ตอนที่ 18 : Chapter 15
Chapter 15
(“หวัดดีครับพี่สิงโต วีดิโอคอลได้ไหม?”) คำถามแรกที่เขาได้ยินหลังจากกดรับสายน้องชายต่างมารดา เขากดเปิดกล้องบนหน้าจอมือถือ ใบหน้าคมเข้มของเอิร์ทปรากฎขึ้นมา
(“ไม่โทรมาบ้างเลยนะพี่ ผมก็รอไปสิ จนพ่อถึงบ้านแล้วพี่ก็ยังลืมผม”)
เพราะมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการจึงทำให้ลืมไปเสียสนิทว่าจะโทรไปหาบ้างในช่วงที่เขากับพ่ออยู่ที่เชียงใหม่ จนตอนนี้ที่พ่อกลับถึงบ้านแล้วก็เพิ่งจะรู้ตัวเอาตอนที่เจ้าเอิร์ทโทรมานี่แหละ
“ฮ่าๆๆ โทษทีๆเอิร์ท พอดีพี่มีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย” ร่างสูงหันไปมองคนน้องบนตักขณะตอบคำถามไปด้วย
คริสมองอีกคนบนหน้าจอมือถือและเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
เขาเป็นใคร? แล้วทำไมถึงดูสนิทกับพี่สิงโตขนาดนี้?
(“เรื่องเยอะเนอะพี่ ถึงได้ไม่โทรหาน้องเลย”)
“มาว่าพี่แบบนี้กลับไปจะโดนเตะ!”
(“โห.. ใจร้าย ว่าแต่ใครนั่งตักพี่อยู่น่ะ พี่ไปคว้าสาวที่ไหนมากอดแบบนี้!!! ถ้าพ่อแม่เขารู้จะทำยังไงที่พี่ไปทำลูกสาวเขาเสียหายเนี่ย!!!!”) เสียงโวยวายที่ทำให้คนฟังสะดุ้ง ร่างเล็กแกะมือหนาออกตั้งใจจะออกจากบริเวณที่กล้องหน้าของมือถือ
ทว่าทั้งมือทั้งแขนของสิงโตกลับโอบรัดไว้แน่นกว่าเดิมพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
“สาวที่ไหนล่ะ ก็ว่าที่พี่สะใภ้แกที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง”
“ห้ะ!!!” ร่างเล็กหยุดนิ่งหันขวับมองคนพี่ตกใจตาโตสลับกับคนบนหน้าจอโทรศัพท์
หมายความว่ายังไง!!!!
(“จริงป่ะพี่! โหย.. โคตรเสียดายที่ผมไม่ได้ไปอ่ะ อดเจอเลย หวัดดีนะครับคริส ผมเอิร์ทนะครับเป็นน้องชายพี่สิงเอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”)
คนในจอไขข้อข้องใจให้เป็นอย่างดี เขาแนะนำตัวเองให้เสร็จสรรพแถมยังดูตื่นเต้นที่ได้เจอหน้าเขาจนออกนอกหน้าเสียอีก
เขาควรรู้สึกดีใจใช่หรือเปล่า...
“เอ่อ... หวัดดี”
เป็นอีกครั้งที่สิงโตได้เห็นเด็กน้อยเกิดอาการประหม่าไม่ดื้อไม่เถียง เพราะอยู่ต่อหน้าคนฝั่งบ้านของตน ซึ่งความจริงแล้วเอิร์ทเป็นคนที่เปิดรับเสียด้วยซ้ำแต่คริสกลับไม่กล้าพูดอะไรออกไป
หรืออาจเป็นเพราะกำลังคาดโทษเขาในใจก็เป็นได้
(“เนี่ย.. ถ้าไม่คิดว่าผมต้องจัดการกับงานที่มหาลัยนะจะบินตามไปหาว่าที่พี่สะใภ้เลย ตาถึงมากอ่ะพี่โคตรน่ารักเลย ไว้พามาเจอผมที่กรุงเทพบ้างสิครับ”)
“น้อยๆหน่อยเจ้าเอิร์ท พี่แกยังนั่งอยู่นี่นะ แหม.. ตอนแรกก็ทำมาบ่นหาพี่ตอนนี้อยากเจอแฟนพี่มากกว่าได้ไง”
คริสหันมองคนพูดอีกครั้ง
เขาไปตกลงเป็นแฟนกับคนเจ้าเล่ห์ตอนไหนกันฟร้ะ!!!
