ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวใช้พระกาฬ

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่20 คำสั่งประกาศิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.48K
      1.79K
      10 เม.ย. 66

    ตรงกลางลานกว้างอันห่างไกลจากหน้าห้องรับรองของวัดฉือหนิงที่เต็มไปด้วยเหล่าคฤหัสถ์ชายหญิงชั้นสูง

    ทหารราชองครักษ์ที่กำลังยืนอารักขาตลอดทางเดินแอบชำเลืองมองสี่บุคคลที่ยืนประจันหน้ากัน พวกเขาคล้ายโกรธเคืองกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพที่เหล่าทหารล้วนชาชิน

    นางกำนัลนามว่าฮุ่ยเจียงกำลังยืนกอดอกมองหนิงเหมยและหนี่ม่านด้วยสายตาคาดโทษ ก่อนจะหันหน้าไปฟ้องขันทีข้างกาย

    “ท่านเลี่ยงกงกงเจ้าคะ สองคนนี้สร้างความวุ่นวายเจ้าค่ะ หากเรื่องถึงฝ่าบาท พระองค์อาจจะทรงกริ้วเอาได้นะเจ้าคะ ภายในวัดแท้ๆ ท่านกงกงต้องจัดการ”

    เลี่ยงกงกงปรายตามองสองสตรีที่ยืนก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา คนหนึ่งใบหน้างดงามอ่อนหวานผิวพรรณเนียนละเอียดผ่องใสไร้ริ้วรอยใดๆ ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นกลับมีใบหน้าบวมแดงทั้งสองข้างแก้ม มีรอยนิ้วมือชัดเจน เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำแกง เห็นได้ชัดว่าสตรีงดงามคงเกรี้ยวกราดฟาดฝ่ามือใส่สตรีอีกนางหนึ่งเป็นแน่

    ขันทียืนมองนิ่งๆ ยังไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เพื่อสร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นในแบบที่ตนชอบกระทำ

    “พวกนางตบตีกันอย่างเห็นได้ชัดเลยเจ้าค่ะ สตรีนางนี้ตบหน้าสตรีนางนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย” นางกำนัลกล่าวพลางชี้นิ้วไปที่หนิงเหมยและหนี่ม่านตามลำดับ

    นางกำนัลยังคงไม่หยุด นางยังคงเอ่ยวาจาด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่มีผ่อนปรน “ลากพวกนางไปโบยให้หลาบจำเลยเจ้าค่ะ แล้วขับไล่ออกจากวัดไปเสีย หากคนแบบนี้ยังอยู่ในวัด คงสร้างเรื่องจนถึงพระเนตรพระกรรณ ยามนั้นพวกเรานั่นล่ะที่จะโดนลงทัณฑ์”

    ขันทีจึงถามขึ้นเสียงแหลมเล็ก “พวกเจ้าสองคนมีอะไรจะพูดหรือไม่?

    หนี่ม่านเริ่มขมวดคิ้วแน่น หากถูกไล่ออกจากวัดแล้วคุณหนูของนางจะไปนอนที่ใด รอบวัดแห่งนี้มีบ้านเรือนสักหลังเสียที่ไหน

    หนิงเหมยยังคงรักษาสีหน้าให้สงบนิ่ง ถึงแม้ในใจจะเริ่มร้อนรนเหลือเกิน นางไม่อาจบอกได้ว่าคนที่ทำให้เรื่องวุ่นวายเป็นนางกำนัลผู้นั้น  เพราะว่าอาจจะเดือดร้อนไปถึงอาเจิน แต่สภาพของหนี่ม่านก็บ่งบอกได้ชัดเจน ว่าผ่านความวุ่นวายมาอย่างรุนแรง

     “ว่าอย่างไร?” เสียงตวาดแหลมสูงของขันทียิ่งดังขึ้น “พูด!

    หนิงเหมยและหนี่ม่านถึงกับสะดุ้งเฮือก

    ขันทีเริ่มคำรามยาวเหยียด “พวกเจ้าทั้งสองกล้าทะเลาะเบาะแว้งกันในวัด ทั้งยังเป็นช่วงที่เหล่าราชวงศ์สูงศักดิ์กำลังเสด็จประทับ ไม่อยากมีหัวบนบ่ากันแล้วหรือไร?

