ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บอดี้การ์ดจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 52


    ตอนที่ 2

     

                    เสียงกริ่งประตูหน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ปลูกอยู่ในเนื้อที่สามไร่ใจกลางเมืองกรุงดังสั้นยาวสั้นยาวสลับกัน ทำให้    คุณไขแสงประมุขของบ้านต้องลุกจากโซฟาหวายตัวโปรดก่อนจะวางหนังสือแฟชั่นเสื้อผ้าในมือลงบนโต๊ะทรงกลมเบื้องหน้าวันนี้ยายยิ้มกับตาชื่นคนงานเก่าแก่ได้ลากลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อไปรับหลานสาวขึ้นมาอยู่ด้วยกันที่นี่ จึงไม่มีใครไปเปิดประตู 

                    เออ!..ไม่รู้ว่าใครกันมาตอนมืดค่ำแบบนี้  ไขแสงคิดพรางเดินไปเปิดไฟดวงหน้ารั้วบ้านเพราะขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว  ปกติบ้านเธอจะเปิดไฟเฉพาะดวงหน้ามุขเท่านั้นเมื่อหลังเวลาสองทุ่มไปแล้ว

                    ร่างสูงสง่ายื่นพิงประตูรั้วไม้สักบานใหญ่ที่แกะสลักเป็นรูปใบกล้วยทั้งสองบานด้วยฝีมือประณีตสวยงามเหนือบานประตูมีกรอบไม้ลายฉลุภายในกรอบมีตัวอักษรที่ประดิษฐ์จากไม้เรียงกันอย่างสวยงามข้อความว่า บ้านสวนในฝัน เข้มยืนอ่านแล้วอมยิ้มคนเดียวเมื่อคิดถึงคนที่ตั้งชื่อบ้านหลังนี้ เมื่อสักครู่เขากดกริ่งไปแล้ว 4 ครั้งโดยใช้รหัสลับแบบเดิมที่ใช้กับตาชื่นเป็นประจำ  นี่มันเลย 10 นาทีมาแล้วยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครมาเปิดประตูสักที่เขาจึงหันหลังกลับเตรียมจะกดกริ่งอีกครั้ง พลัน         สายตาโฟกัสไปพบกับหญิงสาวรูปร่างสูงสมส่วนแต่งกายด้วยชุดนอนบางเบาสีครีมสวมทับด้วยเสื้อคุมอย่างมิดชิดบนศีรษะมี          โรม้วนผมติดอยู่สามสี่อันกำลังเดินตรงมาทางประตูที่เขายื่นรออยู่พอเห็นในระยะใกล้ชายหนุ่มจึงรีบยกมือทำความเคารพในทันที

                    สวัสดีครับแม่ไข เปิดประตูเร็วๆ หน่อยคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว  ชายหนุ่มรีบพูดอย่างร้อนใจเมื่อเห็นว่าผู้ที่กำลังเดินมาเป็นคนที่ตั้งชื่อบ้านหลังนี้นั่นเอง

                    ลูกเข้ม....ลูกเข้มของแม่ไข แม่คิดถึงหนูเหลือเกิน รอเดี๋ยวลูกแม่แก่แล้ว คุณไขแสงเห็นคนที่กดกริ่งหน้าบ้านเป็น  เขมชาติหรือลูกเข้ม ลูกชายคนโปรดก็ดีใจสุดจะบรรยายทั้งสองคนโผเข้ากอดกันต่างผลัดกันหอมแก้มซ้ายขวาไม่มีใครยอม     น้อยหน้าซึ่งกันและกันปากก็พร่ำพูดว่าคิดถึงกันไม่หยุด

                    แม่ไขสบายดีไหมครับ ทำไมมาเปิดประตูเอง ไม่มีใครอยู่เลยเหรอครับ?”  เข้มพูดขึ้นหลังจากปล่อยอ้อมแขนจากแม่แล้วพากันเดินเข้าไปในบริเวณบ้าน

                    แม่สบายดีลูกส่วนยายยิ้มกับตาชื่นเขาไม่อยู่หรอกลูก เขาสองคนขออนุญาตกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อไปรับหลานสาว  มาอยู่ด้วยกันที่นี่  คุณไขแสงตอบข้อสงสัยให้ลูกชาย

