คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
ห้องผู้บริหารของบริษัท เกียรติธนาดล จำกัด ขณะนี้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันที่น้องสองบอกว่าจะติดต่อกลับมาเรื่องสถานที่และเสื้อผ้าในการถ่ายแบบปกหนังสือของเขา เขามองดูเวลาบนนาฬิกาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าตอนนี้มัน สี่โมงเย็นแล้ว ไม่รู้ว่าน้องสองลืมหรือป่าว เฮ้อ! ทำไมต้องกระวนกระวายแบบนี้ด้วยนะเรา ทอมมี่คิดแล้วลุกเดินวนไปวนมาภายในห้องแก้เซ็ง แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นพอดีเขาเอื้อมมือไปหยิบมาดูเห็นชื่อหวานใจปรากฏอยู่หน้าจอก็ดีใจมากรีบกดรับทันที
“สวัสดีครับน้องสอง ไม่ทราบว่าเลือกสถานที่และเสื้อผ้าได้หรือยังครับ?”
“ได้แล้วค่ะ น้องสองเอ๊ยฉันเลือกไปที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ช่วงนี้บรรยากาศเหมือนในสวิสเซอร์แลนด์เลยนะคะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าก็เลือกให้เข้ากับบรรยากาศหนาวๆ แต่ดูสวยหวานนะค่ะ ทุกอย่าง ที่ฉันเลือกอาจไม่เหมาะกับนิตยสารของคุณถ้าคุณไม่พอใจจะเปลี่ยนนางแบบก็ได้นะคะฉันไม่มีปัญหา”
ทอมมี่งงกับสิ่งที่ได้ยิน เขาค้อ เธอเลือกจะไปถ่ายแบบบนเขาค้อแทนที่จะเลือกไปประเทศสวิสเซอร์แลนด์จริงๆ หรือประเทศอื่นๆ ที่หรูหราแต่เธอกับเลือกในประเทศและเป็นป่าเขาเสียอีก แต่เขาชอบบรรยากาศป่าเขาอยู่แล้วสำหรับเขาไม่มีปัญหา แต่มันไม่ค่อยเข้ากับนิตยสารดาวเด่นของเขาเท่าไหร่ ไม่เป็นไรเดื๋ยวเขาให้ทีมงานออกไปตระเวนหาโลเกชั่นสวยๆ วิวงามๆ ไว้ก่อนไปถ่ายจริง เขาชื่อมันในฝีมือลูกน้องทุกคนอยู่แล้วว่าสามารถหาโลเกชั่นให้เหมาะกับหนังสือของเขาได้หรือถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หนังสือของเขาจะได้มีอะไรแปลกใหม่แตกต่างไปจากเดิมบ้างและบางที่คนอาจจะชอบก็ได้ เพราะเขาค้อเปรียบเหมือนประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยนั่นเอง..........
“โอเคครับ ผมไม่มีปัญหาหรอกครับก็รับปากไปแล้วว่าให้น้องสองเลือกทุกอย่างแม้น้องสองจะเลือกไปถ่ายบนภูกระดึงผมก็ต้องตามไปครับ ทีมงานต้องเดินทางล่วงหน้าไปก่อนวันอาทิตย์นี้ ส่วนเราไปเช้าวันจันทร์เจ็ดโมงตรงผมไปรับน้องสองที่บ้านนะครับ กรุณาบอกทางด้วยครับผมยังไม่ทราบว่าบ้านของน้องสองอยู่ที่ไหน”
น้องสองรู้สึกแปลกใจที่คุณทอมมี่ไม่โวยวายเรื่องสถานที่แถมจะมารับเธอที่บ้านเสียด้วย ก็ดีเหมือนกันเธอจะได้ไม่ต้องเอารถไปเองไม่เหนื่อยด้วย เธอคิดแล้วก็บอกทางมาบ้านของเธอให้ทอมมี่ทราบ
“มาถูกหรือป่าวคะ ถ้ามาไม่ถูกก็โทรมาถามทางได้ตลอดเวลานะคะคุณทอมมี่”
“คิดว่าไปไม่ยากครับ ถ้าผมหลงจะโทรถามอีกทีแล้วกันนะครับ แล้วพบกันวันจันทร์นะครับสวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
ทอมมี่วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเมื่อได้ยินเสียงใสใสบอกลา แล้วเขาก็นั่งอมยิ้มคนเดียวดวงตาเปล่งประกายฝัน เขาจะได้พบเธอแล้วอย่างใกล้ชิดเสียด้วยอยากให้ถึงวันจันทร์เร็วๆ จัง เฮอ!อีกตั้ง 2 วัน ทำไมมันนานเหลือเกิน......
