คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
เข้มมองตามหลังหนูอีฟที่เดินออกไปนอกห้อง ร่วมงานกันวันแรกเขาก็ทำอะไรกับเธอไปเยอะ แล้ววันต่อไปมันก็คงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ใจเขามันโอนเอียงไปทางนั้นอยู่แล้วใจเขามันแกว่งๆ ตั้งแต่วันที่ชนกันครั้งนั้นแล้ว
เขาไม่เคยลืมเด็กผู้หญิงตัวผอมผิวขาวหน้าตาน่ารักไว้ผมเปีย 2 ข้าง ในมือถือเจ้าหมีมิมิ เดินตามเขาทั้งวัน ปากก็คอยจะเรียกแต่พี่ชายจ๋า พี่ชายจ๋า ตอนนั้นหนูอีฟอายุ 5 ขวบ เธอติดเขาแจทีเดียว ห้าปีต่อมาเขาอายุได้ 15 ปี เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น วัยคะนอง เป็นวัยที่คิดอยากริอยากลองไปทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเกเรมาเป็นที่หนึ่ง ความคิดก็เริ่มเปลี่ยนเขากลายเป็นคนแข็งกระด้างไม่อ่อนโยนเหมือนตอนเด็ก ชอบความรุนแรงโลดโผน.......
เขาเริ่มเบื่อเด็กผู้หญิงที่ชอบติดตามไปทุกที่จากนั้นก็เริ่มแกล้งเมื่ออยู่ลับหลังผู้ใหญ่ เขายังจำได้ถึงวันที่เจอกันครั้งสุดท้ายวันนั้นเขานั่งซ่อมรถมอเตอร์ไซด์คันโปรดอยู่ น้าอรพาหนูอีฟไปหาแม่ไขที่สุพรรณ บ้านของตาขามในปัจจุบัน หนูอีฟอุ้มมิมิวิ่งมาหาเขาแล้วดึงมือชวนให้พาเธอไปเที่ยวตลาดนัดในหมู่บ้าน แต่เขาปฏิเสธ หนูอีฟก็นั่งอ้อนวอนจนเขาเกิดความรำคาญผสมกับอารมณ์วัยรุ่นตอนนั้น คิดอยากแกล้งอย่างเดียวเลยคว้ามิมิตุ๊กตาหมีตัวโปรดของหนูอีฟโยนลงไปในอ่างปลากัดที่เขาเลี้ยงไว้ หนูอีฟกรี๊ดเสียงดังแสบแก้วหูปากก็ว่าเขาต่างๆ นาๆ บอกว่าจะไม่รักพี่ชายแล้ว พี่ชายใจร้าย และจะไม่มาให้เห็นหน้าอีกต่อไป ตอนนั้นเขาก็รู้สึกผิดเมื่อเห็น หนูอีฟอุ้มมิมิขึ้นมาจากบ่อมิมิเปียกชุ่มและเลอะเทอะไปด้วยแหนเต็มตัว แต่เขาก็ไม่ได้ขอโทษหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เวลาคุณน้าอรไปหาแม่ไขที่สุพรรณก็ไม่เคยพาหนูอีฟไปอีกเลยซึ่งทุกคนเข้าใจว่าหนูอีฟงอนพี่ชายแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เขายังรู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้ เพราะหลังจากผ่านช่วงเวลาวัยคะนองมาแล้ว..
ช่วงเรียนมหาลัยเขาก็เคยมีแฟนแต่ก็เลิกรากันไป เพราะลึกๆ ในใจของเขาก็ยังคะนึงหาหนูอีฟที่เฝ้าติดตามร้องเรียกพี่ชายจ๋า พี่ชายจ๋า ทั้งวันนั่นเอง และ ณ เวลานี้และต่อจากนี้เขาก็หวังว่าเขาจะได้ฟังคำพูดประโยคนี้จากหนูอีฟอีก เขาต้องทำได้แน่นอน เขาคิดถึงเวลาหนูอีฟเข้ามาเรียกว่าพี่ชายจ๋าแบบออดอ้อนตอนนี้เขาคงมีความสุขมาก......
