ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวใช้พระกาฬ

    ลำดับตอนที่ #52 : ตอนที่45 หลิ่งหมิง1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.37K
      949
      3 ส.ค. 66


    ตามทางเดินทอดยาวระหว่างเรือนของเจียวลู่กับเรือนต่างๆ ภายในคฤหาสน์สกุลหลิ่ง

    หนิงเหมยยังคงรู้สึกตัวชาไปทั้งร่าง ความรู้สึกปวดหนึบเกาะกินไปทั้งใจ นางสัมผัสได้เพียงความเจ็บปวด ราวกับหัวใจฉีกขาดจนเป็นแผลกว้าง เลือดไหลทะลักอยู่ในโพรงอก ดวงตาของนางสะท้อนความขมขื่นเต็มไปหมด น้ำตาหลั่งไหลคล้ายม่านน้ำตกจนเจิ้งนองสองข้างแก้ม นางยังคงไร้เสียงสะอื้นไห้ ริมฝีปากยังคงขบเม้มจนมีเลือดซึม

    “คุณหนู...” หนี่ม่านเรียกนายสาวอย่างห่วงใย อากัปกิริยาของหนิงเหมยทำสาวใช้ตัวน้อยรู้สึกปวดใจยิ่งนัก “บ่าวจะพาคุณหนูกลับเรือนนะเจ้าคะ ทนเดินอีกไม่ไกล” นางทำได้เพียงเท่านี้ ปลอบใจได้แค่ประโยคอันแสนโง่เขลา

    “หนี่ม่าน...” น้ำเสียงแตกพร่าและไร้เรี่ยวแรงเริ่มเอ่ยกับสาวใช้คนสนิท

    “เจ้าคะ” หนี่ม่านรับคำเสียงเบา

    หนิงเหมยหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดิน ร่างบางโอนเอนเล็กน้อย ก่อนมองไปยังทิศทางหนึ่งอย่างเลื่อนลอย

    หนี่ม่านมองตามสายตาที่ฉาบหยาดน้ำแวววาวราวจะหยดลงมาจากดวงตาคู่งามได้ทุกขณะของนายสาว จึงเห็นเป็นเรือนหลักของนายท่านหลิ่ง สาวน้อยกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง แต่ไม่กล้าถามคำใดออกไป

    เนิ่นนานราวครึ่งก้านธูป ร่างบางที่อ่อนแรง จึงเริ่มเปิดปากด้วยเสียงแผ่วเบา “พาข้าไปพบท่านพ่อ”

    หนี่ม่านที่ยืนรอฟังเป็นนานถึงกับฉงนมากกว่าเดิม เพราะว่านายท่านหลิ่งออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้าสาง มิได้อยู่ในเรือน แต่สาวน้อยก็หาได้ปริปากถามอะไรให้มากความ นางเพียงจับประคองนายหญิงของตนให้ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไปอย่างระมัดระวัง ด้วยเพราะร่างงามของคุณหนูช่างสั่นเทาเสียเหลือเกิน

    สองนายบ่าวใช้เวลามากนัก ในการเดินทางมายังเรือนใหญ่ของนายท่านหลิ่ง เมื่อเดินมาถึง บ่าวที่ดูแลเรือนจึงบอกกล่าวว่า นายท่านหลิ่งยังไม่กลับเข้ามา แต่หนิงเหมยหาได้นำพา เพราะนางรู้อยู่แล้วว่าบิดาออกไปทำการค้าเฉกเช่นปกติ

    “ข้าจะนั่งรอ” หนิงเหมยกล่าวเสียงเรียบเบาหวิว แต่หนักแน่นนัก

    บ่าวประจำเรือนจึงไม่คิดต่อความ จำต้องเดินเลี่ยงไป ปล่อยให้หนิงเหมยนั่งรอในห้องโถง โดยมีหนี่ม่านคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

    เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ซูเจินจึงแอบเดินเข้ามาสมทบ โดยไม่มีใครเห็น เมื่อมาถึงก็นั่งลงเคียงข้างหนิงเหมย หนี่ม่านแหงนหน้ามองสองสตรีอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม ได้แต่นั่งมองทั้งสองตาปริบๆ ก็เท่านั้น

    ทั้งสามนั่งนิ่งอยู่ในห้องโถงอันกว้างขวาง บรรยากาศรอบเรือนกายมีแต่ความเงียบงัน ได้ยินเพียงเสียงกวาดลานดังแกรกๆ อยู่ไกลๆ ด้านนอกตัวเรือน