                    ลูกเข้มจ๋า...เราไม่ได้พบหน้ากันนานแค่ไหนแล้วแม่ว่าน่าจะเป็นอาทิตย์แล้วใช่ไหมแม่ถึงรู้สึกว่ามันนานเหลือเกิน... คุยโทรศัพท์ก็ไม่เหมือนเจอตัวเป็นๆ นะลูกนะ  พูดพรางดึงลูกชายให้นั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน

                    ครับแม่ไข...ก็ครบอาทิตย์เมื่อวานครับ ผมก็คิดถึงแม่ไขเหมือนกันเลย....คิดถึ๊ง...คิดถึง  ชายหนุ่มวาดวงแขนไปรอบเอวหนาและยื่นหน้าไปหอมแก้มหนึ่งฟอด  คุณไขแสงเห็นหน้าลูกสุดรักก็ดีใจทุกครั้งเมื่อห่างกันหลายๆ  วันก็ทำให้คิดถึงมาก

     

                    เมื่อเธอได้แต่งงานกับคุณสมภพ   ตระกูลกังวาน เจ้าของโรงงานทอผ้าชื่อดังในจังหวัดสุพรรณบุรีครองรักกันได้สิบปีมีพยานรักด้วยกัน 1 คนคือลูกเข้ม หลังจากนั้นคุณสมภพก็ล้มป่วยลงจนมาทราบว่าเป็นโรคหัวใจก่อนจะเสียชีวิตตั้งแต่ลูกเข้มอายุได้เพียง 10 ขวบ เมื่อสิ้นเสาหลักสองแม่ลูกก็ผูกพันกันมากขึ้นแทบจะเป็นเงาตามตัวของกันและกัน.....เธอไม่เคยคิดจะมีสามีใหม่เพราะกลัวลูกจะเสียใจ เธอดูแลกิจการโรงงานทอผ้ามาพร้อมๆ กับคุณเสริมศรีน้องสาวของเธอที่เข้ามาคอยช่วยเหลือจนกิจการ ก้าวหน้ามีรายได้เข้ามาสู่ครอบครัวอย่างมหาศาล พอลูกเข้มเรียนจบมัธยมต้นเธอจึงชวนลูกเข้ามาซื้อที่และปลูกบ้านหลังนี้ เมื่อ  ลูกเข้มเรียนจบปอตรีสถาปัตยกรรม สาขาภูมิสถาปัตย์ที่เน้นเรื่องการจัดแต่งสวน และจบปอโทการบริหารเธอก็เลยให้ลูกเข้มกลับไปดูแลกิจการสิ่งทอต่อจากเธอ ประกอบกับคุณตาขามพ่อของเธอต้องการผู้ช่วยสืบทอดกิจการบ้านจัดสรรซึ่งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน จึงดึงตัวลูกเข้มไปช่วยงานด้วย....ส่วนตัวเธอตอนนี้ก็อายุห้าสิบห้าแล้วหลังจากปลดตัวเองออกจากกิจการจึงได้แต่นั่งๆ นอนๆ   และออกงานสังคมบ้างในบางครั้ง ลูกเข้มต้องขึ้นลงกรุงเทพฯ บ่อยๆ  ทำให้ทั้งสองคนเจอกันน้อยลง บางครั้งก็สามถึงสี่วัน       บางครั้งก็เป็นอาทิตย์เหมือนในครั้งนี้.......... 

                    คุณตาคุณยายยังแข็งแรงเหมือนเดิมหรือป่าวลูก?”

                    ก็เหมือนเดิมทุกอย่างครับท่านยังบ่นถึงแม่ไขเลยว่าไม่เห็นไปหาท่านบ้างเลยท่านว่าแม่ไขเห็นเพื่อนสำคัญกว่า    พ่อแม่และผมก็เห็นด้วยกับท่านนะครับ  คุณไขแสงหันไปค้อนลูกชายหนึ่งทีและหยิกหมับเข้าที่แก้มขวาอีกหนึ่งครั้ง      

                    นี่แหน่ะ....ว่าแม่เหรอจ๊ะก็ตอนนี้เพื่อนแม่เขามีปัญหาร้อนใจมาปรึกษาเราก็ต้องเป็นน้ำเย็นช่วยปลอบให้เขาคลายร้อนใช่ไหมลูก?”

