ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love story รักร้ายนายแวมไพร์ตัวป่วน

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่3.2 ตกลงไม่ใช่ฝันใช่ไหม...มีแวมไพร์อยู่บนเตียงของฉัน

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 66


            “ทำไมจะต้องให้พูดรอบสอง” ร่างสูงย่อตัวลงก่อนจะสอดแขนเย็นอุ้มตัวฉันขึ้นมาอย่างง่ายดาย ฉันมั่วแต่กำลังอึ้งที่เขายอมปล่อยฉันไปอย่างง่ายดายเลยไม่ได้ร้องห้ามเมื่อเขากำลังสอดแขนเย็นผ่านข้อพับด้านหลังหัวเข่าของฉันไป

            “เฮ้ๆ  ระวังๆ ฉันกลัวความสูง >o< ” ฉันหลับตาปี๋ กอดคอตัวประหลาดแน่น มือที่จับต้นคอรู้ซึ่งให้สึกถึงไอเย็นสบาย ซึ่งครั้งแรกที่เราโดนตัวกันแล้วไอเย็นของเขาแผ่มาโดนตัวฉันมันให้ความรู้สึกต่างออกไป มันรู้สึกเย็นยะเยือกอย่าบอกไม่ถูก

            “ข้าไม่ใช่ตัวประหลาด” ชายหนุ่มตอบเหมือนจะรู้ความคิดของฉัน

            “โห เลิศอ่ะ OoO” ฉันลืมกลัวความสูงไปชั่วขณะ เอียงหน้าออกมามองใบหน้าเนียนซีดที่อยู่ไม่ห่างจากหน้าฉันเท่าไหร่  “อ่านความคิดได้ด้วย” หรือว่าใบหน้าฉันมันแสดงความคิดออกมาขนาดที่ทำให้คนอื่นอ่านออกได้นะ เพราะตาอาจารย์บ้านั่นก็เหมือนจะอ่านความคิดแต่ละครั้งที่ฉันด่าเขาได้ด้วย
            “ข้าเป็นแวมไพร์มิใช่ตัวประหลาด”

            “ฉันก็ไม่ใช่อาหารของนายเหมือนกันนั่นล่ะ” ฉันเตือนเผื่อเขาจะฟังฉันบ้างว่าฉันไม่ได้เป็นอาหารไว้ให้แวมไพร์กิน

    “บอกทางไปบ้านของเจ้ามา” แขนแข็งแรงกระชับร่างของฉันให้แน่นขึ้น

            “ออกไปจากตัวปราสาทเดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงรั้วโรงเรียน....” ฉันพยายามคิดหาวิธีอธิบายทางกลับบ้าน

            “ทิศใต้ เหนือ ออก หรือตก?” เขาถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ดูเหมือนจะอารมณ์เสียนิดๆ ด้วย 

            ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย ฉันจะรู้ได้ไงว่าในยุคที่เขาเคยอยู่เขาอธิบายทางกลับบ้านกันยังไง -^-

            แล้วทำไมต้องมาบอกทางกลับบ้านเขาด้วยเนี่ย -*- ใจดีขนาดจะไปส่งเลยรึไง เมื่อกี้ยังดูดเลือดฉันอยู่เลย 

           ถึงจะคิดนู้นนี้ในหัวแต่ก็ยังตอบออกไป

           “ใต้” ยังไม่ทันพูดจบฉันก็รู้สึกเหมือนร่างตัวเองปลิวได้ ชายหนุ่มพาฉันออกมาจากตัวปราสาทผ่านป่าสีเขียวชอุ่มที่ตอนแรกมีแต่กิ่งก้านแห้งๆ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีใบไม้ขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ แต่ฉันก็ได้แต่ปัดความคิดนั้นไปเพราะแค่ตัวฉันที่ตอนนี้อย่างกับลอยได้ก็มันมากเกินความเป็นจริงแล้ว 

            ร่างสูงกระโจนตัวจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งด้วยความเร็ว เขาพาฉันผ่านป่าไปยังโรงเรียนโดยใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ ฉันรู้สึกเหมือนว่าลมที่พัดตัวฉันในตอนนี้ราวกับเข็มแหลมๆ ที่ทิ่มแทงเข้ามาในผิวของฉัน แม้มันก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นฉันเพียงแค่เปรียบเทียบเฉยๆ 