    หนิงเหมยยังคงสงบนิ่ง ส่งผลให้หนี่ม่านที่เริ่มจะลนลานต้องพยายามทำตัวให้สงบนิ่งตาม

    และนั่นยิ่งทำให้หนึ่งขันทีและหนึ่งนางกำนัลยิ่งเดือดดาล

    ขันทีจึงชี้นิ้วส่งเสียงแหลมลึก “พวกเจ้าจงออกไปจากวัดเสีย ไม่ควรทำตัวไร้ศีลธรรมในวัดเยี่ยงนี้ ออกไป!

    หนี่ม่านเริ่มหมดความอดทน นางจะไม่ทน “ใครกันแน่ที่ผิดศีลธรรม” นางเท้าสะเอวอย่างเหลืออด “พวกท่านต่างหากที่ไร้ศีลธรรม กล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าคุณหนูของข้า” ทั้งยังไล่กันเหมือนหมูเหมือนหมา จะมากเกินไปแล้ว

    ขันทีและนางกำนัลพลันชะงัก “เจ้า!” นิ้วที่ชี้หน้าถึงกับสั่นระริก

    เสียงกังวานใสของสาวน้อยหนี่ม่านยังคงคำรามก้อง “เป็นข้าเองที่ก่อเรื่องทั้งหมด ข้าทำน้ำแกงหกใส่เสื้อตนเอง ข้าตบหน้าตัวเอง ไม่เกี่ยวกันใดกับคุณหนูทั้งนั้น” จบคำก็ตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่เพื่อพิสูจน์

    “หนี่ม่าน” ครานี้หนิงเหมยไม่อาจสงบนิ่งได้อีกต่อไป “หยุดนะ หนี่ม่าน” นางรีบจับมือของสาวใช้พัลวัน “เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้” 

    "คุณหนู อย่าห้ามบ่าวเจ้าค่ะ" 

    ทั้งสองจับมือกันและกันวุ่นวาย

    ทันใดนั้นเสียงทุ้มนุ่มพลันดังขึ้น “เกิดเรื่องใดกัน?” 

    ขันทีและนางกำนัลหันหน้าไปมองทันควัน ฉับพลันทั้งสองถึงกับทิ้งตัวคุกเข่าโขกศีรษะเสียงดัง

    หนิงเหมยและหนี่ม่านถึงกับตกใจชะงักงัน

    “เราถามว่าเกิดสิ่งใด?” เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มถามขึ้นอีกครา เขาคือเฟยหลงจวิ้นฮ่องเต้

    “ฝ่าบาท” ขันทีรีบตอบกลับเสียงสั่น “สตรีสองนางนี้ก่อเรื่องพะย่ะค่ะ พวกนางตบตีกันในวัดพะย่ะค่ะ” เขาชี้เป้าด้วยเรียวนิ้วไหวถี่ๆ

    เฟยหลงจวิ้นเบนสายพระเนตรมองตาม

    หนิงเหมยและหนี่ม่านจึงประจักษ์แจ้งทันใด ว่าชายกลางคนผู้มาใหม่ตรงหน้าเป็นใคร ทั้งสองรีบคุกเข่าโขกศีรษะทำความเคารพเจ้าแห่งแผ่นดิน

    มิคาดว่าจะได้มีโอกาสมองเห็นพระองค์ใกล้ถึงเพียงนี้ ก่อนหน้าที่ช่วยงานทางวัด พวกนางได้มองพระองค์อยู่ไกลลิบ ชะเง้อจนคอจะหลุดอยู่แล้ว

    “ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ” หนิงเหมยรีบเอ่ยคำ

    “ถะ...ถวายบังคมเพคะ” หนี่ม่านรีบเอ่ยตาม

    เฟยหลงจวิ้นยืนนิ่งจ้องมองสองสตรีอ่อนวัย จู่ๆ พระองค์คล้ายกับต้องมนต์เมื่อมองเห็นสตรีนางน้อยที่นั่งคุกเข่าตรงหน้า “อา...เจ้า”

    สุรเสียงของพระองค์สั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับน้ำเสียงเป็นทุ้มนุ่มดุจเดิม “เจ้าจงเงยหน้าให้เรามองหน่อยเถิด”