ไอติมเงยหน้าจากเอกสารที่กำลังตรวจทานหาคำผิดอยู่เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด คุณอีฟนั้นเอง กำลังเดินตรงมาหาเธอด้วยใบหน้าเรียบตึง
“ไอติม เรื่องที่ได้พบได้เห็นในวันนี้ขอให้เป็นความลับห้ามใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเข้าใจไหม แล้วคนที่เธอเห็นเขาชื่อคุณเขมชาติ เธอเรียกเขาว่าพี่เข้มก็ได้ เขาจะมาเป็นคนคนขับรถให้ฉันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันขอตารางงานเดือนนี้หนึ่งชุดด้วยนะจ๊ะ”
“ค่ะคุณอีฟ เรื่องที่เห็นจะเป็นความลับแน่นอน เดี๋ยวไอติมเอาตารางงานเข้าไปให้ในห้องนะคะ?”
“แล้วนี่พี่โคมกลับไปหรือยังไอติม”
“กลับตั้งแต่บ่ายสามแล้วค่ะ พอดีไอติมเจอกับน้องเก๋เลขาคุณโคมเมื่อ 5นาทีที่แล้ว เขากำลังจะกลับบ้านก็เลยได้คุยกัน น้องเก๋บอกว่าคุณโคมบอกว่าจะไปธุระส่วนตัวค่ะ”
“งั้นก็ไม่เป็นไร ไอติมกลับบ้านได้แล้วนะนี่ก็เลยเวลาเลิกงานมามากแล้ว” หนูอีฟยกข้อมือขึ้นดูเวลานี่มันห้าโมงสิบห้านาทีแล้ว วันนี้เธอมีนัดทานข้าวกับทอมมี่ตอน 6 โมงเย็น รีบไปดีกว่าเดี๋ยวทอมมี่จะรอนาน เธอจึงเดิมกลับเข้าไปในห้องทำงานทันที
“นายเข้ม! เตรียมตัวได้แล้วเผื่อรถติดเดี๋ยวฉันพลาดนัดสำคัญ” เข้มลุกเดินไปมุมห้องหยิบกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ที่วางอยู่ขึ้นมาถือไวในมือ
“คุณอีฟนำไปซิครับ ผมยังไม่ทราบว่ารถจอดอยู่ชั้นไหน”
“อ๋อไอติมเอาไปให้นายเข้มเลยจ๊ะ นายเข้มรับตารางงานของฉันที่ไอติมไปด้วย” หนูอีฟเห็นไอติมเดินถือตารางงานเข้ามาพอดีจึงบอกให้ส่งให้นายเข้มรับไว้
“สวัสดีค่ะพี่เข้ม ขออนุญาตเรียกพี่นะค่ะ นี่ตารางงานของคุณอีฟในเดือนนี่ค่ะ ไอติมกลับก่อนนะค่ะคุณอีฟ ลาเลยนะค่ะพี่เข้มสวัสดีอีกครั้งค่ะ” ไอติมทักทายทำความรู้จักกับเข้มเอาไว้เพราะคิดว่าคงต้องเจอกันทุกวันนับจากนี้ไป
“สวัสดีครับน้องไอติม ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะครับ ผมอนุญาตให้เรียกพี่ได้ครับ แต่คนบางคนเขาไม่ยอมเรียกผมกลัวจะเสียปาก” เข้มพูดก่อนที่ไอติมจะเดินออกไปจากห้อง แต่ตาเขาจ้องเขม็งไปที่หนูอีฟอย่างคาดโทษ
“พูดมากอยู่ได้ แล้วกับไอติมนายไม่ต้องส่งสายตาหวานไปให้เขาหรอก อย่าคิดมาวอแวกับเด็กของฉันเป็นอันขาดไปกันได้แล้ว เอ๊ะแล้วนั่นกระเป๋าอะไรของใคร?” หนูอีฟบ่นนายเข้มไปตามประสา และสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าที่นายเข้มถืออยู่ในมือ
“กระเป๋าเสื้อผ้าของผมเองครับ”
“แล้วนายเอามาทำไม จะไปค้างที่ไหนหรือมีแผนพาใครหนีมิทราบ?”
