คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
ตึกบิ๊กบิ๊กทาวเวอร์เป็นตึกทรงทันสมัย 5 ชั้น บริเวณชั้น 1 - 4 เป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งภายในบ้านทุกประเภทซึ่งนำเข้าจากอิตาลีทั้งหมด ส่วนชั้น 5 เป็นชั้นของผู้บริหารขณะนี้ในห้องห้องหนึ่งมีหนุ่มสาวสองคนกำลังสนทนากันอย่างออกรสชาติตรงโซฟารับแขกมุมห้อง คนหนึ่งเป็นหญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อสูทเข้าชุดสีเทาเข้มเสื้อตัวในเป็นผ้ายืดคอแหลมสีขาวมองเห็นเนินอกรำไร ส่วนชายหนุ่มสวมสูทสีดำเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวสะอาดและผูกเน็กไทสีดำสลับขาว การแต่งกายของทั้งสองคนทำให้รู้ว่ายังอยู่ในช่วงของการไว้ทุกข์ให้ผู้บริหารสูงสุดของสถานที่แห่งนี้นั่นเอง
“พี่โคมจ๋า ไหนสาธยายให้หนูอีฟฟังหน่อยซิค่ะว่าคุณอรฤดี เธอสวยบาดตาและหุ่นเซ็กซี่ขนาดไหน หนูอีฟเห็นเธอแค่ในทีวีเท่านั้นไม่เคยเจอตัวจริงเธอเลย” หนูอีฟเริ่มยิงคำถามทันที เช้าวันนี้เธอมาทำงานตามปกติ เธอกำลังคิดว่าจะไปหาพี่โคมที่ห้องทำงานพอดีเขาเดินมาหาเธอที่ห้อง ทั้งสองคนจึงนั่งคุยกันที่โซฟามุมห้องที่ประจำของเธอ...........
“คุณดาวเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและเซ็กซี่มากเลยหนูอีฟ แต่สวยสู้หนูอีฟของพี่ไม่ได้หรอกครับ” โคมยิ้มกว้างเมื่อเห็นหนูอีฟทำท่าเขิน
“แหมพี่โคมมาเยินย่อกันเองอีกแล้ว ถ้าคุณดาวเธอสวย พี่โคมของหนูอีฟก็หล่อ อาจเป็นบุพเพอาละวาดก็ได้นะค่ะที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้หนุ่มหล่อสาวสวยได้มาเจอกันเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องติดตามตอนต่อไป” หนูอีฟพูดขึ้นพรางจ้องมองไปที่ชายหนุ่ม พี่โคมของเธอเป็นชายหนุ่มผิวขาว รูปร่างค่อนข้างท้วมไม่สูงเพรียวเหมือนนายแบบทั่วไป แต่หน้าตาสู้กับนายแบบได้สบายหายห่วง เพราะพี่โคมหล่อเหมือนคุณพ่อของเธอแต่ตัวเล็กเหมือนคุณป้านงนภา คุณแม่ของพี่โคมเอง “แหมหนูอีฟก็ คนเพิ่งเจอกันครั้งแรกก็คิดจะจับคู่ให้เขาเสียแล้ว เด็กแก่แดดจริงหนอเรา” โคมพูดพร้อมขยี้หัวหนูอีฟแล้วโยกเบาๆ
“นั่นแน่! พี่โคมพูดแล้วทำไมต้องทำหน้าเคลิ้มขนาดนั้นด้วยค่ะ มาว่าน้องแก่แดด คุณพี่ก็แก่หนังเหนียวแล้วสมควรมีแฟนได้แล้วนะค่ะ หนูอีฟไม่เห็นพี่โคมสนใจใครเลยสักคนเอาแต่ทำงานอย่างเดียว เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช่นะพี่”
โคมได้ฟังที่หนูอีฟพูดได้แต่นั่งยิ้มตามความคิดแผลงๆ ของเธอ นึกไปถึงอรฤดีหรือดาว นางร้ายในละครทีวี เธอเป็นคนสวยหุ่นก็แสนเซ็กซี่ เขามีโอกาสได้คุยหลังพาเธอไปทำแผลเรียบร้อยแล้ว จากการที่ได้คุยกันทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไวไฟไม่ใช่เล่น แค่พบกับเขาครั้งแรกเธอก็ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้แล้วแต่คนอย่างเขามีหรือจะปัดโอกาสให้ผ่านเลยไปง่ายๆ เขานัดหล่อนทานข้าวแล้วในเย็นนี้ แต่เขาไม่บอกหนูอีฟปากลำโพงหรอก เดี๋ยวข่าวก็แพร่กระจายไปถึงหูคุณแม่นง เขาไม่อยากมานั่งตอบคำถาม........
