คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
ห้องอาหารของตระกูลพิศาลสมบัติ ขณะนี้เวลาเจ็ดโมงครึ่งที่ห้องดังกล่าวมีสมาชิกในบ้านนั่งอยู่แล้วสองคนคือคุณเอมอรและหนูอีฟ ทั้งสองกำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ ส่วนนมตู๋ดูแลความเรียบร้อยอยู่ไม่ไกลนัก
“คนของแม่อรขาลุกไม่ไหวเหรอค่ะ หนูอีฟไม่เห็นเลย”
คุณเอมอรเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวคนเดียวด้วยแววตาเอ็นดู “หนูอีฟหมายถึงเข้มหรือป่าวเขาลงไปรอหนูที่รถตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้วค่ะลูก”
“หนูไปทำงานก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” หนูอีฟรีบยุติการทานอาหารเมื่อแม่อรขาบอกว่านายเข้มไปรอเธออยู่ที่รถ นี่ก็แสดงว่าเขาหายดีแล้วและจะไปทำหน้าที่เหมือนเมื่อวานนี้ด้วย คิดแล้วกลุ้มใจจัง เฮ้อ!เซ็งจริงๆ”
เข้มขึ้นนั่งประจำที่ทันทีเมื่อเห็นหนูอีฟเดินตัวปลิวลงมาจากตึก วันนี้เขาจะทำตัวให้เงียบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพราะเขาเบื่อที่จะพูดจากับคนดื้อรั้น
“นึกว่าเดินไม่ได้ซะแล้ว เสียดายน่าจะกระทืบให้แรงกว่านี้เนอะ?” เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาหนูอีฟหันไปมองเห็นนายเข้มทำหน้าที่คนขับรถได้ดีมากไม่มองจุดใดเลยนอกจากหน้ารถที่ขับอยู่
“วันอาทิตย์นี้ครบร้อยวันคุณพ่อ คุณแม่บอกนายหรือยังว่าเราจะไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดกัน?” เงียบเหมือนเดิม นายเข้มยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หนูอีฟนึกหมั่นไส้เป็นกำลัง แหม นึกว่าฉันจะง้อเหรอฝันไปเถอะ ไม่พูดก็อย่าพูดดีเธอจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับเขาอีกแล้ว เธอนั่งหันข้างให้เขาแล้วเหม่อมองออกไปนอกตัวรถไกลสุดสายตา
เข้มเห็นหนูอีฟงอนเขาก็อดขำไม่ได้ ที่ตัวเองแกล้งเขาได้แกล้งเขาดี พอโดนแกล้งบ้างก็งอนเสียแล้ว เหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิดเลย...........
โคมลงจากรถแล้วเดินไปที่ลิฟท์สำหรับผู้บริหารของอาคารบิ๊กบิ๊กทาวเวอร์ก็เห็นหนูอีฟกำลังยืนรอลิฟท์อยู่ ข้างๆ เธอมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อคมเข้มยื่นอยู่ด้วย เขาจึงเดินเข้าไปทักทาย
“อรุณสวัสหนูอีฟ คนนี้ใครกันพี่ไม่คุ้นหน้าเลยพนักงานใหม่หรือครับ”
“คนขับรถของหนูอีฟเองค่ะพี่โคม แม่อรขาหาให้บอกกว่าหนูอีฟจะได้ไม่ต้องเหนื่อยขับรถไปไหนมาไหนลำพังคนเดียว นายเข้ม! นี่คุณคมสัณห์ หรือพี่โคม พี่ชายฉันเอง”
“สวัสดีครับผมเขมชาติ คุณโคมเรียกผมว่าเข้มก็ได้ครับ”
“สวัสดีครับ หวังว่าคุณจะทนนิสัยของน้องสาวผมได้นานๆ นะครับ” โคมพูดแหย่เมื่อเห็นหนูอีฟถลึงตาใส่นายเข้มเป็นระยะๆ
“พี่โคมวันอาทิตย์ไปทำบุญถวายสังฆทานให้คุณพ่อกันนะคะ แล้วหนูอีฟจะโทรศัพท์ไปแจ้งให้คุณป้านงทราบอีกครั้งหนึ่งค่ะ”
“พี่ไม่ลืมวันสำคัญของคุณพ่อหรอก แต่มันยังอีกตั้ง 6 วันนะครับหนูอีฟ”
“ค่ะหนูอีฟทราบแค่กลัวพี่โคมลืมเท่านั่นคะ เราแยกกันตรงนี้เลยนะคะ?” หนูอีฟเดินแยกไปทางห้องทำงานของเธอ ส่วนโคมก็เดินเลี้ยวไปอีกฟากของตัวอาคาร
หนูอีฟนั่งลงบนโต๊ะทำงานของเธอ แล้วเห็นนายเข้มเดินไปนั่งลงที่โซฟามุมห้องโดยไม่คิดจะพูดกับเธอแม้สักคำ เป็นอย่างนี้ให้ตลอดวันแล้วกัน ฉันก็ไม่ได้อยากพูดกับนายหรอก หนูอีฟหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดดูไม่ได้ให้ความสนใจกับนายเข้มอีกเลย..............