หลังจากวางโทรศัพท์จากคุณทอมมี่แล้ว น้องสองก็มานั่งคิดถึงเหตุผลที่เขาเลือกเธอเป็นแบบ เธอไม่เข้าใจเลยว่าเขามาเลือกเธอได้อย่างไรจะว่าเธอเป็นนางแบบเบอร์หนึ่งก็ไม่ใช่ เป็นดาวรุ่งก็ไม่ใช่ หน้าตาสวยกว่าคนอื่นก็ไม่ใช่ ยิ่งเป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่ แล้วทำไมเขาเลือกเธอ สงสัยหากมีโอกาสได้พูดคุยกันเห็นทีเธอจะต้องถามเขาให้รู้เรื่องให้ได้ เธออยากรู้เหตุผลจริงๆ ขนาดเธอเลือกสถานที่แปลกแตกต่างจากรูปแบบหนังสือของเขา เขาก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนใจอีก เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเพราะอะไรกันแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เออ! โทรไปชวนป๋า คุณแม่ และพี่หนึ่งไปด้วยดีกว่า ให้พวกเขาไปพักใกล้ๆ กับเธอเพราะเธอต้องไปทำงานถึงสามวันหากมีครอบครัวอยู่ใกล้ๆ เธอจะได้อุ่นใจแล้วน้องสองก็กดเบอร์หาพี่หนึ่งทันที.......
“พี่หนึ่งจ๋าสวัดีค่ะ น้องสองคิดถึงพี่หนึ่งมากที่สุดเลยค่ะ” น้องสองพูดเสียงอ่อนเสียงหวานออดอ้อนพี่ชายเต็มที่
“หวัดดีน้องสองจอมยุ่งมีอะไรหรือเราถึงโทรหาพี่ได้” หนึ่งรู้ว่าน้องสองต้องมีอะไรแน่นอนลองทำเสียงออดอ้อนมาแบบนี้ ต้องมีอะไรให้ช่วยอีกแน่
“น้องสาวมีข่าวดีมาบอก คือว่าน้องสองจะไปถ่ายแบบที่เขาค้ออยากชวนป๋า คุณแม่และพี่หนึ่งไปด้วยกันได้หรือป่าวคะ?” น้องสองบอกสิ่งที่เธอต้องการให้พี่หนึ่งได้รู้
“พี่ไปไหนไม่ได้หรอกช่วงนี้ น้องสองก็รู้ว่าพี่ต้องทำงานแทนพี่เข้มไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พี่เข้มจะกลับมาทำงานต่อได้และยิ่งคุณแม่ยิ่งไม่วางใหญ่เลยเพราะต้องคุมการสั่งซื้อผ้า เรื่องพวกนี้พี่ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง พี่เก่งแต่งานบริหารงานการผลิตต้องยกให้คุณแม่ แต่ป๋าน่าจะว่างนะน้องสองเพราะร้านมีคุณอาอเนกดูแลได้อยู่แล้ว น้องสองจะไปเมื่อไหร่ ไปกี่วันเดี๋ยวพี่บอกป๋าให้เอง”
“เสียดายจังเลยเมื่อไหร่เราพ่อแม่พี่น้องจะได้อยู่ครบหน้ากันสักที” น้องสองบ่นออกไปอย่างเซ็งๆ ตั้งแต่คุณลุงสมภพเสียไป คุณแม่กับพี่หนึ่งก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เธอเลยวันๆ ทำแต่งานไม่รู้จะขยันกันไปถึงไหน
“บ่นอะไรกันน้องสอง ก็น้องสองนั่นแหล่ะไม่ยอมกลับบ้านถ้าน้องสองกลับมาก็อยู่กันครบแล้ว ตัวเองนั่นแหละทำให้ครอบครัวไม่ครบยังจะมาตีโพยตีพายอีก” หนึ่งทำเสียงดุๆ น้องสองงอนเป็นเด็กๆ อยู่เรื่อย