(“แหม... ออกตัวแรงเชียวนะพี่ ผมไม่กวนแล้วก็ได้ ไปละครับ”)
หน้าจอโทรศัพท์ดับไฟหลังจากที่ทั้งสองต่างวางสายกัน และคงถึงคราวนี้ต้องสะสางคำพูดคำตาแปลกๆนี่เสียที มือเล็กทุบเข้าที่อกแกร่งแบบไม่แรงนักก่อนจะโวยวายชุดใหญ่
“ไปพูดอะไรเรื่องคิดให้คนอื่นฟังบ้างเนี่ย แล้วคิดไปตกลงเป็นแฟนกับพี่เมื่อไหร่กันห้ะ!? พี่นี่มันเจ้าเล่ห์ ขี้โกง จอมฉวยโอกาสที่สุดเลย!!!”
ร่างเล็กยังระดมกำปั้นไม่หยุดกระทั่งมือหนารวบข้อแขนทั้งสองไว้ด้วยสีหน้าโอดโอยที่ไร้ซึ่งความรู้สึกผิด
“โอ๊ยๆๆ ใจเย็นๆสิครับคนดี... พี่ไม่ได้เล่าอะไรเสียๆหายๆเลยนะครับ แค่บอกไปเองว่าคริสนี่แหละคือคนที่พี่รัก” สิงโตเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังพลันมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย
“ถึงอย่างงั้น เมื่อกี้พี่ก็ไม่น่าไปบอกเอิร์ทเลยว่าคิดเป็นแฟนพี่.. พี่สิงยังไม่เคยขอ คิดก็ยังไม่เคยบอกเลยนะ” เจ้าตัวหลบสายตาอีกฝ่ายด้วยความเขินเล็กน้อยกับสถานะที่กำลังจะเป็นของตนในอนาคต ไม่รู้ว่าเร็วไปไหมแต่คำว่า ‘แฟน’ ก็ไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับเขา
“ยังไงก็เป็นอยู่ดี เรียกไว้ก่อนก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“คนบ้า!”
คราวนี้คริสหันหน้าหนีคนพี่ไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เกิดจากความเขินอายล้วนๆ ใจก็เอาแต่นึกสงสัยว่าอะไรที่ทำให้สิงโตเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
ร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางของอีกฝ่ายพลางใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดน้องเอาไว้และเกยคางบนไหล่เล็กทำสีหน้าออดอ้อนที่คนน้องมองไม่เห็น
“ยังไงพี่ก็รอคริสใจอ่อนอยู่นะครับ พี่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้คริสรอพี่นะครับ”
“อื้ม..”
เขาตอบไปแบบไม่ต้องคิด เพราะอย่างไรเสียเขาก็ยอมใจอ่อนไปนานแล้ว
‘รออีกหน่อยนะพี่สิง ถ้าพี่ทำตามที่พูดได้คิดจะยอมพี่ทุกอย่างเลย’
----------------------------------------
‘ไว้พามาเจอผมที่กรุงเทพบ้างสิครับ’
คำๆนี้ของเจ้าน้องชายต่างมารดาผุดขึ้นในหัวขณะที่กำลังนอนคิดอะไรเพลินๆในห้องพักของตนเอง
มันเป็นความคิดที่ดีมากๆในความรู้สึก เขาจะได้ไม่ต้องทำให้คริสไม่ต้องคิดมากในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและเพื่อให้เขามีความมั่นใจว่าจะดูแลคริสได้เป็นอย่างดี
แต่ในความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด เขาทราบดีว่าเด็กน้อยของเขาเป็นคนติดบ้าน ติดพ่อติดแม่มากแค่ไหน หากว่าจะให้ไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพเลยก็คงไม่ได้ และไหนจะเรื่องงานที่รีสอร์ทนี่อีก
น้าพัดกับน้าเปรียวคงไม่ยอมแน่ๆ
