ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Night:คืนอันตรายป่วนหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : One night: EP02 โปรเจ็คกลุ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 56


     EP02  โปรเจ็คกลุ่ม  
     

       “เอาละนักศึกษาฟังนะ อาจารย์จะสั่งโปรเจ็คปลายภาคของวิชานี้ คือให้นักศึกษาจับกลุ่มละสี่คนโดยหญิงหนึ่งชายสาม เพราะโปรเจ็คที่ได้นี้อาจจะหนักหรือเบาก็ไม่สามารถตอบได้ แต่มีเพื่อนผู้ชายไว้ก็น่าจะดี งั้นตอนนี้ให้ทุกคนจับกลุ่มครับ”เสียงอาจารย์บอก

       “ฟินแกว่าอาจารย์ให้เราทำโปรเจ็คไรเนี่ย ทำไมต้องหญิงหนึ่ง ชายสามด้วย”เสียงเรด้าเพื่อนที่นั่งข้างฉันถาม

       “นั่นน่ะสิ”เมื่อพวกเรามองไปรอบๆห้องก็เพื่อนๆเริ่มเดินไปจับกลุ่ม

       “แกฉันว่ามันต้องแบบว่าโหดๆ หรือว่ามันต้องน่ากลัวแน่เลยไม่งั้นทำไมต้องผู้ชายเยอะด้วยล่ะ”เสียงเรด้ากระซิบบอกฉัน แต่จะว่าไปมันก็น่าจะจริงนะ ฉันเริ่มกลัวๆแล้วสิ

       “จะขนาดนั้นเลยหรอ ยิ่งฉันไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่”ฉันตอบ

       “แหม่ แกก็เดินๆไปถามว่าอยู่ด้วยได้มั้ย ยังไงก็ต้องรับอยู่แล้วแหละน่า”เรด้าตอบแบบมั่นใจมาก
    ก็ใช่สิเนาะผู้หญิงกลุ่มละคนยังไงก็ต้องสำคัญอยู่แล้ว

       “นี่ๆ พวกเธอสองน่ะ จะคุยกันอีกนานมั้ย อยากอยู่กันสองคนหรือไง เพื่อนๆเขาได้กลุ่มกันแล้วนะ”เสียงอาจารย์ ที่เรียกพวกฉันสองคนผ่านไมค์ทำให้พวกฉันสะดุ้ง จากซุบซิบกันสองคน มองไปรอบๆห้องเห็นเพื่อนเริ่มมีสมาชิกครบกันเกือบหมดแล้ว พวกฉันสองคนจึงลุกออกจากที่นั่งแยกกันไปตามหากลุ่มอยู่ ฉันก็เดินไปเรื่อยๆมองหากลุ่มที่ยังไม่มีผู้หญิง

       “มัฟฟิน มัฟฟิน ยังไม่มีกลุ่มอยู่ใช่ป่ะ”เป็ปถามฉัน  เขาคือบัดดี้แล็บของฉันเอง ในคลาสนี้มีผู้ชายที่ฉันพอได้คุยก็คือเป็ปนี่แหละ

       “อืม”ฉันตอบพร้อมพยักหน้า

       “อยู่กับพวกเราป่ะ กลุ่มเรายังไม่มีผู้หญิงพอดีเลย”เป็ปบอกฉัน

       “ได้ๆ พอดีเลย แล้วนี่ทำไมกลุ่มมีแค่สามคนเองละ อีกคนไปใหนหรอ”ฉันถามเพราะ นับรวมฉันด้วยมีฉัน เป็ป แล้วก็เพื่อนเป็ปอีกคนนึงเอง ยังไม่ครบเลยนะ

       “วันนี้มันไม่มาน่ะ เออมัฟฟินนี่ต่อนะ”เมื่อตอบคำถามฉันแล้ว เป็ปก็แนะนำเพื่อนอีกคนในกลุ่มให้ฉันรู้จัก เขาชื่อเป็นคนที่หน้าตาดูก็รู้เลยนะว่าเป็นเด็กเรียนมากน่ะ เมื่อเป็ปแนะนำต่อก็ยิ้มให้ฉัน

       “หวัดดีต่อ เรามัฟฟินนะ”ฉันทักทายต่อ พร้อมกับยิ้มให้

       “นักศึกษา เมื่อได้กลุ่มแล้วไปนั่งเป็นกลุ่มนะ แล้วมาฟังโปรเจ็คนี้”เมื่ออาจารย์พูดจบเพื่อนๆก็ไปนั่งเป็นกลุ่มๆ ของตัวเอง

