คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7
ตอนที่ 7
เข้มเดินเข้ามาบริเวณหลังร้านอาหารซึ่งเป็นส่วนของห้องครัวและห้องของเจ้าของร้านเขายิ้มแล้วยกนิ้วชี้ทำสัญญาณให้เงียบกับเม้งพนักงานเสริฟและลูกสมุนคนหนึ่งของไอ้อ้วนที่ยกมือใหว้เขาแล้วทำท่าจะเรียก ไอ้อ้วนที่นั่งหันหลังก้มหน้าก้มตาสาระวนกับสมุดบัญชีที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า เขาย่องเข้าไปใกล้ๆ แล้วหยิบปืนคู่กายที่เขาแอบไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าจี้ไปที่หลังของไอ้อ้วนปากก็เอ่ยออกไปด้วยเสียงเหี้ยม
“หยุด! อย่าขยับส่งเงินในลิ้นชักมาให้หมด”
“กูไม่หยูดมึงจะทำไม คนละนัดแลกกันไปเลยดีกว่า” อ้วนหยิบปืนที่แอบอยู่ใต้สมุดบัญชีแล้วกลับหลังหันส่องปืนตรงไปยังคนที่เขาคิดว่าเป็นโจรทันทีที่ได้ยินมันสั่งให้หยุดแต่เสียงที่คุ้นหูทำให้เขายังไม่คิดจะลั่นไก
“เฮ้ย! กูเองโว้ย มึงยังไวเหมือนเดิมเลยนะ เตรียมพร้อมเชียว อะไรกันวะทำอาชีพสุจริตแต่ทำไมต้องวางปืนไว้ข้างตัวขนาดนี้ด้วยวะเพื่อนเกลอ?”
“เกือบไปเฝ้ายมพบาลแล้วนะมึงดีนะกูจำเสียงมึงได้ เล่นอะไรบ้าๆ กูยิ่งระแวงว่าไอ้พวกคู่อริเก่าๆ มันจะมาเล่นงานกูอยู่ มาได้ไงวันนี้มานั่งคุยกันก่อนเดี๋ยวไอ้เม้งมันเอาเหล้ามาเสริฟเองมันเห็นมึงแล้วใช่ไหม?”
เข้มเก็บปืนเข้าชายเสื้อเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับไอ้อ้วน สมัยเรียนมัธยมปลายไอ้อ้วนเป็นหัวโจ๊กเขาเป็นรองในการทะเลาะวิวาทต่อยตีกับเขาไปทั่วไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกโรงเรียนมันลุยมาหมดถึงได้มีศัตรูเยอะเขากับมันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดก็หลายครั้งจนเขาสองคนทำสัญญาสาบานเป็นเพื่อนตายของกันและกัน จนกระทั่งมันได้แต่งงานมีลูกแล้วหนึ่งคนนั่นแหละถึงได้เลิกเป็นนักเลงหันมาทำอาชีพสุจริตก็คือร้านอาหารแห่งนี้
“เออ มันเห็นแล้วกูสั่งไม่ให้มันเรียกมึงเองแหละ นั่นไงมันถือเหล้ามาแล้ว แล้วคุณโฉมเมียแกกับน้ำแข็งจอมแสบไม่อยู่เหรอวะข้ายังไม่เห็นเลยตั้งแต่เดินเข้ามา” เข้มถามหาโฉมสุภางค์และเด็กชายน้ำแข็ง ซึ่งอายุได้ 6 ขวบปีนี้ทั้งสองเป็นภรรยาและลูกชายของไอ้อ้วนนั่นเอง
“ไม่อยู่หรอกเขาไปทัวร์ฮ่องกงกับกลุ่มเพื่อนเขาสมัยเรียนมหาลัยและเอาน้ำแข็งไปด้วย เฮ๊ยไอ้เม้งมึงวางไว้ตรงนี้แล้วมึงไปคอยดูลูกค้าให้กูด้วย กูจะกินเหล้ากับไอ้เข้มซะหน่อย นานๆ แมวจะไม่อยู่สักที่หนูก็ขอร่าเริงเสียหน่อย” อ้วนสั่งลูกน้องเมื่อเห็นว่าวางเหล้าพร้อมมิกเซอร์และกับแกล้มสองสามอย่างลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“วันนี้กูอยู่นานไม่ได้นะโว้ย กูมากับเจ้านายเขาทานอาหารอยู่กับเพื่อนข้างนอกโน้น เดี๋ยวกูต้องกลับพร้อมเขา เออ! เรื่องนี้กูว่าจะมาบอกมึงอยู่พอดี ตอนนี้กูรับอาสาแม่ไขมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับลูกสาวเพื่อนของท่านเป็นเจ้าของบิ๊กเฟอร์นิเจอร์ชื่อคุณหนูอีฟมึงรู้จักไหมวะ?”