“หนูอีฟก็มาว่าพี่แก่ แล้วหนูอีฟหล่ะครับไม่แก่ตามพี่มาติดๆ หรือไงเราอายุห่างกันแค่ 6 ปีเท่านั้นนะครับคนสวย แล้วน้องสาวของพี่มีแฟนหรือยังครับ อย่าบอกนะว่าเป็นทอมมี่เพราะพวกเรารู้กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร ไหนตอบพี่มาหน่อยซิครับ” โคมได้ที่แกล้งถามคำถามที่รู้ว่าหนูอีฟไม่อยากจะตอบ
“เออ! พี่โคมบ้ามาถามบ้าๆ กับหนูอีฟทำไม ฟงแฟนไม่คิดมีหรอก มีทำไมอยู่คนเดียวสบายกว่าคิดจะไปไหนกับใครไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการทำผิด ถ้าหากมีแฟนจะไปไหนกับเพื่อนผู้ชายโดยเฉพาะกับทอมมี่คงต้องอธิบายเหตุผลกันยาวกว่าเขาจะเข้าใจ หนูอีฟไม่มีหรอกค่ะ ขออยู่เป็นโสดดีกว่า”
“แล้วพี่จะคอยดู พี่ว่าเนื้อคู่ของหนูอีฟน่าจะเกิดแล้วนะ อีกไม่นานหรอกหนูอีฟต้องเจอคนที่ใช่แน่เลย พี่มีพรสวรรค์นะสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินได้” โคมแกล้งแหย่หนูอีฟเล่น
หนูอีฟทำหน้ากระอักกระอ่วนเมื่อพี่โคมพูดถึงเนื้อคู่ อย่าเพิ่งเจอกันตอนนี้เลย ขอให้เธอจัดการปัญหาเรื่องบอดี้การ์ดของแม่อรขา ให้ได้ก่อนเถอะ เรื่องมีแฟนมีเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้ขอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
“หนูอีฟสามโมงกว่าแล้วพี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วเที่ยงนี้ทานข้าวด้วยกันนะครับ” โคมเห็นว่าสายมากแล้วก็ขอตัวไปทำงานเขาเดินออกมาจากห้องน้องสาวก็พบกับไอติมเลขาหน้าห้อง
“ไอติม ขอบคุณมากนะสำหรับกาแฟอร่อยๆ วันหลังจะมาทานใหม่ครับ”
“ไม่เป็นไรคะคุณโคม ไอติมยินดีที่ได้บริการท่านผู้บริหารทุกท่านด้วยความเต็มใจค่ะ” ไอติมยิ้มหวานให้คุณโคมและมองตามจนลับสายตาพรางคิดว่าคุณโคมเป็นผู้ชายที่สุภาพเรียบร้อยมากขนาดเลขาหน้าห้องอย่างเธอเขายังพูดจาเป็นกันเอง ไม่ทำตัวเป็นผู้บริหารที่วางมาดหรืออวดอำนาจแต่อย่างใด ดังนั้นคุณโคมจึงเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ ทุกคนทั้งบริษัทไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเอง............
หนูอีฟเดินแกมวิ่งเพื่อไปยังห้องทำงานของตนเองเมื่อเห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมงสิบนาทีแล้ว เที่ยงนี้เธอและพี่โคมออกไปทานข้าวกลางวันไกลมากไปหน่อยเพราะเห็นว่าวันนี้ไม่มีตารางนัดหมายกับใคร แต่เมื่อประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ไอติมโทรมาบอกว่ามีชายหนุ่มรูปหล่อมาขอพบตอนแรกเธอก็นึกว่าเป็นทอมมี่จึงบอกว่าให้รอไปก่อน แต่ไอติม บอกว่าไม่ใช่ทอมมี่แต่เขาบอกว่าชื่อเขมชาติ เธอนึกออกทันทีนายหน้าเข้มคนนั้นเอง พี่โคมของเธอขับรถเร็วที่สุดแล้วก็มาถึงเอาป่านนี้ ไม่รู้ว่านายหน้าเข้มยังรอเธออยู่หรือป่าว......
