัว ลู่หานยืนโบกมืออยู่ที่เดิมจนรถออกไปสุดทาง
ก่อนจะเดินกลับมาที่อพาร์ทเม้น และเตรียมตัวเข้านอน
.. เป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตวันนึงเลย
# # # #140%# # # #
140% แล้วล่ะค่ะ ! (ยาวขนาดนึ้คิดว่าน่าจะเกิน100น่ะค่ะ555) *ปาดเหงื่อ*
ปล ตอนหน้าหวานมากกกกกกก ต้องแปลไปหน้าแดงไปแน่ๆเล้ยยยย XP
ใครอยากติชมยังไง คอมเม้นท์ รึติดแท็กในทวิตได้เลยนะคะ (วอนขอกำลังใจแปล55555)
ขอบคุณทุก #LMsilent ทุกคอมเม้นนะคะ <3 ช้าหน่อย แต่เราไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่ๆมั่นใจได้ค่ะ <3
ความคิดเห็น