“อ้าว! อ้าวจนเริ่มร้อนแล้วนะเนี๊ย ถามอะไรแปลกๆ ผมจะไปค้างที่ไหนได้นอกจากที่บ้านคุณอีฟ ผมทำงานให้คุณก็ต้องไปพักที่บ้านของนายจ้างเป็นเรื่องธรรมดาทำไมเรื่องแค่นี้คุณก็คิดไม่ได้ และถ้าผมจะพาใครสักคนหนีไปใครคนนั้นก็น่าจะเป็นคุณอีฟนั่นแหละครับ”
“ไอ้บ้า ร้อยบ้า พันบ้า ไอ้....ฮึ ไม่ด่าก็ได้เสียปากหมด ก็นายมาหาว่าฉันโง่ก่อนทำไมหล่ะ แล้วนายจะไปค้างที่บ้านฉันแม่อรขา เอ๊ยคุณเอมอรรู้หรือยัง เราเดินไปคุยไปดีกว่าตามฉันมา” หนูอีฟหยุดคำบริภาษที่จะออกมาเป็นชุดเมื่อเห็นสาตาดุจพญาเหยี่ยวจ้องตะครุบเหยื่อมองตรงมายังเธอ ความจริงเธอก็ไม่ได้กลัวเขาหรอก แต่ไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้......
“ผมเข้าไปคุยกับคุณเอมอรเรียบร้อยทุกเรื่องเมื่อวานนี้ครับ คุณเอมอรให้ผมพักห้องรับรองข้างห้อง คุณอีฟทางด้านขวาเพื่อง่ายต่อการดูแลความปลอดภัย วันนี้ผมเลยจัดกระเป๋ามาครับ”
“โอเค! ฉันเข้าใจแล้ว ถึงอย่างไรฉันก็ต้องยอมรับทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวนายใช่ไหม ไม่รู้คุณแม่คิดอะไรของท่าน ฉันไม่ชอบแบบนี้เลยรู้ไว้ด้วย ฉันชอบมีอิสรเสรี ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวมันสะดวกดี ฉันยอมให้นายขับรถให้แต่เวลาฉันมีนัดกับใคร ขอให้นายรักษาระยะของความเป็นนายจ้างกับลูกจ้างเอาไว้ด้วย หวังว่านายคงเข้าใจ ไปได้แล้ว ร้านอาหารอิ่มสบายอยู่ในเมืองนนท์ ฉันมีนัดตอน 6 โมงตรง น่าจะทันใช่ไหมนี่มัน 5 โมงครึ่งแล้ว” หนูอีฟเปิดประตูและขึ้นนั่งเบาะหลังในรถคันหรูเรียบร้อยแล้ว
“ขอประทานโทษครับคุณอีฟ ผมไม่ใช่คนขับรถจริงๆ แค่สมมุติครับและผมก็ไม่ชอบครับรถคนเดียวมันเหงากรุณามานั่งข้างหน้าคู่กันจะได้ดูแลกันอย่างใกล้ชิดไงครับ”
“นายนี่เรื่องมากจริงๆ เป็นคนอื่นเขาไล่นายออกไปแล้วนี่ถ้าฉันหาคำถามยากๆ กว่านี้นายก็ไม่มีทางมานั่งชูคอคู่กับฉันหรอกจำเอาไว้ เอ้า!ไปซะทีซิหรือว่าต้องให้ฉันขับให้นายนั่งอีกยังได้นะ” หนูอีฟหมั่นไส้นายเข้มอย่างมากแต่ก็ยอมเปลี่ยนที่นั่งแต่โดยดีเพราะจริงๆ แล้วเธอก็ไม่ชอบนั่งเบาะหลังเหมือนกัน เธอชอบขับรถเองหรือนั่งคู่กับคนขับมากกว่าเพราะเธอชอบดูป้ายบอกทางให้เธอสามารถรู้จักสถานที่ต่างๆ ที่ขับรถผ่านนั่นเอง.....
