คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่3.1 ฟื้นขึ้นมาพร้อมความหิวโหย
พึบ!!!
แต่แล้วดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ก็เปิดขึ้น
โป้ก
“โอ้ย”
ตุบ เกร้ง
ร่างในโลงกระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ฉันที่ยืนอยู่ข้างโลงถูกหัวของร่างนั้นชนเข้าที่หัวอย่างแรง เป็นผลให้ร่างเซไปด้านหลัง ด้วยความที่ทรงตัวไม่อยู่เพราะข้อเท้าและหัวเข่ายังไม่หายเจ็บทำให้ร่างของฉันล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น ไฟฉายในมือกระเด็นหลุดออกไป
ฉันเอามือกุมหน้าผากก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังโลงศพ ศพของชายหนุ่มเอียงคอไปมายืดเส้นยืดสาย นั่นไม่ได้ทำให้ฉันตกใจกลัวแต่อย่างใด เนื่องจากความโกรธที่ถูกกระแทกหัวจนทำให้ฉันล้มลงมันทำให้ฉันลืมไปว่านั่นคือศพที่ไร้ลมหายใจแต่กลับขยับได้ แถมตอนนี้มันยังมองมาที่ฉันอีกด้วย
“มองทำไม! นี่ไม่คิดจะขอโทษเลยใช่ไหม????” คว้าไฟฉายที่กลิ้งหลุดมือไปตอนที่ล้มลงขึ้นมาแล้วยันตัวลุกขึ้น
“หึ” ปากขาวซีดแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปากข้างหนึ่ง ดวงตาสีแดงของเขาเรืองรองสว่างไสวและสวยงามยิ่งกว่าแสงจากไฟฉายที่ส่องไปโดนฐานเสียอีก “เจ้ามันก็แค่อาหาร” เสียงแหบแห้งราวกับไม่ได้พูดกับใครสักร้อยปีเอ่ยขึ้น มันก้องกังวานไปทั่วห้องใต้ดินแห่งนี้
“อาหาร?” ฉันหยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม
“หรือไม่ใช่ละ” เสียงกระซิบข้างหูทำให้ฉันตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่ก็พบว่าตัวเองชนเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าจะใช่ผนังห้อง
ฉันสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะหันไปและพบว่าร่างสูงที่อยู่ในโลงเมื่อครู่กลับมายืนอยู่ข้างหลังฉันตอนไหนไม่รู้
“ก็ไม่ใช่นะสิ” ฉันปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติแม้จะยังสั่นๆ อยู่บ้าง ตอนนี้เริ่มรู้สึกกลัวศพเคลื่อนที่ได้ขึ้นมาซะแล้ว ฉันก้าวขาไปด้านหลังอัตโนมัติเมื่อความใกล้ของเราสองคนนำพาความหนาวเย็นจากตัวเขาส่งมาให้ฉัน
พึบ!!
คำตอบที่ได้คือมือแข็งแรงรวบเอวของฉันไว้ก่อนจะดึงร่างของฉันเข้าไปแนบกับตัวของตัวเอง
“เฮ้ย” ฉันร้องออกมาพร้อมดันร่างสูงให้ออกห่าง แต่ไม่เป็นผลแถมยังทำให้ไฟฉายฉันหล่นลงพื้นอีก
“เจ้ามันก็แค่มนุษย์ไร้เรี่ยวแรง” ใบหน้าหล่อเอียงนิดๆ ดวงตาสีแดงสดจ้องมองมายังฉันไม่วางตาแม้จะน่าหลงใหลแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาหลงใหลหน้าตาของผีดิบตรงหน้าแม้แต่น้อย
ตุบๆ ๆ
เสียงหัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อใบหน้าเย็นค่อยๆ โน้มลงมาที่ลำคอของฉัน ฉันพยายามเบี่ยงคอหลบแต่ถูกมือเย็นอีกข้างของเขาจับต้นคอล็อคไว้ไม่ให้หลบได้ ฉันใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดดันตัวเขาออกไป
“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะ” ฉันตะโกนลั่น เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่มีผลอะไรเลยเพราะร่างสูงไม่แม้แต่จะขยับสักนิด ใบหน้าเนียนยังคงก้มลงมาที่ต้นคอของฉัน