“คุณอีฟเหรอ รู้จักซิก็เขามาทานอาหารกับคุณทอมมี่ที่ร้านกูประจำวันนี้ก็มาอ้อมิน่ามึงถึงมาหากูได้เพราะมึงมากับคุณอีฟนี่เอง เออเมื่อสักครู่ป๋ากับน้องสองก็มาที่นี่แต่กลับไปแล้วกูยังถามถึงมึงกับน้องสองเลย”
“เหรอ กูไม่เจอน้องสองมาเป็นเดือนแล้วน้องหนึ่งบอกว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกลับบ้านชอบให้พ่อแม่พี่น้องมาหาที่กรุงเทพชักจะเรื่องมากขึ้นทุกวัน ให้กูเจอจังจังก่อนค่อยสั่งสอนเสียหน่อยติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เด็กเป็นน้องเล็กใครๆ ก็ตามใจเลยเป็นแบบที่เห็นนี่แหละ “ เข้มนึกถึงน้องสองลูกสาวสุดโปรดของน้าเสริมศรีซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของเขาที่เอาแต่ใจตัวเองตั้งแต่เล็กจนโต น้องสองนี่เหมือนกับหนูอีฟมากๆ อายุก็ไร่เรี่ยกันแต่ น้องสองจะดูเปรี้ยวกว่านิดหน่อยเพราะหลังจากเรียนจบปอโทก็ไม่ยอมทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้แต่รับเดินแบบเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง เขาบอกให้ไปช่วยงานตาขามก็ไม่ยอม ทุกคนในบ้านก็ตามใจน้องสองกันหมด
“ทำไมมึงต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้เขาด้วยวะ มีคนตามฆ่าเขาหรือไง?” อ้วนถามเข้มด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบเลยแล้วกันเพื่อนยาก มาชนแก้ว ดื่ม!” แล้วเรื่องราวที่เขาต้องมารับงานนี้ก็พรั่งพรูออกมาเป็นชุด โดยมาอ้วนนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ...........
“กูเข้าใจแล้ว มึงอยากให้กูช่วยอะไรบอกมาได้เลยเพื่อน” อ้วนพูดขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างจากปากของเพื่อนรัก
“ส่งคนของมึงตามประกบคุณนงนภาแม่คุณโคม และตัวคุณโคมให้หน่อยว่าทำอะไรบ้างในวันหนึ่งๆ คู่นี้เป็นเป้าหมายแรกที่นักสืบตัวยงอย่างแม่ไขของกูสงสัย” เข้มบอกสิ่งที่เขาต้องการให้อ้วนช่วยเหลือ
“สบายมากเพื่อน ถ้าได้เบาะแสแล้วจะแจ้งให้ทราบ” อ้วนรับปากจะจัดการเรื่องที่เข้มต้องการให้ช่วยก่อนที่เขาจะยกแก้วขึ้นชู “เอ้าชนเพื่อน ขอดื่มให้บอดี้การ์ดจำเป็นแห่งปี” แล้วทั้งสองคนก็ตั้งหน้าตั้งตาดื่มกันอย่างเต็มที่......
