คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวผิวขาวอมชมพูผมยาวดำมันวาวในชุดสูทกระโปรงหนังสีดำสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขาสวยงาม เสื้อตัวในเป็นผ้าลูกไม้สีขาวสวมรองเท้าส้นสูงสามนิ้วสีดำใส่แว่นตากันแดดสีดำอันใหญ่ปกปิดใบหน้าไปเกือบครึ่ง มือซ้ายหอบแฟ้มเอกสารมือขวาห้อยกระเป๋าแบรนด์ดังและถือแก้วกาแฟเย็นที่ซื้อมาจากร้านเซเว่น เธอกำลังเดินอย่างรีบเร่งไม่ได้สนใจสิ่งรอบกายรวมไปถึงชายหนุ่มหน้าเข้มที่เดินสวนทางอยู่ข้างหน้า......
ในขณะที่เธอกำลังจะเลี้ยวไปทางแยกด้านซ้ายมุมตึก จึงชนเข้าอย่างจังกับหนุ่มหน้าเข้มที่คิดจะเลี้ยวขวาพอดิบพอดี
“โอ๊ย! ขอโทษค่ะฉันกำลังรีบ”
“ขอโทษครับไม่ทันมอง”
ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
เอมิกา พิศาลสมบัติ หรือคุณหนูอีฟ พยายามพยุงกายลุกขึ้นหลังจากรู้สึกว่าตัวเองชนกับกำแพงสูงหรือหินผาเข้าอย่างจังและคิดว่าคงต้องเจ็บตัวแต่เช้าแน่แล้ว เอ๋!..แต่ทำไมวันนี้พื้นมันถึงได้นิ่มเหมือนมีใครเอาพรมมาปูไว้แถวนี้กันน๊าหนูอีฟก้มดูพรมที่ว่าตามความคิดของเธอ โอ้ยกรี๊ดๆๆ! สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเธอผู้ชายค่ะ ว๊าวววว! สุดหล่อ หล่อม๊าก มากๆๆๆๆผู้ชายตรงหน้ามีผิวสีแทนผมสีดำสนิทยาวตรงเคลียบ่า หน้าผากโหนกนูนดวงตายาวรีคมเข้มสีน้ำตาลมีแววหวานขนคิ้วเข้มเรียงกันเป็นระเบียบไม่รกรุงรังขนานไปกับดวงตา จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าได้อย่างลงตัว ริมฝีปากหยักบางสวยเหยียดออกยิ้มบางๆ ปากสวยจน น่าลูบไล้สัมผัสเหมือนพระเอกในฝันของเราเลย หนูอีฟหลับตาเคลิ้มฝันลืมความคิดคำนึงไปชั่วขณะ
“นี่คุณไม่ทราบว่าจะอยู่บนตัวผมอีกนานไหมครับ...ลุกขึ้นไปจากตัวผมได้แล้วชาติที่แล้วเป็นตุ๊กแกหรือไงถึงเกาะไม่ปล่อยเชียว” นายหน้าเข้มพูดแบบไม่รักษาน้ำใจคนฟังแม้สักนิด
หนูอีฟตกใจกับเสียงที่ดังแสบแก้วหูก็หายงงเป็นปลิดทิ้ง แหมนายหน้าเข้มฉันอุตส่าห์ชื่นชมนายอยู่เชียวทำไมมันตรงกันข้ามกับที่เราวาดฝันเอาไว้นะจะพูดจากับคนงามอย่างเราให้ลื่นหูกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้
“เออ..ขอบคุณที่มาเป็นพรมรองรับความเจ็บปวดให้นะคะ....ไม่เป็นไรมากใช่ไหมค่ะ...งั้นฉันขอตัวก่อนคะ...บาย” พูดพร้อมเก็บข้าวของ ตนเองที่กระจายอยู่บนพื้นแล้วเตรียมจะเดินหนี