ณ ห้องสวีทโรงแรมหรูกลางเมืองกรุง บัดนี้มีร่างหญิงชายแต่งกายในสภาพที่หมิ่นเหม่โดยฝ่ายหญิงนุ่งกระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวส่วนฝ่ายชายมีผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวพียงชิ้นเดียวเหมือนกันไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งคู่ทำอะไรร่วมกันมา
“คุณโคมขา คุณโคมต้องรับผิดชอบดาวนะคะ อย่าทิ้งขว้างดาว ดาวเป็นของคุณแล้ว” อรฤดี รุ่งพบแสง หรือดาว นางร้ายในละครทีวีเดินเขาไปโอบกอดโคมจากด้านหลัง ในขณะที่เขายืนสูบบุหรี่อยู่ภายนอกระเบียง
“ผมให้คุณได้เดือนละสามหมื่นบาท คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้เป็นผู้สืบทอดมรดกของคุณพ่อ ถ้าคุณรับได้ผมก็ไม่มีปัญหา” โคมพูดทั้งที่สายตาเขายังมองตรงไปเบื้องหน้าโดยมิได้หันกลับมามองคนที่กอดเขาแต่อย่างใด ดาวก็เหมือนกับผู้หญิงหลายๆ คนที่เขารู้จักเพียงแค่เขานัดทานข้าวเพียงมือสองมื้อก็สามารถพามานอนได้ ผู้หญิงในความรู้สึกของเขาก็เหมือนกันทุกคน พวกเธอต้องการเกียรติยศ ความมีชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินทอง ความสะดวกสบาย คอนโดหรูๆ รถยนต์แพงๆ แต่เขายังไม่คิดจะจริงจังกับใครเขาคงไม่ปรนเปรอสิ่งของเหล่านี้ให้หล่อนเป็นแน่ แค่ให้เงินใช้เป็นรายเดือนก็ถือว่าเยอะแล้ว
“แหมคุณโคม ดาวไม่ได้เห็นแก่เงินนะคะ ทุกวันนี้ดาวก็สุขสบายดี ดาวมีงานละครปีละ 2-3 เรื่องรายได้ก็มากทีเดียว ทรัพย์สินเงินทองก็พอเลี้ยงตัวเองได้สบาย ดาวมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มีคอนโด มีรถยนต์ ของตัวเองแล้ว ดาวแค่ขาดเกียรติยศเท่านั้น ดาวไม่ขออะไรมากหรอกค่ะแค่ขอให้คุณโคมพาดาวออกงานสังคมสักพักหนึ่งได้ไหมคะ ดาวจะได้มีโอกาสรู้จักกับบุคคลหลายๆ วงการ นะคะๆ คุณโคมขา ดาวขอเพียงแค่นี้เองหวังว่าคุณโคมคงไม่ทำให้ดาวผิดหวัง”
โคมเหยียดยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ฟังสิ่งที่ดาวต้องการ เขาคิดไม่ผิดจริงๆ แค่พลาดไปนิดหน่อยเรื่องแค่นี้เขาให้ได้อยู่แล้วดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องเสียเงินแถมมีดาวเด่นแห่งวงการบันเทิงมาควงออกงาน แม้หล่อนจะไม่ใช่นางเอกแต่หล่อนก็เป็นนางร้ายที่มีผู้ชายหลายระดับหมายปอง และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเหมือนกัน เขาไม่คิดเลยว่าโอกาสมันจะเข้ามาหาเขาง่ายๆ อย่างนี้
“ถ้าคุณดาวต้องการแค่นี้ผมก็ไม่มีปัญหา รับรองว่าผมจะแนะนำคุณดาวให้เพื่อนๆ นักธุรกิจของผมได้รู้จักคุณดาว จนคุณดาวจำไม่หวาดไม่ไหวเลยครับ พอดีค่ำนี้มีงานพบปะสังสรรค์ของผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศคุณต้องการไปหรือป่าว?”