เข้มมองเหล้าหยดสุดท้ายที่เขาเทลงแก้วตัวเองอย่างเสียดาย เขามองไอ้อ้วนเห็นทำตาปรือปรอยคอพับคออ่อนก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะ ส่วนเขาเองก็รู้สึกมึนๆ นิดหน่อยก็จะไม่ให้มึนได้ไงเขากับไอ้อ้วนกินเหล้าเข้าไปตั้งสองขวด ไอ้อ้วนมันคออ่อนแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว ส่วนเขาคอแข็งที่สุดในก๊วนแต่เหล้าดีกรีแรงของไอ้อ้วนก็ทำให้เขามึนไปเหมือนกัน นี่มันสามทุ่มกว่าแล้วทำไมหนูอีฟไม่อิ่มสักทีจะนอนที่ร้านนี้หรือไงหรือว่าคุยกันไม่จุใจ เพราะเขานั่งอยู่ในห้องนี้ยังไม่เห็นบิลโต๊ะหนูอีฟเลย สงสัยเขาต้องไปดูเองซะแล้วว่าทำอะไรกันอยู่ เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยังซุ้มที่เห็นหนูอีฟนั่งอยู่ เขาเข้าไปโค้งอย่างนอบน้อมแล้วเอ่ยถามไปตามใจคิด
“ขอโทษครับ! ไม่ทราบว่าจะกลับบ้านได้หรือยังสามทุ่มกว่าแล้วนะครับคุณอีฟ?”
“ยังไม่กลับ! มันจะมากไปแล้วนะนายเข้ม นายมีสิทธิอะไรมาถามฉัน โน้นที่ของนายไปรออยู่ที่รถเลยอย่ามาสะเออะกับฉัน ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังคุยกับเพื่อนอยู่?” หนูอีฟตะโกนใส่นายเข้มชี้นิ้วไปยังลานจอดรถให้เขาไปรออยู่ที่นั่น แต่ดูซิท่าทางเขาไม่ไปง่ายๆ
เข้มเห็นกิริยาที่หนูอีฟทำกับเขาแล้วได้แต่นับหนึ่งถึงสิบในใจฝากไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้คนมันเยอะให้อยู่กันลำพังสองคนเขาจะจัดการเธอตามวิธีของเขาบอกแล้วว่าไม่ให้ด่าแล้วดันมาด่าต่อหน้านายหน้าหล่อนี่อีก ฮึ!หล่อตายล่ะผิวงี้ขาวเนียนเชียวเป็นตุ๊ดหรือป่าวไม่รู้ดูซิจ้องมองเขาอยู่ได้แต่เขาก็เสียมารยาทไปหน่อย งั้นต้องทักทายเพื่อนเจ้านายด้วยถึงจะถูก
“สวัสดีครับคุณเออ..” เข้มหันไปพูดกับนายหน้าหล่อและต้องหยุดเมื่อไม่รู้จะเรียกเขาว่าอะไร
“สวัสดีครับผมทอมมี่ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ.....”