“อ้าวๆ คุณทำอย่างนี้ไม่สวยเหมือนรูปร่างหน้าตาซะแล้วเคยบ้างไหม........เคยคิดจะลองหันมามองดู สักนิดบ้างไหม ดูซิครับว่าผลจากการกระทำของคุณมันเกิดอะไรตามมาบ้าง ดูให้เต็มตาซิคุณคนสวยแต่รูป เอกสารผมเปื้อนหมดแล้วไม่เป็นไรมากได้อย่างไงห๊า......แบบนี้แถวบ้านผมเขาเรียกว่าผิดแล้วไม่รับเข้าใจไหมครับ?” ชายหนุ่มยื่นกระดาษที่เปื้อนให้ดู
“ว๊าย!......ทำไมเป็นแบบนี้ได้” หนูอีฟร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเอกสารในมือของหนุ่มหน้าเข้มเปื้อนคราบกาแฟของเธอเป็นจุดสีดำดวงใหญ่ด้วยดวงหน้าจืดเจือน
“ทำไงดีค่ะคุณฉันไม่ได้ตั้งใจ จริงๆ นะคะ คุณพอจะมีเอกสารสำรองไว้หรือป่าว กลับไปเอาได้ไหมคะหรือจะให้ฉันพิมพ์ใหม่ให้ก็ได้นะคะ?” พูดพรางยกข้อมือตามองไปที่นาฬิกาเรือนหรูเพื่อดูเวลา คิดในใจว่างานนี้ซวยแน่ จะเข้าประชุมใหญ่ประจำเดือนทันไหมอี่ตาหน้าเข้มนี่ท่าทางจะเอาเรื่องเราให้ได้
“ว่าไงค่ะคุณจะกลับไปเอาข้อมูลหรือต้องการค่าเสียหาย” หนูอีฟนึกขึ้นมาได้จึงเปิดกระเป๋าแล้วหยิบแบงก์พันส่งให้ชายหนุ่ม
“นี่ค่ะค่าเสียหายรับไปซิค่ะจะได้จบๆ ซะทีฉันรีบนะเนี๊ย”
“โธ่คุณให้หนึ่งพันบาท.....คุณคิดว่าเอกสารของผมเป็นอะไรให้เงินแค่เนี้ย......ผมไม่ยอมหรอกเราต้องมีเรื่องคุยกัน อีกยาวแน่ คุณรู้ไหมเอกสารแผ่นนี้คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมถ้าไม่มีมันผู้มีพระคุณของผมต้องเล่นงานผมแย่แน่และผมไม่มีข้อมูลสำรองไว้หรอกมีคนให้ข้อมูลมาอีกทีเห็นว่าได้มาอย่างยากลำบากเสียด้วยนะครับ”
ชายหนุ่มมองดูสาวสวยตรงหน้า สาวสวยหรือ...นี่เขาคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงสวยใช่ไหมเขาตอบตัวเองว่าใช่หล่อนสวยหวาน รูปร่างดี ทรวดทรงได้ใจเขาไปเต็มร้อยจากการปะทะกันเมื่อสักครู่แต่ไอ้แว่นตาดำอันใหญ่บนหน้าหล่อนนี่ซิทำให้มองไม่เห็นว่าดวงตาหลังกรอบแว่นจะสวยเหมือนที่เขานึกไว้หรือป่าว......แถมตัวหล่อนก็ห๊อมหอมเหมือนกลิ่นดอกไม้แรกแย้มซะด้วยเพราะเขาแอบสูดดมเข้าเต็มปอดตอนที่สองแขนของเขาโอบรัดร่างอรชรไว้ เขาเห็นหล่อนเซถลาจึงต้องเข้าไปรวบร่างไว้ในฐานะที่เป็นผู้ชายอกสามศอกนี่หล่อนยังมาว่าเขาเป็นพรมเสียอีกไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหล่อนเอาเขาไปเปรียบกับพรมประเภทไหนกัน ถึงสวยแต่นิสัยไม่ดีแบบนี้ใช้ไม่ได้เห็นคนอื่นหน้าเงินเหมือนตนเองไปหมด ใช้เงินซื้อความรีบของตัวเองได้อย่างไร.......นิสัยของพวกคนรวยโดยแท้เชียว.....เขาจะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เอกสารสำคัญนะเหรอถ้าหล่อนรู้ว่ามันคืออะไรจะต้องโกรธอย่างแน่นอน ดีหล่ะ! ท่าทางหยิ่งแบบนี้ต้องเจอกับนายเข้มหลานกำนันขามซะแล้วแม่คนสวยแต่รูป
