คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่3 ความมืดแห่งมหาอนันตการ กำเนิด “ราชันย์แห่งความตาย (Lord of Death)”
บทที่3 ความมืดแห่งมหาอนันตการ กำเนิด “ราชันย์แห่งความตาย (Lord of Death)”
หลังจากโซดัสควบขี่คลามิตี้จากไป
มิลและโรนัลยังกอดกันอยู่ภายในบ้านของหญิงสาว
พวกเขาต่างตัวสั่นเทาในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่เกิดจากดวงตาของโซดัสที่เปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นสีแดงดุจเลือดและรังสีอำมหิตที่แผ่พุ่งขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายแห่งความตาย
พวกเขานั่งกอดกันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
ในที่สุดพวกเขาก็คืนสติขึ้นมาได้
แต่เวลานั้นก็เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วความกลัวยังคงฝังรากลงไปในใจของคนทั้งสอง
“ป...ปะ...เป็นอะไรรึเปล่ามิล”โรนัลกล่าวอย่างห่วงใยเมื่อเห็นสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกเขายังคงเนื้อตัวสั่นเทาอยู่หล่อนค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆมองไปยังใบหน้าของผู้ที่ถาม
“ม...มะ...ไม่ ไม่เป็นไรแล้วละ”หล่อนส่ายหน้าและตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
“เรื่องวันนี้ต้องไม่ให้ท่านพ่อรู้เป็นอันขาดนะ
มิล”โรนัลกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ทำไมละ?
โรนัล ในเมื่อเราต่างบริสุทธิ์ใจและตอนนี่โซดัสก็รับรู้แล้วด้วย”มิลถามด้วยความประหลาดใจ
“แค่ตอนนี้เท่านั้น รออีก2วันหลังจากข้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองNiflheimแล้วข้าจะพูดกับท่านพ่อท่านแม่เอง”โรนัลตอบด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ท่านพ่อยกตำแหน่งเจ้าเมืองNiflheimให้กับข้าเพราะว่ากษัตริย์แห่งเมือง Glast Heim ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหญ่ได้มาคุยกับท่านพ่อเองเพื่อขอให้ท่านพี่โซดัสไปเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์และยังเป็นแม่ทัพใหญ่คุมกำลังทหารทั้งหมดในอาณาจักรนี้ด้วยท่านพ่อจึงไม่อยากให้ท่านพี่จมปรักอยู่กับแค่ตำแหน่งเจ้าเมืองNiflheimแห่งนี้”โรนัลกล่าวต่อด้วยสีหน้าที่ยินดีกับพี่ชายของตนเอง
“และ
ท่านพ่อและท่านแม่เห็นเจ้ากะท่านพี่คบกันมานานพวกท่านคิดจะสู่ขอเจ้าให้ท่านพี่แต่งงานด้วยก่อนที่ท่านพี่จะย้ายไปยังเมือง
แม้มิลไม่เคยรู้เลยว่าโซดัสนั้นคอยคุ้มครองหล่อนอยู่เสมอเนื่องจากหล่อนเป็นคนสวยและเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทุกคนแต่เนื่องจากหล่อนเป็นคนรักของโซดัสจึงไม่มีใครกล้ามาจีบหล่อนแต่ก็มีบางพวกที่มีความคิดชั่วร้ายโดยวางแผนที่ฉุดหล่อนไปย่ำยี
แต่โซดัสมักจะรู้สึกได้ถึงเรื่องที่เกี่ยวกับความคิดชั่วๆพวกนี้และเขาจะจัดการกับคนเหล่านั้นก่อนที่คนเหล่านั้นจะได้ทำตามแผนแม้ว่าจำนวนคนที่ร่วมกันกระทำแผนชั่วนั้นจะมากเพียงใดก็ตาม