“ผมเข้มครับ เป็นคนขับรถของคุณอีฟ และเวลานี้ก็ได้เวลากลับบ้านของเธอแล้วหวังว่าคุณคงเข้าใจและเห็นใจผม ผมทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากคุณเอมอรให้พาคุณอีฟกลับบ้านก่อนห้าทุ่มทุกวันครับ” เข้มอ้างชื่อคุณน้าอรทันทีเมื่อเห็นว่าหนูอีฟไม่ยอมกลับบ้านดีดี
“นี่นายเข้ม มายุ่งอะไรกับเพื่อนของฉัน แล้วอย่ามาอ้างคุณแม่หน่อยเลย เพราะก่อนหน้านี้ฉันก็กลับบ้านดึกดื่นเที่ยงคืน บ้างครั้งไม่กลับเลยก็มี ไม่เห็นคุณแม่จะว่าอะไร ฉันบอกให้นายไปรอที่รถไงเล่าหูแตกหรือไง”
“งั้นผมก็ขอยื่นอยู่ตรงนี้ ผมไม่ไปไหนจนกว่าคุณอีฟจะยอมกลับบ้าน”
ทอมมี่มองดูหนูอีฟและคนขับรถเถียงกันไปมาก็ออกอาการงง เขากำลังพิจารณาคนขับรถของหนูอีฟ หล่อคมเข้มมาดแมนสมชายชาตรี หล่อกว่านายแบบดังๆ ที่มาเป็นแบบปกให้หนังสือของเขาเสียอีก ดูจากบุคลิกภายนอกประกอบกับท่าทางที่แสดงออกและการพูดจาไม่น่าจะเป็นแค่คนขับรถ นี่ถ้าจับมาใส่สูทผูกไทด์คงเหมือนหนุ่มนักธุรกิจไฮโซเป็นแน่ เขาคุ้นๆหน้าจังเหมือนเคยเห็นวันนี้เป็นอะไรไม่รู้ ทำไมพบแต่คนคุ้นหน้าไปหมด ดูหนูอีฟจะไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ส่วนนายเข้มก็เหมือนจะรู้แต่ทำเป็นแกล้งไม่รู้ทำตัวให้กวนอารมณ์ซะงั้น สงสัยเขาต้องเป็นผู้ยุติเรื่องราวเสียแล้ว
“หนูอีฟครับ ผมว่าเรากลับกันก็ดีนะครับ วันหลังเราค่อยมากันใหม่”
หนูอีฟมองทอมมี่อย่างขัดใจ ให้มันได้อย่างนี้ซิจะเข้าข้างเธอหน่อยก็ไม่ได้ ดันไปเห็นดีเห็นงามกับนายเข้มจอมเบ่งได้น่าเบื่อชะมัด ไม่ได้อย่างใจเล๊ยให้ตายซิอยากจะกรี๊ดให้สุดๆ ไปเลย ฝากไว้ก่อนเถอะนายเข้ม รอให้ทอมมี่กลับไปก่อนเดี๋ยวนายกับฉันเจอกันแน่
“ถ้าทอมมี่อยากกลับก็โอเคค่ะ เราไปรอที่รถแล้วกันนะค่ะ ไม่ต้องค่ะทอมมี่มื้อนี้หนูอีฟจัดการเอง นายเข้มเช็คบิลให้ด้วย” หนูอีฟพูดขึ้นเมื่อเห็นทอมมี่ทำท่าจะควักกระเป๋าสตางค์ และคล้องแขนเขาเดินเฉียดผ่านหน้านายเข้มไป แถมแกล้งให้นายเข้มเช็คบิลให้ด้วยเธอรู้ว่าค่าอาหารวันนี้มันเกินสองพันแต่ก็ให้นายเข้มจ่ายเพราะรู้ว่าแม่อรขาคงให้เงินเดือนเขามากพอดูสำหรับบอดี้การ์ดประจำตัวลูกสาวคนโปรดแค่สองพันกว่าเขาคงมีจ่ายหรอก ดีสมน้ำหน้าอยากอวดเบ่งดีนัก
เข้มหลบหนูอีฟเกือบไม่ทันเมื่อเธอเดินผ่านหน้าไปอย่างเฉียดฉิว เธอจงใจแกล้งเขาแล้วยังให้เขาจ่ายค่าอาหารให้อีก เงินแค่นี้เขาไม่เสียดายหรอกแต่รู้สึกเสียหน้ามากกว่าเธอทำเหมือนเขาเป็นเบี้ยล่างอยู่ตลอดเวลาถึงเขาจะมาเป็นลูกจ้างให้แต่นายจ้างที่ดีก็ไม่สมควรมากดขี่ข่มเหงจิตใจลูกจ้างแบบนี้ และตัวเขาเองก็ตกที่นั่งลำบากต้องมารับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดจำเป็นให้เธอไม่ได้อยากมาเป็นลูกไล่ให้เธอแกล้งเล่นแบบนี้เลยจริงๆ เข้มเห็นเม้งเดินเข้ามาหาก็เลยบอกว่าค่าอาหารบนโต๊ะให้ลงบัญชีของเขาไว้ก่อนวันหลังจะมาจัดการ และฝากให้เม้งไปดูแลพาไอ้อ้วนที่หลับอยู่หลังร้านกลับบ้านไปด้วย
