ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RO Fiction:มหากาพย์แห่งชีวิต (The Lord of Life)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่2ความผิดหวัง,ความเจ็บปวดและความเคียดแค้น

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 50


    บทที่2ความผิดหวัง,ความเจ็บปวดและความเคียดแค้น

    รุ่งสางแล้วการประชุม ณ ที่ว่าการเมือง Niflheimจบลงอย่างเรียบร้อยแต่ยังมีชายหนุ่มผู้หนึ่งควบขี่ม้าออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็วชายผู้นี้คือ “โซดัส”

    โซดัสนั้นไม่ขี่นกยักษ์ที่มีขนสีม่วงแซมเหลืองที่ถูกเรียกว่าGrand Pecopecoเหมือนอัศวินศักดิ์สิทธิ์คนอื่น เขากลับขี่ม้าซึ่งม้าตัวมีขนสีขาวทั้งตัวมีดวงตาสีนิลราวอัญมณีและม้าตัวนี้ก็ได้ออกกรำศึกพร้อมกับเขามาอย่างโชกโชนมันเป็นม้าคู่ใจของเขามันมีชื่อว่า “คลามิตี้”

    ออกนอกเมืองไปไม่ไกลนักมีทุ่งหญ้าสีเขียวซึ่งมีสิ่งมีชีวิตคล้ายเยลลี่ที่เรียกว่า “Poring” หนอนตัวใหญ่สีเขียว “Fabre”และกระต่ายขนสีขาว “Lunatic”อาศัยอยู่ซึ่งข้างๆทุ่งหญ้าเป็นป่ารกทึบดูหน้ากลัวแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการมีชีวิตของสรรพสิ่งต่างๆ

    โซดัสดึงบังเหียนให้คลามิตี้หยุดที่กลางทุ่งหญ้าแห่งนี้และลงจากหลังของมัน

    เขานอนลงมองท้องฟ้ายามรุ่งอรุณโดยมีคลามิตี้ม้าของเขาซึ่งบัดนี้มันย่อขาทั้งคู่หน้าและคู่หลังเพื่อนั่งลงข้างๆนายของมัน

    “คลามิตี้ทำไมข้าถึงต้องแพ้โรนัลด้วย ทั้งๆที่ข้าเป็นพี่ของมันและเก่งกว่ามัน”

    “ข้าสมควรได้ตำแหน่งเจ้าเมือง Nifheimคนต่อไป”โซดัสกล่าวโดยตนเองยังมองออกไปยังท้องฟ้าสีแดงต่อไป

    ส่วนเจ้าม้าของเขาก็ส่ายหน้าร้องตอบเหมือนกับว่ามันสามารถรับฟังนายของมันพูดรู้เรื่อง

    แน่นอนว่าสำหรับสัตว์ไม่น่าจะฟังคนพูดรู้เรื่องแต่สำหรับเจ้าม้าขาวตัวนี้มันผ่านสนามรบและความเป็นความตายพร้อมกับนายของมันมามากจนมันสามารถเข้าใจในตัวนายของมัน

    “แต่ก็ช่างเถอะยังไงข้าก็ไม่ควรอิจฉาน้องชายข้าเขาคือคนที่ข้าอยากปกป้องรองจากท่านพ่อและท่านแม่และก็...”เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมด้วยสีหน้าอ่อนโยนแต่ที่ข้างแก้มทั้งสองกลับมีสีแดง

    “นอกจากนี้เขาคือน้องที่ข้ารักและอยากเห็นเขาประสบความสำเร็จนี่นะ”โซดัสกล่าวพร้อมกับหลับตาลงเพื่อทำใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

    เมื่อเขาหลับตาลงเขาก็ได้ยินเสียงที่เหมือนเสียงกระซิบดังขึ้น

    “เจ้าแน่ใจหรือ? ว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้วจะดีสำหรับเจ้า เจ้าแน่ใจแล้วหรือ โซดัส?”

    “ใคร? ใครกันที่พูดอยู่กับข้า?”
     
