ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Night:คืนอันตรายป่วนหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #5 : One night: EP05 อย่าบังคับได้มั้ย!!

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 56


    One night: EP05 อย่าบังคับได้มั้ย!!



     

             วันนี้เป็นวันที่ฉันมาเรียนได้เช้ามาก นี่ก็สามวันแล้วที่ฉันพยายามหลบหน้าวินเนอร์ เพราะอะไรน่ะหรอก็เพราะเรื่องที่ฉันโดนทำร้ายนั่นน่ะสิ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเขาหรอก แต่ฉันก็ไม่อยากให้มันเกิดเรื่องอีกน่ะสิ ชีวิตฉันตอนนี้เริ่มจะไม่ค่อยสงบแล้วละสิ ก็เวลาที่ฉันเดินมาเรียนก็มีแต่คนมองฉัน แล้วก็หันไปซุบซิบกัน ฉันพยามแล้วนะที่จะไม่สนใจ แต่ฉันก็ทำไม่ได้จริงๆฉันไม่ชอบเลยที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาใคร ดีนะที่งานกลุ่มน่ะไม่ต้องไปทำที่คอนโดเขาแล้ว เพราะโปรเจคใกล้จะเสร็จแล้วพวกเราเลยแบ่งงานกันมาทำ

    เมื่อถึงใกล้ถึงเวลาเรียนเพื่อนๆ ก็เริ่มเข้ามาใหนคลาสมากขึ้น บางคนก็มองฉันบ้างแต่ก็ไม่ได้มองมากอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้ฉันไม่มัดผม และใส่คอนแทกเลนส์มั้งก็ฉันไม่อยากให้มีใครจำฉันได้น่ะสิ

    “เฮ้ มัฟฟินกิดไรขึ้นเนี่ย วันนี้ไม่มัดผม ไม่ใส่แว่น”ฉันรีบหันไปมองที่ต้นเสียงเมื่อมีคนทักฉัน อ่อไทม์นี่เองเขาทักฉันพร้อมเดินมานั่งข้างฉัน เราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะเรามีวิชาเรียนไม่ค่อยตรงกันน่ะ

    “ก็อยากปล่อยบ้างอะ แล้วพอดีแว่นหักน่ะยังไม่ว่างไปตัดใหม่”ตั้งแต่ที่ฉันกลับจากคอนโดของ วินเนอร์ฉันก็ไม่กล้าออกไปใหนเลย

    “ฉันแทบจำไม่ได้เลยนะเนี่ย”

    “ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลย”แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ กระทั่งอาจารย์เข้าห้อง เราต่างคนต่างตั้งใจเรียน

    “เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน”ทันทีที่อาจารย์ เลิกคลาสไทม์ก็พูดขึ้น

    “อืมไปดิ่ กินที่ใหนดี”

    “ไปกินที่ห้างใกล้ๆมหาลัยมั้ย”

    “ก็ดีนะ เราไม่ได้ไปนานแล้ว”

    “งั้นไปรถเราเนอะ”

    “เคๆ แล้วเพื่อนนายล่ะ”

    “มันไปกินกับแฟนมันแล้ว”

    “นี่ๆ ใช่คนนั้นป่ะที่โดนตบอะ”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งสะกิดเพื่อน เมื่อพวกเราเดินมาถึงหน้าอาคารเรียน

    “ไม่ใช่หรอกมั้งก็คนนี้ไม่ใส่แว่น และผมยาวกว่าอีก”สองคนนั้นยังหันมามองหน้าฉัน แล้วเดินจากไป

    “มัฟฟิน เธอไม่เป็นไรนะ”

    “อืม ไม่เป็นไรหรอกน่า สบายใจได้”ฉันบอกพร้อมฉันมายิ้มให้เขา

    “แล้วเรื่องมันเป็นยังไง พอจะเล่าให้ฉันฟังได้มั้ย”

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก เป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ”

    “งั้นก็ระวังตัวด้วยละกัน พวกนั้นอาจจะไม่จบนะ”

    “อืมขอบคุณที่เป็นห่วงนะ”

    “เธอจะหลบหน้าฉันไปถึงใหน มัฟฟิน”เมื่อฉันกับไทม์เดินมาใกล้ถึงรถ ก็เจอกับวินเนอร์ที่ยืนดักหน้าเราสองอยู่

    “ทำไงดี มัฟฟิน”ไทม์กระซิบถามฉัน ฉันจะทำไงได้ล่ะ ยืนอึ้งสิ ใครจะคิดว่าหลบหน้าได้สามวันจะต้องมาเจอเขายืนมองหน้าอย่างนี้ ฉันได้แต่หันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากไทม์

    “เรามีเรื่องต้องคุยกัน”วินเนอร์เดินมาจับแขนฉันให้ฉันเดินตามเขาไปที่รถ ฉันจะทำไงดีล่ะ จะขอร้องให้ไทม์ช่วยดีมั้ยนะ ฉันได้แต่เดินตามวินเนอร์และหันหลังมองหน้าไทม์

    “ไม่เป็นไรไทม์ เดี๋ยวเราค่อยไปด้วยกันวันหลังนะ”

     

     