“ดาวอยากไปค่ะ ขอไปด้วยคนนะคะ?”
“โอเค! ตอนห้าโมงเย็นผมจะไปรับคุณที่คอนโดนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณโคมขา คุณโคมน่ารักที่สุดเลย ราสองคนรู้ใจกันอย่างนี้คงอยู่กันได้นานแน่นอนเลยค่ะ” ดาวเดินนวยนาดมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วไต่มือไปโอบรอบลำคอโน้มคีรษะเขาลงมาจนชิดริมฝีปาก ของเธอ เรื่องแบบนี้เธอถนัดอยู่แล้วก็มันเป็นบทบาทที่เธอต้องแสดงยั่วยวนพระเอกในละครอยู่บ่อยๆ เธอแค่งัดวิชามาใช้ในชีวิตจริงบ้างเท่านั้น และบทบาทเลิฟซีนอันรุนแรงเร่าร้อนก็เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยความเต็มใจของทั้งเขาและเธอ............
ทอมมี่วางโทรศัพท์ลงบนแป้นหลังจากที่เขาได้พูดคุยกับคุณนีนี่เจ้าแม่วงการนางแบบ เขายิ้มอย่างพึงพอใจในข้อมูลที่ได้รับถึงแม้มันจะไม่กระจ่างแจ้งต่อก็ทำให้เขาหาโอกาสเข้าใกล้เธอได้ง่ายขึ้น น้องสองเธอเป็นนางแบบไร้สังกัดเลือกรับงานเฉพาะงานที่ตนเองพอใจเท่านั้น เธอไม่สนเงินทองเพราะครอบครัวเธอมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีที่มาเป็นนางแบบเพราะใจรักและทำเป็นงานอดิเรก เธอมีบ้านพักของตัวเองอยู่แถวเมืองนนท์ มีแฟนหรือป่าวไม่มีใครทราบ ทราบแต่ว่าเธอมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทหลายคนและมีคนเห็นชายหุ่นอาเสี่ยมารับบ่อยๆ ทอมมี่หยิบกระดาษที่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือของน้องสองขึ้นมาดูเขาแค่ใช้วาทศิลป์นิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถได้มาไว้ในกำมือ นึกดีใจที่ตนเองจะได้พบคนที่เฝ้าคิดถึงอยู่หลายวันหลังจากวันที่ได้พบกันที่ร้านอาหารอิ่มสบาย เขาก็เฝ้าวนเวียนคิดถึงแต่เธอทั้งวันทั้งคืนมันรุ่มร้อนไปหมดจนต้องโทรหาคุณนีนี่ นับแต่วันนี้เขาต้องมุ่งหน้าทำความฝันให้เป็นความจริงให้ได้ เขาหยิบมือถือในกระเป๋าเสื้อสูทตัวหรูขึ้นมาพร้อมกดเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนกระดาษในมือโดยไม่อยากให้เสียเวลา
“สวัสดีค่ะ น้องสองพูดคะ” ทอมมี่รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงใสๆ ตอบรับกลับมา
“สวัสดีครับน้องสอง ผมธนบดี เกียรติธนาดล หวังว่าน้องสองคงพอจะรู้จักผมมาบ้างนะครับ?”