“โอเคไม่บ่นแล้วก็ได้ตกลงน้องสองผิดเอง น้องสองไปวันจันทร์นี้ กลับวันพฤหัสตอนเช้าค่ะ พี่หนึ่งบอกป๋าให้ตามน้องสองไปนะค่ะถ้าถึงที่พักแล้วน้องสองจะโทรมาบอกว่าอยู่ที่ไหนป๋าจะได้ตามไปถูก ขอบคุณมากค่ะพี่หนึ่ง แค่นี้ก่อนนะคะสวัสดีค่ะ” น้องสองงอนพี่หนึ่งเลยรีบตัดบทวางโทรศัพท์ไปเลย ก็พี่หนึ่งกับพี่เข้มชอบว่าเธอประจำว่าเธอไม่ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแถมอยู่แต่ในกรุงเทพฯ ไม่ยอมกลับบ้านทั้งที่บ้านก็อยู่ไม่ไกล ก็เธออยากอยู่ลำพังบ้างไม่ได้หรือไง เธอชินกับการอยู่คนเดียวเหมือนตอนไปเรียนอยู่ที่อังกฤษ ไม่มีใครมาวุ่นวายคอยตามห่วงตลอดเวลา มันรู้สึกอิสรเสรี ส่วนเรื่องทำงานเธอก็รับเดินแบบรายได้ก็ดีไม่เคยขอเงินป๋าเลยยังไม่พอใจกันอีก เธอยังไม่เจอกับพี่เข้มไม่รู้ว่าถ้าเจอกันเธอจะโดนอะไรบ้าง พี่เข้มโหดจะตายทั้งดุทั้งขี้โมโหไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนของกรุงเทพฯ เพี้ยงขออย่างให้เธอเจอพี่เข้มช่วงนี้เลยคิดแล้วหวาดเสียวจริงๆ.........
ณ ห้องรับแขกของบ้านเดี่ยวสองชั้นทรงทันสมัยปลูกอยู่กลางสวนดอกไม้ที่สวยงามแถวเมืองนนท์ ตอนนี้น้องสองเจ้าของบ้านกำลังเดินรื้อค้นห้องรับแขกอย่างสุดเหวี่ยงเหตุเพราะเธอไม่รู้ว่ามือถือเครื่องเก่งหายไปไหน เธอจำได้ว่าก่อนไปเข้านอนเธอมานั่งดูทีวีที่ห้องนี้และเอามือถือมาไว้ข้างตัวแต่ทำไมหาไม่เจอ หันไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนฝาผนังเป็นเวลา 6.30 น. ถ้าคุณทอมมี่โทรมาตอนนี้ก็น่าจะดีจะได้หาเจอ ป่านนี้ไม่รู้ไปหลงอยู่ตรงไหนหรือป่าว เฮ่อ! จะไม่มีเวลาแล้วจะหาต่อหรือจะไปแต่งตัวดีเรา เอาเป็นว่าไปแต่งตัวก่อนดีกว่าแล้วค่อยมาหาต่อทีหลัง น้องสองวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน.........
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังสองครั้งทำให้น้องสองที่แต่งตัวเสร็จแล้วแต่กำลังดูความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจกเงาต้องเดินไปดูที่หน้าต่างเห็นคุณทอมมี่ยืนรอที่หน้าประตูเหล็ก 7 โมงเช้าพอดีนับว่าเขาเป็นคนตรงต่อเวลาใช้ได้ทีเดียว เธอเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียงนอนแล้วเปิดประตูเดินลงไปชั้นล่างก่อนจะวางกระเป๋าไว้ข้างโซฟารับแขก แล้ววิ่งออกไปเปิดประตูรับคุณทอมมี่และกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณทอมมี่ เชิญข้างในก่อนคะเป็นไงบ้างหาบ้านฉันยากหรือป่าวคะ?”
