ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นางร้ายพ่ายรัก(ดวงใจรัชทายาท)ภาคทะลุมิติรัก [จบ]

    ลำดับตอนที่ #11 : ร้ายกว่าหลินหลินก็หยางหยางนี่แหล่ะ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.74K
      175
      21 พ.ย. 66

    เช้าวันรุ่งขึ้นหลินหลินจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จแล้วจึงรีบกระวีกระวาดเพื่อจะออกไปทำงานตามตารางที่ได้อ่านเอาไว้เมื่อคืน 

    เธอต้องออกจากคอนโดก่อนเวลาสักหนึ่งชั่วโมงเผื่อรถติดและเผื่อว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรหลายๆอย่างก่อนเริ่มงาน

    ถึงแม้ว่าในตารางงานนั้น ทางทีมงานจะเผื่อเวลาให้แต่งหน้าแต่งตัวเอาไว้แล้วก็เถอะ 

    แต่เธอก็มักจะชอบไปก่อนนักแสดงคนอื่นๆอยู่เสมอ

    เพราะว่าเธอชอบจะเป็นฝ่ายที่จะได้นั่งสวยๆรออยู่ก่อนเพื่อประเมินคนที่มาหลังเธอ มากกว่าจะเป็นฝ่ายโดนประเมินเมื่อเดินเข้าไปทีหลังคนอื่นๆ

    "บ๊ายบาย หยางหยาง" หลินหลินเอ่ยทักทายเสียงใสด้วยประโยคบอกลาไปทางชายหนุ่มลึกลับที่ยืนกอดอกตัวตรงอย่างสง่างามมองมาด้วยสายตาคมเข้มเปี่ยมเสน่ห์เหมือนเช่นเคยอยู่ตรงผนังห้องไม่ไกลจากที่เธอเดินออกมาจากห้องของเธอ

    หญิงสาวหายตัวออกไปจากห้องโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะฟังเข้าใจหรือเปล่า 

    เธอกำลังรีบ

    หลี่หงจินหยางเพียงยืนมองตามร่างระหงสมส่วนที่แต่งกายด้วยชุดแปลกประหลาดเหมือนเช่นปกติ กำลังเดินออกไปจากในห้องพร้อมกับประโยคที่ทำให้เขาปวดขมับเวลารับฟังเหมือนเช่นเดิม 

    แต่เมื่อเขามองจากลักษณะท่าทางการกระทำของนางแล้วเขาจึงพอจะเข้าใจได้บ้างว่านางคงจะกล่าวลาแก่เขา

    "บ๊ายบาย..." เสียงทุ่มต่ำของชายหนุ่มทวนคำเบาๆ ด้วยแววตาสับสนระคนขบขัน ก่อนจะเดินไปทางห้องครัว 

    เขาได้ยินเสียงของหลินหลินลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างในห้องแห่งนี้ ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง 

    เมื่อเดินมาถึงด้านในของห้องครัวแห่งนี้เขาพลันสะดุดกับอาหารบนโต๊ะ 

    มันหน้าตาแปลกประหลาดจนเขาต้องขมวดคิ้วคมเข้มเข้าหากัน  

    คนทำแปลกประหลาด อาหารย่อมต้องแปลกประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย 

    หลี่หงจินหยางคิดในใจขณะมองสำรวจไปยังอาหารบนโต๊ะอย่างระแวง 

    เขาเห็นเป็นแผ่นอะไรซักอย่างมีลักษณะไหม้เกรียมสีผิดเพี้ยนจากเดิม ซึ่งจากที่เขาประเมินดูแล้วมันคงเคยเป็นสีขาว และมีก้อนอะไรบางอย่างอีกสองชิ้น  อันหนึ่งมีรูปร่างกลมๆแบนๆอีกอันหนึ่งมีรูปร่างเป็นแท่งยาวๆ

    มันกินได้ใช่หรือไม่?