    หนิงเหมยกับหนี่ม่านที่ก้มหน้าจรดพื้นลอบมองตากันด้วยความงุนงงระคนหวาดหวั่น  

    “ไม่ได้ยินหรือไร?” ขันทีคนเดิมนามว่าเลี่ยงกงกงเอ่ยสั่งการ หากแต่เสียงเบาลงกว่าเดิมถึงแปดส่วน “ฝ่าบาทให้พวกเจ้าเงยหน้า”

    หนิงเหมยและหนี่ม่านจึงเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

    ทันทีที่เงยหน้าขึ้น สตรีทั้งสองนางจึงได้เห็นว่าฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมาทางใคร

    สายพระเนตรอันคมกริบของเฟยหลงจวิ้นพลันทอประกายเจิดจ้าจับอยู่ที่วงหน้าของหนิงเหมยคล้ายตื่นตะลึงในความงาม   

    พระสนมสามนางที่เดินตามฮ่องเต้มา พากันลอบมองหนิงเหมยด้วยสายตาหลากหลาย พวกนางต่างไม่เชื่อว่าฮ่องเต้จะทรงมีอาการอึ้งงันกับความงามเพียงเท่านี้ สตรีตรงหน้ามิได้งามมากกว่าพวกนางเลยสักนิด

    อย่าบอกนะว่าพระองค์ทรงเจอรักแท้!

    สีหน้าแปลกใจบังเกิดขึ้นโดยพร้อมเพรียง ทั้งสนมชายาและนางกำนัลติดตาม อาการเชิงดูหมิ่นและไม่ชอบใจเริ่มมีเพิ่มขึ้นมา อาการพวกนี้จะว่ามิเคยมีก็ไม่ใช่ จะว่าชินชาก็ไม่เชิง พวกนางกำลังเป็นสนมคนโปรดจากร้อยพันนาง จึงหลงระเริงไปบ้างย่อมไม่แปลก

    “พวกเจ้ากลับเข้าไปด้านใน” เฟยหลงจวิ้นฮ่องเต้ตรัสไปทางสนมชายาทั้งสาม ที่กำลังส่งสายตาดูแคลนมาทางหนิงเหมย

    พระสนมคนโปรดทั้งสามที่ได้รับคัดเลือกเป็นพิเศษ ให้เดินทางมาเยี่ยมราษฎรในครานี้ ถึงกับพากันอึ้งอย่างคาดไม่ถึง ฝ่าบาททรงไล่พวกหม่อมฉันเชียวหรือ?

    ถึงแม้จะไม่ยินยอม แต่สายพระเนตรเย็นเยียบของฮ่องเต้ทำเอาเหล่าพระสนมถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ  หากยังยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป เกรงว่าวันข้างหน้าอาจจะไม่มีที่ยืนเป็นแน่แท้

    พระสนมทั้งสามจึงพากันก้มหน้าอย่างยอมจำนนด้วยสายตาร้อนผ่าวคุกรุ่นที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มพริ้มเพรา พวกนางพากันย่อกายทำความเคารพอย่างชดช้อยสวยงาม ก่อนจะเดินกรีดกรายจากไปตามด้วยเหล่าบริวารทั้งหลายติดตามเป็นขบวน

    เมื่อสตรีชั้นสูงสามนางเดินจากไปแล้ว คงเหลือเพียงเจ้าเหนือหัวในวัยกลางคนที่ก้มหน้ามองมาทางหนิงเหมย พร้อมสายพระเนตรดำขลับตัดกับสีผิวขาวดั่งหยกสลัก นำพาให้หัวใจดวงน้อยของหนิงเหมยพลันเต้นระส่ำสั่นระรัว

    โอรสสวรรค์มีอำนาจล้นฟ้า เพียงคำสั่งเดียวก็สามารถบัญชาให้พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน หากพระองค์ทรงพึงใจนางขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องดีแน่!