ณ ร้านอาหารอิ่มสบาย เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในเมืองนนทบุรี บริเวณรอบร้านในเนื้อที่
“ทอมมี่กวาดสายตามองไปรอบลานจอดรถของร้านอาหารอิ่มสบาย ไม่พบรถของหนูอีฟ เขาจึงเดินเรื่อยไปตามทางปูนเล็กๆ ลัดเลาะไปตามลำธารจำลองที่คดเคี้ยวจนพบซุ้มว่างอยู่เขาจึงนั่งลงและกวักมือเรียกเด็กเสริฟที่เดินผ่านมาสั่งอาหาร เขาสั่งอาหารไป 4-5 อย่างเน้นที่หนูอีฟชอบพร้อมน้ำตะไคร้เครื่องดื่มสุดโปรดของเขาและเธออีก 1 เหยือก เมื่อสั่งอาหารเสร็จแล้วเขาก็เอนกายลงพิงพนักเก้าอี้สายตาก็มองผ่านสวนสวยไปเรื่อยจนบังเอิญไปสบตากับดวงตาดำกลมโตเข้าอย่างจัง โอ้โฮ! คนอะไรตาโตเป็นบ้า เขาคิดพรางพิจารณาไปทั้งใบหน้ารูปไข่ที่ละส่วนนอกจากตาโตแล้ว จมูกก็โด่ง ริมฝีปากเต็มอิ่มจนน่าจูบ ผมเธอสีน้ำตาลถูกดัดหยิกฟูเป็นเกลียวปล่อยยาวเลยไหล่มาเล็กน้อย ผิวขาวอมชมพู ทรวดทรงจากการมองเพียงครึ่งท่อนบนก็โอเคผ่าน คล้ายๆ หนูอีฟแต่หนูอีฟจะสวยแบบหวานๆ แต่คนนี้สวยเปรี้ยว สวยแบบนี้เข้าตาเขาซะแล้ว เอ๊? เหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหนแต่นึกไม่ออก แล้วนั่นเธอมากับใครเป็นชายสูงอายุอ้วนลงพุงหัวเถิกท่าทางจะเป็นอาเสี่ยใหญ่ แล้วเธอเป็นอะไรกับเสี่ยนั่น สงสัยจะเป็นเด็กเสี่ย น่าเสียดายเขาน่าจะพบเธอก่อนหน้านี่ แต่ไม่เป็นไรเขาไม่ถือเรื่องแบบนี้อยู่แล้วถ้าเขาคิดจะชอบใครเขาก็รับได้ทุกอย่าง คนอย่างเขาหาทางทำความรู้จักแล้วค่อยทำให้หล่อนเปลี่ยนใจมาหาเขาแทนแล้วกัน.......
มิรันตรี หรือน้องสอง ก้มหน้าลงมองจานอาหารตรงหน้าหลังจากที่เธอสะบัดหน้าใส่ผู้ชายซุ้มตรงข้าม ทุเรศที่สุด จ้องอยู่ได้ไม่มีมารยาท เธอรู้จักเขาดีเชียวหล่ะ นายธนบดี หรือคุณทอมมี่ขวัญใจเหล่าบรรดาเพื่อนๆ นางแบบของเธอรวมถึงตัวเธอเองด้วยก็เขาไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิงและไม่เคยสนใจใครนอจากคุณอีฟแห่งบิ๊กเฟอร์นิเจอร์คนเดียวและนี่เป็นสิ่งที่เธอชื่นชมในความรักเดียวของเขาอย่างมาก แต่แหมไม่มีสมบัติผู้ดีเอาเสียเลยดูซิยังจ้องอยู่อีกตาไม่กระพริบเชียว ทำอย่างกับไม่เคยเห็นกันงั้นแหละ เขาน่าจะเคยเห็นเธอแล้วหนหนึ่งตอนที่เธอกับเพื่อนนางแบบอีก 2 คน ไปถ่ายแบบปกหนังสือให้เขา หรือว่าเขาจำเธอไม่ได้ คนบ้าไม่มีมารยาทแล้วยังความจำสั้นอีก เฮ่อ! หมดอร่อยเลย ชวนป๋ากลับดีกว่าอยู่ไปก็เบื่อหน้าคน...