“สวัสดีครับ หาไมยากครับ”
น้องสองพาทอมมี่มานั่งที่โซฟาก่อนจะเอ่ยถามไปตามมารยาทของเจ้าของบ้านที่ดี “คุณทอมมี่รับกาแฟไหมคะ ฉันกำลังจะชงกาแฟอยู่พอดี”
“ขอบคุณครับ ของผมกาแฟ 2 น้ำตาล 1 ครีมไม่ต้องครับ “ ทอมมี่รู้สึกดีใจที่น้องสองยินดีต้องรับเขา
“รอสักครู่นะคะ จะเดินชมสวนดอกไม้รอบบริเวณบ้านระหว่างรอกาแฟก็ได้นะคะ?”
ทอมมี่มองตามน้องสองเดินหายเข้าไปในห้องหนึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นห้องครัว เขาเลยลุกขึ้นเดินออกไปตรงระเบียงข้างห้องที่เป็นประตูกระจกเปิดออกไปภายนอก โอ้โฮ้! เพอร์เฟกต์มากแปลงดอกไม้นานาชนิด มีทั้งของในประเทศ และต่างประเทศ หลากสี ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณริมกำแพงมีต้นไม้ใหญ่ปลูกบดบังแสงแดดทำให้ดูร่มรื่น เขาเดินไปตามทางปูนที่ทอดยาวไปตรงกลางซึ่งมีศาลาทรงไทยโบราณตั้งอยู่ บริเวณศาลาโปร่งโล่งสบายมีโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมตั้งอยู่ตรงกลางพร้อมกับเบาะรองนั่งสีเขียวอ่อนวางอยู่สี่มุม เขาทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิบนเบาะนิ่มมองไปเบื้องหน้าซึ่งเป็นบ่อขนาดย่อมมีปลาคราฟหลายตัวแหวกว่ายไปมา......
น้องสองเดินถือถาดที่มีกาแฟ 2 ถ้วย น้ำเปล่า 2 แก้ว และขนมปังปิ้งทาแยมมาร์มาเลดสัมอีก 4 แผ่นซึ่งเธอหันมาอย่างสวยงามอีก 1 จาน เธอดินออกกมาจากห้องครัวไม่เห็นคุณทอมมี่อยู่ในห้องรับแขกแต่เห็นระเบียงด้านข้างเปิดทิ้งไว้จึงเดินออกไป และเธอก็เห็นเขานั่งอยู่ที่ศาลากลางสวน
“กาแฟมาแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
น้องสองทรุดตัวลงนั่งบนเบาะตรงข้ามกับเขาเมื่อวางถาดลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วเธอจึงหยิบถ้วยกาแฟส่งให้เขาและหยิบถ้วยของเธอขึ้นมาจิบและใช้ซ้อมจิ้มขนมปังเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เธอกวาดสายตาไปทั่วบริเวณสวนดอกไม้ยามเช้าสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะหันกลับมามองคุณทอมมี่ ตาสบตากันอย่างจังเพราะเขามองเธออยู่แล้วหรือป่าวก็ไม่ทราบเหมือนกับคราวที่แล้วเลย แต่วันนี้ขณะนี้มันใกล้กันเพียงแค่มีโต๊ะกั้นระหว่างกลางเท่านั้นเธอรู้สึกขัดเขินไม่กล้าสู้ตากับเขาต่อจึงหลบสายตาลงมองถ้วยกาแฟในมือ
ทอมมี่อมยิ้มเมื่อเห็นน้องสองหลบสายตาของเขา เขาดื่มกาแฟแต่ไม่ได้แตะต้องขนมปัง เมื่อเขาเห็นแยมมาร์มาเลดส้มที่เขาไม่ชอบ “สวนของน้องสองสวยงามดูร่มรื่นน่าพักผ่อนจนประทับใจผมมากที่สุด ผมชอบมากจนอยากมาพักผ่อนที่นี่บ่อยๆ ได้ไหมครับ?”