น้องสองรู้สึกตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาคุณทอมมี่ แล้วนี่เขาทราบเบอร์ของเธอได้อย่างไร สงสัยคงไปขอจากพี่นีนี่แน่ๆ เพราะเธอไม่ค่อยได้ให้เบอร์ส่วนตัวกับใครมากนัก แหมทำมาเป็นเบ่งคงคิดละซิว่าคนทั้งประเทศจะต้องรู้จักเมื่อบอกชื่อและนามสกุลอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง เมินซะเถอะถึงฉันจะรู้จักคุณฉันก็ทำเป็นไม่รู้จักใครจะทำไม น้องสองคิดแล้วแกล้งพูดตอบกลับไปเสียงเย็น “เออ! คือว่าไม่รู้จักค่ะ ชื่อไม่คุ้นหูเลยบังเอิญฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเลยไม่ค่อยรู้จักใครมากนัก ไม่ททราบคุณมีอะไรกับฉันหรือคะ?”
ทอมมี่รู้สึกสะอึกกับคำตอบที่ได้รับ อะไรกันเธอเป็นนางแบบจะไม่รู้จักเขาได้อย่างไร ไม่น่าเป็นไปได้หรือว่าเธอสนใจแต่ผู้ชายมาดอาเสี่ยพุงพะโล้เท่านั้น ไว้เจอกันจังจังก่อนเถอะเขาจะทำให้เธอจดจำเขาได้เป็นอย่างดีแน่นอน แต่เธอยังพอมีน้ำใจไม่ตัดสายเขาทิ้งไปเลย “ไม่รู้จักหรือครับไม่เป็นไรผมขอแนะนำตัวเองก่อนแล้วกัน ผมชื่อธนบดี เกียรติธนาดล เรียกผมว่าทอมมี่ก็ได้ ผมเป็นบรรณาธิการนิตยสารดาวเด่น ต้องการเชิญน้องสองมาเป็นแบบปกหนังสือดาวเด่นสำหรับเดือนหน้าค่าตัวจ่ายไม่อั้นเรียกมาได้เต็มที่รับรองว่าผมไม่ต่อรองซักคำ ผมขอย้ำนะครับว่าอยากได้คุณมาเป็นแบบมากๆ ส่วนเรื่องสถานที่และเสื้อผ้าก็ให้คุณเลือกเองได้ตามใจชอบจะต่างประเทศหรือในประเทศไม่เกี่ยงทั้งนั้นผมยินดีจัดให้ตามต้องการ ขอเพียงน้องสองรับปากเป็นแบบให้เท่านั้นนะครับ” ทอมมี่ออดอ้อนออกไปโดยไม่รู้ตัว เขาหวังเพียงให้เธอตกลงเท่านั้น เขาอยากรู้ด้วยว่าหากเธอได้มีโอกาสเลือกทุกอย่างเองเธอละเลือกออกมาแบบไหนเขาจะได้ศึกษาพื้นฐานนิสัยของคนที่เขาอยากได้มาเป็นคู่ชีวิตแบบจริงจังในคราวเดียวกัน
โอ้โฮ! รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะ คุณทอมมี่แห่งดาวเด่นมาติดต่อนางแบบด้วยตนเอง เดี๋ยวนี้หนังสือของคุณมีโปรโมชั่นให้นางแบบเลือกรับงานด้วยหรือคะดีจังเลยค่ะ ถ้าคุณให้โอกาสฉันได้เลือกสถานที่เองก็ตกลงค่ะไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องค่าตัวก็ขอแค่ราคาปกติที่ฉันเคยได้รับแล้วกัน”
“ขอบคุณนะครับที่ตกลงทำงานร่วมกัน ผมอยากให้คุณเริ่มงานอาทิพย์หน้าเลย คุณสะดวกหรือป่าวครับ?”
