คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : ตอนที่13 สิ่งสำคัญ(มิอาจละเลย)2
บรรดาทหารยามต่างพากันคลี่ยิ้มเก้อเขินพยักหน้าทักทายกลับพัลวัน
มีเพียงหมอหญิงสองคนที่เม้มปากกลอกตามองค้อนพวกบุรุษอย่างไม่ชอบใจนัก
ลี่เซียนมิได้ถือสากับกิริยาอันแตกต่างนั่น
นางยิ่งคลี่ยิ้มหวานละมุนงดงามจับตาแล้วถามเสียงใส
“พวกท่านมีใครเห็นสิ่งของบางอย่างหรือไม่?”
ทหารคนหนึ่งถามขึ้น
“คือสิ่งใดหรือแม่นาง?”
ลี่เซียนยกนิ้วเรียวขาวปานลำเทียนขึ้นกรีดอากาศเพื่อแจกแจงพลางนับจำนวน
“คัมภีร์ครวญวสันต์ ภาพวาดอภิรมย์ ตำรารัญจวน
ยังมีน้ำมันหอมเร้าอารมณ์ ตลับชาดสัมผัสรักตรึงใจ”
อีกคราที่ทหารต้องเบิกตาโพลง
หมอหญิงขมวดคิ้ววูบ ก่อนที่ทุกคนจะมีใบหน้าแดงเรื่อส่ายหัวแทบหลุดปฏิเสธแทบคลั่ง
สิ่งของเหล่านั้นต่อให้เคยผ่านตาหรือศึกษาจนแตกฉาน
ย่อมไม่อาจตอบรับซึ่งหน้าแน่นอน
“ไม่เลย ไม่เห็น ไม่มีๆ”
ลี่เซียนเห็นทุกคนปฏิเสธอย่างสามัคคีก็ไม่เซ้าซี้เพียงรักษารอยยิ้มค้อมศีรษะขอบคุณแล้วเดินผ่านหน้าทุกคนไปด้วยท่าทางปกติเพื่อออกตามหาทุกสิ่งที่ว่าอย่างจริงจังด้วยตนเอง
ทหารยามคนหนึ่งอายุสิบห้าปีนาม อี๋เป่า รู้สึกเป็นห่วงจึงเดินตาม
“แม่นางมีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่?”
ลี่เซียนหันหน้าไปยิ้มให้
กำลังจะบอกขอบคุณในน้ำใจ ทว่าจังหวะนั้นพลันมีทหารสองคนท่าทางขึงขังสีหน้าถมึงทึงเดินมาจากทิศทางใดมิอาจทราบ
ทั้งสองตวาดก้อง
“เจ้าคือลี่เซียนรึ?”
หนึ่งในสองคนก้าวเท้าฉับเข้ามาหาลี่เซียน
แต่ปากเอ่ยเสียงเข้มกับทหารอีกคน “ไม่ผิด! เมื่อครู่ข้าได้ยินนางแนะนำตัว”
กล่าวพลางเอื้อมมือตะปบไหล่บาง “ในที่สุดก็หาพบ ไปกับข้า!”
จบคำก็ผลักร่างระหงให้เดินนำหน้า โดยมีพวกเขาเดินตามหลังอย่างคุกคาม
ลี่เซียนได้แต่เดินไปตามทางอย่างงุนงง
ทั้งดุดันทั้งรวดเร็วและรวบรัด
ไม่เว้นช่องให้ปฏิเสธ
ทหารยามและหมอหญิงต่างมองตามอย่างไม่เข้าใจนัก
อี๋เป่าเป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างมีปฏิภาณไหวพริบดีจึงตัดสินใจเดินตามไปด้วยอีกคน
เพียงแต่ยังคงเงียบงันไม่ปริปากห้ามปรามหรือช่วยเหลือ
แค่รอดูสถานการณ์ไปก่อน
เนื่องจากเขาเห็นกับตาว่ารุ่ยอ๋องอุ้มสตรีผู้นี้เข้าห้องด้วยตนเอง
ทว่ายังไม่แน่ใจนักว่าเป็นการสมยอมหรือบีบบังคับ
หากถูกบีบบังคับเพราะทำผิดแล้วคิดหนีย่อมต้องถูกควบคุมตัวอยู่แล้ว
แต่ถ้าไม่...จะได้บอกพี่ชายทั้งสองให้ยั้งมือไว้ไมตรี เผื่อว่านางเป็นสตรีของรุ่ยอ๋อง
ความดีความชอบจะไปไหนเสีย บางทีอาจได้เงินตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ
ลานกว้างทิศอุดรของค่ายทหารเดิมทีเป็นสถานที่รวมพลหมู่ทหาร
ทว่าค่ำคืนนี้กลับกลายเป็นสถานที่ควบคุมมือสังหาร
พวกมันถูกมัดตรึงด้วยพันธนาการยากหลุดพ้น
หลายคนฆ่าตัวตายปล่อยร่างกายกลายเป็นซากศพกระจายเกลื่อน
โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็นแปดเปื้อนไปทั่ว
ท่ามกลางศพที่ฟุบระเนระนาดเหล่านั้น
ปรากฏบุรุษดุจเทพจำแลงยืนหยัดเงียบงัน มองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา
ร่างสูงใหญ่งามสง่าของเขาแผ่ซ่านความเด็ดขาดเฉียบคมออกมา
แค่ปรากฏกายสู่ครรลองสายตาก็สามารถข่มขวัญสั่นประสาททุกชีวิตให้พรั่นพรึงหวั่นไหว
เพราะกลัวเกรงทัณฑ์ทรมานที่อาจจะสาหัสมากกว่าที่เป็นอยู่
การปลิดชีพตนไยมิใช่หนทางหลุดพ้น
ผู้ร้ายที่ถูกมัดมือมัดเท้าจนทำได้เพียงนอนดิ้นพล่านจึงพากันกัดลิ้นสิ้นใจตายไปทีละคนสองคน
นับเป็นการเพิ่มจำนวนซากศพให้พวกที่เหลือพากันหวาดหวั่นขวัญสะเทือนไม่สิ้นสุด พวกมันเหลือกตามองบุรุษ ผู้เปรียบประดุจมารร้ายอย่างหวาดผวายากระงับ
ท่ามกลางสายตาพรั่นพรึงเหล่านั้น เจ้าของวงหน้าคมสันผู้เป็นต้นเหตุแห่งหายนะกลับยังคงนิ่งเงียบไม่เผยอารมณ์
ภายใต้บุคลิกทรงอำนาจน่าเกรงขาม
ตลอดทั้งร่างแผ่รังสีคุกคามของรุ่ยอ๋องแห่งต้าถัง หาได้มีใครรู้ไม่
ว่าเขามิได้สนใจคนร้ายสักเท่าใด
พวกมันใคร่ตายด้วยตัวของมันเองหรือคำสั่งจากเขา
ล้วนต้องตายทั้งสิ้น
“ตัดหัวพวกมันให้หมด!”
วาจาเรียบง่ายกล่าวจบ
ถังไห่เฉิงสะบัดชายเสื้อดังพึ่บ พาร่างสูงเดินไปทางเรือนอีกฝั่งหนึ่ง
เรือนฝั่งนั้นมีบรรดาทหารยามที่เป็นพยานรู้เห็นเกี่ยวกับสตรีผู้เป็นสาเหตุของการสลบไสลจนเป็นการเปิดทางให้นักฆ่าสามารถลงมือสังหารเขาได้อย่างอุกอาจ
|
ความคิดเห็น