ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวใช้พระกาฬ

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่30 คิดต่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.19K
      1.98K
      20 พ.ค. 66

    การเดินทางจากวัดฉือหนิงกลับเข้าเมืองหลวงยังคงใช้เวลาหลายวัน เฉกเช่นเมื่อตอนเดินทางจากมาในคราแรก

    แต่ที่แตกต่างไปคือบุคคลในรถม้ากลับมีฐานันดรผิดสามัญ และการแวะพักที่ริมทางยังเลือกพักเฉพาะบริเวณที่มีทิวทัศน์งดงามหาได้เป็นโรงเตี๊ยมไม่

    เวลายามบ่ายของวัน มีแสงแดดร้อนแรงส่องสะท้อนกับม่านน้ำสีใสในสายธารเย็นฉ่ำ ที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ สารถีรูปงามนามว่า เฟยหลงเซียนเห็นอย่างนั้นจึงหยุดรถม้าโดยไม่ถามไถ่ใครทั้งสิ้น 

    เมื่อรถม้านิ่งสนิทดีแล้ว เขาจึงลงจากรถม้าแล้วเดินมารอรับคนงามให้ลงมาชมทิวทัศน์ด้วยกัน

    หนิงเหมยได้แต่ขมวดคิ้วน้อยๆ นึกสงสัยอยู่ในใจ ชายผู้นี้จะแวะเที่ยวชมต้นไม้ทุกต้นและลำธารทุกที่เลยหรือไร

    หญิงสาวยอมลุกออกมาจากรถม้าแต่โดยดี เพราะตนเองก็ไม่ต้องการถึงบ้านเร็วจนเกินไปนัก

    อีกทั้งเรื่องแต่งงานนั้น นางได้ขอร้องให้รัชทายาทส่งข่าวไปว่าขอจำศีลที่วัดถึงสามเดือน แต่กลับออกจากวัดมาภายในสามวัน เรื่องนี้ถือว่าให้ความเท็จต่อองค์เหนือหัว จะมีความผิดโทษฐานใดบ้าง นางก็สุดจะหยั่ง เมื่อเป็นเช่นนั้น นางควรจะต้องตามใจชายผู้นี้ไปก่อน

    ริมสายน้ำสีใสเห็นปลาลวดลายหลากหลายแหวกว่ายไปมา ธรรมชาติช่างงดงาม บรรยากาศช่างร่มรื่น นำพากลิ่นอายบางอย่างให้รู้สึกอุ่นซ่านอยู่ในอก เหมาะยิ่งนักสำหรับคู่รักพากันเดินชม

    เฟยหลงเซียนก้าวเท้าอย่างมั่นคงเคลื่อนกายสูงสง่านำหน้าหนิงเหมยเพื่อเดินเล่นไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็นอยู่ริมลำธาร

    บรรยากาศโดยรอบเรือนกายให้ความรู้สึกดี มีใบไม้ปลิดปลิวยามลมโบกโชย กลีบดอกไม้โปรยปรายล่องลอยตามสายลม เกิดเป็นภาพน่าชมเมื่อมีชายหนุ่มรูปงามเดินนำทางหญิงสาวโฉมสะคราญ

    “อาเซียน...” หนิงเหมยเรียกขานนามบุรุษตรงหน้าตามคำสั่งของเขาที่ให้เรียกแบบนี้นอกวัง และยังต้องคุยกันแบบธรรมดาสามัญ

    นางเอ่ยสิ่งที่นางกลัวเกรงยิ่ง “ฝ่าบาทจะไม่ทรงกริ้วใช่หรือไม่? เรื่องข่าวที่ท่านแจ้งไปก่อนหน้ากับความเป็นจริงในยามนี้ เรื่องการถือศีลที่วัดฉือหนิง”

    เฟยหลงเซียนหยุดเดินแล้วหันมาก้มหน้ามองนางก่อนถามหยั่งเชิง “พระองค์อาจจะทรงกริ้ว หากเจ้าไม่รีบออกจากวัดเสียที”

    “แต่ว่าข้ายังไม่พร้อม” หนิงเหมยยังคงมีจุดยืนในการประวิงเวลา ถึงแม้ว่าจะยอมจำนนแล้วก็ตามที “ถึงแม้ว่าข้ายอมแต่งงานกับท่านแล้ว แต่ว่าท่านควรให้เวลาข้าได้เตรียมใจ ได้หรือไม่?

    รัชทายาทหนุ่มถึงกับถอนหายใจ แต่ก็ยอมตามใจนางแต่โดยดี “ข้าจะไม่บอกเสด็จพ่อ ว่าเจ้าเดินทางออกจากวัดแล้ว ดีหรือไม่?

    “ทำเช่นนั้นนับว่าปิดบังเบื้องสูง ไม่ดีแน่!