    “เธอหลบหน้าฉันทำไม”เขาถามฉันเมื่อเราสองคนนั่งอยู่บนรถของเขา

    “ฉันแค่ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดอีก มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกนะ แต่ฉันอยากใช้ชีวิตแบบสงบสุขของฉัน”พอฉันพูดจบ เขาก็มองหน้าฉันแบบไม่เข้าใจที่ฉันพูด

    “ชีวิตเธอน่ะฉันปล่อยให้สงบสุขมามากพอแล้ว ต่อไปนี้เธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอด”

    “นี่นายจะบ้าหรือไงวินเนอร์ ฉันไม่อยากโดนตบเหมือนวันก่อนหรอกนะ”ฉันเริ่มจะหงุดหงิดจากเขาแล้วนะ

    “ก็เพราะไม่อยากให้เธอเจอเหมือนวันก่อนไง ต่อไปนี้เธอต้องไปใหนมาใหนกับฉันเท่านั้น”เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

    “ฉันจะไม่ไปใหนมาใหนกับนายทั้งนั้น เราสองคนต่างคนต่างอยู่”

    “เธอไม่มีสิทธิหรอกนะมัฟฟิน เธอน่ะเป็นของฉันตั้งแต่วันนั้นแล้วอย่าคิดจะต่างคนต่างอยู่”

    “ทำไมนายต้องมายุ่งกับฉันด้วยเนี่ย! ทำไมนายไม่ชอบที่จะใช้ชีวิตแบบเดิมของนาย จะมายุ่งกับชีวิตฉันทำไม  ฉันดูแลตัวเองได้”ฉันตะคอกใส่เขา เมื่อเริ่มที่จะพยามใจเย็นไม่ไหว เมื่อได้ยินประโยคของเขาที่บอกว่าฉันเป็นของเขา ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเจี่ยมเจี้ยมนะที่จะต้องเชื่อฟังเขาน่ะ

    “ฉันไม่สนว่าเธอจะดูแลตัวเองได้หรือไม่ได้ ตั้งแต่นี้เธอคือผู้หญิงของฉัน ชีวิตเธอน่ะเปลี่ยนไปแล้ว”

    “ไม่มีทางวินเนอร์  นายอย่าบังคับฉันนะ”

    “งั้นเธอคอยดูแล้วกัน ว่าเธอจะหนีฉันได้”ให้ตายวินเนอร์คนเดิมวันนั้นไปใหนนะ ฉันพอจะรู้บ้างนะว่าเขาน่ะร้ายกาจแต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่าฉันจะเจอด้วยตัวฉันเองน่ะ

    “แล้วนี่นายจะพาฉันไปใหนเนี่ย”เมื่อเขาพาฉันขับรถออกมา นี่ก็ขับออกจากมหาลัยมาใกลพอสมควรแล้วนะ

    “ไปหาอะไรกินไง มันเที่ยงแล้วนะเธอไม่หิวรึไง”

    “ก็หิวสิ ถามได้”ฉันตอบพลางหันหน้ามองออกไปข้างนอก

     

        แล้วเขาก็พาฉันมากินที่ห้างหน้ามหาลัยที่ฉันกับไทม์จะมากันนั่นแหละ เขาพาฉันเดินมาร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง เมื่อเราเดินเข้าไปในร้านพนักงานที่ต้อนรับอยู่ถึงกับอึ้งเมื่อได้มองหน้าเขาก็ต้องหน้าแดงเมื่อวินเนอร์กระแอมไอ แล้วจับมือฉันเข้าร้านไปโดยไม่สนใจสายตาของพนักงาน   

          ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟนั้น เราสองคนก็ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างเงียบ บอกตรงๆเลยนะฉันละไม่เข้าใจเขาจริงๆนะว่าทำไมเขาต้องวุ่นวายกับฉันด้วย แบบว่าเรื่องนี้คิดกี่รอบฉันก็คิดไม่ออก ฉันไม่เข้าอะ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย! เขาไม่ดีใจหรือไงกันที่ฉันน่ะไม่ต้องการอะไรจากเขาเลย

     “เอาโทรศัพท์เธอมานี่”

    “นายจะเอาไปทำไม”

    “ก็คนเป็นแฟนกัน ก็ต้องมีเบอร์กันไว้เธอไม่รู้หรือไง”

    “นี่ฉันเป็นแฟนนายตอนใหน”กล้ามากที่บอกว่าเป็นแฟน เหอะ! ฉันเป็นแฟนนายตอนใหนไม่ทราบ

    “งั้นเป็นสามี ภรรยากันก็ได้นะ”อะ ไอ้บ้า เขากล้าพูดได้ไงเนี่ย นี่มันในร้านอาหารนะ คนก็ออกจะเต็มร้านเขาไม่อายหรือไง ฉันจำยอมที่ต้องหยิบโทรศัพท์ของฉันให้เขา เขารับโทรศัพท์ของฉันไปกดแล้วก็มีเสียงเพลงจากโทรศัพท์ขึ้น  นี่ฉันไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธเขาเลยหรือไงกันนะ  เวลาเขาสั่งอะไรฉันก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้เลย ให้ตายเหอะ เอาชีวิตสงบสุขของฉันมา!! 

       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×