    ซูเจินเริ่มทนไม่ไหว นางเอื้อมมือขึ้นมาจับเอามือเย็นเฉียบของ หนิงเหมยมากุมไว้ ส่งผ่านความอบอุ่นให้อีกฝ่าย แล้วตบเบาๆ ที่หลังมือนั้น “ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดข้า หากข้าไม่นำพามี่อิงเข้าเรือนมา” นางเอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตารู้สึกผิดมากนัก

    “ไม่อาเจิน” เสียงแตกพร่าเอ่ยแผ่ว “ข้าควรขอบใจเจ้า”

    ซูเจินถอนหายใจ “ใช้ได้ที่ไหนกัน หากไม่ใช่เพราะข้า หญิงคนนั้นก็คงไม่บ้าถึงเพียงนี้”

    หนิงเหมยส่ายหน้าเบาๆ น้ำตาที่เคยไหลริน เริ่มเอ่อคลอเต็มสองดวงตา เพียงรอเวลาการไหลบ่าออกมารอบใหม่

    “มันควรเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ข้าควรจะรู้ความจริงมานานแล้ว อาเจิน...ข้าควรขอบใจเจ้า ที่ทำให้ข้ารู้ว่าอะไรเป็นอะไรเสียที”

    เดิมทีนางไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงเย็นชาต่อนางนัก วันนี้แล้วสินะ ที่นางจะได้รู้เสียที

    เวลาล่วงเลยผ่านไป...สตรีทั้งสามพากันนั่งรอจนมืดค่ำ กระทั่งสาวใช้ตัวน้อยเมื่อยขบไปหมด บ่าวไพร่พากันมาจุดเทียนแล้วเลี่ยงออกไป ซูเจินจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปรอตรงมุมมืดตามวิสัย  



    เพียงไม่นาน...นายท่านหลิ่งจึงเดินเข้ามาในเรือน สายตาคู่คมไร้อารมณ์อันใด มองมาทางหนิงเหมยคล้ายฉงน แต่ก็มิได้ถามอะไรออกมา เขาพาร่างสูงของตนเดินมายืนตรงหน้าหญิงสาว แล้วใช้สายตาไล่หนี่ม่านให้หลบออกไป

    สาวใช้ตัวน้อยย่อมเข้าใจ นางจึงลุกขึ้นทำความเคารพแล้วเลี่ยงออกมา

    หลิ่งหมิงเป็นบุรุษรูปงาม ถึงแม้ว่าวัยจะล่วงเลยมามากนัก ใบหน้าของเขามีริ้วรอยตามวัย แต่ยังคงความสง่าเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง หนวดเคราเหนือริมฝีปาก ไม่เคยเห็นมันขยับเพราะรอยยิ้มเลยสักครา

    หนิงเหมยค่อยๆ ยืนขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองบุรุษผู้เป็นบิดาตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา ด้วยความรู้สึกวูบโหวง ยิ่งได้มองใบหน้าเรียบเฉย สายตาเย็นชา ยังผลให้นัยน์ตาของนางร้อนผ่าว หัวใจพลันว่างเปล่าไม่มีความรู้สึกอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

    “มีอะไร?” เส้นเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเนิบนาบเยี่ยงคนไร้อารมณ์เหมือนเช่นปกติที่ผ่านมา

    “ท่านพ่อ” หนิงเหมยเอ่ยเรียกชายตรงหน้าเสียงเบาแผ่ว นางกลั้นหายใจ พยายามเอ่ยปากอย่างยากลำบาก “ข้า...”

    “มีอะไรก็ว่ามา ข้ายังมีงานอีกมาก” น้ำเสียงไร้เยื่อใยดังออกมาให้ได้ยิน ก่อนร่างสูงจะเดินไปยังโต๊ะใหญ่กลางห้อง ตรงนั้นมีสาวใช้นางหนึ่งคอยชงชาร้อนหอมกรุ่นให้ นายท่านหลิ่งสะบัดมือเบาๆ เพื่อไล่สาวใช้ให้ออกไป แล้วนั่งจิบชาคล้ายไม่ใส่ใจกับหญิงสาวตรงหน้า

    หนิงเหมยต้องหลับตาข่มกลั้นหยาดน้ำไม่ให้ไหลริน นางเจ็บปวดเสียจนน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านพ่อ...”

    เรียวคิ้วที่พาดเฉียงบนดวงตาคู่คมเริ่มขมวดเป็นปม เมื่อสตรีตรงหน้าทำท่าอึกอัก ให้รู้สึกอึดอัด จนต้องตวาด “มีอะไร!?