    “ที่นี่ที่ไหน? แล้วท่านเป็นใคร? ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ”โซดัสตะโกนถามอย่างสงสัยแต่ไม่มีคำตอบกลับมารอบกายของเขามีแต่ความมืดมิด

    “เจ้าแน่ใจแล้วหรือ? ว่าตำแหน่งเจ้าเมืองNiflheimแห่งนี้สมควรที่จะเป็นของน้องเจ้าทั้งๆที่เจ้าเก่งกว่า มีความสามารถมากกว่าและเจ้ายังมีอีกหลายๆสิ่งที่น้องชายของเจ้าไม่สามารถสู้เจ้าได้”

    “เจ้าแน่ใจแล้วรึ?”เสียงลึกลับยังถามเขาต่อไป

    “ท่านเป็นใครกันแน่แล้วท่านรู้เรื่องการคัดเลือกตำแหน่งเจ้าเมืองNifheimได้ยังไง?”โซดัสยังถามพร้อมกับหันไปรอบๆเพื่อหาเจ้าของเสียงลึกลับนี้

    “อีกไม่นาน...อีกไม่นานแล้ว น้องชายที่เจ้ารักและอยากเห็นเขาประสบความสำเร็จจนถึงกับยอมมอบตำแหน่งเจ้าเมืองNiflheimให้อย่างยินดี ก็จะแย่งสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเจ้าไปเป็นของมัน อีกอย่างหนึ่งยังไงล่ะ หึ หึ หึ”เสียงลึกลับยังคงกล่าวต่อไปอีกด้วยเสียงที่เยือบเย็นน่ากลัวโดยไม่คิดจะตอบคำถามของโซดัสเลย

    “สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตข้าอีกอย่างหนึ่งอย่างนั้นรึ?”โซดัสกล่าวพร้อมกับครุ่นคิดแล้วเขาก็โพล่งคำๆหนึ่งออกมา“มิล”

    “เป็นไปไม่ได้! ข้าไม่เชื่อที่ท่านพูดหรอก! โรนัลไม่มีทางมายุ่งกับผู้หญิงที่ข้ารักหรอก เป็นไปไม่ได้!”เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว

    “หึ หึ อีกไม่นาน...อีกไม่นานแล้ว กงล้อแห่งชะตากรรมของเจ้าก็จะเริ่มหมุนแล้ว”

    “แล้วเจ้าก็จะรู้ว่าที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ อีกไม่นาน...อีกไม่นานเราก็จะได้พบกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”เสียงลึกลับก็หัวเราะเสียงดัง

    โซดัสสะดุ้งขึ้นสุดตัวเหงื่อโทรมไปทั่วร่างกายของเขา

    เขาสงบจิตใจแล้วเขาก็พบว่าเขาหลับไปบนทุ่งหญ้าโดยมีคลามิตี้นั่งอยู่ข้างๆเขา

    เจ้าม้าแสนรู้มองมายังนายของมันแล้วมันก็ร้อง ฮี้ๆๆ~ ยาวเหมือนเป็นการถามว่า “เป็นอะไรไหม”

    โซดัสเห็นดังนั้นก็ยิ้มตอบมันแล้วเขามองไปทางดวงอาทิตย์ที่โผล่พ้นขอบฟ้ามาสูงพอสมควร

    ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ10โมงแล้วและบัดนี้ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาได้ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่แสดงว่าเขาทำใจเรื่องตำแหน่งเจ้าเมืองNiflheimได้บ้างแล้วรวมทั้งคิดว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้นเป็นเพียงความฝัน

    ใช่ มันเป็นเพียงความฝัน “ความฝันที่กำลังจะเป็นความจริง”

    “งั้นเราไปหามิลกันเถอะคลามิตี้”โซดัสกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นเจ้าม้าแสนรู้ลุกขึ้นตามทันที

    “ข้าอยากพบนางใจจะขาดอยู่แล้ว”มันหันหน้าไปยังเมืองพร้อมที่จะให้นายของมันขึ้นขี่เพื่อพาไปพบคนรักคนสำคัญของเจ้านายของมัน

    เมื่อโซดัสขึ้นขี่คลามิตี้แล้วสะบัดบังเหียนเจ้าม้าก็กระโจนออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนดังที่มันออกทำศึกก็ไม่ปาน

    มันวิ่งไปในเมืองซึ่งตอนนี้มีการตั้งร้านขายของเหล่าพ่อค้ามีทั้งร้านขายยา ร้านขายอาหารและร้านขายอาวุธอยู่มากมายตามสองข้างทาง

    มันวิ่งไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอย่างรวดเร็วมันกระโดดข้ามชาวเมืองที่หลบไปด้านข้างไม่ทันอย่างชำนาญจนเมื่อถึงบ้านหลังหนึ่ง มันก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังนั้น

    บ้านหลังนี้มี2ชั้นรูปทรงบ้านแบบยุโรปสมัยกลางที่หน้าบ้านมีรั้วไม้กั้นอยู่และที่ด้านข้างเป็นสวนซึ่งปลูกดอกไม้ไว้จำนวนมาก