    หญิงสาวเริ่มมีเหงื่อเย็นซึมตามเนื้อตัว ฝ่ามือน้อยๆ ภายใต้แขนเสื้อกำเข้าหากันแน่น นางพยายามเหลือเกินมิให้ร่างของตนเองสั่นสะท้าน

    “เจ้ามีนามว่าอย่างไร?” เสียงทุ้มต่ำนุ่มลึกของเฟยหลงจวิ้นฮ่องเต้ตรัสถาม ยามที่พระองค์ทรงเดินเข้ามาใกล้หนิงเหมยมากกว่าเดิม

    “ทูลฝ่าบาท” หนิงเหมยพยายามควบคุมเสียงของตนเองมิให้สั่น แต่ทว่าช่างยากเย็น “หม่อมฉัน หนิงเหมย เพคะ”

    “หนิงเหมยหรือ?” เฟยหลงจวิ้นย้ำนาม พลางจ้องมองนางตรงหน้าไม่วางตา

    “เพคะ ฝ่าบาท” หญิงสาวรีบก้มหน้าจรดพื้น ไม่กล้าสบตากับบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้า

    “เจ้าลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้ตรัสพลางปรายสายพระเนตรไปทางขันทีคนสนิท ให้เข้าไปช่วยจับประคองสตรีตรงหน้าให้ลุกขึ้นยืน

    “ขอบพระทัยเพคะ” หนิงเหมยทำได้แค่นั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่โดยดี ตามการช่วยจับประคองของขันทีส่วนพระองค์

    ในยามนี้เลี่ยงกงกงกับนางกำนัลก่อนหน้า ได้แต่นั่งคุกเข่าอ้าปากค้างมองตามนิ่งงัน หนี่ม่านก็เช่นกัน  

    กลิ่นอายสูงศักดิ์แผ่อำนาจบารมีในแบบที่ไม่มีใครเทียบเทียมยิ่งฉายชัด เมื่อเฟยหลงจวิ้นก้าวพระบาทเข้าใกล้หนิงเหมยมากยิ่งขึ้น

    หญิงสาวได้แต่แหงนหน้ามองพระพักตร์ของเจ้าแห่งแผ่นดินด้วยความหวาดหวั่นยากเก็บข่ม

    ดวงตาฉ่ำหวานของนางพลันเบิกโต ใบหน้างดงามของนางพลันเห่อแดง ริมฝีปากสีชมพูแวววาวเผยอน้อยๆ  

    นางมิได้เขินอาย นางมิได้ยั่วยวน หากแต่นางกำลังหายใจติดขัด นางกำลังนึกกลัวจับใจ นางไม่ต้องการต้องใจชายใด โดยเฉพาะกับบุรุษเช่นพระองค์ ที่เป็นถึงฮ่องเต้และมีสนมนางในเป็นร้อยเป็นพัน

    หญิงสาวถึงกับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว

    แต่กระนั้น ปฏิกิริยาของหนิงเหมยก็หาได้มีผลอันใดกับฮ่องเต้เฟยหลงจวิ้นไม่ พระองค์ยังทรงก้าวพระบาทเข้าประชิดร่างงามพลางเอื้อมพระหัตถ์ขึ้นเชยคางมนของนางขึ้นมา

    หนิงเหมยเบิกตาโต ลำตัวชาวาบ

    “เจ้ามีนามว่าหนิงเหมยหรือ?” พระองค์ถามขึ้นด้วยสุรเสียงดุจเดิม ทั้งทุ้มทั้งนุ่มให้ความรู้สึกยากสงบใจแก่ผู้รับฟัง

    “เพคะ” หนิงเหมยเริ่มตัวสั่นยากควบคุม ปลายนิ้วแผ่วร้อนที่แตะปลายคางของนางให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ

    “เจ้าแซ่หนิงหรือ?

    “เพคะ”

    “บิดา มารดา ของเจ้าเป็นใคร? พวกเขาเดินทางมากับเจ้าหรือไม่?