และที่สำคัญตัวเขาเองในตอนนี้ก็ได้ทรยศพี่ชายที่ห่วงใยและคอยดูแลเขามาตั้งแต่เล็กไปเสียแล้ว
เมื่อมิลเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวและได้ยินน้ำเสียงที่เจือความเจ็บปวดของโรนัลหล่อนจึงพยักหน้ารับ
ณ
กลางป่าลึก
โซดัสยังคงร้องไห้อยู่โดยมีคลามิตี้ม้าคู่ใจของเขานั่งอยู่ข้างๆ
มันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของมันแต่มันก็พยายามปลอบใจนายของมันโดยการเอาหน้าไปดันตัวนายของมัน
ซักพักหนึ่งโซดัสก็เงยหน้าขึ้นบัดนี้ดวงตาของเขาเปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นสีแดงดุจเลือดไปแล้วไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีกและผมของเขาก็เปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นสีขาวทั้งหัวเขามองมายังม้าคู่ใจ
“ขอบใจมากนะคลามิตี้”เมื่อเขากล่าวเสร็จเจ้าม้าแสนรู้ก็สะบัดหัวพร้อมร้องออกมาอย่างดีใจที่ได้เห็นนายของมันกลับมาเหมือนเดิม
โซดัสลุกขึ้นยืนพร้อมกับคลามิตี้แล้วมองไปรอบๆเขาพบว่าเวลานี้มืดมากแล้วและเขาก็อยู่ริมทะเลสาปซึ่งเขาเองเขาก็ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนใดในป่าแต่เขาก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาป
เขาเห็นต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่งและมันเรืองแสงได้
เขาเกิดความสงสัยจึงได้ขึ้นขี่คลามิตี้แล้วควบมันไปยังอีกฝั่งของทะเลสาบ
ณ
เมืองNiflheim
ที่หน้าบ้านพักเจ้าเมืองNiflheimได้มีชายหญิงมีอายุคู่หนึ่งยืนอยู่ฝ่ายชายสวมชุดเกราะอัศวินเขาคือเบเวอริลเจ้าเมืองNiflheimคนปัจจุบันนั่นเองส่วนข้างๆมีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ50ปีเช่นเดียวกับเบเวอริลหล่อนมีผมสีน้ำตาลปนด้วยเส้นผมสีขาวมีเค้าความงามในอดีตอยู่หล่อนยืนรอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ
“ไม่เห็นต้องเป็นห่วงเจ้าโซดัสกับเจ้าโรนัลให้มากเลยนี่ริน
พวกเค้าสองคนก็โตๆกันแล้วนะ กลับบ้านมืดค่ำบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่”เบเวอริลกล่าวกับหญิงที่ยืนข้างๆเขา
“นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะคะ ยิ่งโซดัส หายไปตั้งแต่เมื่อวานด้วยท่านพี่ไม่เป็นห่วงเลยรึไงคะ”รินตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจในตัวสามีของหล่อน
“เฮอะ
ถ้าใครกล้าสู้กับเจ้าโซดัสที่ได้รับฉายาว่า “นักฆ่าหมื่นศพ”ละก็คนผู้นั้นไม่เป็นเทพก็ต้องเป็นปีศาจเท่านั้นละถึงจะกล้าไปสู้กับเจ้าลูกชายจอมมุทะลุของพวกเรา”เขาตอบภรรยาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ส่วนเจ้าโรนัล
ใครๆก็รู้ว่ามันเก่งวิชาดาบพอๆกะพี่ชายของมันเพียงแต่มันไม่มีพลังและความสามารถเทียบเท่าพี่ชายของมันได้เท่านั้นเอง”เบเวอริลกล่าวต่ออย่างสบายใจ