            ผมของฉันที่มัดอยู่หลุดออกไปเพราะแรงลมที่พัดผ่าน มันสยายไปรวมกับผมสีเงินของชายหนุ่มตามแรงลมที่พัดมา ฉันอยากจะเอื้อมมือไปดึงผมมารวบไว้แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะปล่อยมือออกจากคอของเขาเพราะกลัวจะตกลงไป

            “นั่นๆ” ฉันตะโกนสู้กับเสียงลม ใช้ไฟฉายในมือช่วยส่องหลังคาบ้านให้ ก่อนจะรีบหลับตาปี๋เมื่อร่างสูงกระโดดจากด่านฟ้าของตึกตึกหนึ่งลงไปยังหลังคาบ้านฉัน 

           ไอเย็นที่แผ่ออกมาจากชายหนุ่มทำให้ฉันขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ยิ่งบวกกับความกลัวที่สูงในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าขนฉันสามารถลุกถึงขั้นหลุดออกจากผิวได้แล้ว (เวอร์ไปละ) 

    กรอบๆ  

           เท้าของเขาย่ำอยู่บนหลังคาบ้านของฉัน ฉันสูดอากาศเข้าเต็มปอดเมื่อรู้สึกว่าร่างสูงหยุดนิ่งแล้ว ก่อนจะรีบกลั้นหายใจอีกครั้งเมื่อตาแวมไพร์ทะยานร่างไปที่พื้นบ้าน

           “ปล่อยฉันลงเร็วๆ” ทุบมือไปที่อกของเขาหลายรอบ

           “อย่ามาสั่งข้า” ใบหน้าเนียนก้มลงมาจนไอเย็นรดใบหน้าฉัน ดวงตาคมสีแดงจ้องอย่างเอาเรื่อง

           “ฉันอยากอ้วก” ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้ “นายอยากจะให้ฉันอ้วกใส่รึไง?” พูดเสียงอู้อี้ผ่านนิ้วมือ

           เมื่อสิ้นประโยค เขาก็ค่อยๆ ปล่อยฉันลง ฉันเซไปพิงเขานิดๆ ก่อนจะรีบยืนให้ตัวตรงโดยใช้เขาเป็นตัวช่วยเพราะเอามือดันเขาไว้ให้ตัวเองกลับมาทรงตัวได้ การทะยาน(กระโดด)ไปมาด้วยความเร็วสูงทำให้ฉันรู้สึกเวียนหน้าตาลายไปหมด แถมเท้าที่เจ็บก็ไม่ได้ช่วยในการพยุงตัวเอาซะเลย

            “จะบ้าตาย” เดินเซไปไขประตูบ้านให้เปิดออกอย่างรวดเร็ว ฉันวิ่งกระเพลกๆ ไปเข้าห้องน้ำชั้นล่างพอถึงที่กลับอาเจียนไม่ออกซะงั้น เพราะไม่มีอะไรอยู่ในท้อง ขนาดน้ำย่อยก็ยังไม่มี

           “หิวข้าวเป็นบ้า” กุมท้องเดินเข้าไปในห้องครัว หยิบนมในตู้เย็นมารองท้อง ฉันรินนมลงในแก้วที่วางอยู่แถวนั้นก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด 

           พึบ

           ร่างสูงปรากฏขึ้นที่ประตูห้องครัว

           “อุ้ย!” หันไปเห็นด้วยความตกใจพร้อมสะดุ้งนิดๆ ตกใจจนเกือบจะทำแก้วหลุดมือ “ทำไมยังไม่ไปอีกละเนี่ย-*-” ฉันวางแก้วนมที่ดื่มหมดแล้วลงที่โต๊ะ จากนั้นก็เดินไปหยิบขนมปังที่อยู่แถวนั้นขึ้นมาแล้วยัดขนมปังเข้าปากเต็มคำ หมอนี่เมื่อไหร่จะกลับไปละเนี่ย -*- 