    โซดัสลงจากหลังคลามิตี้และจูงเจ้าม้าแสนรู้ของเขาไปผูกกับรั้วหน้าบ้าน

    “มิล มิลอยู่รึเปล่าข้าโซดัสมาหาเจ้า”โซดัสตะโกนด้วยเสียงที่มีความสุขแต่ไม่มีเสียงตอบกลับทำให้โซดัสสงสัยเพราะช่วงเวลานี้หญิงสาวจะไม่ค่อยได้ออกจากบ้านไปไหนนอกจากเขาจะนัดหล่อนไปเที่ยวหรือถ้าหล่อนมีธุระสำคัญจริงๆจะมีจดหมายเสียบไว้ที่รั้วเพื่อบอกเขา

    เมื่อไม่พบจดหมายเขาจึงเดินไปที่ประตูแล้วหมุนลูกบิดปรากฎว่าประตูล็อคอยู่เขาจึงเดินไปทางสวนข้างๆเพื่อดูจากทางหน้าต่างว่าหล่อนอยู่ในบ้านหรือไม่หรือว่าอยู่ที่สวน

    เมื่อเขาเดินเข้าไปในสวนเขากลับไม่พบใครแต่เมื่อเขามองผ่านหน้าต่างเข้าไปในบ้าน

    เขาได้เห็นสิ่งที่ไม่สมควรเห็นที่สุดและเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดเขาพบหญิงสาวสวยผมสีทองวงหน้ารูปไข่ผิวขาวเนียนนัยน์ตาสีฟ้ามีแววขี้เล่นปนอยู่หญิงสาวผู้นั้นคือ “มิล”หญิงที่เขารักที่สุดกำลังจูบอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งสวมชุดเกราะอัศวินซึ่งเขาจำได้ทันทีว่าคนผู้นั้นคือน้องชายของเขาน้องที่เขารักและเชื่อใจ เจ้าเมืองNiflheimคนต่อไปคนผู้นั้นคือ “โรนัล”

    โซดัสโกรธมากเขาใช้หมัดของเขาชกที่หน้าต่างทำให้กระจกหน้าต่างแตกทันที

    “เพล้ง”เสียงกระจกหน้าต่างที่แตกดึงความสนใจคนที่อยู่ในบ้านทั้งสองคนและเมื่อหันมาพวกเขาก็ได้พบกับคนที่พวกเขาทั้งสองไม่อยากพบมากที่สุดในเวลานี้

     ทั้งสองคนหน้าซีดลงและก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดอะไร

    “นี่มันเรื่องอะไรกัน มิล โรนัล”เขาพูดด้วยเสียงที่เยียบเย็นน่ากลัวทำให้คนที่ถูกเรียกชื่อทั้งคู่ต่างขนลุก

    “ฉ...ฉะ... ฉัน ฉันอธิบายได้นะพี่โซดัส”โรนัลกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

    “ช...ชะ...ใช่ ใช่ฟังที่พวกเราพูดก่อนนะโซดัส”มิลก็กล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือเช่นเดียวกับโรนัล

    “ได้ ฉันจะรับฟังสิ่งที่พวกแกจะพูด และขอให้เป็นคำพูดที่ง่ายต่อการฟังของคนโง่อย่างข้านะ”โซดัสยังพูดเป็นการประชดด้วยเสียงที่เยียบเย็นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

    “คือ ฉ...ฉะ...ฉันกะโรนัล เราสองคนคบกันมานานซักพักนึง ล...ละ... แล้ว ฉันก็คิดว่าเขามีนิสัยที่ดี ล...แล...และก็...”ในที่สุดมิลก็เริ่มมีสติกลับมาจากการตกใจแต่ก็ยังกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

    “และก็อะไร”โซดัสตะโกนถาม

    ทั้งมิลและโรนัลมองตากันแล้วก็พยักหน้าให้กันพวกเขาหันมามองโซดัสรวบรวมความกล้าและในที่สุดมิลก็เปิดปากพูด

    “และก็ฉันกับโรนัล...เรารักกัน”

    “เรารักกัน เรารักกัน...”เสียงของมิลก้องอยู่ในหัวของโซดัส

    โซดัสก้มหน้าลงเพื่อปิดบังน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาและพูดด้วยเสียงที่เศร้าสร้อยว่า “ทำไม?”