    คำถามของฮ่องเต้คงไม่แคล้วรับสตรีนางนี้เป็นพระสนมแน่แล้ว ขันทีและนางกำนัลที่ด่าทอหนิงเหมยเมื่อครู่นึกระแวงขึ้นมา พวกเขาเริ่มเหลือบตามองกันอย่างหวาดผวา หัวบนบ่าเริ่มไม่ปลอดภัยเสียแล้วกระมัง

    “ทูลฝ่าบาท บิดาของหม่อมฉันมีนามว่าหลิ่งหมิง มารดามีนามว่าหนิงเยว่ซินเพคะ พวกท่านทั้งสองมิได้เดินทางมาด้วยกับหม่อมฉันหรอกเพคะ” หนิงเหมยตอบคำตามจริง หากนางมีบิดามารดาร่วมเดินทางมาด้วยและอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาตรงนี้ ฮ่องเต้จะขอนางจากพวกเขาหรือไร? นางไม่ต้องการนะ!

    สีพระพักตร์ของเฟยหลงจวิ้นฮ่องเต้เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย คล้ายกับกำลังสงสัยในบางสิ่ง หากแต่ยังไม่ทันได้ตรัสสิ่งใด เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มผู้หนึ่งพลันเอ่ยแทรก “เสด็จพ่อ!

    เสียงนั้นเป็นเสียงของเฟยหลงเซียน เขายืนแอบมองหนิงเหมยอยู่เป็นนานแล้ว และทั้งๆ ที่เขากำลังปลอมตัวอยู่แท้ๆ แต่กลับต้องเปิดเผยตัวตนเสียนี่ หาไม่แล้ว นางคงถูกบิดาจับกินเป็นแน่

    ไม่ได้การ!

    ชายหนุ่มเดินออกมาจากมุมเฉลียงทางเดินริมลานกว้างแล้วมาหยุดคุกเข่าประสานมือทำความเคารพต่อหน้าพระพักตร์ของพระบิดา “ถวายบังคมพะย่ะค่ะ”

    หนิงเหมยกับหนี่ม่านถึงกับอึ้งงันพากันมองตามคุณชายนามว่าอาเซียนตาไม่กะพริบ

    หากได้ยินไม่ผิด อาเซียนเรียกฮ่องเต้ว่าเสด็จพ่อ!

    สตรีทั้งสองลอบมองตากันด้วยความตกใจเป็นที่สุด พวกนางล้วนคาดไม่ถึงทั้งสิ้น

    เฟยหลงจวิ้นถึงกับฉงนเมื่อได้เจอกับโอรสแห่งตนที่นี่ “ลุกขึ้นเถิด เหตุใดรัชทายาทถึงอยู่ที่นี่ เจ้ามิได้เจ็บป่วยอยู่ในตำหนักบูรพาหรอกหรือ?” อย่าบอกนะว่าหนีการเยี่ยมเยือนราษฎรและเพื่อหลบหลีกงานราชกิจก็เลยโกหกว่าไม่สบาย เจ้าลูกคนนี้!

    เฟยหลงเซียนลุกขึ้นยืนตามคำ แต่หาได้สนใจสายตาคมกริบคาดโทษที่หนีเที่ยวไม่ เขารีบเดินเข้าใกล้หนิงเหมยอีกนิดแล้วช้อนเอวนางอย่างจงใจ พร้อมสายตาที่มีความหมายตามการกระทำส่งตรงไปยังพระบิดาของตน

    เมื่อฝ่ามืออุ่นแตะต้องเอวเล็ก เจ้าของร่างระหงถึงกับยืนตัวเกร็ง

    พระขนงของเฟยหลงจวิ้นถึงกับขมวดพันกัน

    เหล่าทหาร ขันทีและนางกำนัลที่ยืนห่างออกไปเพื่อรอรับใช้รีบก้มหน้ามิกล้ามองอันใดทั้งสิ้น

    ศึกชิงสาวงามระหว่างพ่อลูกกำลังจะเกิดขึ้นกระนั้นหรือ?

    หนิงเหมยเริ่มรู้สึกได้ว่ากำลังเกิดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นางย่อมรู้ตัวว่าตนเองมิใช่สตรีดีเด่น ทั้งยังมิได้งามล้ำอันใดมากมาย แต่เหตุไฉนกลับมีบุรุษเหนือฟ้าเหนือแผ่นดินถึงสองคน มาทำท่าทางคล้ายต้องการแย่งชิงนางอย่างนี้กัน และที่สำคัญ...ที่นี่คือวัดใช่หรือไม่? มันไม่ถูกต้อง!