    ชายหนุ่มคิดในใจขณะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะนั้น

    เขาค่อยๆเอื้อมมือขึ้นหยิบอาหารขึ้นมาชิ้นหนึ่งพิจารณาก่อนใส่ปากแล้วเคี้ยวลงคออย่างยากลำบาก   

    เขายังไม่ชินจริงๆกับทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่

    โดยเฉพาะนาง!

    นางเป็นสตรีที่เขาไม่ควรมาเจอ  ไม่ควรมาอยู่ใกล้ๆอย่างสิ้นเชิง 

    ถ้าเป็นที่แคว้นต้าหลี่ของเขา

    เขาคงจะสั่งขังนางเอาไว้ไม่ให้ได้ออกไปที่ไหน

    เพราะเกรงว่าจะเป็นภัยแก่บุรุษทั้งหลาย  

    ชายหนุ่มคิดในใจอย่างนั้นขณะกินอาหารที่หลินหลินทำเอาไว้ให้ก่อนที่นางจะออกจากห้องไป  

    เขาเคยชินกับการที่มีบ่าวไพร่มาคอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ให้เมื่อยามอยู่ที่แคว้นต้าหลี่ 

    ด้วยฐานะฐานันดรของเขาย่อมมีข้าราชบริพารล้อมหน้าล้อมหลังคอยจัดการทุกอย่างให้เป็นอย่างดี  ทั้งเสื้อผ้าอาภร  ทั้งอาหารการกิน 

    ทุกอย่างเพียงแค่เขาออกปากสั่งทุกคนก็พร้อมนำมันมาประเคนให้เขาถึงที่ 

    เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับการกระทำเล็กๆน้อยๆของหลินหลิน 

    เพียงแต่...

    สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกได้เกี่ยวกับตัวนาง 

    คือนางไม่มีใคร...

    นางอยู่คนเดียว   

    นางทำทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียว

    นางเป็นสตรีที่ไม่มีใครให้พึ่งพิงอย่างเห็นได้ชัด

    ถึงแม้ว่าเขาพอจะมองออกว่าสิ่งที่นางกำลังทำให้เขา  นางทำเพื่อหวังประโยชน์บางอย่างจากตัวเขา 

    นางไม่มีความจริงใจใดๆในการกระทำ 

    แต่เขาก็ยังคงปล่อยให้นางได้ทำ  

    ถ้าเป็นยามปกติแล้ว เขาจะไม่มีทางให้สตรีนางใดได้เข้าใกล้เขา

    ยิ่งที่เป็นสตรีเจ้าเล่ห์เจ้ามารยาด้วยแล้ว 

    เขาคงสั่งให้คนนำนางไปถ่วงน้ำกระมัง

    ถึงแม้ว่าเขาจะมาจากสถานที่อื่น 

    แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ที่เขาคุ้นชิน 

    แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องอยู่กับนาง  

    หลังจากที่นางพาเขาชมเมือง  พาเขาปรับสภาพให้คุ้นเคยกับความเป็นอยู่การดำเนินชีวิตของผู้คนที่นี่ 

    เขาได้ลองประเมินและไตร่ตรองดูแล้วมันไม่ได้ยากอะไร กับการที่จะต้องอยู่ที่นี่  เขาสามารถอยู่ได้โดยไม่มีนาง

                ในแคว้นต้าหลี่ที่เขาจากมานั้น เขาต้องฆ่าคนไม่เว้นแต่ละวัน  ต้องจับอาวุธออกศึกอย่างบ้าคลั่ง  ต้องสร้างขุมกำลังแผ่ขยายอำนาจอยู่ตลอดเวลา  ต้องปกครองไพร่พลร่วมแสนชีวิตต้องเป็นผู้นำดูแลเหล่าสมุนในอาณัตินับไม่ถ้วน  ต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่อยู่ตลอดเวลา 

    ผิดกับการอยู่ที่นี่อย่างสิ้นเชิง

    และกับนาง

    ถ้าหากเขาไม่ยินยอมแน่นอนว่านางไม่มีทางชักจูงเขาได้

    แต่เขา...