    “เพราะนิสัยของเธอยังไงละถึงเธอจะดีแต่ก็ก้าวร้าว โมโหร้าย ทำร้ายคนเป็นว่าเล่นและที่สำคัญเธอไม่มีความอ่อนโยนให้กับฉันเลย เธอไม่เหมือนโรนัลซักนิดเขาอ่อนโยนมีเมตตาและดูแลฉันอย่างดี”มิลตอบพร้อมกับโผเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของโรนัล

    “อีกไม่นาน...อีกไม่นานแล้ว น้องชายที่เจ้ารักและอยากเห็นเขาประสบความสำเร็จจนถึงกับยอมมอบตำแหน่งเจ้าเมืองNiflheimให้อย่างยินดี ก็จะแย่งสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเจ้าไปเป็นของมัน อีกอย่างหนึ่งยังไงล่ะ หึ หึ หึ”โซดัสนึกถึงเสียงลึกลับในฝันของเขา
     
    เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นดวงตาของเขาเปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นสีแดงฉานดุจเลือด

    ทั้งสองคนเมื่อเห็นตาของโซดัสต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่นแต่โซดัสไม่ได้ทำอะไรพวกเขา

    โซดัสสะบัดหน้าเดินไปยังคลามิตี้ เขาแก้สายบังเหียนจากรั้วและขึ้นขี่มัน

    เจ้าม้าหันมามองเจ้านายของมันอย่างงงๆแต่พอโซดัสสะบัดบังเหียนมันก็กระโจนออกไปอีกครั้งมันวิ่งไปเรื่อยๆเข้าไปยังใจกลางเมือง ผ่านกำแพงเมืองออกไปยังนอกเมือง

    และแล้วมันก็วิ่งเข้าไปในป่า วิ่งเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆและแล้วมันก็หยุดวิ่งที่บริเวณริมทะเลสาบแห่งหนึ่งในป่านี้เพราะเจ้านายของมันดึงบังเหียนและกระโดดลงไปนอนฝุบหน้าลงกับพื้นร้องไห้ออกมา

    ในใจของโซดัสตอนนี้มีความผิดหวังที่บิดาของเขาไม่ให้เขาเป็นเจ้าเมืองNiflheimแต่กลับไปมอบให้โรนัลแทน

     ความเจ็บปวดที่ถูกน้องชายที่ตัวเองรักและเชื่อมั่นแย่งผู้หญิงที่เขารักไป

    ชาวเมืองที่เห็นว่าเขาเป็นคนชั่วและเหี้ยมโหดเพราะเขาเป็นผู้เดียวที่รอดมาจากสงครามที่ทหารอื่นๆตายจนหมดและเขาก็ฆ่าทหารฝ่ายตรงข้ามนับหมื่นคนด้วยตัวคนเดียวเพื่อปกป้องเมืองที่เขารัก

    และสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของเขามากที่สุดคือผู้หญิงที่ตนเองรักยิ่งชีวิตยังทรยศความรู้สึกที่เขามอบให้หมดหัวใจ ความเจ็บปวดในหัวใจของเขามันมากขึ้น มากขึ้น มันมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    เวลาผ่านไปเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าความผิดหวังและความเจ็บปวดที่พร่างพรูออกมาเหมือนดังเขื่อนที่ถูกทำลาย

    มันทำลาย “จิตใจ”, “ความรู้สึกที่ห่วงใยในคนเหล่านั้น”และ “ความรักที่มีให้แด่คนเหล่านั้น” ของเค้าไปจนหมดสิ้น

    จนในที่สุดมันก็แปรเปลี่ยนจากความรักที่ยิ่งใหญ่เป็นความเคียดแค้น

    “แค้นบิดาของเขาที่ไม่ให้เขาเป็นเจ้าเมืองNiflheim”

    “แค้นน้องชายของเขาที่แย่งทุกอย่างของเขาไป”

    “แค้นชาวเมืองที่ไม่เคยคิดว่าเพราะเขาพวกชาวเมืองถึงรอดจากการถูกเข่นฆ่า”

    “สิ่งที่เค้าแค้นมากที่สุดคือแค้นหญิงที่เขารักที่สุด ทั้งที่เขามอบหัวใจและชีวิตเพื่อรักหล่อนเพียงคนเดียว”

    ในที่สุดเขาก็แค้นทุกสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งที่เขาจะทำเพื่อตอบแทนสิ่งที่บิดาของเขา, น้องชายของเขา, ชาวเมืองNifheim, “มิล”หญิงที่เขารักและทุกชีวิตที่อยู่บนโลกมอบให้กับเขานั่นคือ “การแก้แค้น”

    จบบทที่2ความผิดหวัง,ความเจ็บปวดและความเคียดแค้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×