“ข้าว่าที่น่าห่วงน่าจะเป็นไอ้พวกโง่ที่บังอาจไปยุ่งกับทั้งสองคนนั้นมากกว่านะ
ฮึ ฮึ”เบเวอริลกล่าวต่ออย่างนึกขบขันแต่ผู้เป็นภรรยาไม่ได้ขบขันด้วยหล่อนมองค้อนผู้เป็นสามีจนเบเวอริลต้องหยุดหัวเราะและก้มหน้าสำนึกผิด
ไม่นานนักก็มีนกตัวใหญ่มีขนสีเหลืองทั้งตัวซึ่งคนส่วนใหญ่เรียกว่าPecopecoตัวหนึ่งวิ่งมาตามถนนตรงมายังทั้งสองและผู้ที่ขี่นกตัวนั้นคือ
โรนัล
เมื่อเขาขี่ใกล้จะถึงบ้านเขาก็พบว่าพ่อกับแม่ของเขายืนคอยอยู่
เขาจึงเข้าไปหาและเมื่อผู้เป็นมารดาเห็นลูกชายหนึ่งในสองคนของตนกลับมาอย่างปลอดภัยก็มีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังแฝงแววโกรธ
“ไปไหนมา ฮึ โรนัลถึงได้กลับมาเอาป่านนี้ รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงขนาดไหน”รินถามด้วยความโมโห
“ข...ขะ...ข้าขอโทษครับท่านแม่”โรนัลกล่าวด้วยสีหน้าสลด
“เฮ้อ ช่างเถอะอย่างน้อยไม่เกิดเรื่องอะไรกับเจ้า
แม่ก็ดีใจแล้ว”รินถอนหายใจแล้วพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มแล้วเข้าไปกอดลูกชายคนรองของตน
โรนัลหันมายิ้มและกอดตอบกลับแม่ของตน
“เออจริงสิ เจ้าเห็นเจ้าโซดัสมั่งไหมละ
โรนัล”เบเวอริลถามขึ้น
“ม...มะ...ไม่เจอเลยครับท่านพ่อ”โรนัลตอบแต่สีหน้าไม่ดีนักเพราะเขาไม่อยากบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านของมิลให้พ่อแม่ของเขารู้รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับมิลด้วย
“ท...ทะ...ทำไมหรือครับท่านพ่อ พี่โซดัสยังไม่กลับมาเลยรึครับ”โรนัลฝืนยิ้มแล้วถามขึ้นบ้าง
“อือ
หายหัวไปตั้งแต่เมื่อวานคอยดูนะถ้ากลับมาพ่อจะลงโทษซะให้เข็ด”เบเวอริลตอบด้วยสีหน้าที่โกรธปนด้วยความห่วงใยในตัวลูกชายที่แสนมุทะลุของเขา
“เอาเถอะตอนนี้พวกเรากลับเข้าบ้านกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้
เจ้าต้องเตรียมตัวเพื่อเข้าพิธีรับตำแหน่งเจ้าเมืองแล้วนะ โรนัล”
“ส่วนเจ้าโซดัสคงไปเที่ยวเล่นจนเพลินไม่ยอมกลับบ้านวันนี้แน่ๆ
ยังไงก็ไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะ” เบเวอริล กล่าวจบแล้วโอบไหล่ทั้งสองเพื่อพาเดินเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าที่ยังเป็นห่วงโซดัสอยู่โดยทั้งสามหารู้ไม่ว่าลูกชายผู้มุทะลุและพี่ชายที่น่าเป็นห่วงของพวกเขากำลังจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลกใบนี้
ณ
กลางป่าริมทะเลสาบ
โซดัสควบขี่คลามิตี้ลัดเลาะตามทะเลสาบไปจนใกล้ต้นไม้ที่เรืองแสงนั้น
โซดัสก็ลงจากหลังของคลามิตี้แล้วจูงมันเดินเข้าไปใกล้ๆ
เมื่อพวกเขาไปถึงใต้ต้นไม้นั้นเขาได้พบว่าต้นไม้นั้นใหญ่มาก
มันมีใบเรืองแสงจริงและใบมันม้วนเป็นเกลียวอย่างน่าประหลาด
นอกจากนี้เขาสังเกตเห็นว่าต้นไม้ต้นนี้ขึ้นอยู่ใกล้ๆกับทะเลสาบมีรากบางส่วนอยู่ในน้ำ
และรอบๆต้นไม้ก็มีผลไม้รูปร่างประหลาดตกอยู่