หนูอีฟกับทอมมี่ยืนพิงรถส่วนตัวคุยกันระหว่างรอนายเข้ม เธอเห็นนายเข้มเดินมาก็แกล้งพูดถากถางออกไป “นึกว่าจะให้รอถึงพรุ่งนี้ซะอีก เป็นไงไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารหรือไง หายไปล้างจานแทนการจ่ายค่าอาหารมาซิมิน่าถึงนานเหลือเกิน”
“หนูอีฟทำไมพูดอย่างนั้นหล่ะ ไม่น่ารักเลยเสียมารยาทรู้ไหมครับ ไปครับกลับกันได้แล้วพี่เข้มผมขอเรียกคุณว่าพี่แล้วกันนะครับเพราะดูสนิทสนมกันดีผมขอฝากดูแลหนูอีฟแทนผมด้วย ยินดีที่ได้รู้จักหวังว่าเราคงได้มีโอกาสคุยกันมากกว่านี้นะครับ” ทอมมี่ปรามหนูอีฟเมื่อเห็นว่าเธอพูดเกินความจริงไปหน่อย เขาเปิดประตูให้เธอก้าวเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย แล้วหันไปยื่นมือรอการทักทายกับนายเข้มอย่างเป็นทางการแล้วกำชับเรื่องหนูอีฟด้วยความรู้สึกที่เป็นกันเอง เขารู้สึกถูกชะตาจนอยากจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนายเข้มคนนี้ซะแล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณทอมมี่ ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติเรียกผมว่าพี่แต่มีบางคนเขาไม่ยอมเรียกผมว่าพี่หรอกครับเพราะเขาเห็นว่าผมคนละชั้นกับเขา ผมรับรองว่าคุณอีฟจะกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัยครับลาก่อนนะครับแล้วพบกันใหม่” เข้มยื่นมือไปสัมผัสทักทายกับคุณทอมมี่แล้วเดินไปส่งเขาที่รถก่อนจะเดินกลับมาที่รถของหนูอีฟ เขาขึ้นไปนั่งประจำที่ของตัวเองแต่ก็ไม่คิดจะออกรถแต่อย่างใด
“นายเข้มจอมเบ่ง! ไหนอยากพาฉันกลับบ้านก่อนห้าทุ่มไง ทำไมไม่ออกรถสักทีห๊า?” หนูอีฟหันไปตวาดเสียงดังลั่นรถใส่เขา เมื่อเห็นเขาเข้ามาในรถแล้วนั่งเฉย
“ผมไม่ชอบถูกด่า ไม่ชอบคนดื้อ ไม่ชอบคนตะโกนโหวกเหวกโวยวายไม่มีสมบัติของผู้ดีแบบนี้ และผมก็เคยบอกคุณแล้วด้วย แต่คุณไม่คิดจะจำและที่ร้ายที่สุดคุณด่าผมต่อหน้าเพื่อนของคุณซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกเสียหน้ามาก ถึงผมจะเป็นลูกจ้างของคุณแต่ผมก็มีศักดิ์ศรีมีความภาคภูมิใจในหน้าที่ของผม ผมไม่ชอบให้ใครมาดูถูก ส่วนเรื่องค่าอาหารผมไม่คิดอะไรมากเพราะมันไม่ได้เกินกำลังที่ผมจะจ่ายได้แต่ก็ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองเงินเดือนของผมไม่ได้มากมายเหมือนเงินในกระเป๋าของคุณขอให้รู้ไว้ด้วย สุดท้ายผมอยากได้ยินคำขอโทษจากปากของคุณก่อนที่เราจะกลับบ้านกันเท่านี้ครับ”
แหมดูทำท่าเข้า เหมือนครูอบรมลูกศิษย์เลย ทำมาเป็นพูดท่าโน้นท่านี้ที่แท้ก็โกรธที่ต้องจ่ายเงินแล้วยังให้เธอขอโทษอีก ฝันไปเถอะคนอย่างเธอไม่พูดขอโทษใครง่ายๆ หรอก ไม่กลับก็อย่ากลับเธอก็จะนั่งอยู่แบบนี้แหล่ะ “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษ”
“ผมให้โอกาสคุณแล้วนะ แต่คุณไม่ต้องการมันเองช่วยไม่ได้” เข้มมองหนูอีฟด้วยความโมโหเขาอุตส่าห์พูดกับเธออย่างใจเย็นที่สุดแล้ว ในเมื่อเธอไม่ยอมขอโทษเขา ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วมีทางเดียวที่จะบีบให้เธอยอมเขาได้เพราะวันนี้เขาใช้วิธีนี้ไปสองครั้งแล้วจะใช้อีกสักครั้งคงไม่เป็นไร.....
