ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love story รักร้ายนายแวมไพร์ตัวป่วน

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่1.3 ความฝันครั้งที่สอง และจุดเริ่มต้นให้พบกัน

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 66


             ตกเย็นหลังจากถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านได้

             ฉันกลับมาที่บ้าน ซึ่งช่วงนี้คนที่บ้านไม่มีใครอยู่สักคน พ่อแม่และพี่สาวฉันพากันออกไปเที่ยวต่างประเทศกันหมด ทิ้งสาวน้อยตาดำๆ อย่างฉันให้อยู่บ้านเดียว -^- ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ฉันขาดเรียน ทั้งที่จริงฉันรู้ว่าเพราะพวกเขากะจะแกล้งที่ฉันไม่ค่อยสนใจเรียนมากกว่า 

             ฉันเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน วางกระเป๋านักเรียนกับกระบอกใส่รูปลงไปที่พื้นอย่างเบามือแบบน้อยที่สุด(เกือบจะเรียกได้ว่าโยน)

             “เฮ้อ” ฉันถอนหายใจ ทิ้งตัวลงบนที่นอนโดยไม่สนใจจะเปลี่ยนชุด แม้แต่รองเท้าผ้าใบที่เท้าก็ยังไม่ได้ถอด หลังจากที่กวาดขยะที่พื้นเสร็จก็ปาไปเกือบๆ สามโมงเย็น 

             “ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ตาอาจารย์บ้าเอ้ย ไม่ยอมช่วยทำยังมานั่งขวางหูขวางตาอีก” ฉันหลับตาลงพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง สมองเริ่มไม่รับรู้สิ่งใดเพราะเริ่มดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา  

     

             กุบๆ  

             กร็อบแกร๊บๆ ????????????????

    รองเท้าผ้าใบสีดำอันคุ้นตาของฉันเหยียบย่ำไปบนใบไม้สีน้ำตาลที่ปลกคลุมอยู่ทั่วทุกบริเวณที่เห็น ฉันมองไปรอบๆ ตัว ต้นไม้สูงแถมใหญ่เท่ากับคนโอบสักสามคนรายล้อมรอบตัว มองขึ้นไปข้างบนแทบไม่มีแสงแดดส่องมาได้เลย แม้ใบไม้จะร่วงจนเหลือเพียงกิ่งก้านแห้งๆ แต่กิ่งไม้พวกนั้นก็เยอะซะจนไม่มีแสงลอดผ่านเข้ามา นึกไม่ออกเลยว่าถ้ามันมีใบขึ้นมาที่นี้คงมืดจนมองอะไรไม่เห็นแน่ๆ ต่อให้เป็นกลางวันก็เถอะ 

              บรรยากาศเงียบสงัดเย็นสบายแต่วังเวงดูไม่รู้ว่าเป็นเวลาใดเพราะไม่เห็นแสงแดดที่จะกะเวลาได้ แต่ก็ยังดีที่ยังพอจะมองเห็นทางได้อยู่บ้าง

              “เงียบเกินไปไหมจ๊ะ~ มีเสียงสัตว์สักนิดก็ด้ายยย ????แต่ไม่ขอเป็นเสือหรือหมีอะไรทำนองนั้นนะ” ฉันมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังกลัวว่าจะมีสัตว์ร้ายโผล่ออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกกระชับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ให้แนบตัวยิ่งขึ้นเพราะทางที่ฉันกำลังเดินไปเริ่มมีหมอกลงบางตาทว่ากลับหนาวเย็น ยิ่งบวกกับที่ฉันใส่เพียงชุดนักเรียนไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวมาทำให้รู้สึกหนาวกว่าที่ควรจะเป็น

            กึก!

            แต่แล้วเท้าของฉันก็ต้องหยุดลงกะทันหัน 

            “นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย?” (เพิ่งจะคิดได้) 

    ฉันมองไปรอบตัวอีกครั้ง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้เต็มไปหมด จำได้ว่าครั้งสุดท้ายฉันนอนอยู่บนเตียงที่บ้านแล้วทำไมถึงมาเดินอยู่ที่นี่ได้ละ 

            “ฝันอีกแล้วเหรอ?” ฉันขมวดคิ้วแล้วเดินต่อแม้จะมีหมอกลงแต่ก็ยังคงมองเห็นทางเดินได้บ้าง 