       “โปรเจ็คที่อาจารย์สั่งนี้สิบห้าคะแนนเป็นคะแนนดิบเลยนะ ซึ่งขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของชิ้นงาน โปรเจ็คนี้คือให้นักศึกษาวิเคราะห์แผงวงจรอิเล็กทรอนิก ของรุ่นพี่ที่อาจารย์จะแจกให้แต่ละกลุ่มต่อไปนี้นะ ถ้าพวกเธอคิดว่าวงจรของพี่อาจมีข้อผิดพลาดตรงใหนให้พวกเธอทำขึ้นอีกอันนึง แล้วบอกว่าถ้าทำแบบพวกเธอแล้วจะแก้ข้อผิดพลาดจากของรุ่นพี่ได้ เดี๋ยวพอปีสองหรือปีสามนี่แหละพวกเธอก็จะได้ทำแผงวงจรนี้คนละอันเลยนะ ถ้าใครมีข้อสงสัยตรงใหนมาขอดูตัวอย่างของรุ่นปีที่แล้วที่ทำแบบพวกเธอได้นะ โปรเจ็คนี้ส่งก่อนสอบปลายภาค วันนี้พอแค่นี้แต่ละกลุ่มมารับแผงวงจรไป เลิกคลาสได้”เมื่ออาจารย์บอกเสร็จพวกเราต่างทะยอยเดินจากห้อง

       “แล้วนี่พวกเราจะเริ่มทำกันวันใหนดีละ”เสียงต่อถามฉันเมื่อพวกเราเดินออกจากห้องพร้อมกันสามคน ส่วนเรด้าก็เดินคุยงานกับกลุ่มของเธอ

       “งั้นพรุ่งนี้เลยเป็นไงล่ะ พวกเราเรียนแค่ตอนเช้าสองชั่วโมงเอง”เป็ปบอก ฉันก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะพรุ่งนี้เป็นวันที่ฉันอยากให้ถึงมากที่สุดเลยละ เพราะเรียนสองชั่วโมงฉันก็ได้กลับห้องไปนอน

       “โอเคนะ งั้นพรุ่งนี้นะเจอกันบ่ายหนึ่งที่ร้านกาแฟ ของห้องสมุดนะ”ต่อบอกจากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกัน

     

     

     

       “เฮ้ มัฟฟิน”ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในร้านกาแฟ เป็ปก็เป็นคนเรียกฉันจากโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ เป็ปกับต่อหันหน้ามาทางฉันพอดีเลย 

       “หวัดดี มานานยังอะ”ฉันทักทุกคน

       “ไม่นานหรอก เพิ่งมาเมื่อกี้เอง”ต่อตอบ

       “แล้วเพื่อนอีกคนล่ะ ไม่มีหรอ”ฉันถาม

       “มันไปเอาของที่รถน่ะ เดี๋ยวมันมา มัฟฟินสั่งอะไรก่อนสิ” เป็ปบอกพร้อมยื่นเมนูให้ฉันดู

       “อ่าว มานั่งเร็วๆเพื่อนมาครบแล้ว”เสียงต่อบอกคนที่มาใหม่ให้นั่งข้างฉันเพราะมีที่ว่างเหลือที่เดียว ฉันละสายตาจากเมนู  หันมายิ้มให้คนที่เข้ามาใหม่

       “มัฟฟินนี่วินเนอร์นะ มันอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเราเองแหละ”เป็ปต่อ พร้อมกับรอยยิ้มของฉันที่เริ่มจางหายไป ให้ตายโลกไม่น่าจะกลมขนาดนี้เลยนะ ทั้งๆที่ฉันก็ลืมเขาไปแล้วนะ ไม่คิดเลยว่าเราจะต้องมาเจอกันในโปรเจ็คกลุ่มเนี่ย เขามองหน้าฉันพร้อมยิ้มทักทายฉัน