“สะดวกค่ะ ฉันขอเวลาคิดเรื่องสถานที่และเสื้อผ้าสักสองวัน แล้วจะติดต่อกลับไปหานะค่ะ สวัสดีค่ะ”
น้องสองกดปิดโทรศัพท์ทันทีที่พูดจบ นายยังรู้จักฉันน้อยไปนายทอมมี่ ให้โอกาสเลือกสถานที่เองเลือกเสื้อผ้าเองตามใจชอบได้เลยเดี๋ยวฉันจัดให้ เอาแบบนายคาดไม่ถึงไปเลยที่เดียว นิตยสารดาวเด่นชื่อก็บอกอยู่แล้วหนังสือของเขาที่เธอเคยเห็นแบบปกมีแต่ดารานางแบบดาวรุ่งระดับประเทศทุกฉบับส่วนสถานที่และเสื้อผ้าแต่ละครั้งก็สวยหรูเลิศอลังการไปซะทุกอย่าง แต่คราวนี้นายมาขอให้ฉันเป็นแบบเองช่วยไม่ได้นะหากฉันจะเลือกทำในสิ่งที่ใจต้องการแต่ไม่เข้ากับ คอนเซ็ปหนังสือของนายเลย คิดดูอีกทีก็ดีเหมือนกันนะเคยมองดูเขาอยู่ไกลๆ คราวนี้ได้เห็นเขาใกล้ๆ ตั้งหลายวันจะได้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเสียทีว่าจะเป็นคนดีแบบที่เธอคิดหรือป่าว เดี๋ยวบันทึกชื่อเขาไว้ก่อนเอาชื่ออะไรดีหนาจะได้จำง่ายๆ เอาชื่อนี่ดีกว่า “ลูกไก่” จะบีบก็ตายจะคลายก็ตายเพราะเธอบีบไปแล้ว เฮอะๆๆ
หลังจากวางสายจากน้องสองแล้วทอมมี่ก็นั่งอมยิ้มอยู่เพียงลำพังวาดฝันไปถึงวันที่จะได้อยู่ใกล้กับ น้องสองตั้งสามวันสามคืนเพราะการถ่ายแบบหนังสือของเขาต้องใช้ความละเอียดอ่อนต้องเลือกแสงสีและเงาอย่างลงตัวจึงต้องใช้เวลาในการถ่ายถึงสามวัน เขาต้องทำคะแนนให้ตัวเองเยอะๆ น้องสองจะได้ประทับใจหันมาสนใจเขาแทนพวกอาเสี่ยทั้งหลายนั่นเสียที เกือบลืมบันทึกชื่อของน้องสองไว้ในมือถือเลยเอาซื่อนี่ดีกว่า “หวานใจ” เพราะคำนี้เขามีให้เธอคนเดียวเท่านั้นจริงๆ .................
เวลาสามทุ่มตรงภายในห้องทำงานของผู้บริหารสาวสวยนามว่าคุณอีฟ ตอนนี้เธอกำลังเบื่อกับการนั่งอยู่กับโต๊ะมาทั้งวันแล้วยิ่งไม่ได้คุยกับใครด้วยแล้วยิ่งเบื่อเข้าไปใหญ่ เธอหันไปมองยังโซฟาตัวโปรดซึ่งเธอจะใช้มันประจำเวลาที่เบื่อๆ แต่เวลานี้เธอไม่สามารถใช้มันได้เพราะขณะนี้ได้มีร่างชายหนุ่มนามนายเข้มจับจองเป็นเจ้าของไปเรียบร้อยแล้ว อีตาบ้านี่ถ้าไม่นั่งก็นอนเล่นสบายทั้งวันเขาไม่เบื่อบ้างหรือไงนั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้ถ้าเป็นเธอคงเบื่อแย่เลย วันนี้เธอกะว่าจะแกล้งเขาเสียหน่อยก็เขาเล่นไม่ยอมพูดกับเธอทั้งวันแล้วจนนี่ก็สามทุ่มแล้วเขาก็ยังนั่งนิ่งไม่ยอมมาชวนเธอกลับบ้านหรือเขาจะให้เธอเป็นฝ่ายง้อไม่มีวันซะหรอก เธอจะนั่งอยู่แบบนี้แหละดูซิว่าเขาจะทนได้แค่ไหนเดี๋ยวเธอแอบไปโทรศัพท์ในห้องน้ำบอกแม่อรขาดีกว่าว่าเธอมีงานต้องกลับบ้านดึกเพราะเธอให้ ไอติมเลขาหน้าห้องกลับบ้านไปตามเวลาปกติแล้ว เธอลุกขึ้นเดินผ่านโซฟาตรงไปยังห้องน้ำเพื่อโทรหาแม่อรขา