แต่ทางด้านซ้ายของต้นไม้นี้กลับเป็นท้องฟ้าสีดำทมิฬแฝงความน่าสะพรึนกลัวไว้แต่ทางด้านขวากลับเป็นท้องฟ้าสีฟ้าสว่างสดใส
สวยงามมากเขาเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้นั้นและเขาก็นึกได้ถึง
ตำนานของต้นไม้แห่งชีวิต “Yggdrasil”
แต่เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ก็มีเสียงลึกลับดังขึ้นในหัวของเขา
“ในที่สุดเจ้าก็หาที่แห่งนี้พบจนได้นะ
โซดัส”เสียงลึกลับกล่าวและโซดัสก็จำได้ว่าเสียงนี้คือเสียงที่เขาได้ยินในความฝันของเขา
“ท่านเป็นใคร? แล้วท่านอยู่ที่ไหน?”โซดัสถามหาพร้อมกับมองไปรอบๆ
“หึ หึ เจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใครอย่างนั้นรึ?”เสียงลึกลับดังขึ้นอีก
“ใช่
ข้าอยากรู้ว่าท่านเป็นใครแล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่า... ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นกับข้า”โซดัสถามพร้อมกับเสียงที่แสดงถึงความเคียดแค้นในใจเขา
“หึ หึ ก็ได้ ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใครก็จงมาที่ข้างทะเลสาปแล้วมองลงไปสิแล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าเป็นใคร”เสียงลึกลับกล่าวด้วยเสียงที่เยือบเย็น
โซดัสได้ยินดังนั้นเขาก็ทำตามทันที
เขาจูงคลามิตี้ไปยังริมทะเลสาปแล้วก้มลงไปมองในทะเลสาบแต่เขาไม่พบสิ่งใดเลยนอกจากเงาของเขาและคลามิตี้ในน้ำแล้วเขาก็หันไปมองรอบๆทะเลสาบ
“ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ ท่านอยู่ที่ไหนกันแน่?”โซดัสกล่าวอย่างมีอารมณ์
“เจ้าไม่เห็นข้ารึไง
ข้าก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วไงละ โซดัส”เสียงลึกลับดังขึ้นอีกโซดัสมองไปข้างหน้าแต่ก็ไม่พบอะไรแต่ทันทีที่เขาก้มหน้าลงเขาก็ตกใจสุดขีดเพราะเงาสะท้อนของเขาในน้ำกำลังวาดมือและค้อมตัวลงให้เขา
“ยินดีที่ได้รู้จัก โซดัส
ข้าคือด้านมืดในจิตใจของเจ้ายังไงละ”เงาในน้ำกล่าว
“ด...ดะ...ด้านมืดในจิตใจของข้าอย่างนั้นรึ”โซดัสกล่าวอย่างไม่เชื่อที่เขาเห็นและได้ยิน
“ถูกต้องแล้วตัวข้าอีกคนข้าคือด้านมืดในจิตใจของเจ้า
ข้าเกิดมาตอนที่เจ้ากำลังจะถูกสังหารในสงครามเมื่อ 10ปีก่อนยังไงละ”
“ข้าเกิดมาในฐานะผู้ทำลายซึ่งข้าเป็นคนจัดการสังหารทหารนับหมื่นคนด้วยมือของข้าเองยังไงละ”เงาในน้ำกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงถึงความพอใจและยินดีที่ได้ทำสิ่งที่กล่าวมาอย่างยิ่ง
“และยิ่งเจ้าเจ็บปวด, ผิดหวังและเคียดแค้นมากขึ้นเท่าใด
ข้าก็ยิ่งมีตัวตนมากขึ้นเท่านั้นและยิ่งตอนนี้ในใจของเจ้าเต็มไปด้วยความแค้นต่อทุกสิ่งที่มีชีวิตมันจึงกลายเป็นพลังให้ข้าจนข้าสามารถพูดคุยกับเจ้าได้ยังไงละ”เงาในน้ำกล่าวด้วยเสียงที่ยินดียิ่งขึ้น
“แล้วเจ้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าทำไมกันละ?”โซดัสถามขึ้นบ้าง