                    โอ๊ย!...แม่ไขหยิกผมอีกแล้ว ผมไม่ใช่เด็กสิบขวบแล้วนะครับผมเข้าใจแล้วครับซึ่งใจในความรักเพื่อนของแม่ไข    อย่างแรงนะเนี้ย...เพื่อนแม่ไขจะรู้ไหมว่าแม่ไขรักเขามากแค่ไหน นี่ขนาดคิดแก้ปัญหาโดยใช้ลูกชายสุดเลิฟเป็นเครื่องมือเชียวนะครับเข้มปิดปากหาวด้วยดวงตาปรือปรอย

                    ผมง่วงนอนแล้วขอไออุ่นหน่อยนะครับ แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน กู๊ดไนท์ครับแม่ไข เข้มพูดขณะก้มลงนอนหนุนตัก   แม่ไขโดยเหยียดลำตัวไปตามความยาวของโซฟาพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของแม่ไขมาหอมหนึ่งฟอดและวางแนบไว้กลางอกก่อนจะหลับตาพริ้ม.....สักครู่เสียงหายใจสม่ำเสมอก็ดังขึ้นเบาๆ 

                    คุณไขแสงเห็นอาการของลูกชายก็อดยิ้มไม่ได้ลูกเข้มยังเหมือนเดิมชอบนอนแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก.....เวลาไม่ได้หนุนตักของเธอแล้วนอนหลับสบายหรือป่าวไม่รู้ ไขแสงยกมือลูบศีรษะลูกเบาๆ นึกถึงคำพูดของลูกเข้มที่บอกว่าเอาตนมาเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาก็ทำให้เธอนึกไปถึงต้นเหตุของปัญหาดังกล่าว.........

     

                    เอมอร พิศาลสมบัติ ภรรยานายคมเดช  พิศาลสมบัติ   เจ้าของธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากอิตาลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศชื่อว่า บริษัท บิ๊กเฟอร์นิเจอร์ จำกัด  เพื่อนรักของเธอสมัยสาวๆ   เมื่อครั้งนั้นทั้งสองคนเข้าประกวดนางงามประจำจังหวัดเอมอรได้ที่หนึ่ง และเธอได้รองอันดับหนึ่ง ก่อนเข้าประกวดมีการเข้าค่ายทำกิจกรรมหลายอย่างและเธอกับเอมอรก็นอนห้องเดียวกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม....จึงทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมากหลังจากทั้งสองแยกย้ายกันไปมีครอบครัวก็ยังติดต่อหากันตลอดเวลา....จนเมื่อสองเดือนก่อนเอมอรมาหาเธอที่บ้าน...เธอยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นฉากๆ  เหมือนกับว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้.............

     

                    วันนั้น...เอมอรมาหาเธอที่บ้านหลังนี้ด้วยใบหน้าที่แบกความตรอมตรมไว้จนล้นปรี่  แม้จะดูว่าเธอเศร้าแต่ก็ยังคงมีเค้าโครงของความงามเปล่งรัศมีออกมาจากตัวเธอแม้ยามนี้หุ่นจะไม่เพรียวบางเหมือนเมื่อครั้งเป็นนางงามก็ตาม เธอมาด้วยชุดเดรสสีดำปักด้วยคริสตัลสีเดียวกันเป็นรูปดอกไม้เล็ก ๆ ตรงอกอิ่มด้านซ้าย เธอยังสวยสง่าในสายตาของไขแสงเสมอ

                    หวัดดีเอมอร เป็นยังไงบ้างฉันทราบข่าวเรื่องคุณคมเดชเมื่อคืนทางทีวี เสียใจด้วยนะจ๊ะ ไขแสงพูดพร้อมกับอ้าแขนออกรับร่างที่วิ่งถลามาหาตน