เข้มหันไปมองดูหนูอีฟเห็นเธอเดินผ่านเข้าไปในห้องน้ำนี่มันสามทุ่มกว่าแล้วเธอไม่คิดจะกลับบ้านหรือไงเขาเห็นเธอสั่งไอติมให้เอาเอกสารอะไรไม่รู้มาตรวจเป็นตั้งๆ ดูแล้วเหมือนจะทำทั้งอาทิตย์แล้วเธอก็นั่งตรวจอยู่นั่นแหละป่านนี้ยังไม่คิดจะกลับบ้านอีกไม่รู้ว่าคิดจะค้างที่นี้หรือป่าว เขาว่าจะไม่ยุ่งกับเธอแล้วเชียวเพราะเวลาเขาได้พูดคุยใกล้ชิดเธอคราวใดใจมันก็คอยแต่จะคิดเตลิดเปิดเปิงไปด้วย เขาอยากอยู่ห่างๆ เธอไม่ต้องพูดกันได้เลยก็ดีต่างคนต่างอยู่ดีกว่า อยู่ใกล้กันมากๆ ก็เกิดเรื่องทุกทีไม่รู้เป็นอะไรและเขาก็เป็นคนชอบแกล้งเสียด้วยซิ.....เขาคิดว่าถ้าเธอออกมาจากห้องน้ำเมื่อไหร่เขาจะบอกว่าเขาขออนุญาตไปเอาชุดมาให้เธอเปลี่ยนสำหรับคืนนี้และพรุ่งนี้ด้วยดีกว่า นั่นไงหนูอีฟเดินออกมาแล้ว
“คุณอีฟครับผมขออนุญาตกลับบ้านก่อนนะครับ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วบิดซ้ายบิดขวาแก้อาการเมื่อยกำลังจะก้าวเดินก็ได้ยินเสียงแหลมสูงของหนูอีฟ
“อะไรกันจะทิ้งฉันไว้ที่นี่หรือ ไหนว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาไง คนอะไรพูดไม่เป็นคำพูดฉันว่าแล้วจ้างไม่คุ้มเงินเดือนจริงๆ ด้วย” หนูอีฟเห็นนายเข้มพูดกับเธอก่อนก็นึกดีใจว่าเธอชนะแต่ที่ไหนได้เขาดันบอกว่าจะกลับบ้านก่อนเธอซะนี่มันน่าโมโหนัก
“ใครบอกว่าผมจะทิ้งคุณ ผมจะกลับไปเอาชุดมาเปลี่ยนสำหรับคืนนี้และวันพรุ่งนี้ของเราสองคนต่างหากนี่ถ้ารู้ว่าคุณอีฟจะนอนค้างที่นี่ผมคงเตรียมมาแล้วจะได้ไม่ต้องกลับไปเอา และที่นี่ก็มียามรักษาความปลอดภัยตลอดทั้งคืนไม่ต้องกลัวไปหรอกว่าใครจะมาทำอันตรายคุณถึงถิ่น ถ้าผมเป็นคนร้ายผมคงหาโอกาสเวลาคุณออกไปไหนๆ คนเดียวดีกว่าสะดวกดีด้วย ผมไปก่อนนะครับเดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้” เข้มเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหนูอีฟมายืนขวางเขาอยู่ตรงหน้า
“คนบ้า ฉันบอกนายเมื่อไหร่ว่าจะค้างที่นี่ ใครเขาจะนอนค้างที่ทำงานกันบ้านก็มีให้นอนงานก็ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายถึงขนาดนั้นซะหน่อย” หนูอีฟเดินมาดักหน้านายเข้มไว้แล้วลอยหน้าลอยตาพูดใส่เขาเป็นชุด