“หึ หึ โซดัส ในใจเจ้าตอนนี้เต็มไปด้วยความผิดหวัง, ความเจ็บปวดและความเคียดแค้นรึเจ้าไม่อยากล้างแค้นเล่า ตัวตนของข้าอีกคน”เงาในน้ำกล่าวอย่างร่าเริงและที่มุมปากมีรอยยิ้มที่เยือกเย็นและเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้น
“แน่นอน”
“ข้าอยากแก้แค้น
แต่ด้วยพลังของข้าตอนนี้ข้าไม่อาจทำลายพวกมันทั้งหมดได้นี่”โซดัสตอบด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเจ็บใจในความอ่อนด้อยของตน
“เรื่องนั้นไม่ยาก”เงาในน้ำรีบตอบกลับ
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าต้นไม้นี่คือต้นอะไร?”เงาในน้ำถามเขา
“มันคือต้นไม้แห่งชีวิตYggdrasil”โซดัสพยักหน้าแล้วตอบเงาของเขาในน้ำ
“ถูกต้องแล้วเจ้ารู้ตำนานของมันหรือไม่ละ”เงาในน้ำถาม
โซดัสก็พยักหน้ารับและเล่าตำนานต้นไม้แห่งชีวิตYggdrasil
“ตำนานกล่าวไว้ว่าตอนที่โลกยังไม่ได้แบ่งเขตเป็น
“สวรรค์”
“โลกมนุษย์”และ “นรก”นั้นดินแดนทั้ง3แห่งได้เชื่อมต่อกันและเจ้าแห่งธาตุทั้ง7ได้สร้างต้นไม้แห่งชีวิตYggdrasilขึ้นเพื่อให้เป็นสิ่งที่ให้กำเนิดชีวิตและต้นไม้แห่งชีวิตYggdrasilก็ได้ให้กำเนิด “เทพ” “ปีศาจ” “Monster” “ต้นไม้”และ “มนุษย์”ทั้ง108สายพันธุ์ขึ้น”
“แต่อยู่มาวันหนึ่ง “ปีศาจ”โดยการนำของเทพโลกิได้ก่อสงครามทำลายล้างสิ่งมีชีวิตอื่นขึ้น”
“โดยสิ่งที่ทำให้เทพโลกิทำเช่นนั้นก็เพราะเกราะและอาวุธของเขาซึ่งมีพลังแห่งความมืดเข้มข้นอยู่ภายในได้ครอบงำเขาและทำให้เขาก่อสงครามที่จะทำลายล้างทุกสิ่งขึ้น”
“แต่แล้วในที่สุดเทพโอดินพร้อมกับเหล่าเทพทั้งหลายก็ได้ช่วยเทพโลกิให้หลุดพ้นจากการควบคุมของชุดเกราะและอาวุธของเขาได้สำเร็จ”
“แต่จิตใจและพลังของเทพโลกิได้ถูกพลังของชุดเกราะและอาวุธของเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความมืด”
“แต่ก่อนที่เทพโลกิจะถูกความมืดครอบงำเขาได้ใช้พลังของเขาร่วมกับเทพโอดินสร้างกำแพงกั้นโดยแบ่งโลกเป็น3มิติ
โดยมีต้นไม้แห่งชีวิตYggdrasilเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อทั้ง3มิติเอาไว้ด้วยกัน”
“และเทพโลกิก็ได้ปกครอง “นรก”ดินแดนของเหล่าปีศาจ
ส่วนเทพโอดินก็ปกครอง “สวรรค์”ดินแดนแห่งเหล่าเทพ ส่วน
“โลกมนุษย์”ก็มีเหล่า Monster,
ต้นไม้และมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกัน”
“ข้ารู้ตำนานเพียงเท่านี้”โซดัสบอกแก่เงาของเขา
“งั้นเจ้ารู้ไหมว่าชุดเกราะและอาวุธที่ทำให้กับเทพโลกิเป็นปีศาจนั้นอยู่ที่ไหน?”เงาในน้ำถามโซดัสด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ข้าไม่รู้ ตำนานไม่ได้กล่าวไว้นี่”โซดัสตอบ
“งั้นข้าจะบอกให้”
“ชุดเกราะและอาวุธที่ทำให้กับเทพโลกิเป็นปีศาจนั้นได้ถูกเทพโลกิรวมพลังกับเทพโอดินและเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายปิดผนึกมันเอาไว้ในถ้ำใต้ต้นไม้แห่งชีวิตYggdrasilแห่งนี้พร้อมกับอัญมณีแห่งความมืดทั้งห้าที่สามารถสร้างลูกน้องที่เป็นสุดยอดให้กับพวกเราได้ยังไงละ”เงาในน้ำยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ โซดัสพยักหน้าเป็นการตอบรับว่าเข้าใจ