ฉึก
กึก
ร่างฉันกระตุกเพราะความเจ็บที่ต้นคอเมื่อเขี้ยวแหลมคมเจาะลงไป
“อะ” เสียงร้องของฉันถูกกลืนหายไป มือยังคงค้างอยู่ที่หน้าอกของชายหนุ่มในขณะที่ดวงตาเบิกกว้าง หัวสมองว่างเปล่ารู้สึกเพียงว่าเลือดค่อยๆ หดหายไปจากตัว ทีละนิดๆ คอของฉันเริ่มชาไม่มีความรู้สึกเจ็บสักนิดเมื่อถูกดูดเลือดออกไป
“แคกๆ ”
ผลัก
ตุบ
เสียงไอดังมาจากร่างสูง อ้อมแขนเย็นคลายออกจากร่างฉันก่อนจะผลักร่างของฉันออก ฉันล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นภาพตรงหน้าค่อยๆ กลายเป็นสีดำ สติของฉันเริ่มขาดหายไป
“โอ้ย” ฉันจับต้นคอที่รู้สึกเจ็บ ดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ แล้วกระพริบหลายครั้งเพื่อปรับแสง “ที่นี่นรกหรือสวรรค์กันละเนี่ย” ฉันพูดเอื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าไม่มีแรงขณะใช้มืออีกข้างยันตัวเองขึ้นพิงอะไรบางอย่างด้านหลัง สิ่งที่นึกได้ตอนสุดท้ายคือโดนดูดเลือดแล้วฉันก็คงจะตาย
นรกแน่เลย ห้องแดงซะขนาดนี้ เฮ้อ~ ฉันก็ว่าไม่ดืทำบาปอะไรมากน่ะ ทำไมถึงได้ตกนรกละเนี่ย T^T
ทว่าก่อนที่ฉันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นก็มีเสียงของใครบางคนพูดขึ้น เรียกความสนใจจากฉันได้ชะงัก
“เจ้า...” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังดังขึ้น ฉันตวัดหน้าหันไปมองทางต้นเสียงด้วยความเร็ว
“นี่นายตามฉันมาถึงนี่เลยเหรอ?”
สิ่งที่ฉันเห็นคือ ร่างของชายหนุ่มในชุดท่านเคาท์กำลังนั่งพิงกำแพงหินอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉัน
“ทำไมถึงมียันต์ในตัวได้” ดวงตาสีแดงหรี่เล็กลง ดูเหมือนจะไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิด
“นี่ฉันยังไม่ตายเรอะ?” หันมองรอบตัวที่มีแสงสว่างอันน้อยนิดซึ่งเกิดจากไฟฉายที่อยู่ห่างออกไปจากตัวฉัน มันส่องแสงสว่างให้เห็นภายในห้องที่ฉันอยู่ ร่างของฉันตอนนี้กำลังนั่งพิงอยู่กับฐานหินอ่อน ฉันจับไปที่ต้นคอที่รู้สึกเจ็บ
“นึกว่าตายแล้วซะอีก” ก้มมองมือข้างที่จับต้นคอของตัวเองซึ่งยังคงมีเลือดติดอยู่ ก่อนจะเอามือไปคลำที่ลำคออีกครั้ง ตอนแรกฉันคิดว่าจะคลำไปโดนรอยแผลเป็นสองรอยที่รูโบ๋ๆ ซะอีก แต่เปล่าเลย! บนลำคอของฉันตอนนี้ไม่มีแผลสักแผล มีแค่เลือดติดอยู่นิดหน่อยเท่านั้นเอง
ฉันหันกลับมามองยังชายหนุ่มตรงหน้า “นายมันตัวอะไรเนี่ย” กระชับกระเป๋าที่สะพายอยู่แน่น เหล่ตามองไฟฉายที่อยู่ห่างจากตัวฉันไม่มากนัก
“ข้าถามว่าทำไมเจ้าถึงมียันต์อยู่ในตัว” ร่างสูงที่นั่งอยู่เมื่อครู่หายวับไปก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้าฉัน เขายืนค่อมขาของฉันไว้กะจะไม่ให้ฉันหนีไปไหน
โถ่พ่อคู้ณณณณ ถ้าหายตัวได้ขนาดนี้ก็ไม่ต้องกลัวฉันหนีถึงขนาดเข้ามาใกล้ฉันอย่างนี้ก็ได้
“ถอยออกไปห่างๆ เลยนะ” ฉันขยับไปด้านหลังแต่ก็ดันติดแหง็กอยู่กับฐานตั้งโลงศพ
ร่างสูงนั่งย่อลง ผมยาวสีเงินไหลลงมาถูกแขนฉัน มันช่างนุ่มน่าสัมผัส
เฮ้ย! ไม่ใช่เวลามาคิดว่านุ่มหรือไม่นุ่มสักหน่อย
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง...”