           “...” เงียบ ไม่ยอมตอบที่ฉันถามไป

           “...” ฉันเลิกสนใจเขา พอกินเสร็จแล้วก็วิ่งขึ้นชั้นสองไปที่ห้องนอนของตัวเอง พอถอดรองเท้าได้ก็ทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าลงไปที่เตียงพร้อมโยนประเป๋าไปที่พื้นข้างเตียงของตัวเอง หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย อยากให้สิ่งที่เจอเป็นเพียงแค่ความฝัน อยากจะตื่นเร็วๆ จัง ความเหนื่อยล้าปลกคลุมไปทั่วร่าง เปลือกตาค่อยๆ เลื่อนปิดลงด้วยความล้า

     

            ท่ามกลางความมืดในป่าที่แม้จะเป็นคืนที่จันทร์เต็มดวง ทว่าแสงที่ส่องผ่านมากลับน้อยนิดทำให้เห็นสภาพของป่าได้เพียงลางๆ นั่นเพราะต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาและใบออกมาเต็มพื้นที่ บดบังแสงจันทร์สีเงินไว้จนหมด ต้นไม้ใหญ่สูงชะลูดเต็มไปทุกพื้นที่ที่สายตามองเห็น พื้นของป่าเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวชอุ่มต้นเล็กต้นน้อยเต็มพื้นไปหมด บางที่ก็มีเฟริน บ้างก็มีใบโคลเวอร์ บ้างก็เป็นตะไคร้น้ำเกาะที่โขดหิน ดูเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์เกินกว่าความเป็นจริงไม่เหมือนป่าในสมัยปัจจุบันซักนิด 

            ฉันเพิ่งจะก้มมองชุดที่ตัวเองใส่ มันไม่ใช่ชุดของฉันที่ใส่อยู่ปกติทุกวัน มันเหมือนกับผ้าคลุมลูกไม้ของพวกแม่มดในเทพนิยายที่ชอบใส่กัน

           ดวงตากวาดมองไปในความมืดตรงหน้า ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ฉันเลิกสนใจเรื่องต้นไม้ข้างตัวเพราะเหมือนฉันจะได้ยินเสียงบางอย่างตวัดผ่านอากาศดัง ฟึบๆ  ทำให้ฉันต้องเพ่งตามองไปด้านหน้าอีกครั้ง 
            ฉันรู้สึกว่าดวงตาของฉันสามารถมองเห็นได้ชัดกว่าที่เคยและยังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวของฉันแปลกไปจากเก่าเหมือนมีอะไรบางอย่างเพิ่มมากขึ้นในตัวของฉัน ฉันจ้องมองออกไปด้านหน้า

            ภาพที่เห็นคือหมาป่าร่างสูงกว่าสองเมตร จากหัวถึงลำตัวยาวเกือบสามเมตรกำลังทะยานไปกลางอากาศ กรงเล็บข้างหนึ่งตะปบไปกลางอากาศที่ว่างเปล่า ฉันขยับตัวหลบไปอยู่หลังต้นไม้โดยอัตโนมัติโผล่แต่หน้าออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ทั้งที่ฉันยังไม่ทันจะคิดด้วยซ้ำว่าจะต้องหลบแต่เหมือนร่างกายมันขยับไปเอง มันเหมือนไม่ใช่ตัวฉัน 

            ฉันทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงแค่มองภาพที่เกิดขึ้น

    เมื่อเพ่งดวงตามองอีกครั้งก็เห็นเงาลางๆ ของชายหนุ่มในชุดขาวกำลังหลบกรงเล็บแหลมคมอย่างคล่องแคล่ว ทั้งที่ร่างในชุดขาวนั้นยังคงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแต่ฉันกลับเห็นเขาได้ชัดเจน มันช่างต่างไปจากปกติ

             แล้วฉันก็ลืมนึกไปชั่วขณะว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเพราะมัวแต่มองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า

