คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #56 : ภาคปลายตอน10 ลืมตัว
ค่ำคืนของงานเลี้ยงต้อนรับเดินทางมาถึงเวลายามดึกมากแล้ว
เฉินจิ้นเหอจึงเอ่ยปากกับฟงชินหยางให้อยู่ต้อนรับขับสู้องค์ชายฉีเล่อตามลำดับที่ได้จัดสรรเอาไว้ก่อนหน้าแล้วเป็นอย่างดีโดยขุนนางฝ่ายพิธีการมากฝีมือของที่นี่ที่มักจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญต่างแคว้นมาแต่ไหนแต่ไร
เฉินจิ้นเหอกล่าวคำปราศรัยกับฉีเล่ออีกหลายประโยคก่อนจะชักชวนพระชายาของตนให้ลุกขึ้นแล้วพาเรือนกายสูงค่าเดินหายตัวไปในเวลาต่อมา
ฟงชินหยางรวมทั้งฉีเล่อจึงลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้สูงศักดิ์ทั้งสองตามด้วยข้าราชบริพานทั้งหลายยืนขึ้นแล้วค้อมกายน้อมส่งเจ้าแห่งหัวเมืองจนคล้อยหลังไป
ถึงแม้ว่าเจ้าของวังอันยิ่งใหญ่จะเดินหายไปแล้วแต่งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปได้ตามปกติโดยที่ใครใคร่อยู่ต่อพึงได้อยู่ ใครที่ใคร่จะกลับบ้านพึงกลับบ้านไป มิใช่เรื่องแปลกใหม่อันใด
จินเยว่ชิงยังคงหรี่ตามองไปทางฟงชินหยางกับสตรีอัปลักษณ์ด้านข้างของเขา
นางเห็นฟงชินหยางนั่งนิ่งๆ คล้ายกับไม่สนใจนำพาใดๆ กับสตรีนางนั้น ในขณะที่สตรีนางนั้นกำลังนั่งก้มหน้างุดๆ คล้ายอับอายไม่กล้าทำอันใดมากไปกว่าการรินเหล้าแล้วส่งให้เขา แต่เขากลับมิได้สนใจจอกเหล้านั่นเลยแม้แต่น้อยทั้งยังให้สตรีนางนั้นดื่มเหล้าเองเสียอย่างนั้น
เห็นได้ชัดว่าเขารังเกียจสตรีนางนั้น หึหึ!
จินเยว่ชิงนึกขันเสียจริง เห็นได้ชัดว่าสตรีอัปลักษณ์นี่มิใช่คู่ต่อสู้ของนางไม่ว่าทางใด
หญิงสาวผู้งดงามแลสูงศักดิ์คิดการได้แค่นั้นจึงลุกขึ้นยืนพลางปรายสายตาเรียวสวยที่ตกแต่งเอาไว้อย่างจัดจ้านงดงามมองทอดสะพานให้ฟงชินหยางคล้ายกับนางพญาหงส์โปรยเสน่ห์ให้กับราชาพยัคฆ์แล้วพาเรือนร่างงดงามเดินหายตัวตามบิดามารดาไปอีกคน
นางทำเพียงเท่านี้ขี้คร้านฟงชินหยางจักมองตามแผ่นหลังบอบบางอรชนอ้อนแอ้นของนางอย่างอดทนจนไม่อยากจะอดใจ หึหึ!
จินเยว่ชิงคิดการได้อย่างหลงตนเองเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าบุรุษที่นางกำลังนึกถึงไม่แม้แต่จะรู้ว่านางลุกขึ้นและเดินไปแล้ว
“เจ้าเป็นคนรินก็ควรดื่มเสียเอง”
ฟงชินหยางกล่าวคำหน้าตายมาทางสตรีข้างกายที่กำลังทำหน้าที่สาวใช้ได้อย่างแนบเนียนต่อเนื่อง
นางบริการรินเหล้าลงจอกให้เขาแล้วยกขึ้นด้านหน้าของเขาแต่เขามองไม่เห็นจอกเหล้าเลยแม้แต่น้อย
เขามองเห็นเพียงดวงตาสวยหวานของนาง จมูกโด่งเชิดรั้นได้รูปเล็กๆ ของนาง ริมฝีปากอิ่มที่นุ่มเหลือเกินของนาง พวงแก้มนั่นอีกน่ากดจมูกแล้วหอมแรงๆ เสียจริง
หลิงเวยมองฟงชินหยางอย่างนึกฉงน ปกติเขามักจะชอบดื่มเหล้ามิใช่หรือไร ไยไม่ดื่มมัน!
อา...จริงด้วย! เขามิใคร่ชอบดื่มเหล้าที่มีสตรีรินให้
นางลืมไปได้อย่างไร?
หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มออกมาเมื่อระลึกได้อย่างนั้น นางจึงดึงจอกเหล้ากลับมาแล้วดื่มเสียเองตามคำของเขา
ชายหนุ่มแอบยกยิ้มตรงมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจยากคาดเดา หากนางเมารู้เลยว่าจะเกิดอันใด ฮึฮึ!
หลิงเวยดื่มเหล้าหมดจอกพลันรู้สึกถึงรสชาติแปลกประหลาดบางอย่างแต่ยังมิได้นึกคิดอันใดมากมาย นางเพียงวางจอกเหล้าเอาไว้ที่โต๊ะแล้วเอื้อมมือไปหยิบขนมบ้างคีบอาหารบ้างมาวางเอาไว้ตรงหน้าฟงชินหยางเผื่อว่าเขานึกหิวขึ้นมา กิริยาทุกอย่างของนางที่กำลังกระทำนั่นคือสิ่งที่นางมักจะทำให้สามีมาแต่ไหนแต่ไร นางทำโดยลืมตัวไปว่ากำลังปลอมกายเลยทีเดียว
ฟงชินหยางนั่งมองภรรยาตัวน้อยที่สู้อุตส่าห์ปลอมตัวมาแต่กำลังทำทุกอย่างตามหน้าที่พึงปฏิบัติต่อสามีได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เขาเพียงนั่งมองฝ่ามือน้อยๆ ที่กำลังหยิบจับนั่นนี่ดูแลเขาเป็นอย่างดีตลอดเวลา ห้าปีมาแล้วที่เขามิได้มีนางมาคอยดูแล และห้าปีมาแล้วที่เขามิได้คอยดูแลนาง
ข่าวจากทางบ้านบอกว่านางเป็นสะใภ้ที่ดีดูแลบิดามารดาแทนเขา ดูแลน้องๆ แทนเขา เป็นทั้งมารดาและบิดาให้ลูกๆ ทั้งสองเป็นอย่างดี ทำเขาเบาใจอยู่ไม่น้อย
แต่ที่ทำให้เขาหนักใจไม่เบาก็คือยามค่ำคืนที่นางเอาแต่นอนร้องไห้แล้วหลับไปทั้งน้ำตากับกองจดหมายของเขาที่นางกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
การศึกที่กินเวลายาวนานเช่นนี้เขาย่อมชาชินเพราะว่ามันเป็นเยี่ยงนี้มาตลอดกับหน้าที่ทหารชาญศึกเช่นเขา แต่ทว่ากับนางคงเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อย
ฟงชินหยางนั่งมองหลิงเวยอย่างเหม่อลอยและลืมตัว
ความนุ่มนวลเนิบช้าของนางกำลังครอบงำเขาเหมือนที่เคยเป็นมา ในยามนี้นางจักทำอะไรเขายอมทั้งนั้น เขาพร้อมตามใจนาง หากนางจะปลอมตัวทำเป็นไม่รู้จักกัน เขาย่อมคล้อยตามนางไม่อาจขัดใจ หากแต่คืนนี้นางต้องยอมเป็นสาวงามอุ่นเตียง ให้เขาได้นอนกอดซุกซบกับอกนุ่มๆ ของนางให้หายคิดถึง
ชายหนุ่มคิดไปคิดมายังคงวกวนอยู่กับการหมายมาดที่จะกลืนกินภรรยาที่ห่างหายกันไปนานถึงห้าปี ไม่ว่านางจะปลอมตัวเป็นใคร เขาย่อมต้องจับนางมานอนใต้ร่างกระทั่งให้นางนอนบนร่างของเขาให้ฟ้าเหลือง
ฟงชินหยางนั่งมองหลิงเวยด้วยความคิดที่มิได้อยู่สุข อึดใจฝ่ามือกรุ่นร้อนจึงเริ่มซุกซน เขาเอื้อมมือขึ้นมาที่กลุ่มผมเรียบลื่นของนางที่ถูกมัดรวบตึงเอาไว้กลางศีรษะคล้ายหางม้า เขาแอบจับปลายผมของนางขึ้นมาแล้วก้มลงจรดจมูกคมสันลงไปสูดดมเอากลิ่นหอมๆ นั่นเอาไว้ ดื่มด่ำกลิ่นนางให้ลึกสุดใจ
ภายในงานเลี้ยงที่ยังคงมีผู้คนหลากหลายนั่งดื่มกินกัน ฟงชินหยางทำได้เพียงเท่านี้เพื่อมิให้เป็นการผิดสังเกตจนเกินไป ถึงแม้ว่าบุคคลรายรอบจะกำลังนั่งดื่มกินกับสาวงามอย่างสำราญทั้งกายทั้งใจก็ตามที โดยเหล่าบุรุษที่มิได้พาภรรยามาด้วยนั้นหลายคนมีสาวงามนั่งขนาบข้าง บางคนลูบคลำ บางคนจับนั่งตัก บางคนหอมแก้ม บางคนเริ่มบีบขยำเคล้นคลึงเนื้อนูน แต่เขาย่อมไม่กระทำเยี่ยงนั้น นี่คือภรรยาของเขาหาใช่สตรีคณิกาไม่!