     *******************

     

    ภายในห้องแต่งตัวของสตูดิโอแห่งหนึ่งที่ใช้เป็นสถานที่เคสติ้งละครเรื่อง วุ่นนักรักซะเลย  

    หลินหลินกำลังนั่งแต่งหน้าทำผมด้วยช่างมืออาชีพอยู่ข้างๆดาราวัยรุ่นอีกคนหนึ่ง

    เธอมีชื่อว่า นภัทร์ 

    เธอคนนี้น่าจะเป็นเด็กเส้น 

    หน้าตาก็งั้นๆ ทำไมถึงกล้ามาเคสติ้งบทนางเอกแข่งกับเธอ 

    หลินหลินเหล่ตามองด้วยหางตาของเธออย่างประเมินผู้หญิงที่ชื่อนภัทร์พลางคิดอยู่ในใจ

    ซักพักหญิงสาวจึงดึงสายตาของตนเองกลับมาก่อนที่ผู้หญิงที่มีชื่อว่านภัทร์จะรู้ตัวว่าถูกเธอมองอยู่  

    เธอต้องคิดแผนสกัดดาวรุ่งซะแล้ว  

    ไม่ได้หรอก  

    ละครเรื่องนี้เธอต้องได้เป็นนางเอก!

    หึ!

     

    เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเคสหน้ากล้อง

    หลินหลินสามารถเคสหน้ากล้องจนผ่านไปอย่างราบรื่น

    ต่อมาหลังจากที่หลินหลินได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเพียงมานั่งสวยๆอย่างเงียบสงบอยู่ภายในห้องแต่งตัวปล่อยให้ข้างนอกพากันวุ่นวายตามแผนการของเธอ

    เพียงไม่นานเสียงของพี่ทีมงานคนหนึ่งก็เดินกระหืดกระหอบมาทางหลินหลินก่อนเอ่ยถาม  "คุณน้องหลินหลินคะ เห็นนภัทร์บ้างหรือเปล่าคะ" 

    หลินหลินละสายตาจากโทรศัพท์ในมือเงยหน้าขึ้นมองสบตากับพี่ทีมงานด้วยแววตาใสซื่อ ใบหน้าได้รูปทำท่าครุ่นคิดอย่างให้ความร่วมมือ

    เธอขมวดคิ้วนิดนึงกลอกตาเล็กน้อยก่อนเอ่ย

    "ขอหลินหลินคิดก่อนนะคะ อืม..."  

    หลินหลินคิดอย่างใจเย็นให้คนฟังรออย่างใจจดใจจ่อ ก่อนพูดด้วยประโยคที่ไม่ได้ช่วยอะไร  "ไม่เห็นเลยค่ะ"

    "ขอบคุณค่ะ คุณน้อง" พี่ทีมงานรีบขอบคุณตามมารยาทก่อนทำท่าจะเดินผละไป  

    "ให้หลินหลินช่วยตามหาให้มั้ยคะพี่" หลินหลินเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำใจไปทางพี่ทีมงาน

    "ไม่เป็นไรค่ะ คุณน้องหลินหลินต้องรอถ่ายฟิตติ้งเซตต่อไป ขอบคุณค่ะ" 

    หลินหลินมองตามพี่ทีมงานไปก่อนจะนั่งก้มดูตารางงานในโทรศัพท์ที่บริษัทส่งมาให้อย่างใจเย็นอย่างต่อเนื่อง

    "แย่จัง ห้องน้ำปิดทำความสะอาด" เสียงของผู้หญิงคนพลันหนึ่งดังขึ้นเพื่อบอกกล่าวแก่หลินหลิน เธอคนนี้เป็นช่างทำผมให้หลินหลิน "พี่ต้องอ้อมไปเข้าอีกฝั่งหนึ่ง เสียเวลาเลยค่ะน้องหลินหลิน"

    "ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ หลินรอได้" หลินหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์

    "น้องนภัทร์ล่ะคะ เห็นเขาวิ่งหากันให้วุ่น สงสัยถอดใจไม่เคสแล้ว" ผู้หญิงคนเดิมชวนหลินหลินคุยขณะเข้ามาทำผมให้หลินหลิน

    "ออกไปกับหนุ่มหล่อที่ไหนแล้วหรือเปล่าคะ" หลินหลินพูดหยอกเล่นอย่างตั้งใจ

    "อุ๊ยตาย!  คุณน้องไปรู้อะไรมาคะ"

    "หลินพูดเล่นค่ะคุณพี่  อาจจะแค่รูปลักษณ์เหมือนกัน คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกค่ะ แหม!"