“อุ้ย! หนูอีฟร้องเมือถูกนายเข้มกระชากแขนทั้งสองข้างและเขาก็ยกตัวเธอขึ้นไปเกยอยู่บนตักของเขาเธอไม่ทันจะได้ร้องอะไรออกมาริมฝีปากหยักเรียวสวยก็ประทับลงมาประกบปากเรียวบางของเธอ เขาบดเคล้าอย่างต้องการลงโทษให้หลาบจำจนเธอเผลอตัวอ้าปากจะร้องอีกครั้งเขาฉวยโอกาสสอดลิ้นเข้าไปโรมรันดูดซับความหวานจากกลีบปากบางครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเริ่มเปลี่ยนลีลาจากเร้าร้อนมาเป็นยั่วยวนอ่อนหวาน จนร่างบางที่ขัดขืนตอนแรกลดลงพร้อมลำแขนนุ่มนิ่มทั้งสองของเธอโอบมารอบคอของเขาปากบางขยับตอบรับจุมพิตของเขาอย่างดูดดื่มอ่อนหวานปานกัน ทั้งสองต่างแลกจุมพิตกันอย่างอ่อนหวาน เข้มถอนจุมพิตเมื่อดูดซับความหวานจนพอใจเขาเบี่ยงหน้าลงไปซบที่ซอกคอของเธอ ปากก็พูดไปด้วยน้ำเสียงสั่นพล่า “จูบนี้ตอบแทนค่าอาหารที่ผมเสียไป และผมจะจูบคุณอยู่แบบนี้ไม่หยุดหากคุณไม่ยอมขอโทษผม” เข้มพูดจบก็เงยหน้าขึ้นไปประกบปากจิ้มลิ้มอีกครั้ง
“ฮื้อๆๆ พ พอแล้วค่ะ ฉันขอโทษก็ได้ ขอโทษค่ะต่อไปฉันจะไม่ด่าคุณอีกแล้วหยุดซะทีซิค่ะ” หนูอีฟพูดขึ้นหลังจากเขาปล่อยปากเธอให้เป็นอิสระ นี่มันอะไรกันเธอเป็นอะไรไปตอนนี้ร่างของเธอเกยขึ้นไปอยู่บนตักของเข้าทั้งตัวแถมเธอจูบตอบเขาเต็มอารมณ์หวานนี่ถ้าเขาไม่หยุดตัวเองเสียก่อนเธอคงเพลิดไปกับอารมณ์ที่เขา ปลุกเร้า ทำไมเธอถึงได้หลงเสน่ห์เขาขนาดนี้ก็เขาบังคับเธอคนไม่มีประสบการณ์อย่างเธอจะไปสู้รบตบมือกับคนเชี่ยวชาญแบบเขาได้อย่างไร ตายแล้วดูซินี่ลานจอดรถแท้ๆ เธอลืมคิดไปเลยว่าตัวเองยังอยู่ในร้านอาหาร เฮ้อ ขอโทษเขาไปตั้งแต่แรกก็ไม่เกิดเรื่องแล้วทีนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แค้นใจเหลือเกินวันนี้เธอถูกเขารังแกสามหนแล้วและเธอก็ให้ความร่วมมือไปทุกครั้งเสียด้วยแต่เธอไม่ยอมแพ้ตลอดไปหรอกถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ค่อยเอาคืนที่หลังก็ยังไม่สาย แต่ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบต้องยอมทำตามเขาไปก่อนแล้วกัน......