                    หวัดดีจ้าไข...ไขจ๋าเธอต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่มีที่พึ่งที่ไหนแล้ว คุณคมเดชเขาจากฉันไปแล้ว ต่อไปฉันกับหนูอีฟจะอยู่กันอย่างไรเป็นผู้หญิงทั้งสองคนจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้เอมอรร้องให้สะอึกสะอื้นหลังจากพร่ำพรรณนาสิ่งที่อัดแน่นในอกให้เพื่อนรักอย่างไขแสงฟัง

                    ใจเย็นๆ ไว้เอมอร ทุกปัญหามีทางแก้ไขเสมอ เราต้องมีสตินะเพื่อน..ไม่เป็นไรนะฉันจะคอยเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับเธอเองนะจ๊ะ ไขแสงพูดปลอบเพื่อนเธอรู้ว่าการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักที่พึ่งพิงนั้นมันทรมานแค่ไหน

                    ไหนเอมอร เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟังหน่อยเราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาไงหล่ะไขแสงพาเอมอรเข้าไปนั่งที่โต๊ะรับแขกข้างในบ้านเพื่อสนทนาปัญหาที่เกิดขึ้น

                    คุณคมเดชเขากำลังจะไปอิตาลีเพื่อติดต่อการสั่งซื้อสินค้าตัวใหม่.....เมื่อคืนก่อนเขายังบ่นกับฉันอยู่เลยว่าพักหลังไม่รู้คิดมากไปหรือป่าวเขาว่ามีคนใส่ชุดดำขี่มอเตอร์ไซด์ตามเขาตั้งแต่ที่ทำงานมาจนถึงบ้านหลายวันแล้ว ฉันก็ตกใจบอกให้ไป       แจ้งความไว้ เขาก็ว่าไม่เป็นไรหรอกเขาไม่เคยมีศัตรูที่ไหนทำธุรกิจก็ใสสะอาดไม่มีปัญญาเรื่องขัดแย้งกับใครเลย แล้วเขาก็ออกจากบ้านไปสนามบินแต่ระหว่างทางเขาก็....เขาก็

                    เมื่อเล่าถึงตรงนี้เอมอรก็กลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายเพื่อน ไขแสงจึงต้องกอดปลอบใจเพื่อนไม่เป็นไรนะจ๊ะ คุณคมเดชเขาไปสบายแล้ว เธอยังมีฉันอยู่ข้างๆ เสมอนะจ๊ะ

                    ตำรวจบอกว่ามีรถบรรทุกพุ่งออกมาจากทางแยกเข้าชนรถของคุณคมเดชอย่างจังทำให้คนขับกับคุณคมเดชเสียชีวิตคาที่เลย ส่วนคนขับรถบรรทุกก็หายตัวอย่างลอยนวลและไม่มีใครเห็นเหตุการณ์สักคนเพราะเหตุเกิดประมาณห้าทุ่มกว่าๆ  จากการพิสูจน์เบื้องต้นจนถึงปิดคดีก็ว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ฉันเชื่อนะว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุมันต้องเป็นการจงใจจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุของใครสักคนแน่นอนเอมอรเล่าต่อหลังจากยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ไหลรินตลอดเวลาที่เธอเล่า

                    แล้วช่วงที่คุณเดชไปต่างประเทศบ่อยๆ ใครดูแลกิจการบริษัทฯ แทนหล่ะ ไขแสงถามในสิ่งที่ตนอยากรู้

                    นายโคมจ๊ะเขาทำงานแทนคุณคมเดชมาสองปีกว่าแล้ว  หลังจากเสร็จงานคุณคมเดชคงต้องมีการเชิญคณะกรรมการ   ทุกฝ่ายเข้าร่วมประชุมเพื่อให้หนูอีฟเข้าไปบริหารงานแทนคุณคมเดชอย่างเต็มตัวเสียที แต่คงต้องแบ่งหน้าที่การบริหารงานกับนายโคมอีกครั้งหนึ่งก่อนเอมอรทำหน้าฉงนหลังจากตอบคำถามเพื่อนเธอถามทำไม หรือไข

                    ไม่มีอะไรหรอกฉันก็แค่ถามดูเผื่อว่าปัญหาที่เธอคิดมันเกิดจากคนใกล้ตัวหรือป่าว?”