“คุณอีฟขา คุณคนหล่อยังรออยู่ในห้องค่ะ เขารับกาแฟไป 3 ถ้วย และน้ำเปล่าไป 2 แก้ว แล้วค่ะ แต่เขาไม่ถามไอติมเลยนะค่ะว่าคุณอีฟจะมาถึงตอนไหน ได้แต่ว่าขอรอในห้องเพราะมีเรื่องต้องคุยกับคุณอีฟวันนี้ให้ได้ค่ะ” ไอติมรายงานนายสาวทันที่เธอเดินมาถึงตัว
“โอเคจ๊ะ เดี๋ยวฉันคุยกับเขาเอง เออ! ไอติม ถ้าได้ยินเสียงอะไรผิดปกติหรือได้ยินฉันร้องเธอรีบเข้าไปในห้องฉันได้เลยนะไม่ต้องเคาะ แล้วกล้องถ่ายรูปที่ฉันให้เธอเตรียมไว้อยู่หรือป่าว?” อีฟเริ่มดำเนินแผนการที่จะเอาคืนนายหน้าเข้มให้หลาบจำ
“กล้องอยู่ในลิ้นชักที่โต๊ะของไอติมค่ะ คุณอีฟจะใช้ตอนนี้หรือค่ะ รอเดี๋ยวคะไอติมไปหยิบก่อน”
“ไม่ต้องหรอกไอติม เธอนั่นแหละเป็นคนใช้กล้อง ถ้าหากเธอได้ยินเสียงฉันร้องเธอรีบเข้าไปในห้องของฉันไม่ว่าจะเห็นภาพอะไรก็แล้วแต่ ขอให้เธอถ่ายเก็บไว้ไห้ได้มากที่สุด เข้าใจใช่ไหม” อีฟสั่งกำชับไอติมก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของเธอที่มีนายหน้าเข้มรออยู่ทันที
ไอติมงงกับคำสั่งของคุณอีฟ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้เธอถ่ายรูปให้และให้ถ่ายรูปอะไร ทำไมคุณอีฟจึงไม่ถ่ายเอง ถึงไม่เข้าใจและไม่ทันได้ถามเหตุผล แต่เราก็ต้องคอยฟังเสียงของคุณอีฟให้ดีที่สุดเผื่อคุณอีฟเรียกหาขึ้นมาแล้วเราไม่ได้ยินแย่แน่เลย ไอติมคิดแล้วหยิบกล้องถ่ายรูปมาวางไว้บนโต๊ะกันลืม...........
หนูอีฟมองหานายหน้าเข้มเมือเดินเข้าประตูมาแล้วมองไม่เห็น พอหันไปมองที่โซฟามุมห้องก็พบว่า บัดนี้นายหน้าเข้มนอนเหยียดยาวเต็มโซฟากำลังหลับตาพริ้ม เสียงหายในสม่ำเสมอแสดงว่านายหน้าเข้มหลับสนิท โธ่เอ๊ย! ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาแค่รอเราชั่วโมงเดียวแค่นี้ไม่เห็นจะต้องนอนรอเลย
“คุณเขมชาติ ตื่นได้แล้ว ฉันมาแล้วมีเรื่องอะไรก็ตื่นมาคุยกันได้เลย” หนูอีฟปลุกนายหน้าเข้มพร้อมกับเขย่าแขนเขาแรงๆ
“ตื่นแล้วครับ” เข้มลืมตามองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมขยี้ตาเนื่องจากยังไม่หายงัวเงีย
“นายไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยเสียก่อน” หนูอีฟชี้มือไปทางห้องน้ำซึ่งอยู่ลึกเข้าไปภายใน
“ผมขอตัวสักครู่นะครับ ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”
“ไม่เป็นไร นายรีบไปล้างหน้าได้แล้ว”