“ป๋าขา เรากลับกันเถอะค่ะ น้องสองอิ่มแล้ว”
“อิ่มแล้วเหรอลูก ดูซิทานนิดเดียวเองของเหลือตั้งเยอะ ป๋าอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกล” คุณ
อติพงศ์ เพียงเกตุ หรืออ้วน เจ้าของร้านอาหารอิ่มสบาย มองบิลค่าอาหารในมือเห็นเป็นโต๊ะของป๋ากับน้องสองเขาจึงลุกไปเก็บเงินด้วยตัวเอง
“หวัดดีครับป๋า ทำไมวันนี้กลับเร็วครับ”
“ไหว้พระเถอะลูก ก็น้องสองนะซิไม่รู้เป็นอะไร อยากกลับซะแล้วอาหารก็ยังเหลืออีกตั้งเยอะ”
“สวัสดีค่ะพี่อ้วน บังเอิญวันนี้น้องสองรู้สึกอืดท้องอาหารไม่ค่อยย่อยนะค่ะ คิดว่ากลับดีกว่า วันหลังจะมาอุดหนุนใหม่ น้องสองชอบร้านพี่อ้วนบรรยากาศดีมาแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดเลย”
“น้องสองเจอไอ้เข้มบ้างไหมครับ เดือนที่แล้วมันไม่เคยโผล่ศีรษะมาให้พี่เห็นเลย” อ้วนถามหาเพื่อนสนิทที่เขารักมากที่สุดจนสามารถตายแทนกันได้
“พี่เข้มอยู่ในกรุงเทพค่ะตอนนี้ เห็นพี่หนึ่งบอกว่าพี่เข้มมอบหน้าที่ให้ดูแลโรงงานทอผ้าและโครงการบ้านจัดสรรของตาขามแบบไม่มีกำหนด พี่เข้มบอกว่าคุณป้าไขมอบงานชิ้นสำคัญให้ทำ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นงานอะไรค่ะพี่เขาไม่ยอมบอก”
“อ๋อเหรอ! ไม่เป็นไรถ้ามันไม่อยากให้ใครรู้ก็อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า วันนี้พี่ลดค่าอาหารให้ 30% เหมือนเดิมนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ นี่ค่าอาหาร ถือโอกาสลาเลยสวัสดีค่ะ ป๋าขาเราไปกันได้ดีกว่า” น้องสองหันไปควงแขนป๋าออกเดินหลังจากส่งเงินค่าอาหารให้พี่อ้วนแล้ว
“ป๋าไปก่อนนะอ้วน แล้วค่อยพบกันใหม่”
“หวัดดีครับป๋า บ๊ายบายน้องสอง แล้วเชิญมาอุดหนุนอีกนะครับ”
น้องสองเดินคล้องแขนป๋าผ่านไปยังซุ้มที่ทอมมี่นั่งอยู่ เธอหันไปมองดูก็เห็นเขามองตอบกลับมาแถมส่งยิ้มกรุ่มกริ่มมาให้อีกแล้ว บ้า! น้องสองทำปากขมุบขมิบส่งไปให้เขาเดินลงส้นหนักๆ ตรงไปยังรถที่จอดอยู่.....
ทอมมี่มองตามหลังหญิงสาวที่เขาปลื้มไปจนลับตา คราวนี้เขาคงพบเนื้อคู่จริงๆ ซะแล้ว เพราะหลังจากเขาผิดหวังจากหนูอีฟ ความรู้สึกอยากคบ อยากรักผู้หญิงสักคนมันขาดหายไป แต่กับผู้หญิงคนนี้เขากลับอยากรู้จัก อยากพูดคุยกับเธอเหลือเกิน หรือว่าจะเป็นรักแรกพบครั้งที่สองของเขากันนะ เขาลองเรียบๆ เคียงถามพี่อ้วนดูดีกว่าเห็นท่าทางสนิทสนมกับคู่นั้นดี
“พี่อ้วนครับ เชิญทางนี้หน่อยครับ”
“สวัสดีครับคุณทอมมี่ ทำไมวันนี้มาคนเดียวได้”
“หนูอีฟกำลังตามมาครับสงสัยรถจะติด ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?”
“เชิญได้เลยครับยินดีตอบทุกคำถามที่สามารถตอบได้”
“คือว่าคุณผู้หญิงที่นั่งซุ้มตรงข้ามผมเมื่อสักครู่นี้เป็นใครครับ เหมือนผมเคยเห็นหน้าแต่นึกไม่ออก”
“อ๋อ! เธอชื่อมิรันตรี ชื่อเล่นว่าน้องสอง เป็นนางแบบอิสระและเป็นน้องสาวเพื่อนสนิทของผมเองครับ”
“เธอเป็นนางแบบนี่เอง มิน่าผมว่าเหมือนเคยเห็น ขอบคุณพี่อ้วนมากครับ”
“หมดคำถามแล้วเหรอครับ แหมสงสัยน้อยจังนึกว่าอยากรู้มากกว่านี้ซะอีก ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญคุณทอมมี่ตามสบายเลยครับ” อ้วนกำลังคิดว่าคุณทอมมี่อาจสนใจน้องสอง หรือว่าเขาคิดไปเองก็ดูเขาซิไม่เห็นจะถามข้อมูลเพิ่มเติมพอรู้ว่าเป็นนางแบบก็เลิกสนใจไปเลย อุตส่าห์จะเชียร์น้องสองสักหน่อยเพราะคู่นี้น่าจะเหมาะสมกันหนุ่มหล่อกับสาวสวยแถมรวยพอพอกันเสียอีกน่าเสียดาย
..