    “หากเสด็จพ่อทรงทราบว่าเรามิได้ถือศีลที่วัดแล้ว ราชโองการย่อมตามมาที่บ้านของเจ้าในทันที” ชายหนุ่มตอบคำพลางหันหลังกลับไปก้าวเท้าเดินนำหน้าหญิงสาวเช่นเดิม

    “อืม...” หนิงเหมยจึงเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่พลางก้มหน้าน้อยๆ อย่างใช้ความคิดจนหัวคิ้วขมวดพันกัน นางหาได้สนใจนำพาธรรมชาติอันงดงามแห่งนี้ไม่ บรรยากาศแสนดีก็เช่นกัน นางไม่นำพาเลยสักนิด

    จนชายหนุ่มตรงหน้านางต้องหยุดเดินอีกครั้ง แล้วก้มมองนางด้วยสายตาหงุดหงิด นึกโกรธกรุ่นขึ้นมา

    หนิงเหมยมิได้มองทางจึงชนเข้าไปในแผงอกของเขาเต็มแรง

    “อ๊ะ!” ใบหน้างามถึงกับฝังไปในแผงอก

    เฟยหลงเซียนได้ทีจึงโอบนางเอาไว้ทั้งสองวงแขน รัดร่างนุ่มนิ่มของนางเอาไว้แน่น แอบกินเต้าหู้นางเสียเลย

    กลิ่นอายเข้มข้นของบุรุษเพศและอ้อมแขนแกร่งที่โอบล้อมเรือนร่าง หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามันไม่ถูกต้อง! มันไม่สมควร! นางจึงหยิกเอวของเขาเต็มแรง

    “โอ๊ย!” เฟยหลงเซียนรีบปล่อยคนในอ้อมแขนแทบไม่ทัน

    “เจ้าหยิกข้าทำไม?

    “ท่านลวนลามข้า” หนิงเหมยหน้าแดงก่ำ ส่งค้อนวงใหญ่

    “แต่เรากำลังจะแต่งงานกันนะ”

    “แต่ข้าไม่ชอบท่านนี่”

    อีกครั้งที่ชายหนุ่มเริ่มนึกขัดเคืองหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาอีกครา “เจ้าจะรังเกียจอะไรข้านักหนา”

    หญิงสาวส่ายหน้าแล้วเอ่ย “ข้ามิได้รังเกียจท่าน ข้าแค่ไม่ชอบท่าน”

    “แล้วทำไมถึงไม่ชอบข้าเล่า”

    “ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ท่านนี่!

    “แต่ข้าชอบเจ้านะ”

    “แต่ข้าไม่ชอบท่าน”

    “แต่เรากำลังจะแต่งงานกัน”

    “ข้าไม่อยากแต่ง”

    “เราตกลงกันแล้ว คนของเจ้าชนะการประลอง”

    “ข้าก็ยอมรับแล้วอย่างไรเล่า”

    “แต่เจ้ารังเกียจข้า” ชายหนุ่มวกกลับมาที่เดิม

    “ข้ามิได้รับเกียจท่าน ข้าแค่ไม่ชอบท่าน” หญิงสาวพาวกเช่นกัน

    และแล้วทั้งสองก็เถียงกันไปมาด้วยประโยคเดิมๆ ซึ่งก็มักจะเป็นเช่นนี้มาตลอดทาง บรรยากาศอันดีงามมิได้ช่วยอันใดเลยสักนิด

    หยวนคังและหนี่ม่านที่คอยเดินตามอยู่ห่างๆ เพื่อรอรับใช้เจ้านายของตนจึงได้แต่มองอย่างห่วงๆ ไปตลอดทางเช่นเดียวกัน

    สองบ่าวจึงหันหน้ามองกันพลันบังเกิดความคิดที่จะต้องหาวิธีเพื่อช่วยเหลือเจ้านายทั้งสอง

    “รัชทายาทชอบคุณหนูของเจ้า” หยวนคังกระซิบกับหนี่ม่าน

    “คุณหนูของข้าก็ต้องการไม้ใหญ่” หนี่ม่านตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

    “ยากนักที่พระองค์จะชอบใคร” หยวนคังยังคงเอ่ย

    “ยากนักที่คุณหนูจะยินยอม” หนี่ม่านยังคงเสียงใส

    “แต่คุณหนูของเจ้าไม่ชอบนายของข้า”

    “คุณหนูเพียงต้องการเวลา”

    “เราควรช่วยกัน”

    “หากให้ข้าช่วยอีกครั้งท่านต้องมีของมาแลก”

    “...!?

    หนี่ม่านแหงนหน้ายักคิ้วยกยิ้ม

    หยวนคังก้มหน้าจ้องมองนางจนปลายจมูกเกือบชนกัน

    ฮึ! เจ้าเล่ห์นัก!