เข้มหยุดตัวเองเมื่อคนในอ้อมกอดเอ่ยปากขอโทษ ขณะนี้เธอยังนั่งนิ่งอยู่บนตักของเขามือสองข้างของเธอลดลงไปยันไว้ที่หน้าอกกว้างของเขาแถมก้มหน้าซุกอกเขาไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกันดีดี เขาเชยคางมนขึ้นเพื่อมองหน้าหวานใสของเธอ ตาสองคู่สบกันในระยะใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน เขาจ้องมองดวงหน้านวลซึ่งบัดนี้แดงระเรื้อไปทั้งหน้าโดยเฉพาะริมฝีปากแดงที่ยังคงสั่นระริกอยู่จนเห็นได้ชัด....
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ทำเป็นโยกโย้จนเป็นเรื่องทุกทีซิน่า เป็นไงติดใจรสจูบของผมมากหรือครับถึงทำตาเยิ้มไม่ยอมลงจากตักของผมไปสักที่ เอ๊ะหรือว่าอยากลองอีกรอบก็ยังได้นะครับ” เข้มพูดจบก็ก้มลงไปจูบปากที่สั่นระริกนั้นอีกครั้งอย่างอดใจไว้ไม่อยู่
“คนบ้า คนผีทะเล ใครจะไปติดใจรสจูบจืดชืดของนาย แถมมีกลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมดแบบนี้ฉันอยากจะอ๊วก ยี้เหม็นมากๆ นายแอบไปกินเหล้าที่ไหนมาแล้วจะขับรถได้เหรอเดี๋ยวก็ถูกตำรวจจับหรอก” หนูอีฟเอามือปัดไปทั่วทั้งหน้าตาเนื้อตัวและถูซ้ำที่ริมฝีปากหลายครั้ง ส่วนร่างกายก็ขยับลงจากตักของเขาทันที ความจริงเธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจกลิ่นเหล้าตามที่พูดออกไปหรอกแค่ได้กลิ่นตอนที่ปากเขาบดเคล้ากับปากของเธอและรับรู้ทางลมหายใจเท่านั้นซึ่งมันทำให้รู้สึกเร้าอารมณ์มากกว่าจะรู้สึกรังเกียจ นี่เธอเป็นอะไรไปแล้วสงสัยเธอจะติดใจรสจูบอย่างที่เขาว่าแน่นอน แต่ใครจะยอมเสียหน้ายังไงก็ต้องพูดเอาตัวรอดไปก่อนแล้วกัน...