“นั้นคือสิ่งที่เราจะใช้ในการแก้แค้นของพวกเรา
ไปสิ ไปเอาสิ่งเหล่านั้นมา โซดัส”เงาในน้ำบอกกับโซดัส
โซดัสพยักหน้ารับแล้วก็เดินจูงคลามิตี้เข้าไปใกล้ต้นไม้แห่งชีวิตYggdrasil
ที่ฐานรากของต้นไม้เขาได้พบถ้ำขนาดใหญ่
ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปในถ้ำคลามิตี้รับรู้ได้ถึงพลังที่ชั่วร้ายมันร้องอย่างตกใจและพยศจนโซดัสต้องเข้าไปปลอบมัน
เมื่อคลามิตี้สงบลงและพร้อมที่จะให้นายของมันพาเข้าไปในถ้ำพวกเขาก็เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ภายในถ้ำชื้นอับเขาไม่พบมีสิ่งมีชีวิตใดเลยแม้แต่แมลงซักตัวก็ตามเขาเดินเข้าไปเรื่อยๆ
ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไรเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่เขาไม่เคยพบมาก่อน
ในที่สุดเมื่อถึงด้านในสุดของถ้ำเขาก็ได้พบห้องกว้างห้องหนึ่งที่ตรงกลางห้องมีอัญมณีวางอยู่5อันและอีกฝากของห้องมีชุดเกราะสีขาววางอยู่บนบัลลังย์หินทางซ้ายของชุดเกราะเป็นโล่ขนาดใหญ่รูปกางเขนส่วนทางด้านขวาเป็นทวนขนาดใหญ่และข้างๆทวนนั้นมีรูปปั้นม้าซึ่งบนรูปปั้นนั้นก็มีเกราะสีขาวสวมอยู่เช่นกัน
“นั่นคือสิ่งที่ข้าพูดถึงยังไงละ โซดัส ไปหยิบมันมาสวมสิ”เสียงจากด้านมืดในจิตใจของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
โซดัสพยักหน้าและถอดเกราะรวมทั้งวางอาวุธทั้งหมดของเขาไว้กับพื้นและเดินไปยังอีกฝากของห้องโดยมีคลามิตี้เดินไปพร้อมกัน
เมื่อเขาไปยืนอยู่ตรงหน้าชุดเกราะสีขาวบนบัลลังย์แล้วเขาก็หยิบหมวกเกราะขึ้นมาจะสวมมันลงไปบนศีรษะของเขา
“เดี๋ยวก่อน! โซดัส”เสียงจากด้านมืดในจิตใจของเขาขัดขึ้นทำให้โซดัสชะงัก
“ก่อนที่เจ้าจะสวมมันจงปฏิญาณต่อความแค้นของเจ้า
จงให้ความแค้นในใจเจ้าเป็นสิ่งที่ดึงเราทั้งสองคนมารวมกันเป็นหนึ่งเพื่อทำให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการเป็นจริง”เสียงจากด้านมืดในจิตใจของเขากล่าวอย่างภูมิใจ
โซดัสพยักหน้ารับแล้วกล่าวอย่างช้าๆด้วยดวงตาที่ปรากฎแววแห่งความแค้นที่ลึกล้ำ
“ในอดีตข้าเคยอุทิศทุกสิ่งเพื่อคนที่ข้ารัก
เพื่อเมืองที่ข้ารัก เพื่ออาณาจักรที่ข้ารัก”
“แต่สิ่งที่ข้าได้รับตอบแทนกลับมาคือการรังเกียจ
ความหวาดกลัวและการทรยศหักหลัง”
“และสิ่งเหล่านี้ได้นำมาซึ่งความผิดหวัง
ความเจ็บปวดในใจของข้าและบัดนี้มันได้กลายเป็นความแค้นเสียแล้ว”
“บัดนี้ข้าจะขอสาปแช่งทุกชีวิต
ข้าจะทำลายทุกชีวิต ข้าจะทำให้ทุกชีวิตทรมารจนตาย
และข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นดังที่ความแค้นในใจของข้าต้องการ
จงมอบพลังให้กับข้า จงมาเป็นหนึ่งเดียวกับข้า”เมื่อกล่าวจบโซดัสก็ได้สวมหมวกลงบนศีรษะของเขา