ทอมมี่คิดว่าสำหรับเขาข้อมูลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เธอเป็นนางแบบชื่อมิรันตรีหรือน้องสอง แค่เขากดโทรศัพท์หาคุณนีนี่เจ้าแม่วางการนางแบบเขาก็คงรู้ข้อมูลเบื้องลึกของเธออย่างแน่นอน ข่าวดีดีแบบนี้ต้องบอกให้หนูอีฟเป็นกำลังเสริมอีกแรงน่าจะดี
หนูอีฟมาถึงบริเวณที่จอดรถของร้านอาหารอิ่มสบายก็เห็นรถของทอมมี่จอดอยู่แล้วจึงหันมาพูดกับนายเข้ม “นายเข้ม นายจะทานอะไรเดี๋ยวฉันสั่งมาให้” หนูอีฟไม่อยากเป็นคนแร้งน้ำใจในสายตาของเขาก็เลยเอ่ยปากถามเรื่องอาหาร
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ เชิญคุณอีฟตามสบายผมดูแลตัวเองได้ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
“ตามใจ เรารึอุตส่าห์หวังดี ยังทำหยิ่งอีก ขอให้หยิ่งให้ตลอดไปแล้วกันเชอะ!” หนูอีฟสะบัดหน้าใส่เดินหนีไปยังซุ้มที่เห็นทอมมี่กวักมือเรียกทันที
เข้มส่ายหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของหนูอีฟ เขาเข้าไปข้างในหาไอ้อ้วนดีกว่า เขาคิดเมื่อเห็นว่า หนูอีฟเดินไปทรุดตัวลงนั้นในซุ้มหนึ่งที่มีชายหนุ่มหน้าตาดีนั่งรออยู่แล้ว เขาเดินลัดเลาะไปด้านหลังร้านอย่างคนชำนาญทาง
“ไฮ! ทอมมี่ รอนานไหมรถติดมากเลย ขอบคุณค่ะ” หนูอีฟนั่งลงตรมข้ามกับทอมมี่ รับแก้วน้ำตะไคร้เย็นเฉียบมาดื่มแก้กระหาย
“ไม่นานหรอกหนูอีฟ ทานอาหารกันดีกว่าเด็กเพิ่งจะมาเสริฟเมื่อสักครู่นี่เองกำลังร้อนๆ ของโปรดของหนูอีฟทุกอย่างเลย”
“-ขอพักหายใจแป๊ปหนึ่ง ขอกินบรรยากาศรอบๆ ก่อนดีกว่า” หนูอีฟสูดหายใจเข้าเต็มปอดเธอชอบการจัดตกแต่งสวนของร้านนี้มากเป็นพิเศษ เธอชวนทอมมี่มาทานที่นี่ครั้งแรกเขาก็ติดใจเหมือนเธอเพราะเขาก็ชอบสีเขียว อาการเย็นๆ เช่นเธอเหมือนกัน เธอกับเขาเลยมาที่ร้านนี้บ่อยที่สุด
“หนูอีฟครับ ผมมีเรื่องเซอร์ไพรส์มาบอก คือว่าผมพบนางในดวงใจแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่เหมือนหนูอีฟและผมก็ถูกใจมากที่สุดด้วย” ทอมมี่หน้าแดงเมื่อต้องมาพูดความในใจให้หนูอีฟได้รู้
หนูอีฟหันมามองทอมมี่ตาโตด้วยความคาดไม่ถึงในสิ่งที่ทอมมี่บอกเพราะหลังจากเขาสารภาพรักกับเธอเมื่อ 4 ปีก่อนเธอและเขาจะเรียนจบมหาวิทยาลัยและเธอได้ปฏิเสธเขาไปขอให้เขาคบเธออย่างเพื่อนรักดีกว่าคนรัก ตั้งแต่คราวนั้นทอมมี่ก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษอีกเลยเขาบอกว่าผู้หญิงที่เขาจะสนใจต้องมีบุคลิกคล้ายๆ กับเธอ และนี่เขาบอกว่าเขาพบเธอคนนั้นแล้ว ทำไมเมื่อสองวันก่อนไม่เห็นเขาเล่าให้เธอฟังเลย เธอตื่นเต้นจริงๆ นะเนี๊ย “เซอร์ไพรส์มากเลยทอมมี่ แล้วเธอคนนั้นเป็นใครมีอาชีพอะไรบ้านอยู่ที่ไหนลูกเต้าเหล่าใครพบกันเมื่อไหร่ค่ะ?”