                     ไขแสงตอบเพื่อนพรางคิดว่าอาจมีคนในบริษัทคิดยักยอกเงินและคุณคมเดชจับได้เกิดกลัวความผิดก็เลยคิดปิดปากเสียเลยเหมือนอย่างในหนังสืบสวนสอบสวนที่เธอชอบดูหรือป่าวหว่า  นายโคมดูแลกิจการแทนคุณคมเดชเป็นคนที่น่าสงสัยเป็น   คนแรก นายโคมหรือคมสันต์เป็นลูกชายของคุณคมเดชที่เกิดจากภรรยาคนแรกที่เป็นเลขาหน้าห้องของคุณคมเดชแต่พ่อแม่ของคุณคมเดชไม่ชอบเพราะจนจึงไม่ยอมให้แต่งงานกันแต่เมื่อมีลูกก็ให้เซ็นรับรองบุตรและส่งเสียเลี้ยงดูจนเป็นหนุ่มใหญ่และเข้ามาบริหารธุรกิจแทน  เรื่องนี้ไขแสงรู้มาตั้งแต่ตอนที่เอมอรจะแต่งงานกับคุณคมเดชแล้วเพราะเอมอรมาปรึกษาว่าควรแต่งงานหรือป่าวเมื่อรู้ว่าเขาเคยมีภรรยาและลูกติดมาแล้วแต่ด้วยอาณุภาพของความรักทำให้ไม่มีอุปสรรคใดมาขวางกั้นได้ เหตุผลที่เอมอรสามารถผ่านด่านพ่อแม่สามีจนได้แต่งงานกับคุณคมเดชถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสาวบ้านนอกก็เพราะว่าพ่อแม่ของเอมอรเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำสวน และทำนา เป็นร้อยไร่นั่นเอง........แต่เธอก็แค่สงสัยนายโคมแค่นั้นเองไม่ได้คิดจริงจังอะไร.....

                    ไข...เธอสงสัยนายโคมได้ไงเขาเป็นคนดีมากนะ ฉันรู้จักเขามาตั้งแต่เด็กแล้วโคมก็เหมือนกับลูกชายฉันคนหนึ่งเหมือนกันนะจ๊ะ เขารักพ่อ รักน้อง และคุณคมเดชก็ไว้ใจมอบหน้าที่ให้เขาเข้าบริหารธุรกิจนี้มาเกือบ 2 ปีแล้วเพราะต้องรอ      หนูอีฟเรียนจบจึงจะสามารถเข้ามาบริหารคู่กันได้จ๊ะ ฉันคิดว่าถ้าเป็นการจัดฉากจริงคงเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของเรามากกว่า

                    เอมอรระแวงภัยจะมาถึงครอบครัวของเธออีกไม่ว่าจะเป็นตัวเธอหรือลูกสาวสุดที่รักของเธอก็ตามเธอจะทำทุกวิถีทางให้ลูกสาวของเธอปลอดภัยจากศัตรูในเงามืดพวกนั้นให้ได้เธอจึงมาปรึกษากับเพื่อนรักอย่างไขแสง.......

                    ฉันอยากได้คนมาคุ้มครองดูแลหนูอีฟจ๊ะ...เธอพอจะช่วยหาให้ได้ไหม.....ไม่ขออะไรมากแค่ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นยามหลับหรือยามตื่นเท่านั้นเองจ๊ะ  เอมอรพูดพร้อมยิ้มหวานให้ไขแสงเป็นการเอาใจ

                    ต้องการคนคุ้มครองหรือ เอ๊! เอาใครดีน๊าเดี๋ยวขอเวลาฉันคิดหน่อยนะจ๊ะ เอางี้ไหมเอาลูกน้องกำนันขามแห่งบ้าน   ดอนตาลมีหลายบุคลิกให้เลือกล้วนแล้วแต่เป็นนักเลงหัวไม้ทั้งนั้น.....ความน่าไว้ใจก็คงจะมีได้แค่เวลากลางวันเท่านั้นนะแต่เวลากลางคืนไม่รู้!” ไขแสงคิดหาคนที่น่าไว้ใจสำหรับดูแลหนูอีฟพลันสายตาบังเอิญไปสบกับดวงตาคมเข้มในรูปภาพที่ตั้งอยู่หลัง      ตู้โชว์