             “เหนื่อยแล้วเหรอ ปุกปุย” เสียงกังวานดังมาจากชายหนุ่มชุดขาวที่หยุดเคลื่อนไหวไปมา เขายืนลอยตัวอยู่บนอากาศประจันหน้ากับหมาป่าร่างยักษ์ ด้วยความที่ว่าเขายืนเอียงตัวเฉียงไปอีกด้านทำให้ฉันไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้

            “กราสสสสสสส” เสียงคำรามดังลั่นทั่วป่า ร่างยักษ์ของมันกระโจนไปยังชายหนุ่มชุดขาวพร้อมกับคำรามลั่น

    ร่างของชายหนุ่มหายวับไปจากจุดที่ยืนอยู่ ฉันขมวดคิ้วแน่นกวาดดวงตามองหา

            พึบ

            ฮึ้ย! ฉันผงะถอยหลังไปเองโดยไม่ได้คิดว่าจะถอยด้วยซ้ำเมื่อร่างชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าต้นไม้ที่ฉันหลบอยู่ ผมยาวสีเงินสะบัดไปมาตามแรงลม ใบหน้าขาวซีดหันมามองทางฉัน ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนๆ นั้น 

             หมอนี่คือแวมไพร์ที่ฉันเจอในปราสาท!

            “ระวัง” ก่อนจะได้คิดหาเหตุผลว่าอะไรเป็นอะไรฉันก็ตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นร่างหมาป่ากระโจนมาทางจุดที่ฉันกับตาแวมไพร์ยืนอยู่ แต่ดูเหมือนว่าคำที่ฉันพูดออกไปนั้นไร้เสียง

           พึบ 

           ปัก 

           ตุบ 

           เหตุการณ์ตรงหน้าฉันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แม้ร่างชายหนุ่มจะกระโจนหายไปอย่างรวดเร็วจากจุดที่เขายืนอยู่ แต่กรงเล็บที่ตวัดมาอย่างเร็วก็ทำให้ร่างสูงนั้นโดนตะปบแล้วกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยง

            “กราสสสสสสสสสส” หมาป่าตัวใหญ่ที่อยู่ห่างจากฉันไปไม่ถึงเมตรกระโจนไปทางร่างของชายคนนั้น ดวงตาคมของมันดูเหมือนจะดีใจจนไม่ทันสังเกตเห็นฉัน มันคงจะดีใจที่ตะปบกรงเล็บโดนคู่ต่อสู้ได้สักที

            กรงเล็บจากสองเท้าหน้าของหมาป่ากดแขนแวมไพร์ไว้ ฉันที่กะว่าจะก้าวออกไปช่วยกลับเหมือนถูกดูดลงไปในหลุมดำ ภาพตรงหน้ามลายหายไปทันที

     

            วันที่สอง

            “อืม” ฉันหยักยิ้มขึ้นเมื่อลืมตาตื่นมามองเห็นห้องสีเขียวเข้มของตัวเอง 

            ใช่แล้ว~ ทุกอย่างคือฉันฝันไปเองถึงจะเป็นฝันที่ซ้อนฝันหลายรอบเกินไปก็เถอะ แต่ตอนนี้ฉันก็นอนอยู่ในห้องของตัวเองแล้ว อยู่-ใน-ห้อง-ของตัวเองแล้ววววว ^[]^ (ตะดกนบ้าคลั้งอยู่ในใจ)  

            ฉันไม่ได้ฝันว่าเข้าไปในป่าเจอปราสาท เจอแวมไพร์หรือเจอการต่อสู้ทั้งนั้น เรื่องราวทั้งหมดคือฉันฝันไป ฉานนนนฝานนนปายยยย ^O^

            ฉันหลับตาลง ^^ พลิกตัวไปด้านข้างในขณะที่รอยยิ้มยังคงไม่จางหายไป แต่แล้วก็รับรู้ถึงสิ่งที่แปลกไป

            “หือออ -*-” ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรเย็นๆ ตรงหน้า “O.O!” ฉันอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ แต่ก็ทำได้แค่เบิกตาโตเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
             แวมไพร์!
             แวมไพร์หน้าตาหล่อไร้ที่ติกำลังนอนอยู่ตรงหน้าของฉัน ที่สำคัญ บนเตียงของฉันด้วย!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×