“ไม่ต้องมาถาม” ฉันขัดขึ้น “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นจบไหม!” ดันร่างชายหนุ่มออกไปอย่างแรงแต่กลับไม่เป็นผล
“เจ้า..” คิ้วสีเงินขมวดเข้าหากันจ้องมองฉันจนขนฉันลุกไปทั่วทั้งตัว
“เจ้าบ้าเจ้าบออะไร สมัยนี้เขาไม่ใช้กันแล้ว” เชิดหน้าขึ้นประจันหน้ากับเขา เอาซี่~~เป็นไงเป็นกัน ยังไงก็ผ่านความตายมารอบหนึ่งแล้วนี่ (ช่างกล้าได้อีก)
“กล้าขึ้นเสียงกับข้ารึ” มือขาวซีดคว้าข้อมือของฉันไปกำไว้แน่น ไอเย็นแผ่ออกมาจากมือนั้น
“แล้วยังไงละ จะฆ่าฉันก็เอาซี่~~” หัวใจของฉันเต้นแรงและเร็วด้วยความกลัวแต่ยังทำใจกล้าหาเรื่องกับตัวประหลาด ฉันล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากดเข้ากล้องถ่ายรูปอย่างคล่องแคล่ว
พึบ
ฉันกดถ่ายรูปใส่หน้าเขา แสงแฟลชทำให้ดวงตาคู่สีแดงปิดลง
เสร็จฉัน ^^
ฉันสะบัดมือที่ถูกพันธนาการออกเมื่อรู้ว่าเขากำลังเผลอ พอแขนฉันหลุดออกได้ฉันก็ลุกขึ้นวิ่งไปหยิบไฟฉายขึ้นมาแล้วหย่อนโทรศัพท์ลงไปไว้ในกระเป๋า ไม่ได้กลัวจะมองไม่เห็นทางแต่เพราะกุญแจบ้านห้อยอยู่ด้วยกันก็เลยต้องเสียเวลาไปหยิบมันมาด้วย ทว่าด้วยเรี่ยวแรงที่มีน้อยนิดเนื่องจากไม่ได้กินข้าวและเสียเลือดไปมาก แล้วไหนจะหัวเข่ากับข้อเท้าที่เจ็บทำให้ฉันวิ่งได้ไม่เร็วนัก
พึบ
ตุบ
ก่อนที่ขาจะก้าวขึ้นบันไดขั้นที่หนึ่งร่างของฉันก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ฉันล้มลงที่พื้นอีกครั้ง
“โอ้ย” จับก้นตัวเองด้วยความเจ็บ นี่ฉันล้มเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้วนะ ก้นช้ำไปหมดแล้ววววว -^-
“มนุษย์อย่างเจ้าคิดว่าจะหนีข้าไปได้รึอย่างไร” น้ำเสียงทุ่มดังขึ้นทางด้านหน้า
ฉันเงยหน้าขึ้นมอง จ้องตาขวางไปยังตัวประหลาด “อยากจะทำอะไรก็ทำเลย มันเหนื่อยรู้ไหม ข้าวก็ยังไม่ได้กินหิวเป็นบ้า” ฉันตะโกนอย่างหัวเสีย “ไหนจะข้อเท้าที่เจ็บอีก ทำไมต้องมาเจอแต่เรื่องซวยๆ ด้วย” ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนชักดิ้นชักงออย่างเหลืออด T^T
“ข้าต้องการคำตอบ”
“ฉันรู้ว่าฉันหนีนายไม่พ้น แค่นี้พอไหม” ฉันเลิกดิ้นลุกขึ้นมานั่งจ้องตากับตัวประหลาดที่ยืนอยู่
“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น” ใบหน้าหล่อเอียงนิดๆ มุมปากยังคงมีรอยเลือดที่เช็ดออกไปบ้างแล้วติดอยู่บางส่วน นั้นทำให้เขาดูน่าหลงใหลมากกว่าเดิม
ไม่! ไม่ ห้ามหลงไปกับความหล่อของหมอนี่เด็ดขาด!
แล้วที่เขาถามนี่ไม่ได้หมายความว่าจะหนีเขาพ้นไหมนะเหรอ
“แล้วเรื่องอะไรละ?”
“เรื่องที่ว่าเจ้ามียันต์อยู่ในตัวยังไงละ”
“ยันต์อะไรไม่เข้าใจ-*-” ฉันขมวดคิ้วส่ายหัวไปมา ยันต์อะไรอีกละฉันจะไปรู้ได้ไง
ดวงตาสีแดงจ้องฉันไม่วางตาก่อนจะพูดออกมาว่า “นั่นสินะ เจ้าคงไม่รู้” เดินลงมาหยุดยืนข้างตัวฉัน
เดินแบบคนธรรมดาเป็นด้วยเรอะหมอนี่
“ก็เออสิ คราวนี้จะให้ฉันไปได้รึยัง หิวข้าวรู้ไหม?” เอามือกุมท้องทำท่าทำทางอิดโรย
“ได้”
“หะ O.o” ฉันเลิกคิ้วขึ้น แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ฉันฟังผิดรึเปล่าเนี่ย
ความคิดเห็น