หากแต่ในห้องหับกลับไม่แน่...
เมื่อคิดได้แล้วมือหนาของฟงชินหยางช่างว่องไว เขารีบจับช้อนร่างบางของนางผู้เป็นภรรยาขึ้นมาแนบอกแล้วลุกขึ้นพรวดพราดเดินอาดๆ หายตัวไปอย่างรวดเร็วในทันที
ฟงลี่หลินที่นั่งกินขนมอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงกันข้ามถึงกับสำลักขนมที่กำลังกินเมื่อมองเห็นพี่สะใภ้ถูกพี่ใหญ่ฉุดคร่าหายตัวไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น นางจึงถลึงตัวลุกขึ้นแล้วเตรียมพุ่งร่างตามติด
ทว่าทันใดนั้นพลันมีขนมบางส่วนเกิดอาการหลุดลงไปแล้วติดอยู่ที่กลางลำคอ
“...!!!”
ขนมติดคอ!
ฟงลี่หลินถึงกับทรุดกายฮวบลงนั่งแต่ทว่ากลับมิใช่ตำแหน่งเดิม
นางนั่งลงไปที่ตักของบุรุษผู้หนึ่ง!
บุรุษผู้นั้นมิใช่ใคร
เขาคือองค์ชายฉีเล่อ!
ชายหนุ่มเจ้าของตักแกร่งถึงกับชะงักงันที่จู่ๆ สตรีข้างกายกันพลันลุกขึ้นพรวดพราดแล้วทิ้งตัวลงมานั่งบนตักของเขา
“...!!!”
ฉีเล่อถึงกับพูดไม่ออก
ชายหนุ่มได้แต่ก้มหน้ามองหญิงสาวบนตักนิ่งงัน ในขณะที่หญิงสาวบนตักได้แต่ลิ้นจุกปากเอ่ยคำอันใดไม่ได้
ฟงลี่หลินในยามนี้กำลังขาดอากาศหายใจเนื่องจากมีขนมติดคออยู่จึงทำได้เพียงเอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นกำสาบเสื้อช่วงแผงอกของฉีเล่อเอาไว้แน่น
นางพยายามชี้นิ้วมืออีกข้างขึ้นมาที่ลำคอของนางพร้อมอ้าปากออกน้อยๆ บอกเขาว่ากำลังเกิดสิ่งใด
เดิมทีฉีเล่อได้แต่ก้มมองนางอย่างนึกขัดเคืองและไม่เข้าใจอันใดแต่เพียงอึดใจเรียวคิ้วคมเข้มพลันขมวดพันกันแน่นเมื่อเข้าใจได้แล้วว่าสตรีบนหน้าขากำลังเกิดสิ่งใด
ฟงลี่หลินที่เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงเริ่มช่วยตนเองโดยการควานหาน้ำจากบนโต๊ะตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นชาเป็นเหล้าเป็นอะไรก็ได้ในยามนี้ นางใกล้ตายเต็มที องค์ชายผู้นี้นั่งบื้ออยู่ได้!
เมื่อฝ่ามือเรียวสวยคว้ากาเหล้าเอาไว้ได้แล้วจึงไม่มีการรีรอนางรีบยกขึ้นมาหมายดื่มมันทั้งกาแต่ทว่าฝ่ามือใหญ่หนากลับตีเข้ามาดังเพียะ
“...!?”
กาเหล้าทั้งกาถึงกับตกกระเด็นไปบนพื้น
น้ำเหล้ากระฉอกหกออกหมดไม่มีเหลือ
ฟงลี่หลินยิ่งถลึงตาเบิกกว้าง นางใกล้ตายแล้วนะ ไยองค์ชายตรงหน้าถึงทำอย่างนี้ นางช่วยเขาเอาไว้เมื่อครู่นี้มิใช่หรือไร เจ้าองค์ชายบ้า! เจ้าคนชั่วช้าไม่สำนึกบุญคุณ!
หญิงสาวด่าเจ้าของตักแกร่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเรียวสวยตวัดความคมเฉี่ยวฟาดใส่ไม่มียั้งโดยไม่มีสรรพเสียงอันใดทั้งสิ้น เพราะขนมติดคออยู่
แต่ทว่าชายหนุ่มผู้ถูกด่ากลับเข้าใจมันได้ไม่ยาก หากแต่ในเหล้านั้นอาจจะมียาพิษมิใช่หรือไร สาวงามก่อนหน้าพยายามทำสิ่งใดนางเองก็เห็น ไยไม่คิดให้ดี!