หนูอีฟนั่งคิดหลังจากที่นายหน้าเข้มเดินลับสายตาไป เธอจะเริ่มตามแผนที่วางไว้ตอนไหนดีเอาเป็นว่าคุยกับเขาดีๆ ไปก่อนแล้วกันว่าเขาจะมีข้อตกลงอย่างไรกับเอกสารสำคัญใบนั้น หนูอีฟหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด นายหน้าเข้มเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่ดูสดชื่นขึ้น วันนี้ผมยาวของเขาถูกรวบขึ้นไปรัดด้วยหนังยางสีดำ ทำให้มองเห็นใบหน้าคมเข้มได้ถนัดตาขึ้น เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนสอดชายไว้ในกางเกงแสลคสีดำคาดด้วยเข็มขัดสีเดียวกับกางเกงและสวมรองเท้าหนังสีดำ หล่อ ดูดี ทำไมเขาแต่งตัวแบบไหนก็ดูดีไปซะหมด หนูอีฟมองไล่กับขึ้นไปมองหน้าเขาอีกครั้งก็ประสานสายตากันพอดี
“ว๊ายๆๆ! เออ! นั่งที่โซฟาจะสะดวกกว่าค่ะ” หนูอีฟตกใจ กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่เมื่อเห็นเขามองมายิ้มๆ ใส่ตาเธอแล้วยักคิ้วให้เมื่อเห็นเธอมองเขาอยู่นาน เธอเลยรีบพูดเบี่ยงเบนความสนใจ
“ผมเริ่มเรื่องเลยดีกว่า คือว่าผมจะมาแจ้งให้คุณทราบว่านับจากนาทีนี้เป็นต้นไปผมจะติดตามคุณไปทุกฝีก้าวไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนจะต้องมีผมไปด้วยทุกที่ เพราะฉะนั้นขอให้คุณช่วยบอกให้เลขาหน้าห้องคุณเตรียมตารางการทำงานในแต่ละวันให้ผมด้วยนะครับ”
“นี่คุณหยุดก่อน คุณพูดเรื่องอะไรไม่ทราบ แค่กระดาษแผ่นเดียวทำให้นายเสียสติไปแล้วหรือไง ทำไมนายจะต้องมาคอยตามฉันด้วยไม่ทราบ อยากเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ก็บอกมาเถอะ ฉันจะรับไว้พิจารณาว่าสมควรแก่การจ่ายให้นายหรือป่าว” หนูอีฟคิดว่านายหน้าเข้มจะมาคอยตามเธอทำไม สงสัยจะมาคอยดูว่าเธอร่ำรวยแค่ไหนละมั้ง
“ผมยังมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ก็วันนี้คุณต้องพบกับใครบ้าง คุณจำได้หรือป่าว ผมคือคนที่คุณต้องการพบไง หล่ะ” เข้มช่วยเสริมข้อข้องใจให้หญิงสาวตรงหน้า
“พบใคร? ฉันไม่ได้นัดใครไว้สักคน ฉันถึงออกไปทานข้าวกับพี่โคม เลยกลับมาช้าไงละ ฉันนึกไม่ออกหรอกนายช่วยบอกฉันหน่อยซิ” หนูอีฟยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่ในสิ่งที่นายหน้าเข้มพูด ก็เธอดูตารางนัดหมายแล้ววันนี้ทั้งวันเธอไม่ได้มีนัดกับใครนี่หน่า
“เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เข้าทำงานช้า บ่ายสองยังไม่ถึงที่ทำงานไม่รู้ว่าคนระดับผู้บริหารเขาทำงานกันแบบนี้ แล้วจะดูแลลูกน้องอย่างไรในเมื่อเจ้านายไม่ทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็น”
“นี่นายหน้าเข้ม มันจะมากไปแล้วนะ ฉันจะทำอะไรมันก็บริษัทของฉัน นายไม่เกี่ยว อย่ายุ่ง!”
“ไม่ยุ่งก็ได้ครับ เพราะต่อไปคุณจะไม่เป็นเหมือนอย่างวันนี้เด็ดขาด เพราะผมจะคอยเตือนคุณเองเมื่อเห็นว่าคุณทำอะไรผิดตารางเวลา”
“โอ๊ย! หยุดพูดได้แล้ว นายบอกมาเลยดีกว่าว่านายจะเอาไง?”