                    ชัวร์!...คนนี้ใช่เลย ไว้ใจได้ทุกเวลาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ลูกเข้มของฉันเองเลี้ยงมากับมือต้องรู้นิสัยของลูกดีทุกอย่าง    อยู่แล้วไขแสงชี้มือไปที่รูปภาพตรงหน้าด้วยความดีใจที่เธอสามารถแก้ปัญหาให้เพื่อนได้

                    แล้วลูกเข้มของไข จะยอมหรือจ๊ะ  ตอนนี้เขาไปดูแลกิจการของตนเองแถมต้องช่วยงานของกำนันขามที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่เหรอ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลหนูอีฟ อีกอย่างเขาต้องมาคอยตามผู้หญิงอย่างหนูอีฟจะไหวหรือจ๊ะ?”

                    เอมอรพูดออกมาเสียงอ่อน นึกไม่ออกว่าบุรุษหน้าเข้มในรูปที่ไขแสงชี้ให้ดูจะรับมือกับหนูอีฟของเธอในรูปแบบไหน...หนทางมันมืดมนเหลือเกิน

                    เธอไม่ต้องห่วงหรอก ลูกเข้มของฉันแก้ปัญหาได้เสมอ เขาต้องสละเวลามาดูแลหนูอีฟได้แน่นอนจ๊ะ  ไขแสงบอกเพื่อนด้วยความมั่นใจ

                    ในวันนั้น...ก่อนที่เอมอรจะกลับไปหลังจากบอกรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับตัวของหนูอีฟคร่าวๆ และไขแสงก็จดใส่กระดาษไว้พร้อม  ที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ของบริษัทฯ และแถมรูปถ่ายปัจจุบันอีกหนึ่งรูป และกระดาษใบนั้นก็ถูกส่งตรงถึงลูกเข้มเมื่อสามวันก่อนนี่เอง......

     

                    ไขแสงได้โทรศัพท์ไปบอกรายละเอียดเบื้องต้นกับลูกเข้ม....ตอนแรกพอรู้ว่าจะให้ทำอะไรลูกเข้มก็ตีโพยตีพายไม่ยอมทำท่าเดียว แต่พอบอกว่าคนที่ลูกเข้มจะต้องไปคุ้มครองคือหนูอีฟลูกสาวคุณน้าเอมอรที่ลูกเข้มเคยชอบน้อง, เคยเล่นกับน้องตอนน้องอายุ 5 ขวบจำได้หรือป่าว แล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไรลูกเข้มเงียบไปสักพักก็รับปากว่าจะเป็นผู้คุ้มครองหนูอีฟให้ตามคำสั่งของแม่ขอเวลาสะสางงานและมอบหมายหน้าที่ให้นายพิชิตพันธุ์สกุลไพศาล หรือน้องหนึ่งลูกของน้าเสริมศรีดูแลแทนตนให้เรียบร้อยก่อน.....หลักฐานชิ้นสำคัญจึงถูกส่งให้ลูกเข้มและเธอบอกให้ลูกเข้มเข้าไปคุยกับน้องเพื่อจะรับทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันหรือ      ที่เรียกว่าเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวแบบตลอดเวลา....ไม่รู้ว่าลูกเข้มเข้ากรุงเทพฯ มาวันนี้แล้วได้ไปหาหนูอีฟหรือยัง ไม่เป็นคืนนี้   ลูกเข้มของเธอหลับไปแล้วเอาไว้รอถามพรุ่งนี้แล้วกัน

                    นอนอยู่ตรงนี้ไปคนเดียวแล้วกันนะลูกเข้มที่รัก......แม่ไขขอไปนอนรับความเย็นฉ่ำแบบสบายๆ       ในห้องดีกว่า กู๊ดไนท์ลูก ไขแสงพูดแล้วก้มไปหอมแก้มลูกเข้มหนึ่งฟอด  **********
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×