ก็อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสติให้กลับมาสู่โลกความจริง ร่างสูงลุกขึ้นเดินตรงไปเปิดประตูห้องเพื่อดูว่าคนอีกฝั่งเป็นใคร และเมื่อเห็นหน้ารอยยิ้มก็ฉีกกว้างจนแทบถึงใบหู
“คิดถึงพี่หรอครับถึงมาหาดึกๆแบบนี้”
“หลงตัวเองไปหรือเปล่า... คือ คิดมีเรื่องให้พี่สิงช่วยหน่อยอ่ะครับ”
“ว่ามาสิครับ” เจ้าตัวเท้าแขนกับขอบประตูเอียงคอมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ระหว่างที่รอคนน้องเรียบเรียงคำพูดก็ถือโอกาสมองสำรวจใบหน้านี้อีกครั้งและจะทำมันไปเรื่อยๆอย่างไม่เคยเบื่อ
ใบหน้าขาวใสที่มักขึ้นสีทุกครั้งเวลาที่อยู่ด้วยกัน ดวงตากลมโตที่เป็นประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ริมฝีปากเรียวบางสีชมพูอ่อนอมส้มที่ดูหวานคล้ายกับลูกพีชยามสุกงอม
ดูรวมๆแล้วไม่อาจละสายตาไปได้
“คือพ่อให้คิดไปถามเพื่อนๆว่าในงานเทศกาลจะมีใครมาช่วยออกบูทขายของได้ไหม ตอนนี้ก็มีกัน ก็อต พี่คิวแล้วก็พี่แบงค์แล้ว พ่อเลยให้คิดมาถามพี่สิง ไม่รู้ว่าพี่สิงจะยอมไหม” เด็กหนุ่มก้มหน้าว่ายาวในสิ่งที่ตนต้องทำเพราะรับปากพัดไว้
เขาเอาชื่อของพ่อมาอ้างเพื่อไม่ให้คนพี่รู้ว่ามันเป็นความต้องการของตนเอง ในทางตรงกันข้ามคนเจ้าเล่ห์รู้ทันอย่างสิงโตกลับนึกขันในใจ
ยอมลงทุนขนาดนี้คงต้องยอมแล้วล่ะ แต่ขอแกล้งสักหน่อยแล้วกัน
“อืม... วันที่จัดเทศกาลก็อีกไม่กี่วันนี่เองสินะ พี่ว่างพอดีเลย ว่างมากด้วย จะให้ไปช่วยก็ได้นะ”
“จริงหรอพี่สิง!” คริสร้องอย่างลืมตัวสีหน้าตื่นเต้นไปพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“ครับ... แต่พี่มีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยนะ” ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนคนน้องลืมความดีใจและถอยหน้าหนีเล็กน้อย
“อ.. อะไรละครับ”
“อืม... ตอนนี้พี่ยังคิดไม่ออก ไว้ยังไงพี่จะบอกอีกทีนะครับ”
“อือ... คิดว่าพี่ไปขอจากพ่อเลยดีกว่านะ เพราะว่าพ่อเป็นคนมาบอกให้คิดมาบอกพี่อ่ะ”
“ก็ได้ครับ” มาแบบนี้จะว่าเข้าทางมันก็เข้าทางหรอก แต่ความยากมันก็ระดับหนึ่งตรงที่ว่าพัดเองก็รักและหวงลูกชายมากเช่นกัน
“ถ้างั้นคิดไปก่อนนะ อ้ะ!”
เอวบางถูกคว้าไว้ก่อนเจ้าตัวจะก้าวเดินออกไป แขนทั้งสองกอดรัดคนน้องจากด้านหลังและยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนหายใจรดใบหูอีกฝ่าย
“ฝันดีนะครับ ฝันถึงพี่ด้วยนะ” เขากระซิบอย่างแผ่วเบาและส่งเข้านอนด้วยไออุ่นจากริมฝีปากที่จรดลงข้างแก้ม
“อือ.. พี่ก็เช่นกันนะ”
ใบหน้าน่ารักขึ้นสีลามไปทั้งหน้าและใบหู ร่างเล็กตอบโดยไม่มองหน้าแล้วจึงรีบผละจากอ้อมกอดวิ่งกลับไปยังห้องนอนของตนเอง เพราะหากยืนให้คนพี่แกล้งต่อตัวเขานี่แหละที่จะทนไม่ได้และใจอ่อนไปก่อน
ไม่รู้ว่าทำไมถึงขี้แกล้งนักนะ.. ชอบทำให้เขาไปไม่เป็นอยู่เรื่อย
----------------------------------------
ตลอดสามวันของการจัดเทศกาลการท่องเที่ยวในตัวเมืองของจังหวัด เต็มไปด้วยสีสันและความครึกครื้นของบรรดานักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ยิ่งช่วงกลางดึกในวันสุดท้ายแถมยังเป็นวันหยุด คนยิ่งแน่นเป็นพิเศษ