“ไม่เอาไงครับ แค่มาทำงานตามหน้าที่ ผมจะมาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณครับคุณอีฟ”
“บอดีการ์ด! นายเองเหรอที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน ไม่ฉันไม่ต้องการนายกลับไปได้แล้ว ฉันดูแลตัวเองได้ กลับไปซะ!”
“กลับไม่ได้หรอกครับ ผมเป็นคนตรงรับเงินค่าจ้างมาแล้วต้องทำงานให้สำเร็จ”
“นาย
“ตอนนี้เงินไม่สำคัญสำหรับผมครับ แต่คำพูดหรือสัญญาที่มีให้คุณเอมอรสำคัญกว่า คุณเปลี่ยนใจผมไม่ได้หรอกครับ”
“แล้วเรื่องที่นายบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันมากมายในวันที่เราชนกันหล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องนี้” หนูอีฟส่งสายตาเชือดเฉือนไปให้ชายหนุ่ม
“ต้องขอโทษด้วย แต่มันคือเรื่องเดียวกันนี่แหละครับ”
“แล้วไอ้กระดาษแผ่นนั้นหล่ะ ที่คุณบอกว่ามันสำคัญกับคุณมากได้มาอย่างยากลำบากมันคืออะไร”
“คุณอย่ารู้เลยไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่หรอกคุณเล่นๆ เพื่อหาสาเหตุมาพบคุณไงครับ”
“เป็นอันว่านายจะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันจริงๆ ใช่ไหม” หนูอีฟรู้สึกเหนื่อยเมื่อเถียงกับนายหน้าเข้มมาพักใหญ่แล้ว พูดกันไปมาก็ไม่พ้นเรื่องเขาจะมาเป็นบอดี้การ์ดของเธอให้ได้ เธอพยายามใช้สมองว่าจะทำอย่างไรดี
“เอางี้ หากนายสามารถตอบคำถามฉันได้ครบ 3 ข้อ ฉันจะรับนายเป็นบอดี้การ์ดของฉัน ตกลงไหม?”
“ตกลงครับ แต่ถ้าผมตอบถูกทั้งสามข้อแล้วคุณห้ามเบี้ยวนะครับสัญญาก่อน”
“สัญญาก็ได้ แหมเรื่องมากจริงเชียว”
เข้มมองอาการของหนูอีฟแล้วอดยิ้มไม่ได้ ก็หล่อนค้อนใส่เขาแล้วทำปากขมุบขมิบ มันน่านัก เขานึกหมั่นเขี้ยว แล้วนี่เขาจะตอบคำถามได้ครบ 3 ข้อหรือป่าวก็ยังไม่แน่ใจ ยังไงก็ต้องรับปากไปก่อนแล้วค่อยหาเรื่องเฉไฉที่หลังแล้วกัน
“ฉันจะเริ่มถามข้อแรกแล้วนะ นายว่าฉันชอบดอกไม้อะไรมากที่สุด?” นายเข้มเอ๊ย! นายตอบไม่ถูกแน่ฉันว่านายต้องตอบว่าดอกกุหลาบแหงๆ
“ผมจะรู้ได้อย่างไง ว่าถ้าผมตอบไปแล้วคุณแกล้งบอกว่าไม่ใช้ผมก็แย่นะซิ”
“แหม! นี่นายเห็นฉันเป็นคนอย่างไง ฉันไม่โกงนายหรอกน่า ตอบมาเถอะ”
“ดอกมะลิครับ คุณชอบทั้งมะลิลา และมะลิซ้อน ถูกไหมครับ” เข้มดีใจที่คำถามข้อแรกเขาสามารถตอบได้ก็มันอยู่ในกระดาษเจ้าปัญหาแผ่นนั้นนั่นแหละ
หนูอีฟขมวดคิ้วนิ่วหน้า ทำไมเขาตอบถูกหล่ะสงสัยแม่อรขาบอกแน่ๆ ใช่ แล้วคนที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ใครสักคน เขาต้องรู้ประวัติของคนที่เขาจะต้องคุ้มกันทุกเรื่องนี่หน่า แล้วเราจะถามอะไรดีหนอที่เขาจะตอบไม่ได้