“โฮ้โฮ้! ถามยาวเป็นขบวนรถไฟเลย ช้าๆ ก็ได้ผมยังไม่ได้รีบกลับไปไหน พอดีผมเพิ่งพบเขาเมื่อสักครู่นี่เองบังเอิญว่าถูกใจตั้งแต่แรกเห็น จริงๆ นะไม่ได้หลอก ไม่รู้ว่าทำไมพอสบตากันปุ๊ปก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ใช่เลยคนที่ผมตามหามานาน ผมยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอมากนักได้แต่ทราบว่าเธอชื่อมิรันตรีมีชื่อเล่นว่าน้องสองเป็นนางแบบอิสระก็เท่านี้ครับ หนูอีฟพอจะได้ยินชื่อบ้างไหมครับ?” ทอมมี่เห็นหนูอีฟตั้งอกตั้งใจฟังเขาตาไม่กระพริบก็อดเขินไม่ได้ เห็นหนูอีฟสั่งยิ้มล้อเลียนมาด้วยยิ่งเขินใหญ่
“โธ่ๆๆๆ! เราก็นึกว่าพลาดข่าวสำคัญของเพื่อนไปตอนไหนที่แท้ก็เพิ่งจะพบเขานี่เอง แล้วมาทึกทักเป็นตุเป็นตะไปได้ว่าเขาเป็นนางในดวงใจ เลี่ยนจริงๆ เพื่อนเรา แต่หนูอีฟไม่รู้จักหรอกค่ะพวกนางแบบอิสระเขารับเฉพาะงานที่เขาอยากทำเท่านั้น เขาไม่ได้ปรากฏตัวบ่อยๆ ที่จะทำให้เราจดจำเขาได้แต่ว่าพี่นีนี่ต้องรู้จักแน่ๆ ทอมมี่ลองคุยกับเขาดูซิค่ะหรือจะให้หนูอีฟคุยให้ก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมคุยกับพี่นีนี่เองดีกว่า ได้เรื่องว่าไงแล้วจะเล่าให้ฟังคราวหน้าแล้วกันนะครับ แล้วนั้นหนูอีฟมองหาใครอยู่ครับ? ทอมมี่สงสัยเมื่อเห็นหนูอีฟหันมองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาใครสักคน
“มองหาคนขับรถนะค่ะ ไม่ทราบว่าไปนั่งตรงไหน คือว่าแม่อรขากลัวว่าหนูอีฟจะเหนื่อยกับการเดินทางเพราะต้องขับรถเองท่านก็เลยหาคนขับรถมาให้หนูอีฟค่ะ” หนูอีฟรีบบอกกับทอมมี่เมื่อเห็นเขาทำหน้าตาสงสัย
หนูอีฟอยากบอกกับทอมมี่ว่านายเข้มคือบอดี้การ์ดประจำตัวแต่แม่อรขากำชับไม่ให้เธอบอกใครเธอก็เลยไม่สามารถบอกเพื่อนรักอย่างทอมมี่ได้ เธอพยายามมองหานายเข้มว่าเขาไปนั่งอยู่ตรงไหนแต่ก็ไม่เห็นวี่แววสงสัยจะนอนรออยู่ในรถ ดีให้รอให้เข็ดเธอชอบร้านนี้วันนี้จะนั่งให้นานที่สุดเลยคอยดู***********
ความคิดเห็น