    "แล้วไปค่ะคุณน้อง" จบคำสองสาวเพียงหัวเราะให้กันคิกคักอย่างไม่มีความหมายตามมารยาทสังคม

    หลังจากที่หลินหลินได้โชว์ฝีมือในการสวมบทบาทของนางเอกในละครเรื่องวุ่นนักรักซะเลยให้ผู้กำกับและทีมงานได้ชมโดยไร้คู่แข่งแล้วนั้น จึงเป็นอันสรุปได้ว่าบทนางเอกที่จะได้ฟิตติ้งในลำดับต่อไปคงไม่ใช่ใครนอกจากเธอ  

    เนื่องจากว่าหลินหลินนั้นมีเวลาให้กับงานละครอาทิตย์ละสามวันเพราะต้องแบ่งเวลาเอาไปเรียนและงานอื่นๆอีกตามเงื่อนไขของบริษัทต้นสังกัดของเธอ 

    ดังนั้นแล้วเมื่อเคสหน้ากล้องเสร็จแล้วจึงต้องเร่งทำการฟิตติ้งกันเลย

    เรียกได้ว่าถ้าโผล่หน้ามาล่ะก็ถูกใช้งานกันคุ้มเลยทีเดียว

    และในระหว่างที่หลินหลินกำลังนั่งรอการเซตฉากสำหรับฟิตติ้งนั้นเสียงโวยวายของนภัทร์ก็ดังขึ้นมา  

    "ภัทร์ถูกขังไว้ในห้องน้ำจริงๆนะคะ พี่"  นภัทร์กำลังแก้ตัวกับพี่เลี้ยงของเธอที่พาเธอมาเคสติ้งในวันนี้

    "มันจะเป็นไปได้ยังไง ถ้าถูกขังเอาไว้จริงๆ โทรศัพท์มาบอกก็ได้" พี่เลี้ยงของเธอถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์และไม่ต้องการรับฟัง เธอคงคาดหวังเอาไว้มากแล้วก็คงผิดหวังอย่างแรง

     "ก็โทรศัพท์พัง" นภัทร์ยังคงเถียงพี่เลี้ยงคอเป็นเอ็น

    "อะไรจะบังเอิญปานนั้น เมื่อเช้ายังโทรคุยกันได้อยู่"

    "ก็..." นภัทร์อึกอักพลางหันมาทางหลินหลิน  "ก็มีคนแกล้งภัทร์"

    หลินหลินเห็นสายตาที่มองมาจากนภัทร์ที่ยืนคุยกับพี่เลี้ยงอยู่ไม่ไกลกันจึงมองตอบกลับไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า  อย่ามาหาเรื่อง! 

    ในเมื่อไม่มีหลักฐานชี้ชัดใดๆ แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดจาพล่อยๆให้ตัวเองเสียหน้าเสี่ยงอื้อฉาว   

    นภัทร์จึงเงียบไป  ก่อนจะเดินกระแทกกระทั้นด้วยอาการเอาแต่ใจอย่างไม่ปิดกั้นแล้วออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยไม่มีการร่ำลาผู้หลักผู้ใหญ่ในกองละครหรือทีมงานคนใด

    หลินหลินเพียงปรายตามองตามอย่างนึกสะใจด้วยใบหน้าเรียบเฉยเก็บกดอารมณ์กรี๊ดกร๊าดสุดๆเอาไว้เป็นอย่างดี