เกิดสิ่งที่ไม่น่าเชื่อขึ้นชุดเกราะส่วนที่เหลือลอยขึ้นและสวมลงบนตัวของโซดัสในทันทีตาของเขากลายเป็นสีแดงฉานดุจเลือดชุดเกราะสีขาวแฝงกลิ่นอายแห่งความตายและหายนะตอนนี้โซดัสและด้านมืดในจิตใจของเขาได้รวมกันอย่างสมบูรณ์แล้วเขารู้สึกได้ถึงพลังที่เปี่ยมล้นอยู่ในตัวเขาและก่อนที่เขาจะถูกความแค้นในใจครอบงำเขาหันไปยังคลามิตี้
“คลามิตี้เจ้าจะไปกับข้ารึไม่เจ้าเพื่อนยาก
ถ้าเจ้าไม่ไปกับข้า เจ้าก็จงรีบออกไปจากที่นี่ซะไปให้ไกล เจ้าเพื่อนยาก”โซดัสใช้จิตใจของมนุษย์ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดกล่าวกับคลามิตี้เพื่อนผู้ซื่อสัตย์
เพื่อนผู้ร่วมเป็นร่วมตายกับเขามานานเป็นครั้งสุดท้ายโดยหวังว่าตัวเขาเองจะไม่ต้องสังหารเพื่อนของเขาตัวนี้ด้วยมือเขาเอง
แต่เจ้าคลามิตี้กลับเดินเข้าไปหานายของมันและหยุดตรงหน้ารูปปั้นม้าและร้องเป็นเชิงบอกว่าจะตามนายของมันไปไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือตัวมันต้องเปลี่ยนเป็นอะไรก็ตาม
โซดัสมองมันอย่างยินดีและเขาได้นำชุดเกราะบนรูปปั้นม้าหินมาสวมให้กับมัน
บัดนี้คลามิตี้ก็เปลี่ยนไปร่างกายของมันใหญ่ขึ้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเช่นเดียวกับโซดัสมันร้องออกมาอย่างน่ากลัวเหมือนเสียงที่สามารถพรากวิญญาณทุกชีวิตได้
เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างเขาก็เข้าไปหยิบหอกและโล่มา
ทันทีที่เขาสัมผัสกับหอกและโล่เขาก็รู้สึกถึงพลังที่ไหลเข้ามามากขึ้น มากขึ้น
เขารู้ทันทีว่าตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะทำลายทุกสิ่งได้แล้วและเขายังได้รับรู้ถึงเวทมนตร์,
ความรู้, ความสามารถต่างๆและพลังที่เขาได้รับมาอย่างครบถ้วน
เขาหันไปยังอัญมณีแห่งความมืดทั้งห้าอันที่อยู่กลางห้อง
“เหล่าอัญมณีแห่งความมืด
เอ๋ย ด้วยข้าคือผู้เป็นนายแห่งเจ้าทั้งห้า”
“ข้าขอสั่งเจ้าอัญมณีแห่งการหลอกลวง,
อัญมณีแห่งความหวาดกลัว, อัญมณีแห่งความเจ็บปวด, อัญมณีแห่งความโลภและอัญมณีแห่งความแค้นจงปรากฏร่างที่แท้จริงของเจ้าเบื้องหน้าข้า
ณ บัดนี้”
เมื่อโซดัสกล่าวจบเขาก็ชี้หอกไปยังอัญมณีแห่งความมืดทั้งห้าอันพร้อมกับมีแสงสีดำพุ่งจากปลายหอกไปยังอัญมณีทั้งห้าอัน
อัญมณีแห่งความมืดทั้งห้าอันลอยขึ้นพร้อมกับสั่นอย่างรุนแรงและเปร่งแสงสีดำออกมา
และแล้วอัญมณีแห่งความมืดทั้งห้าอันก็แปรสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตห้าตนพวกมันคุกเข่าลงต่อหน้าเขา
“อัญมณีแห่งการหลอกลวงชื่อของข้าคือDoppelganger”สิ่งมีชีวิตทางซ้ายมือสุดของโซดัสกล่าวขึ้นรูปร่างของมันเป็นนักดาบที่ร่างกายแปรเปลี่ยนตลอดเวลา
บัดเดี๋ยวจางซีดแทบเลือนหายบัดเดี๋ยวเข้มชัดมีเนื้อหนังมังสา ผมสีทองเปลี่ยนสลับกับสีดำทมึน
ดวงตาทอแสงวูบวาบ ใบหน้าหล่อเหลาแต่ซูบซีดราวซากศพ
“อัญมณีแห่งความหวาดกลัวชื่อของข้าคือBaphomet”สิ่งมีชีวิตที่อยู่ถัดไปทางขวากล่าวขึ้นรูปร่างของมันเป็นแพะตัวใหญ่มีดวงตาสีแดงแต่มันยืนด้วยสองขามีมือเหมือนมนุษย์และในมือของมันเป็นเคียวด้ามยักษ์