“แล้วนายจะให้ฉันทำอย่างไงบอกมาเร็วๆ เข้าเสียเวลา” หนูอีฟพูดเมื่อเห็นว่าเสียเวลากับเรื่องนี้มามากแล้ว
“เอางี้แล้วกัน คุณทำงานตึกนี้ใช่ไหม” เขาเห็นหล่อนพยักหน้าจึงพูดต่อ
“งั้นคุณบอกมาว่าอยู่แผนกอะไรชั้นที่เท่าไหร่อ๋อขอโทษทีเอานามบัตรก็ได้ครับถ้าผมว่างจะมาหาคุณเองง่ายดี” หนูอีฟหยิบนามบัตรส่งให้ชายหนุ่มอย่างตัดความรำคาญ เห็นเขารับไปแล้วก้มดูแบบไม่ตั้งใจ
“ดีเหมือนกันเพราะวันนี้ฉันรีบไม่มีเวลาคุยกับนายหรอก...นี่นายถ้าจะมาหากรุณาโทรบอกล่วงหน้าตามเบอร์ข้างล่างนี้นะเดี๋ยวฉันไม่ว่างขึ้นมาจะมาว่าไม่รับผิดชอบอีกแค่นี้ใช่ไหมฉันไปได้หรือยัง?”
“เชิญตามสบายเลยครับคุณผู้หญิงขอให้เดินทางโดยไม่ชนกับใครอีกนะครับ” “แบ๊ะ!....หนูอีฟแอบแลบลิ้นใส่ตอนเขาเผลอไปหนึ่งที่เมื่อได้ฟังที่เขาพูดแล้วเตรียมจะก้าวเดิน
“เดี๋ยวครับๆ คุณผมลืมไปอย่างหนึ่ง”
หนูอีฟหันหน้ากลับมาอ้าปากเตรียมจะถาม.....”อะไร?”....ว๊า..ย...แล้วร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจก่อนที่เสียงจะหายไปในลำคอเมื่อริมฝีปากหยักเรียวบางที่หล่อนแอบชื่นชมใคร่สัมผัสฉกวูบมาที่ปากของเธออย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด.............รู้สึกอัดอัดในตอนแรกเมื่อริมฝีปากอีกฝ่ายบดเคล้าลงมาอย่างแผ่วเบาและหนักหน่วงขึ้นตามลำดับจนเธอรับรู้ได้ถึงรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยลิ้มลองหวาน.....ใช้มันหวานเหลือเกิน หวานมาก หญิงสาวยังยื่นงงไม่หายเมื่อเห็นผู้ชายตรงหน้าโบกมืออยู่ไหวๆ
“ลานะครับคุณเอมิกา....ขอบคุณสำหรับค่ามัดจำผมชอบค่ามัดจำหวานๆ แบบนี้มากครับไม่ผิดหวัง....ที่คิดทำคนสวย อย่าลืมคิดถึงผม.......ผมชื่อเขมชาตินะครับจำไว้ด้วย” ชายหนุ่มยักคิ้วให้อย่างล้อเลียนก่อนเดินหายไปจากมุมตึก
“ไอ้บ้า......ไอ้ลามก...ไอ้ขี้ขโมย..... นายมาจูบฉันทำไมรู้ไหมมันเป็นจูบแรกของฉันเชียวนะ ไอ้หน้าเข้มบ้า” หนูอีฟ เอามือปัดไปมาที่ริมฝีปากอย่างแรงเหมือนจะลบลอยที่ยังรู้สึกว่ามันอุ่นวาบอยู่ในใจ
“คอยดูเจอคราวหน้ารับรองได้เห็นดีกันแน่นอน ไอ้หน้าเข้มเอ๊ยวันนี้ฝากไว้ก่อนแล้วกัน หน๊อย! รู้จักฉายาหนูอีฟ จอมอึดขึ้อ้อนน้อยไปเสียแล้ว”