“ถูกก็ได้ ข้อ 2 ฉันมีตุ๊กตาตัวโปรดตัวหนึ่งที่ฉันชอบมากที่สุดตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันเป็นสิ่งที่ฉันขาดไม่ได้เวลานอนฉันต้องนอนกอดมันเสมอ นายว่ามันเป็นตุ๊กตาอะไร” หนูอีฟนึกถึงมิมิ ตุ๊กตาหมีตัวโปรด แม่อรขาคงไม่ได้บอกให้นายหน้าเข้มรู้หรอกเพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจดจำอีกอย่างคุณแม่ก็ไม่ค่อยชอบมิมิของเธอ ท่านบอกว่าหนูอีฟชอบพกเอามิมิไปไหนมาไหนด้วยทำให้เสียบุคลิกหมด แต่เธอชอบของเธอใครก็มาห้ามไม่ได้
เข้มนึกไปถึงอดีตเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เด็กหญิงถักผมเปีย 2 ข้าง เวลาเธอไปบ้านของเขาเธอต้องหนีบเจ้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลไปด้วยทุกครั้ง เขาจำได้ดีจำได้แม้กระทั่งชื่อของมันด้วย
“ตุ๊กตาหมีครับ”
“นายเดาใช้ไหม นายคิดว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบตุ๊กตาหมีแน่ๆ เลย ใช้ไม่”
“ถูกหรือป่าวครับ ผมไม่ได้เดาครับ ผมรู้จริงๆ”
“ถ้านายรู้จริง แล้วตุ๊กตาตัวนั้นชื่ออะไร?”
“ชื่อมิมิครับ” เข้มเห็นหนูอีฟอ้าปากค้างก็อดขำไม่ได้
“เฮอะๆ นิ่งไปเลยเหรอครับ แล้วอีกคำถามคืออะไรครับคุณหนูอีฟ 2 ข้อที่ผ่านมาผมว่ามันง่ายไปนะครับ”
หนูอีฟจ้องตานายหน้าเข้มแบบจะกินเลือดกินเนื้อ เขาตอบถูก 2 ข้อแล้ว แม่อรขาบอกเขาหมดทุกเรื่องเลยหรือนี่เขาบอกอีกว่าง่ายเกินไป ที่นี้เราจะถามอะไรดีที่มันยากถามอะไรดี คิดซิ คิดให้ได้อย่ายอมแพ้ บังเอิญสายตาของเธอไปเห็นเงาของตัวเองในกระจกตอนที่เธอก้มหยิบน้ำหวานบนโต๊ะกลาง ใช่แล้ว! คำถามนี้เด็ดสุดแล้ว นายต้องตอบไม่ถูกแน่ๆ เลยนายหน้าเข้ม
“คำถามข้อ 3 ฉันมีไฝอยู่เม็ดหนึ่ง ให้คุณตอบว่าไฝเม็ดนั้นมันอยู่ส่วนไหนในร่างกายฉัน” หนูอีฟเห็นนายหน้าเข้มทำหน้าเหวอก็รู้สึกสะใจคิดว่าสำเร็จ นายหน้าเข้มนายเสร็จฉันแน่งานนี้
เข้มงงไปเลยเมื่อเจอคำถามพิสดาร แล้วเขาจะรู้ไหมว่าไฝเจ้ากรรมเม็ดนั้นมันอยู่ตรงไหน น้าอรก็ไม่ได้บอกเอาไว้ด้วย แถมเมื่อตอนที่พบกันตอนเด็กเขาก็ไม่เคยเห็นไฝของหล่อนเลย แล้วนี่เขาจะตอบหล่อนว่าอะไรดี ผู้หญิงอะไรไม่รู้สรรหาคำถามแปลกๆ มาถาม มีสุภาพสตรีคนไหนบ้างที่อยากให้ผู้ชายแปลกหน้ารู้ว่าตัวเองมีตำหนิไฝฝ้าปานแดงปานดำ มันไม่น่าให้ใครรู้ด้วยซ้ำเพราะมันเป็นเรื่อง ส่วนต๊ว ส่วนตัว สุดๆ แล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม สงสัยเขาต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเองเสียแล้วงานนี้*********
ความคิดเห็น