ทั้งสองเถียงกันไปมาอย่างรู้ใจรู้ความนัยทางสายตาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อึดใจฉีเล่อจึงจับกระชับร่างบางบนตักให้นั่งตัวตรงก่อนจะเอื้อมฝ่ามือของเขาขึ้นมาแล้วตบแผ่นหลังให้นางเบาๆ เป็นจังหวะมั่นคงแต่เมื่อมันยังไม่ได้ผลเขาจึงตบนางแรงขึ้น
หากแต่มันก็ยังมิได้ผล หญิงสาวบนหน้าขาก็ยังคงมีอาการขาดอากาศหายใจ ใบหน้าแดงซ่าน น้ำตาไหลพราก
นี่นางหิวมากหรือไร ไยกินเข้าไปเยอะนัก?
เมื่อการตบแผ่นหลังยังไม่ได้ผลเขาจึงจับร่างบางให้เอนหลังแหงนหน้า ฝ่ามือที่ตีหลังบางเมื่อครู่ช้อนท้ายทอยของนาง ฝ่ามืออีกข้างจับปลายคางเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงต่ำพาริมฝีปากแดงๆ เคลื่อนตาม
ฟงลี่หลินที่เริ่มตาพร่ามองอย่างเลือนลางพลันเบิกตาออกกว้าง เมื่อริมฝีปากของนางที่กำลังอ้าออกน้อยๆ ถูกริมฝีปากของใครบางคนตะปบเข้ามา เขาใช้ริมฝีปากของเขาประกบเข้าหา
เขาพ่นลมเป่าใส่ปากนาง!
นี่เป็นการช่วยชีวิตของสตรีตรงหน้าที่กำลังมีขนมติดคอปางตาย เป็นวิธีการช่วยแบบแปลกใหม่ โดยที่ฉีเล่อเองก็ยังคาดไม่ถึง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะช่วยนางด้วยวิธีนี้
ชายหนุ่มคิดไปเป่าปากไปด้วยความร้อนสูง เขาพ่นลมเข้าใส่ปากนางแรงๆ อยู่หลายทีจนมีเสียงดังอึกจากลำคอระหงของสตรีบนหน้าขา
ฟงลี่หลินถึงกับตัวอ่อนยวบเมื่อขนมเจ้าปัญหาหลุดลงลำคอไป แทนที่ด้วยอากาศไหลเวียนได้ดังเดิม ฝ่ามือน้อยๆ ที่โอบรอบลำคอแกร่งของฉีเล่อเอาไว้แน่นก่อนหน้าพลันผ่อนคลาย ดวงตาเรียวสวยที่กำลังฉ่ำน้ำพลันหลับลง แต่ทว่าใบหน้าแดงๆ ที่กำลังแหงนหงายยังคงถูกฝ่ามือใหญ่หนากอบกุม ริมฝีปากอุ่นชื้นของฉีเล่อยังคงประกบอยู่ที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มอย่างลืมตัว
เหล่าข้าราชบริพานรายรอบยังคงนั่งร่ำสุรากันอย่างสำราญ บางคนหัวเราะร่วนเสวนาพาทีกันอย่างออกรสออกชาติ บางคนลูบคลำสาวงาม บางคนชักชวนกันหายตัวไป
บรรยากาศงานเลี้ยงแห่งค่ำคืนมักเป็นเช่นนี้ จึงไม่มีใครสนใจใคร ไม่ว่าใครจะทำอันใดต่อกัน
ฉีเล่อที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่ากำลังทำสิ่งใดลงไปกับร่างบางบนหน้าตัก เขาถึงกับชะงักก่อนจะปล่อยริมฝีปากอิ่มนุ่มให้เป็นอิสระในทันที
ฟงลี่หลินที่สติหลุดลอยเมื่อครู่ยังคงตัวอ่อนปวกเปียกเนื่องจากขาดอากาสหายใจไปเป็นนาน
นางยังคงทิ้งตัวทิ้งใบหน้าลงซุกซบอยู่กับแผงอกหนาแน่นของฉีเล่ออย่างลืมตัว
ชายหนุ่มจึงรับรู้ได้ว่าสตรีตรงหน้าเนื้อตัวอ่อนนุ่มมากมายปานใด อีกทั้งนางยังมีกลิ่นกายที่หอมกรุ่นมากนัก
หากเป็นเพียงทหารหญิงชั้นประทวนเนื้อเนียนนางไม่น่าจะนุ่มนวลปานนี้ กลิ่นกายไม่น่าจะหอมหวนถึงเพียงนี้
แล้วนี่อะไร? ไยแผลเป็นนางหลุดออกมา?
“...!?”
ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับจบบริบูรณ์ คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก
ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับ E-Book คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น