หนูอีฟกวาดสายตามองรอบกายดีนะที่บริเวณนี้เป็นมุมตึกพอดีประกอบกับเวลาเจ็ดโมงเช้าอย่างนี้พนักงานยังมากันไม่มากจึงไม่มีใครมาเห็นภาพที่ กอ.บอ.วอ. เห็นแล้วต้องเซ็นเซอร์แบบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ นึกแล้วเจ็บใจไม่หายเพราะนมตู๋คนเดียวแท้ๆ ไม่ยอมปลุกเรา ทำให้ตื่นสายจึงต้องรีบเดินจนชนกับอีตาหน้าเข้มเข้าได้ หนูอีฟเดินบ่นมาจนถึงห้องทำงานเธอวางเอกสารบนโต๊ะแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำส่วนตัวตรงไปยังกระจกเงาบานใหญ่เพราะมีความรู้สึกว่าริมฝีปากของตนเองเห่อบวมร้อนวูบวาบแต่เมื่อมองหน้าตนเองที่สะท้อนกลับมาก็พบว่าริมฝีปากของเธอยังคงรูปกระจับเรียวบางเหมือนเดิมเพียงแต่ลิปสติก สีมันจืดจางกว่าที่ทามาตอนเช้าเท่านั้นเอง....เห็นดังนั้นแล้วจึงเปิดกระเป๋าหยิบลิปสติกมาทาเพิ่มให้มีสีสันเท่าเดิมก่อนเดินออกมานั่งที่โซฟารับแขกอย่างเพลียๆ ในหัวใจ
“อ้าวคุณอีฟขาวันนี้มาทำงานแต่เช้าเลยเชียวไม่ทราบว่าอยากทานอะไรค่ะข้าวต้มร้อนๆ หรือกาแฟดีคะ?” ไอติมเลขาหน้าห้องแสนดีของเธอถามอย่างเอาใจ
“ขอกาแฟเหมือนเดิมนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะรอสักครู่นะคะอ้อคุณอีฟขาเมื่อตอนหกโมงเช้าคุณโคมโทรมาบอกว่าวันนี้งดประชุมนะคะเพราะคุณโคมขับรถ ไปชนท้ายรถคนอื่นจนเขาได้รับบาดเจ็บต้องพาไปโรงพยาบาลและคงเจรจากันนานคิดว่ามาไม่ทันแน่นอนขอเลื่อนเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ” ไอติมบอกข้อความถึงเจ้านายแล้วเห็นอาการของนายสาวขมวดคิ้วอย่างสงสัยเต็มที่จึงอธิบายต่อว่า
“คือคุณโคมบอกว่าโทรหาคุณอีฟแล้วแต่ติดต่อไม่ได้โทรไปที่บ้านก็มีคนบอกว่าออกมาแล้วค่ะขอตัวไปชงกาแฟก่อนนะคะ”หนูอีฟรีบพยักหน้าให้ไอติมแล้วเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าขึ้นมาดูเพราะไม่แน่ใจว่าเปิดเครื่องหรือป่าว
“อ้าวลืมเปิดเครื่องจนได้” จำได้ว่าปิดเครื่องไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะมัวทบทวนเรื่องที่จะนำเข้าประชุมในเช้าวันนี้กลายเป็นว่ารีบร้อนฟรีแถมมีเรื่องให้หงุดหงิดหัวใจอีก คิดพรางนึกถึงนายหน้าเข้มตาคมผมดำคนนั้น เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนน๊า ดวงตาแบบนี้ ริมฝีปากแบบนี้ ชื่อก็คุ้นหูเหลือเกิน แต่นึกไม่ออก
เมื่อนึกถึงริมฝีปากเขาก็ทำให้ต้องยกมือมาสัมผัสริมฝีปากของตนเองทำไมมันยังมีความรู้สึกอบอุ่นวาบหวามอยู่นะไม่เข้าใจเลยอย่าไปคิดถึงมันดีกว่าคิดไปก็เปลืองเนื้อที่ของสมองเอาเวลาไปคิดสร้างสรรค์ผลงานคราวหน้าเวลาเจอกับเขาดีกว่าว่า จะทำอะไรให้เขาจดจำถึงเราเหมือนที่เราจดจำการกระทำของเขาในวันนี้และคงจะจำไปอีกนาน...........