“อัญมณีแห่งความเจ็บปวดชื่อของข้าคือDracula”สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงกลางกล่าวขึ้นมันมีรูปร่างเป็นชายร่างสูงคนหนึ่ง
หนวดเคราผมเผ้าสีแดงสด ในชุดขุนนางที่มีขลิบทองระบายที่ปก
“อัญมณีแห่งความโลภชื่อของข้าคือ Dark Snake Lord”สิ่งมีชีวิตที่อยู่ถัดไปกล่าวขึ้นรูปร่างของมันเป็นงูสีขาวขนาดใหญ่มียันต์บนตัวที่ด้านขวามีพู่กันด้านซ้ายมีไหหมึกที่บริเวณหลังลำตัวมีเงาดำที่มีหน้าคล้ายคนอยู่
“อัญมณีแห่งความแค้นชื่อของข้าคือ Dark Lord”สิ่งมีชีวิตที่อยู่ทางขวามือสุดกล่าวขึ้นร่างลอยอยู่เหนือพื้น
ตาสีแดงก่ำหลุบลึกในเบ้าตาบนใบหน้าที่คล้ายหัวกะโหลก วงแหวนลอยเหนือศีรษะราวเทวทูต
แต่กลับมีเขาแหลมเล็กของมารร้ายงอกเป็นแนวโค้งต่ำจากขมับสองข้าง
ไหล่ซ้ายขวามีหัวกะโหลกประดับอยู่ ผ้าคลุมสีดำราวกลางคืนที่มีปกเป็นปลายแหลมห้ายอด
ชายผ้าคลุมคล้ายขนสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่ง มีออร่าสีดำไหลออกมาราวเลือดจากบาดแผล
“พวกข้าปีศาจทั้ง5พร้อมจะรับใช้นายคนใหม่ของพวกเรา
เชิญสั่งมาได้เลยขอรับเจ้านาย”ปีศาจทั้ง5กล่าวขึ้นพร้อมกัน
“ชื่อของข้าคือ...”โซดัสเงียบไปเขาคิดได้ว่าบัดนี้เขาไม่ใช่โซดัสอีกต่อไปแล้วเขาจึงไม่ควรใช้ชื่อเดิมให้มันเป็นอัปมงคลต่อตัวเขาเองอีกต่อไป
เขานึกอยู่ครู่หนึ่งเขาก็คิดได้ว่าเหล่าผู้คนตั้งฉายาเขาว่า“นักฆ่าหมื่นศพ”และบัดนี้เขาตั้งใจที่จะมอบความตาย
ความทุกข์ทรมาร และหายนะให้แก่ทุกชีวิตและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนโลก
“บัดนี้ ชื่อของข้าคือ “ราชันย์แห่งความตาย (Lord
of Death)”ข้าจะเป็นผู้ที่มอบความตาย
ความทุกข์ทรมารและหายนะให้แก่ทุกชีวิตและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนโลก”
“ขอรับ
ตามแต่ท่านจะบัญชาท่านราชันย์แห่งความตาย (Lord
of Death)”ปีศาจทั้ง5กล่าวพร้อมลุกขึ้น
“จงมากับข้าไปมอบความตาย
ความทุกข์ทรมารและหายนะให้กับทุกสิ่งร่วมกับข้า ณ บัดนี้”โซดัสกล่าวพร้อมกับขึ้นไปขี่คลามิตี้และควบมันออกไปโดยมีปีศาจทั้ง5วิ่งตามหลังไป
บัดนี้ไม่มีชายหนุ่ม
ผู้ที่พ่อและแม่ของเขารักและภูมิใจอีกต่อไปแล้ว
บัดนี้ไม่มีชายหนุ่มผู้ที่เคยเป็นพี่ชายที่แสนดีและห่วงใยน้องชายของตนอีกต่อไปแล้ว
บัดนี้ไม่มีชายหนุ่มผู้ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเมืองที่ตนรักอีกต่อไปแล้ว
และบัดนี้ไม่มีชายหนุ่ม
ผู้ที่รักผู้หญิงคนหนึ่งมากจนถึงขั้นที่มอบหัวใจและชีวิตให้หล่อนได้อีกต่อไปแล้ว
บัดนี้มีเพียงปีศาจร้ายที่มีแต่ความผิดหวัง,ความเจ็บปวด,ความเคียดแค้นและต้องการที่จะทำให้ทุกชีวิตและทุกสิ่งพบกับความตาย
ความทุกข์ทรมารและหายนะเท่านั้น
บัดนี้มีเพียง “ราชันย์แห่งความตาย (Lord of Death)”
จบบทที่3 ความมืดแห่งมหาอนันตการ กำเนิด
“ราชันย์แห่งความตาย (Lord of Death)”
ความคิดเห็น