อะ อะไรนะคะ? ขอโทษค่ะฉันไม่ทันได้ฟังมัวแต่มองปลาในบ่อเพลินไปหน่อย” น้องสองได้ยินที่เขาขอเต็มสองหูเชียวหล่ะ แต่เธอกำลังงงกับคำพูดของเขา เอ๊? เขาชอบสวนของเธอเป็นเรื่องปกติเพราะใครๆ ที่มาที่นี้ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าสวยมาก ชอบมาก แต่ที่บอกว่าขอมาบ่อยๆ นี้มันยังไงกันหว่า ชักสงสัยแล้วเรา
“ผมถามน้องสองว่าขอมาที่นี่บ่อยๆ ได้ไหมครับ?” ทอมมี่ไม่อยากพลาดโอกาสเมื่อมันเข้ามาเข้าต้องรีบไขว่คว้าไว้ เขาจึงตอบออกไปตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงภายในใจในขณะนี้ ถึงมันจะดูลูกทุ่งไปซักหน่อยแต่มันตรงกับใจเขามากที่สุดแล้ว
“เออ! เชิญตามสบายถ้าไม่เกรงใจ เอ๊ยไม่ต้องเกรงใจ” น้องสองลากเสียงให้ฟังดูว่าเธอไม่คอยอยากต้อนรับเขานัก
“ขอบคุณล่วงหน้าครับ ผมไม่เกรงใจอยู่แล้ว ก็เราคนกันเองทั้งนั้นใช่ไหมครับ?” ทอมมี่ได้ที่ลุยหน้าเต็มกำลัง อย่าท้อเป็นอันขาดโบราณเขาว่าดักรอบให้หมั่นกู้เจ้าชู้ให้หมั่นเกี้ยวแม้เขาจะไม่ใช่คนเจ้าชู้แต่เรื่องเกี้ยวพาราสีเขาก็พอจะรู้วิธีอยู่บ้าง
“ทำไมคุณไม่ทานขนมปังคะ” น้องสองเห็นเขาวางถ้วยกาแฟที่หมดแก้วลงก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม โดยไม่ได้ทานขนมปังแม้สักชิ้นเดียว
“ผมไม่ชอบเปลือกส้มในแยมเพราะว่ามันขม แค่กาแฟอย่างเดียวก็ขอบคุณมากแล้วครับ ว่าแต่ น้องสองจ้างใครมาแต่งสวนให้หรือครับฝีมือดีจริงๆ?”
“ไม่ได้จ้างใครหรอกค่ะพอดีพี่ชายลูกคุณป้าของฉันเขาจบมาด้านนี้เขามาแต่งให้ฟรีๆ เสียแต่ค่าอุปกรณ์เท่านั้น เขาเป็นคนที่แต่งสวนให้ร้านอาหารอิ่มสบายของพี่อ้วนอีกด้วยนะค่ะ” น้องสองพูดถึงพี่เข้มอย่างภาคภูมิใจ
“พี่ชายเหรอครับ ผมอยากแต่งสวนที่บ้านบ้างไม่ทราบว่าน้องสองจะแนะนำให้ได้หรือป่าวครับ”
“ช่วงนี้คงยังไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ทราบว่าพี่เขาทำงานสำคัญอะไรอยู่และไม่มีใครทราบด้วยว่าเขาอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯ ค่ะ เอาไว้ถ้าฉันพบเขาแล้วจะบอกให้แล้วกันนะค่ะ”
“โอเคครับ เราไปกันเถอะครับเดี๋ยวสายแล้วแดดจะร้อน มาครับผมถือให้ น้องสองไม่มีเด็กรับใช้หรือครับตั้งแต่มาผมยังไม่เห็นใครเลย” ทอมมีรับอาสาช่วยน้องสองถือถาดเดินเข้าไปในบ้านเมื่อเขาเห็นเธอทำท่าจะถือเข้าไปเองจึงถามขึ้น
“มีค่ะ แต่ฉันจ้างแบบรายวันเริ่มงาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลางานเขาไม่มาหรอกค่ะ เพราะฉันสั่งให้มาตรงตามเวลาทุกวัน”
“อย่างนี้ตอนกลางคืนน้องสองก็อยู่บ้านคนเดียว อันตรายมากนะครับ เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไรครับ ผมชักเป็นห่วงคุณเสียแล้วซิครับ” ทอมมี่รู้สึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมพ่อแม่ถึงปล่อยให้ลูกสาวคนสวยมาอยู่คนเดียวแบบนี้ได้