“โทรหาพี่โคมดีกว่าเป็นไงมั้งไม่รู้” หนูอีฟปัดเรื่องรกสมองหยิบโทรศัพท์มากดหมายเลขที่ต้องการเมื่ออีกฝ่ายรับสาย ก็ยิงคำถามเป็นชุดทันที
“พี่โคม..เป็นไงบ้างคะบาดเจ็บตรงไหนหรือป่าวให้หมอทำแผลหรือยังคู่กรณีเป็นไงบ้างต้องนอนโรงพยาบาลนานไหม เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?” หยุดพุดพร้อมกับหายใจเฮือกใหญ่
“หนูอีฟจ๋า...พี่ตอบไม่ถูกแล้วถามเยอะเหลือเกินเอาเป็นว่าพี่ไม่เป็นอะไรเลยส่วนคู่กรณีเป็นผู้หญิงเขาหน้าผากโนกับบาดเจ็บตามร่างกายอีกนิดหน่อยเท่านั้นแต่ที่มีปัญหาเพราะว่าคู่กรณีของพี่เขาเป็นดาราทีวีชื่อดังคุณอรฤดี ไม่รู้ว่าหนูอีฟรู้จัก หรือป่าว”
“อ้อคุณอรฤดี นางร้ายในละครทีวี รู้จักซิค่ะเธอเป็นนางร้ายเบอร์หนึ่งของเมืองไทยทำไมจะไม่รู้จัก ยังงี้พี่โคมก็ต้องดูแลเธอให้ดีที่สุดนะค่ะเพราะเธอเป็นขวัญใจของชายฉกรรจ์ทั้งหลาย ถ้าพี่โคมไปทำให้ร่างกายเธอบาดเจ็บระวังพี่โคมจะโดนสกรัมอย่างทารุณก็ได้”หนูอีฟแอบยิ้มกับโทรศัพท์เมื่อเธอพูดหยอกล้อกับพี่ชายเหมือนที่ทำอยู่เป็นประจำ
“ได้ครับผม ผมจะปฏิบัติตามคำบัญชาของท่านไม่ให้ตกหล่นแม้สักข้อครับ เท่านี้ก่อนนะครับหนูอีฟแล้ววันหลังพี่จะไปสาธยายให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบนะครับ...บาย” พี่โคมของหนูอีฟพูดจบก็ตัดสายไป......
“ยังมีอารมณ์มีล้อเล่นกับน้อง แสดงว่าไม่ซีเรียสเท่าไหร่ เฮ้อ! โล่งใจไปที่” หนูอีฟถอนหายใจ แล้วลุกจากโต๊ะทำงานที่มีเอกสารกองโตตั้งอยู่เต็มไปนั่งที่โซฟามุมห้องเพื่อผ่อนคลาย.....
หนูอีฟมานั่งคิดว่าระยะหลังมานี้ครอบครัวของเธอเจอแต่เรื่องวุ่นวายตลอดนับแต่คุณพ่อเสียไป เมื่อคิดถึงคุณพ่อน้ำตาแห่งความอาลัยก็หยดลงมา เป็นสาย คุณพ่อขา..หนูอีฟคิดถึงพ่อ....คิดถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นอ่อนโยนที่หนูอีฟต้องได้ทุกครั้งที่เรียกร้อง......แต่ตอนนี้ไม่มีคุณพ่อแล้วต่อไปหนูอีฟจะเรียกร้องหาอ้อมกอดอันอบอุ่นได้จากใครคะพ่อขา?” หนูอีฟเหม่อมองออกนอกหน้าต่างสายตาทอดมองออกไปข้างหน้าอย่างไร้ทิศทาง เหงาความรู้สึกลึกๆ ของใจมันบอก...แต่จะตอบสนองความต้องการเพื่อคลายเหงาได้หรือไมนั้นเธอไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆ*********
ความคิดเห็น