บูทงานของไร่พงค์พัฒน์ก็เป็นหนึ่งในร้านที่มีคนเข้ามาแวะชมผักผลไม้สดไม่ขาด โดยเฉพาะกับสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตสีแดงสดที่เป็นไฮไลท์และผักปลอดสารพิษทั้งหลาย
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากของซื้อของขายแล้วที่ฮอตไม่แพ้กันเห็นจะเป็นพ่อค้าประจำบูทที่มีบรรดาสาวๆแวะเวียนมาขอถ่ายรูปไม่ขาด จนคนมองแอบหมั่นไส้เล็กน้อย
“จะไม่เดินไปถ่ายรูปบ้างหรอ เห็นมองอยู่นานแล้วนะ”
“หา? ถ่ายทำไม คิดไม่เห็นอยากถ่ายเลยพี่แบงค์”
“ไม่อยากอะไรละครับคุณคริส ผมเห็นคุณคริสนั่งตาลุกเป็นไฟมองคุณสิงโตนานแล้วนะครับ ถ้าหวงก็เดินไปบอกเลยว่ามีคุณสิงโตแฟนแล้วคือคุณคริสไง”
“บ.. บ้าหรอพี่คิว พูดอะไรแบบนั้น ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่สิงสักหน่อย” แม้จะโดนลูกอ้อนอยู่ตลอดก็เถอะนะ
“สายตาคนเรามันปิดไม่มิดนะครับ อีกอย่างคริสเองก็ไม่อยากจะเสียสิงโตไปอีกครั้งใช่ไหม”
เด็กหนุ่มชะงักหันมองคนพูดสลับกับร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้าร้าน
“ตอนนี้มันอยู่ใกล้มากนะคริส ถ้าไม่รีบเราอาจจะเสียมันไปอีกครั้งนะ”
แต่เราสัญญากันแล้วนี่...
เขาเถียงในใจ ทว่าความคิดย้อนแย้งกลับตีตื้นขึ้นมาจากคำพูดเมื่อครู่จนมือไม่สั่นเพราะความกลัวและสับสนไปหมด
สัญญาแล้วก็อาจจะเหมือนกับเมื่อเจ็ดปีที่แล้วก็ได้ ขนาดตอนนั้นยังผิดสัญญา แล้วปล่อยมันไปอีกจะไม่เสียใจอีกหรือ...
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเรามีเหตุผลอะไร แต่ที่แน่ๆคงไม่มีใครอยากเห็นคริสพบกับความเศร้าและผิดหวังอีก โดยเฉพาะคุณพัดกับคุณเปรียว”
“...”
“ทุกคนรักและเป็นห่วงคริสนะ ฉะนั้นแล้วอย่าให้อดีตที่เจ็บปวดมาทำลายปัจจุบันที่มีความสุขจะดีกว่านะ พี่เตือนด้วยความหวังดีนะ”
แบงค์ตบบ่าเขาเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นพร้อมกับคิวด้วยคำพูดทิ้งท้ายที่ชวนให้คิด
นั่นสินะ...
อดีตมันก็คืออดีต มันผ่านไปแล้วก็ถือว่าจบไปแล้ว
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นอีกล่ะ เขาต้องทำอย่างไร...
เขาจะยอมรับมันได้จริงๆหรือ...
ให้คนรอบตัวเตือนสติเผื่อจะนึกอะไรได้บ้างเน้อ
ช่วงนี้เราติดสอบไฟนอลแล้วก็มีงานต่อ อาทิตย์หน้าอาจจะไม่ได้มาอัพให้นะคะ
แต่เราจะหาวันอัพชดเชยให้
อย่าเพิ่งคิดมากนะค้า ตอนนี้เรายังดำเนินเรื่องมาไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย
ยังไม่ต้องคิดมากเน้อออ
น้องคิดคิดได้แล้วก็ให้โอกาสพี่เค้าเถอะลูก
หรือหากจะต้องเจ็บปวดอีกครั้ง อย่างน้อยก็เคยได้รับความสุขจากสิ่งที่ตัวเองเลือก
คนอ่านอย่างเราก็บ้าบอ เขามีแต่รอให้พบความสุข นี่รอให้ความทุกข์มาหา แต่ที่รอความทุกข์ ก็เพราะหลังจากนั้น ความสุขจะมาเยือน (หรือเปล่านะ)