    อันที่จริง เรื่องราวของนภัทร์มีต้นเหตุมาจากหลินหลิน

    เหตุการณ์ก่อนหน้านี้นั้น หลินหลินได้อาศัยจังหวะที่ยัย นภัทร์นั่นกำลังยกน้ำส้มขึ้นดื่ม เธอจึงทำทีลุกขึ้นพรวดพราดจนชนเข้ากับช่างทำผมของเธอ จนช่างทำผมของเธอเซถอยหลังไปชนเข้ากับนภัทร์ที่กำลังกระดกแก้วน้ำส้มดื่มอยู่  

    ผลที่ได้ก็คือน้ำส้มหกใส่เสื้อผ้าและโทรศัพท์ของนภัทร์ 

    และในขณะที่นภัทร์ไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำส้มนั้น หลินหลินก็แอบเดินตามไป รอจนยัยนั่นเข้าห้องน้ำแล้วเธอก็เอาป้ายทำความสะอาดมาแขวนไว้ก่อนจะล็อคประตูชั้นนอกแล้วค่อยๆเอาอะไรแข็งๆเล็กๆมาขัดไว้กับกลอนประตูห้องน้ำที่นภัทร์เข้าไป

    เสร็จแล้วเธอก็มารอเรียกเคสติ้งอยู่อย่างใจเย็น 

    เดิมทีนั้นผู้กำกับสั่งทีมงานบอกว่าให้รอนภัทร์ให้มาเคส 

    แต่หลินหลินโวยวายว่าถ้ารอนภัทร์ เธอก็จะไม่เคส ให้ทางทีมงานเลือกเอาว่าจะเคสคนที่พร้อมตรงนี้หรือจะรอคนที่ยังไม่มา 

    ถ้ารอ เธอก็จะสละสิทธิ์

    ให้ทีมงานรอจนเวลาล่วงเลยไม่ได้งานไม่ได้การ

    สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมเธอด้วยเหตุผลนี้นั่นเอง  

    แต่จะว่าไป เขาคงเลือกเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมั้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคู่แข่งแค่ยัยนภัทร์อะไรนั่นคนเดียวหรอก

    หลินหลินคิดในใจอย่างหลงตัวเอง ขณะขับรถเลี้ยวเข้าไปที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพื่อให้ทันเข้าเรียนตอนบ่ายโมง

     วันนี้มีเรียนวิชาที่หลินหลินคิดว่ามันยากมากๆแถมยังต้องทำรายงานกันเป็นกลุ่มๆอีก

    หลินหลินจึงตัดสินใจเข้าหาคนที่ท่าทางเรียนเก่งที่สุดในชั้นเรียนแล้วหลอกล่อด้วยอาหารมื้อค่ำกับหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟค ที่อยู่ในสังกัดเดียวกันกับเธอ 

    และมันก็ได้ผล 

    เพื่อนเธอคนนี้ยอมทำรายงานให้เธอแต่โดยดี

    แม้เธอจะยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครให้เป็นหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟคมาให้เพื่อนคนนี้ก็ตามที  เดี๋ยวเอาไว้ค่อยเลือกจากผู้ชายใน สต๊อกของเธอก็แล้วกัน  

    เวลาเรียนที่ต้องนั่งเรียนในห้องเรียนนั้นหลินหลินไม่ค่อยจะมีปัญหา เพราะว่าเธอมักจะทำมันได้ดีอยู่เสมอ 

    เพียงแต่ว่า ถ้าหากจะต้องทำรายงานเป็นกลุ่มๆแล้วต้องให้มายุ่งวุ่นวายกันที่บ้านของเธอหรือจะต้องให้เธอคอยวิ่งตามไปที่นั่นที่นี่กับบรรดาสมาชิกในกลุ่มนั้น เธอไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่

    มันจึงไม่แปลกที่วิชามนุษยสัมพันธ์ของเธอจึงเป็นวิชาที่เธอเรียนได้คะแนนน้อยที่สุดมาโดยตลอด 