“โธ่คุณ! ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หมู่บ้านนี้มียามตลอด 24 ชั่วโมง และมีตำรวจมาตรวจบ่อย ๆ ฉันอยู่มาเกือบ 2 ปีแล้วไม่เห็นจะมีอะไรเลย และฉันก็ชอบอยู่คนเดียวแบบนี้เข้าใจไหมค่ะ?” น้องสองไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าเขาแสดงอาการเป็นห่วงเป็นใยเธอเหลือเกินเมื่อครู่ก็บอกอยากมาที่นี่บ่อยๆ หนหนึ่งแล้วเป็นอะไรของเขาก็ไม่รู้หรือว่าเขาสนใจเธอ คงไม่ใช่หรอกมั้งไม่เคยเห็นเขาสนใจใครนอกจากคุณอีฟมาตั้งนานแล้ว เธอไม่อยากบอกว่าเรื่องที่เขาห่วงนั้นเคยมีคนห่วงมาแล้ว ทุกคนทางบ้านของเธอไม่ว่าจะเป็นป๋า แม่ พี่หนึ่ง ตาขาม ยายพะยอม ป้าไข พี่เข้ม ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นห่วงกันทั้งนั้น จนตาขามตัดสินใจส่งลูกน้องมาดูแล แต่เธอขอไว้ว่ามาได้แต่อย่ารบกวนเวลาส่วนตัวขอให้ดูแลอยู่ห่างๆ ก็พอแล้วบ้างครั้งเธอไปถ่ายแบบต่างจังหวัดลูกน้องของตาขามก็ยังขับรถตามดูแลตลอดทางไม่รู้ว่าวันนี้พวกนั้นจะตามไปด้วยหรือป่าว แต่เธอจำหน้าได้ทุกคนหากตามไปเดี๋ยวก็รู้
ทอมมี่กำลังอยากเข้าไปเขย่าคนตรงหน้าที่ยื่นพูดลอยหน้าลอยตาว่าไม่ต้องเป็นห่วงนัก ช่างไม่รู้บ้างเลยว่าสังคมสมัยนี้อันตรายมีรอบด้าน คนเขาเป็นห่วงก็ยังมาส่วยหน้าเหมือนเอือมระอาซะงั้นแหละ คิดแล้วน่าเจ็บใจนัก ฮืมๆๆ “อุตส่าห์เป็นห่วง ยังมาว่ากันอีก ไปกันหรือยังครับ?”
น้องสองเห็นคุณทอมมี่หน้าตาบึ้งตึงปากเม้มเป็นเส้นตรงเธอเห็นเข้าค้อนให้ด้วย ผู้ชายอะไรขี้ใจน้อย หัวก็ไม่ล้านซักหน่อย เขาจะมาห่วงอะไรกันนักหนาคนเพิ่งจะรู้จักกันแท้ๆ แปลกคนจริงๆ เออจริงซิเรายังหามือถือไม่เจอเลยนี่หน่า ขอยืมมือถือเขาโทรเข้าเครื่องดีกว่ามันน่าจะตกอยู่แถวๆ โซฟานี้แหละ “คุณทอมมี่คะ ฉันขอยืมมือถือหน่อยค่ะ เผอิญฉันทำมือถือหล่นอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนยังหาไม่เจอเลยค่ะ ที่บ้านก็ไม่มีโทรศัพท์ด้วยต้องหาให้เจอก่อนค่อยไปค่ะ”
“นี่ครับ อะไรกันโทรศัพท์บ้านก็ไม่ติดให้มันได้อย่างนี้ซิ น่าโมโหชะมัด” ทอมมี่บ่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวกระแทกตัวลงนั่งโซฟาหน้าตาบึ่งตึงเมื่อยื่นมือถือให้องสองเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณค่ะ” น้องสองเห็นอาการของทอมมี่ก็เหวอไปเลย เขาโกรธเธอเหรอ โกรธเรื่องอะไรกัน ตานี่ถ้าจะบ้า ช่างเขาจะโกรธก็โกรธไปเถอะหามือถือให้เจอดีกว่าจะได้รีบไปซะที น้องสองยกมือถือมากดเบอร์ของตัวเอง เอ๊ะ! นี่มันเบอร์ของเธอแล้วชื่อใครหว่า “หวานใจ” เฮ๊ย! อย่าบอกนะว่าอีตาทอมมี่บันทึกเบอร์ของเธอชื่อนี้ บ้าไปแล้ว เขาต้องบ้าแน่ๆ เธอจะไปเป็นหวานใจของเขาได้ไง สงสัยเพี้ยนจนพิมพ์ผิดแหงๆ น้องสองมัวแต่เพ่งมองหน้าจอมือถือจนลืมหาที่มาของเสียงมือถือของตัวเองที่ดังขึ้น.......