    เมื่อหญิงสาวตระหนักได้อย่างนั้น นางจึงรีบเบี่ยงลำตัวออกจากการคุกคามของสองบุรุษต่างวัยแล้วคุกเข่าลงพื้นเสียงดัง “ขอทรงพระเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ” โปรดปล่อยนางไปเถิดนางกลัวแล้ว!

    หนิงเหมยก้มหน้าแนบพื้น ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับชายใดทั้งนั้น

    หนี่ม่านที่คุกเข่าอยู่ไม่ไกลจากหนิงเหมยเริ่มลนลานตามนายสาว นางก้มหน้าโขกศีรษะช่วยขอร้อง “โปรดเมตตาคุณหนูด้วยเพคะ”

    เฟยหลงจวิ้นและเฟยหลงเซียนก้มหน้ามองหนิงเหมยนิ่งงันก่อนจะเงยหน้ามองกันไม่เอ่ยคำใด

    ขันทีที่อยู่ในเหตุการณ์นึกหวาดกลัวแทนเสียจริง สตรีสองนางนี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าขัดพระประสงค์เชียวหรือนี่ ส่วนนางกำนัลกลับรู้สึกดูแคลนยิ่งนัก พวกนางใคร่ต้องตาบุรุษสูงศักดิ์หนักหนาแต่กลับไม่มีโอกาส แต่ดูเถิด! สตรีตรงหน้ากลับปฏิเสธ! พวกนางกำนัลอยากถอดวิญญาณไปเข้าร่างของสตรีนางนั้นแทนเสียจริง!

    เฟยหลงเซียนเห็นหนิงเหมยเริ่มสั่นเทาคล้ายนกน้อยอย่างนั้นจึงรีบเอ่ยกับพระบิดา “เสด็จพ่อกำลังทำให้สตรีของกระหม่อมตกใจเสียแล้ว” เขากล่าวคำด้วยท่าทีสบายๆ คล้ายมิได้จริงจัง แต่ทว่าประโยคที่เอื้อนเอ่ยกลับนำพาซึ่งอาการชะงักงันของบุคคลรายรอบ กระทั่งเฟยหลงจวิ้นยังแสดงออกทางสีพระพักตร์ถึงความประหลาดใจ

    ชายหนุ่มรีบโน้มตัวลงจับประคองหนิงเหมยให้ลุกขึ้นยืน พลางกล่าวเรียบเรื่อย “พวกเราสองคนกำลังถือศีลกินเจที่วัดพะย่ะค่ะ”

    หนิงเหมยรีบลุกขึ้นยืนอย่างให้ความร่วมมือ มิใช่ว่านางจะสัมผัสไม่ได้ถึงการช่วยเหลือจากชายหนุ่ม สถานการณ์ตรงหน้ายามนี้ การปฏิเสธความช่วยเหลือ คงมิใช่การดี

    เสียงทุ้มต่ำของรัชทายาทหนุ่มยังคงเอ่ยให้ได้ยิน “นางกำลังช่วยเหลืองานทางวัดอย่างขยันขันแข็ง อา...ยังเหลืองานอีกมาก เรารีบไปช่วยกันทำเถิด” จบคำก็รีบจับมือนางเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน

    แต่ก่อนที่ชายหนุ่มหญิงสาวจะพากันเดินไป สุรเสียงเย็นเยียบของเฟยหลงจวิ้นพลันดัง “นางเป็นสตรีของเจ้าหรือ?

    เฟยหลงเซียนรีบรับคำ “พะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”

    คล้ายกับว่าพระองค์ยังทรงไม่เชื่อ จึงถามย้ำไปทางหนิงเหมยอีกครา “จริงหรือ?

    เฟยหลงเซียนลอบปรายตามองหนิงเหมยอย่างลุ้นระทึก

    หญิงสาวไม่มีเวลาคิดอันใดทั้งสิ้น นางรีบตอบ “เพคะ ฝ่าบาท”

    ชายหนุ่มแอบถอนหายใจอยู่ในอก

    หนี่ม่านก็เช่นกัน

    เฟยหลงเซียนและหนิงเหมยลอบมองตากันแล้วรีบสะกิดมือกันด้วยความหมายเดียวกันโดยมิได้นัดหมายว่า รีบไปกันเถิด!