              ประหลาดดีแท้ ปกติก็แทบจะมองไม่เห็นทางด้วยซ้ำ ตอนนี้แถมหมอกมาเพิ่มอีกแต่ก็ยังมองเห็นทางได้ คงเพราะสายตาเริ่มชินกับแสงละม้าง~ และยังดีที่หมอกมันไม่หนามากไม่งั้นได้เดินสะดุดรากไม้หัวฟาดพื้นตายแน่ 

            ฉันค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ เพราะอาการเจ็บข้อเท้ากับเจ็บหัวเข่าทำให้เร่งเดินเร็วมากไม่ได้นัก นี่ในฝันยังจะมาเจ็บขาอีก ประเสริฐจริงๆ

             เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันเดินอยู่ในป่าแห่งนี้ แสงที่มีอยู่น้อยนิดเริ่มจางหายไปเมื่อความมืดของราตรีเริ่มเข้ามาเยือน

    ถ้าฉันกำลังฝันจริงๆ ละก็ ให้ฉันออกจากป่านี่เร็วๆ หน่อยไม่ได้รึไงน้า~          ฉันเมื่อยนะจะบอกให้! ????

             ทว่ายังไม่ทันถึงหนึ่งนาทีที่บ่นไปฉันก็ออกจากป่าได้ แต่เมื่อฉันเห็นทางออกแล้วถึงกับอึ้งไปเลย 

             ปราสาทสูงตระการตา มันคือปราสาทที่ฉันฝันเห็นเมื่อเช้าแต่สภาพรอบๆ เปลี่ยนไป มันไม่ได้รกจนไม่มีทางเดินเหมือนในฝันเมื่อคืน ไม่มีหญ้าสูงเท่าเอว ตัวปราสาทก็ไม่ได้มีไม้เลื้อยปลกคลุม ประตูก็ไม่ได้มีไม้เลื้อยแบบในฝันด้วย 

             บานประตูทำจากไม้สูงเท่าๆ กับคนสองคนยืนต่อตัวกัน แกะสลักเป็นรูปคล้ายกับไม้เลื้อยมีหนามแผ่ออกมาและมีรูปของดอกไม้ดอกใหญ่ๆ อยู่ตรงกลางของบานประตู ซุ้มไม้หลบฝนที่มีพื้นยกสูงก่อนจะถึงประตูยังคงอยู่สมบรูณ์ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่เหลือเฉพาะพื้นไม้เท่านั้น

             “เอา...แล้วไงฉัน” ฉันก้าวถอยไปด้านหลังจ้องประตูตาไม่กระพริบเพราะกลัวว่ามันจะเปิดออกมาแล้วฉันจะควบคุมเท้าของตัวเองไม่ได้ เดี๋ยวได้เดินเข้าไปเจอผีดูดเลือดแบบในฝันเมื่อเช้าอีก ได้โดนดูดเลือดตายกันพอดี T^T 

              ปัก 

              กิ่งไม้ด้านหลังโดนฉันเหยียบจนเกิดเสียงขึ้น 

    ฉันสะดุ้งนิดๆ ก้มลงมองที่เท้าก่อนจะแหงนหน้ากลับไปมองที่บานประตู

              ตุบๆ 

             ยกมือขึ้นทาบหน้าอก หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวผสมกับความตกใจ

             กริ๊ง~~~~~

             เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ปลุกฉันจากการหลับไหล☎

             “ห่ะๆ  ไม่ๆ  อย่าดูดเลือดฉันนะ” ฉันหลับตาปี๋ไม่รู้ว่าตัวเองตื่นแล้ว มือยังคงปัดไปมากลางอากาศเพราะได้ยินเสียงดังเลยตกใจรีบร้องห้ามไว้ก่อน

             กริ๊ง~~~~~

             “เอ้า” ฉันลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งก่อนจะรีบดึงมือที่ค้างอยู่กลางอากาศลงมาที่เตียงเมื่อรู้ว่าเป็นเสียงอะไร “เสียงโทรศัพท์นี่เอง” ฉันค่อยๆ ลืมตาอีกข้างขึ้นเพราะกลัวว่าภาพห้องนอนที่เห็นจะเป็นฉันจินตนาการไปเอง

               กริ๊ง~~~~~ 

              เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง

              “ค่อยยังชั่วหน่อยคิดว่ายังฝันอยู่” ฉันค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินลงจากเตียงไปรับโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ข้างๆ ทีวี

              “ฮัลโหล”
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×