“ผมคิดเองก็เห็นคุณอีฟตรวจเอกสารเต็มโต๊ะไปหมดผมดูแล้วตรวจเป็นอาทิตย์ก็ไม่เสร็จ แล้วนี่ก็ สามทุ่มกว่าแล้วนึกว่าคุณคงนั่งตรวจงานถึงเช้าหรือไม่ก็คงอยากนอนที่นี่เลยไม่ต้องเสียเวลากลับบ้านพรุ่งนี้จะได้ตรวจงานต่อไงครับ” เข้มยิ้มเมื่อเห็นหนูอีฟตาโตคิ้วผูกโบว์ติดกันบอกอาการว่าโกรธเขาเข้าแล้ว
“ฉันก็คิดจะกลับอยู่แล้ว แค่อยากตรวจดูความเรียบร้อยของบัญชีรายรับรายจ่ายนิดหน่อยเท่านั้น ฉันละเลยไม่ได้ตรวจบัญชีมาตั้งแต่คุณพ่อเสียเอกสารมันก็เลยเยอะแบบนี้แหละ ฉันตั้งใจจะตรวจให้เสร็จภายในสามวันก็เลยนั่งทำงานเพลินไปหน่อยแค่นั้นไม่ได้ต้องการจะค้างที่นี่อย่างที่นายว่า หากฉันอยากเร่งตรวจงานขนาดนั้นฉันก็จะเอากลับไปตรวจที่บ้านไม่ค้างที่นี่แน่นอน เพราะที่นี้ไม่มีห้องพักมีแต่ห้องทำงานอย่างเดียวเท่านั้น” หนูอีฟพูดจบก็สะบัดหน้าหันกลับจะเดินไปยังโต๊ะทำงานแต่รองเท้าเจ้ากรรมไปสะดุดกับพรมเข้าทำให้เธอซวนเซไม่เป็นท่า “ว๊าย! เธอร้องด้วยความตกใจแต่ก่อนที่เธอจะล้มลงกับพื้นเข้มก็คว้าเอวเธอไว้ได้ทัน
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับคุณอีฟ คราวหน้าคราวหลังจะเดินก็ให้ระวังมากๆ นะครับ คุณอีฟใส่รองเท้าส้นสูงเหมือนพวกนางแบบเดินบนแคตวอล์กมันก็สะดุดบ่อยๆ แบบนี้แหละครับ นี่ถ้าผมรับไว้ไม่ทันมีหวังพรุ่งนี้คุณมาทำงานไม่ได้แน่ๆ เพราะว่าเจ็บก้น ฮะๆๆๆ” เข้มยังไม่ปล่อยเอวของหนูอีฟแถมยังรัดไว้แน่นกว่าเดิมจมูกก็สูดดมความหอมจากพวงผมที่ปล่อยสยายเป็นมันวาวจากข้างหลังเธอซึ่งเธอไม่รู้ตัวเลย
“ขอบคุณ! ถ้าช่วยกันแล้วมาว่ากันแบบนี้คราวหลังก็ไม่ต้องช่วยฉันยอมเจ็บตัวดีกว่าโดนคนอย่างนายมาว่าฉอดๆ แบบนี้ ปล่อย! จะกอดอีกนานไหมฉันไม่ชอบ (ซะเมื่อไหร่หนูอีฟคิดในใจ) ปล่อยได้แล้วฉันจะไปหยิบกระเป๋าเดี๋ยวเราได้กลับบ้านกัน.......
เข้มยอมปล่อยแขนออกอย่างเสียดาย เฮ้อเข้าใกล้กันอีกแล้วใจมันสั่นๆ ทุกที ไม่รู้ว่าหนูอีฟเป็นเหมือนเขาหรือป่าว
หนูอีฟเดินมาหยิบกระเป๋าในลิ้นชักโต๊ะทำงานด้วยมือที่สั่นจนเธอต้องกำหูกระเป๋าสะพายไว้แน่น ไม่รู้ว่าทำไมเวลาเธออยู่ใกล้ๆ นายเข้มคราวใดใจเธอมันก็เต้นโครมครามเหมือนมีกลองหลายๆ ลูกอยู่ภายในทุกทีสงสัยเธอต้องอยู่ห่างๆ กับเขาไว้ไม่อย่างนั้นสักวันเธอต้องเผยความรู้สึกลึกๆ ข้างในให้เขาได้รู้อย่างแน่นอนก็มันน่าอายมากๆ......
“กลับกันได้แล้วนายเข้ม” หนูอีฟรีบเดินนำหน้าเขาออกไปจากห้องก่อนที่เธอจะคิดอะไรไปมากกว่านี้.
ความคิดเห็น