     

    รถม้าคันเดิมที่ห่างออกมาจากทิวทัศน์ริมลำธารอันสวยงาม

    ซูเจินยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ภายในรถม้า เพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่กักเก็บพลังของตนเอาไว้เป็นอย่างดี นางย่อมไม่ออกแรงหากไม่จำเป็น

    หยางเหอจินเข้ามานั่งในรถม้ากับน้องน้อยของเขา จึงได้เห็นนางเอนกายพิงผนังรถม้าหลับตาคล้ายผ่อนคลายอย่างสบายอกสบายใจอย่างนั้น เขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างคนปลงตก

    การจะห้ามปรามมิให้นางเข้าวังหลวงคงมีแต่จะแตกหัก ซึ่งเขาไม่อาจทำ เขามีแต่จะอยู่ข้างเดียวกับนางก็เท่านั้น เพราะว่านางไม่มีใคร นางตัวคนเดียวเยี่ยงนี้จะต่อกรกับใครได้

    ในขณะที่หยางเหอจินกำลังนั่งนิ่งมองนางที่กำลังหลับใหล เสียงหวานใสของนางพลันเอ่ยออกมา “ท่านมีสิ่งใดจะบอกกับข้าหรือไม่?

    ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยมองนางที่กำลังลืมตา

    ซูเจินกะพริบตากลมโตมองพี่ชายตรงหน้านิ่งๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ ไร้วี่แววคลื่นอารมณ์อันใด

    “เจ้าอยากฟังสิ่งใด?” หยางเหอจินถามออกไปพลางเอนหลังพิงผนังรถม้าอีกฟากหนึ่งด้วยท่วงท่าสบายๆ หาได้เคร่งเครียดอันใด หากแต่ภายในใจกลับลุ้นระทึก

    เขามั่นใจว่านางเริ่มระแวงแล้วว่าเขาเป็นใคร มีฐานะอะไรในราชวงศ์เฟยหลง เมื่อฐานะของเฟยหลงเซียนเปิดเผย และเขากับรัชทายาทก็สนิทสนมกันยิ่งนัก

    หากนางถาม เขาย่อมตอบ หากนางโกรธ เขาก็แค่ปล่อยให้นางโกรธ แต่เขาไม่ปล่อยนางไปแน่

    ความเงียบงันพลันบังเกิดระหว่างสองชายหญิงในรถม้า

    ดวงตาคู่คมซ่อนแววลึกล้ำยามมองสบกับดวงตาคู่โตของนางตรงหน้า

    ซูเจินเลื่อนสายตามองต่ำมาที่หยกลวดลายพยัคฆ์เคียงหงส์ที่เอวของหยางเหอจิน พลางนึกถึงประโยคสนทนาที่ได้ยินยามเมื่อเขาคุยกับเฟยหลงเซียน

    รัชทายาทเรียกเขาว่าท่านอา...

    รัชทายาทคือลูกชายของฮ่องเต้เฟยหลงจวิ้น ท่านอาที่ถูกเรียกขานย่อมต้องเป็นน้องชายของฮ่องเต้ผู้นั้น

    พวกเขาคือคนของราชวงศ์เฟยหลง ราชวงศ์ที่ท่านพ่อเคยคลุกคลีมาก่อนทั้งสิ้น

    หยกที่เอวของเขาเป็นไปได้ว่าคือหยกของท่านพ่อ น้ำหนักของพี่ชายผู้นี้ในใจของท่านพ่อคงสำคัญไม่น้อย

    หญิงสาวสามารถสรุปทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเองอยู่ภายในใจ หากแต่สายตากลมโตที่ทอดมองไปยังชายหนุ่มกลับเรียบเฉย

    แน่นอนว่านางกำลังคิดการใหญ่ การจะหาใครสักคนที่จริงใจนับได้ว่าสำคัญยิ่ง

    ยามนี้...เป้าหมายของนางยิ่งชัดเจนมากกว่าเดิมนัก

    ซูเจินมั่นใจในอะไรบางอย่างมากขึ้นจึงถามเสียงเข้ม

    “ท่านมีเมียแล้วหรือไม่?

    หยางเหอจินที่ตั้งใจฟังคำถามเหลือเกินถึงกับสำลักลมหายใจ

    เดี๋ยว! มันไม่ควรเป็นคำถามนี้!




    นิยายสาวใช้พระกาฬ ฉบับจบบริบูรณ์ คลิก>>>สาวใช้พระกาฬ(ภาค 1)





    นิยายสาวใช้พระกาฬ ฉบับ E-Book คลิก>>>สาวใช้พระกาฬ

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0NTM5NSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg1ODk5Ijt9

    Thumbnail Seller Link
    สาวใช้พระกาฬ
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    จะเป็นอย่างไรเมื่อทายาทสาวน้อยจ้าวยุทธ์ ต้องมาอยู่ในคราบสาวใช้ของนายสาวผู้อ่อนแอ..."คุณหนูท่านรักบุรุษผู้นั้น""ข้ากับเขาคบหากันมา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×