       “หวัดดี มัฟฟิน”วินเนอร์ทักฉัน

       “เอ่อะเอ่อ หวัดดี วินเนอร์”ฉันตอบเขาอย่างตะกุกตะกัก

       “เอาละงั้นมาพร้อมหน้ากันแล้ว พวกเราสั่งเครื่องดื่มก่อนแล้วกันนะ เราต้องคุยงานกันนานพอสมควรนะ”เมื่อเป็ปพูดดังนั้น พวกเราก็สั่งเครื่องดื่มและของกินกัน แล้วพวกเราเริ่มคุยเรื่องงานการวางแผน ทำงานว่าจะเริ่มตอนใหน ทำอย่างไรที่ใหนกัน เพราะโปรเจ็คนี้พวกเรามีเวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น เมื่อปรึกษาการวางแผนการทำงานแล้วพวกเราก็ได้ ข้อสรุปว่าพวกเราจะเริ่มทำกันอีกสามวันข้างหน้า เพราะสามวันที่เหลือนี้พวกเราแต่ละคนต้องไปขอศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้เยอะๆ แล้วจะมาแบ่งปันกัน ระหว่างที่พวกเราปรึกษากันฉันรู้สึกว่าเหมือนมีสายตาของคนที่นั่งข้างๆฉันมองที่ใบหน้าฉัน บางครั้งสายตาเราสองคนก็เผลอสบตากันแต่ก็ได้แค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น

       “งั้นตกลงตามนี้นะ อีกสามวันเจอกัน”ต่อบอกดังนั้นพวกเราต่างคนต่างแยกย้ายกัน

       “มัฟฟินกลับหอยังไงอะ”

       “เราว่าจะเดินกลับน่ะ แล้วเป็ปล่ะ”

       “เราต้องไปพบอาจารย์กับต่อน่ะ เราว่ามัฟฟินกลับกับวินเนอร์เดี๋ยวให้มันไปส่งนี่ฝนเหมือนจะตกแล้วสิ ยิ่งเดินกลับเผื่อฝนตกลงมาจะเปียกเปล่าๆ”

       “ไม่เป็นไรหรอกเป็ปเราอยากออกกำลังกายด้วยน่ะ พวกนายไปเถอะ”

       “ไม่ได้หรอก มัฟฟินเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มเรานะ พวกเราจะปล่อยให้เธอกลับคนเดียวไม่ได้หรอก เฮ้วินแกไปส่งมัฟฟินหน่อยดิ่”เป็ปตอบฉัน แต่ประโยคสุดท้ายเป็ปหันไปบอกวินเนอร์ ที่เดินตามหลังพวกเรามา

       “อืม”เขาตอบแค่นั้น

       “ไม่เป็นไรหรอกเป็ป เราเดินแปปเดียวก็ถึงละหอเราไกล้ๆเอง ”

       “ได้ไงล่ะมัฟฟิน ให้ไอ้วินไปส่งนี่แหละจะได้ถึงเร็วๆ ไม่ต้องไปเดินตากแดด ตากฝนเดี๋ยวฝนตกลงมาจะไม่สบาย พวกฉันต้องรีบไปละเดี๋ยวไปช้าอาจารย์จะไม่ปลื้ม บายนะ”ต่อบอกฉันพร้อมกับเดินไปที่รถของเขากับเป็ป  

       “จะไปได้ยัง จะไปส่ง”แล้วเสียงจากบุคคลข้างหลังก็ดังขึ้น 

       “เอ่อ ฉันเดินกลับดีกว่า นายไปเถอะ”

       “มาเถอะน่า”เขาบอกเพียงแค่นั้น แล้วก็เดินผ่านฉันไปที่รถของเขา เฮ้อแล้วฉันก็ต้องเดินตามเขาไป เมื่อเดินไปใกล้รถของเขาฉันก็สังเกตุว่าคืนนี้ฉันมองว่ารถคันนี้เป็นรถของเพื่อนฉันได้ไง ทั้งทีรถของเขานั้นเป็นรถสปอร์ต เด็กยังดูออกเลยว่ารถสองคั้นนั้นต่างกัน 

       “จะมองอีกนานมั้ย มองแล้วไม่ขึ้นมันไปส่งได้ถึงหอเธอรึไงล่ะ”เขาว่าพลางมองหน้าฉัน ด้วยสายตาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก 

       “นี่เธอ ไม่โกรธฉันหรอ”ทันทีที่ฉันขึ้นรถเขาก็ถามฉันจึงฉันหน้าไปทางเขา เขาก็หันมามองหน้าฉันเหมือนกัน

       “ไม่โกรธหรอก นายไม่ได้ทำไรผิดซักหน่อยนี่”ฉันตอบเขาพร้อม รอยยิ้มที่ดูสดใสมากที่สุด ถึงแม้ว่าวันจะต้องฝืนยิ้มก็ตาม
        

          แล้วภายในรถก็เกิดความเงียบจนมาถึงที่หน้าหอฉัน เหมือนระหว่างเขามีอะไรอยากจะพูดนะ แต่เขาก็กลับไม่พูดออกมา

       “ขอบคุณมากนะ”เมื่อฉันลงจากรถ เขาก็ขับรถออกไปทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×