“ผมว่าผมขับได้ แต่ถ้าตำรวจให้หยุดตรวจรับรองเกินมาตรฐานแน่นอน งั้นคุณอีฟมาขับแล้วกัน” เข้มเปิดประตูลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูด้านที่หนูอีฟนั่งอยู่แล้วดึงตัวเธอขึ้นทันที
“นี่นายเบาๆ หน่อยซี แรงเยอะยังกะช้างสารฉันเจ็บนะ โอ้ย!” สิ้นเสียงร้องร่างบ่างก็เอนตัวไปซบกับอกเขาทันที หนูอีฟคิดออกแล้วว่าจะชำระบัญชีกับเขาแบบไหน เธอจะทำเป็นยืนไม่ไหวให้เขาหลงเชื่อเข้ามาพยุงแล้วเธอก็จะกระทืบเท้าของเขาอย่างแรงเลยคอยดู เมื่อเขาเข้ามาพยุงเธอตามที่เธอคาดเดาเอาไว้จริงๆ หนูอีฟ ก็ปฏิบัติการสะสางบัญชีแค้นไปทันที
“ปึกๆๆ” เสียงกระทืบเท้าสองสามครั้ง “นี่คือสิ่งตอบแทนการที่นายรังแกฉัน” พูดเสร็จก็เดินหนีไปนั่งประจำที่คนขับรถ
“โอ๊ยๆๆ เจ็บ! กระทืบลงมาได้ผมเจ็บนะครับ” เข้มรู้สึกเจ็บปวดที่เท้าข้างขวาก็หนูอีฟเล่นกระทืบซะเต็มแรงขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้ไง เขาเปิดประตูขึ้นไปนั่งแทนที่หนูอีฟทันทีที่เห็นหนูอีฟกำลังสตาร์รถเหมือนไม่คิดจะให้เขาไปด้วย
“คิดจะทิ้งกันเลยหรือไงครับ ทำเขาเจ็บแล้วยังใจร้ายอีก” เสียงพูดเหมือนคนน้อยใจทำให้หนูอีฟซึ่งกำลังขับรถอยู่ต้องหันมามองเห็นเขาถอดรองเท้าถุงเท้าข้างขวาพร้อมยกเท้าขึ้นมาลูบไปมาเบาๆ ดีสมน้ำหน้าอยากมารังแกเธอก่อนทำไม เพี้ยง!พรุ่งนี้ขอให้เดินไม่ได้ทีเถอะสาธุ
“คุณอีฟครับดูซิเท้าผมแดงเหมือนห้อเลือดเลย คืนนี้ต้องระบมผมคงปวดน่าดู และพรุ่งนี้มันคงจะเขียวและบวมเป่งจนเดินไม่ไหว โอ๊ย! ทำไมเจ็บจังเลย” เข้มแกล้งเรียกร้องความเห็นใจเมือเห็นดวงหน้าหวานหันมาจ้องมองที่เท้าของเขาแล้วด้วยใบหน้าบึงตึง เขาไม่เจ็บมากเท่าไหร่หรอกเคยเจออะไรต่ออะไรที่แรงๆ กว่านี้มาจนชินเสียแล้ว แต่ต้องแกล้งอ้อนขอความเมตตาเผื่อฟลุคคนดื้อหน้าหวานจะเห็นใจเขาขึ้นมาบ้าง
“เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอกคุณ ใจเสาะไปได้แล้วคิดจะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน แค่โดนกระทืบเท้านิดๆ หน่อยๆ ก็ทำท่าไม่ไหวเสียแล้ว สงสัยว่านายจะทำงานไม่คุ้มกับเงินเดือนที่ได้ซะแล้ว ถ้าพรุ่งนี้นายเดินไม่ไหวก็ไม่ต้องไปทำงานก็แล้วกัน”
หนูอีฟคิดว่าดีเสียอีกเธอจะได้มีอิสระอีกหนึ่งหรือสองวันหากเขาเดินไม่ไหวจริงๆ นับว่าการล้างแค้นเล็กๆ น้อยๆ สำเร็จตามแผนที่วางไว้เธอรู้สึกดีใจที่แกล้งเขาได้สำเร็จ แต่พอเห็นเขาทำท่าทางเจ็บปวดมากเธอก็รู้สึกผิดเหมือนกันแต่ช่างเถอะเธอทำไปแล้วและมันก็ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลไม่เห็นจะต้องไปเห็นใจกันมากมาย รอลุ้นพรุ่งนี้ดีกว่าเขาจะไปทำงานกับเธอไหวหรือป่าว หากเขาไปไม่ไหวเธอจะได้หาเหตุไว้อ้างกับแม่อรขาให้ไล่เขาออกได้อีกข้อหนึ่ง..........
ความคิดเห็น