ทอมมี่ได้ยินเสียงมือถือดังก็หันซ้ายหันขวาหาที่มาของเสียงจนรู้ว่ามันดังมาจ้างข้างใต้เบาะโซฟาที่เขานั่งอยู่จึงลุกขึ้นพร้อมยกเบาะออกเห็นมือถือสีแดงเครื่องเล็กวางอยู่จึงหยิบขึ้นมาและเก็บเบาะวางไว้ที่เดิม เขาหันไปหาน้องสองเห็นเธอกำลังจ้องมองหน้าจอมือถือของเขาตาไม่กระพริบ เขาจึงก้มลงไปมองหน้าจอมือถือในมือ “ลูกไก่” ชื่อใครก็น้องสองกำลังใช้เครื่องของเขาโทรเข้าเครื่องตัวเองอยู่นี่หน่า ถ้าอย่างนั้นชื่อลูกไก่ก็เบอร์ของ เขานะซิ แล้วมันหมายถึงอะไรไม่เห็นจะเพราะเลยสู้ชื่อที่เขาตั้งให้เธอก็ไม่ได้ “หวานใจ” เอ๊ย! ตายละหว่ามิน่าน้องสองถึงจ้องมือถือค้างอยู่แบบนั้นคงงงแน่ๆ เขารีบปิดเสียงมือถือที่ยังคงดังไม่หยุด และเป็นเวลาเดียวกับที่น้องสองเงยหน้าขึ้นมองตรงมายังเขาพอดี
“เอามือถือคืนมา”
ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
น้องสองยื่นมือถือคืนเขาและรับของตัวเองคืนมา ตายแล้วเขาต้องเห็นชื่อลูกไก่แน่ๆ โอ๊ยทำไมต้องมาเห็นตอนนี้ด้วย แล้วเขาจะถามไหมว่าทำไมใช้ชื่อนี้ เขาคงไม่ถามหรอกเป็นผู้ชายคงไม่คิดอะไรหยุมหยิมเหมือนกับผู้หญิง แล้วเธอ หล่ะจะถามเขาดีไหมว่าทำไมเขาใช้ชื่อหวานใจ คิดแล้วก็หน้าแดงรู้สึกว่าจะดีใจหรือป่าวนะเรา เกิดมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วยังไม่เคยเป็นหวานใจจริงๆ กับใครเขาเลย แล้วถ้าเขารับเธอเป็นหวานใจตัวจริงหล่ะจะเป็นอย่างไรหนอ น้องสองคิดฝันหวานเพลินอยู่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อทอมมี่พูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง
“เราไปกันเถอะครับ หวังว่าคุณคงพร้อมแล้ว” ทอมมี่เดินไปลากกระเป๋าที่เขาเห็นมันวางอยู่ข้างโซฟาแล้วเดินไปใส่ไว้หลังระยนต์ของตัวเองและขึ้นไปติดเครื่องนั่งรอน้องสอง พอเขาเห็นน้องสองปิดประตูเหล็กหน้าบ้านและขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกรถทันที คนทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบไม่ใครพูดอะไรออกมาเลย********
ความคิดเห็น