    แต่ขณะที่กำลังทำความเคารพ เพื่อจะพากันหันหลังแล้วก้าวเท้าหมายเดินจาก พลันเกิดเสียงหัวเราะนุ่มลึกจากเฟยหลงจวิ้นฮ่องเต้

    “...!?

    สองชายหญิงลอบกลืนน้ำลายลงคอ หนี่ม่านเองก็ลุ้นจนตัวเกร็ง

    “เจ้ามีคนรักแล้วหรือ? เป็นนางจริงๆ หรือ? เซียนเอ๋อร์” เฟยหลงจวิ้นถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี หาได้มีอาการเคืองขุ่นแม้แต่น้อย “ดีๆ” ทั้งยังตรัสปิดท้ายพร้อมแย้มสรวลกว้างขวาง

    เฟยหลงเซียนคลี่ยิ้มน้อยๆ รีบก้มหน้าน้อมรับ

    เฟยหลงจวิ้นยังคงตรัสออกมาด้วยสุรเสียงคล้ายผ่อนคลายสบายใจหนักหนา “ถ้าเช่นนั้นงานมงคลคงอีกไม่นาน เราจักเร่งดำเนินการให้ หวังกงกง!” พระองค์เรียกขันทีคนสนิท

    “พะย่ะค่ะ” หวังกงกงรีบก้าวเท้าเดินหน้าแล้วคุกเข่ารอคำรับสั่ง

    “เตรียมสินสอดให้พร้อม เดินทางออกจากวัดเมื่อไหร่ ราชโองการมอบสมรสพระราชทานต้องถึงบ้านของนางทันที”

    “หา! 

    เฟยหลงเซียน หนิงเหมย หนี่ม่าน ล้วนคาดไม่ถึงเมื่อได้ยิน

    เหล่าขันทีและนางกำนัลล้วนผิดคาดเพื่อได้รับฟัง นึกว่าจะเกิดสงครามแย่งชิงหญิงงามระหว่างพ่อลูก แต่กลับได้สมรสพระราชทานปานสายฟ้าฟาด!

    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลี่ยงกงกงกับนางกำนัลผู้เดือดดาลนามว่าฮุ่ยเจียงที่เป็นลมล้มพับหมดสติไปแล้ว ทั้งสองนั้นได้ตระหนักเสียยิ่งกว่าตระหนัก เมื่อคราแรกคิดว่าการเป็นพระสนมอาจทำให้ทั้งสองลำบากมากแล้ว แต่การได้เป็นพระชายาในองค์รัชทายาทนั้นนับได้ว่าย่ำแย่ยิ่งกว่า เงาหัวของพวกเขาคงไม่มีอีกต่อไป

    เฟยหลงจวิ้นยังทรงพระสรวลอย่างอารมณ์ดี พลางหมุนพระวรกายย่างพระบาทจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงสีหน้าอันหลากหลายรายรอบ 

    ขบวนเสด็จจากไปแล้ว แต่ร่างสูงโปร่งงามสง่าและร่างเล็กบางระหง ยังคงยืนงงมองหน้ากันอึ้งงัน

    หนี่ม่านยังคงนั่งคุกเข่าเงยหน้าอ้าปากค้าง

    สายลมเยียบเย็นโชยแผ่ว พาใบไม้บนพื้นกลางลานลอยตัวปลิวไป สายลมนั้นมิได้เกิดเสียงดังอันใด หากแต่ในโสตประสาทของเฟยหลงเซียนและหนิงเหมย กลับได้ยินเป็นเสียงหวีดหวิวดังกังวานจนหูอื้อไปหมดแล้ว...



    นิยายสาวใช้พระกาฬ ฉบับ E-Book คลิก>>>สาวใช้พระกาฬ

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0NTM5NSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg1ODk5Ijt9

    Thumbnail Seller Link
    สาวใช้พระกาฬ
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    จะเป็นอย่างไรเมื่อทายาทสาวน้อยจ้าวยุทธ์ ต้องมาอยู่ในคราบสาวใช้ของนายสาวผู้อ่อนแอ..."คุณหนูท่านรักบุรุษผู้นั้น""ข้ากับเขาคบหากันมา...


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×