    หนิงเหมยถึงกับสะดุ้งตกใจ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้พลันร่วงริน นางหมดแรงทรงตัว จนต้องทรุดร่างบางลงคุกเข่าตรงเบื้องหน้าของหลิ่งหมิง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองเงาร่างของชายเบื้องหน้า

    ทั่วทั้งห้องมีแต่ความมืดสลัว เปลวเทียนช่างอ่อนแสงนัก บ่าวคนใดก็ไม่กล้าย่างกรายเข้ามา ห้องกว้างใหญ่จึงตกอยู่ในความเงียบสงัดชวนวังเวง

    หนึ่งเงาร่างสูงใหญ่กำยำดุจขุนเขาแฝงด้วยความเย็นเยียบราวน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย หนึ่งร่างเล็กที่คุกเข่าตรงหน้ามีแต่ความรวดร้าว ใบหน้าเล็กซีดเซียวเต็มไปด้วยความขมขื่น

    ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่งนาน ให้ความรู้สึกถึงความห่างเหินผสมความเปล่าเปลี่ยวไม่มีที่สิ้นสุด

    หนิงเหมยเริ่มเข้าใจ ว่าเหตุใดบิดาถึงเย็นชากับนางเสมอมา หากเรื่องที่เจียวลู่กล่าวมาเป็นความจริง เช่นนั้นแล้ว การที่ชายตรงหน้ายังเก็บนางเอาไว้ คงทำเพื่อมารดาก็เท่านั้น

    ความรักดั่งพ่อลูก ล้วนไม่มีทั้งสิ้น นางเข้าใจแล้ว

    “ท่านคงเกลียดข้ามาก...” หญิงสาวถามออกมาในที่สุด นางค่อนข้างมั่นใจ ว่าสิ่งที่เจียวลู่กล่าวออกมา ล้วนเป็นความจริง

    “ข้าขอบคุณท่าน ที่เมตตาให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่” กล่าวจบก็โค้งกายโขกศีรษะกับพื้นห้อง

    “เจ้ากำลังเอ่ยสิ่งใด” น้ำเสียงเย็นชาถามออกมา

    หนิงเหมยยันกายขึ้นตั้งตรงแต่ยังคงคุกเข่าต่อหน้าหลิ่งหมิง “แม่รองบอกข้าหมดแล้วเจ้าค่ะ” นางตอบเสียงแผ่ว “ความจริงระหว่างเรา”

    หลิ่งหมิงกะพริบตามองอีกฝ่ายคล้ายชะงักไป

    หนิงเหมยสังเกตได้แม้เพียงชั่วอึดใจ และนั่นก็มากพอสำหรับคำตอบ นางหลับตาสูดลมหายใจเข้าอกให้ลึกสุดใจ แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแตกพร่า 

    “ตั้งแต่ข้าเกิดและเติบโตมา เรื่องที่ข้ารับรู้มาโดยตลอด คือท่านพ่อทำผิดต่อท่านแม่ ท่านพ่อรับภรรยาคนใหม่เข้าเรือนมาหยามท่านแม่ จนท่านแม่ตรอมตรมขังตัวเองอยู่ในห้อง แม้จะตั้งครรภ์ก็ไม่ปริปากบอกท่าน กระทั่งคลอดข้าออกมาแล้วตายไป ข้าล้วนเข้าใจว่าท่านพ่อเกลียดข้า เพราะการที่หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์ล้วนทรมาน และข้าคือครรภ์ที่ทำให้ท่านแม่ต้องตาย แต่เปล่าเลย ทุกอย่างเป็นเพียงความเข้าใจผิดของข้าเอง”

    หลิ่งหมิงได้ยินพลันเบิกตากว้าง

    หนิงเหมยมองเห็นอย่างนั้นยิ่งปวดใจเหลือแสน

    “เจียวลู่บอกเจ้าหรือ?” เสียงทุ้มเริ่มแหบแห้งยามเอ่ยถาม “นางบอกเจ้าหมดเลยหรือ?” สายตาที่เคยเรียบเฉยบัดนี้เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ทั้งยังสั่นไหวไปมา สลายความเย็นชาที่เคยปกปิดความรู้สึกแท้จริงไปจนสิ้น

    หนิงเหมยยิ่งสะท้านจนหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ปลายเล็บจิกเข้ากลางฝ่ามือจนเจ็บไปหมด 

    นิยายสาวใช้พระกาฬ ฉบับจบบริบูรณ์ คลิก>>>สาวใช้พระกาฬ(ภาค 1)

    นิยายสาวใช้พระกาฬ ฉบับ E-Book คลิก>>>สาวใช้พระกาฬ

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0NTM5NSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg1ODk5Ijt9


    Thumbnail Seller Link
    สาวใช้พระกาฬ
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    จะเป็นอย่างไรเมื่อทายาทสาวน้อยจ้าวยุทธ์ ต้องมาอยู่ในคราบสาวใช้ของนายสาวผู้อ่อนแอ..."คุณหนูท่านรักบุรุษผู้นั้น""ข้ากับเขาคบหากันมา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×