    เวลาต่อมา...เมื่อเรียนเสร็จแล้วหลินหลินก็ตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อไปร่วมงานอีเว้นท์เครื่องสำอางสำหรับวัยรุ่นต่อเลย 

    ภายในห้องแต่งตัวเธอเห็นดาราวัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่จะได้ร่วมอีเว้นท์กับเธอในวันนี้  เธอเพียงทักทายตามมารยาทก่อนจะนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผม

    เพียงไม่นานทีมงานก็นำชุดที่จะต้องใส่ขึ้นบนเวทีในวันนี้เข้ามา

    มีชุดสีแดงหนึ่งชุดกับชุดสีส้มอีกหนึ่งชุด

    ทีมงานให้เธอกับอีกคนหนึ่งเลือกชุด

    และแน่นอนเธอต้องจะต้องได้เลือกก่อน แต่...

    แต่ยัยดาราอีกคนหนึ่งนั้นดันตะโกนออกมาว่าจะเอาชุดสีแดงในขณะที่หลินหลินกำลังคิดอยากจะใส่ชุดสีแดงเหมือนกัน   

    ศึกการแย่งชุดจึงเกิดขึ้น

    ช่วยไม่ได้!

    เรื่องนี้ต้องโทษทางทีมงานที่ให้ดาราเป็นฝ่ายเลือกชุดด้วยตัวเอง

    และสุดท้ายความชุลมุนที่ทวีความรุนแรงด้วยความบ้าคลั่งของหลินหลินที่ไร้ซึ่งขีดจำกัดจึงจบลงด้วยการที่หลินหลินได้ใส่ชุดสีแดงขึ้นเวทีนั่งเอง...

     

     

    เวลาผ่านไปจนค่ำคืนแห่งราตรีของเมืองหลวงมาเยือนอยู่เป็นนาน

    เมื่อหลินหลินกลับมาถึงคอนโดเธอจึงรีบเข้าไปอาบน้ำเพื่อจะได้รีบมามาร์กหน้า เพราะว่าวันนี้ทั้งวันเธอต้องแต่งหน้าเช็ดหน้าอยู่หลายรอบจึงต้องรีบบำรุงโดยเร็ว 

    หลินหลินทำการมาร์กหน้าเอาไว้โดยไม่สนใจสายตาคมดุของใครบางคนที่กำลังนั่งตัวโตอยู่ตรงโซฟา  

    สงสัยจะโมโหหิว!  หลินหลินคิดในใจขณะหรี่ตามอง หยางหยางของเธอที่นั่งงามสง่าอย่างผู้สูงศักดิ์เหนือคำบรรยายอยู่ตรงโซฟา

    "รอแป๊บนะ" หลินหลินเอ่ยออกไปทางหยางหยางก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพูดผิด   

    "ข้าหมายถึง รอสักครู่เจ้าค่ะ"  เธอพูดใหม่อีกครั้งขณะดึงแผ่นมาร์กหน้าออก ก่อนจะเดินเข้าไปทางห้องครัว  

    เธอเองก็หิวเหมือนกันจึงคิดว่าหยางหยางก็คงหิวด้วย

    ชายหนุ่มเจ้าของชื่อหยางหยางที่หลินหลินถือวิสาสะเรียกอยู่ตลอดเวลาเพียงปรายสายตาคมเฉี่ยวมองตามหลังร่างระหงของหญิงสาวที่กำลังเดินเข้าไปทำอะไรบางอย่างในครัว

    นอกจากจะเป็นปีศาจราคะแล้วยังเป็นปีศาจราตรีอีกด้วย! 

    ชายหนุ่มคิดในใจขณะมองกลับไปทางนาฬิกาที่หลินหลินเคยบอกวิธีดูเวลาเอาไว้ก่อนหน้า 

    เข็มสั้นของนาฬิกาตอนนี้ชี้อยู่ระหว่างเลขสิบเอ็ดเกือบถึงเลขสิบสอง 

    ถ้าเป็นเวลาของยามค่ำคืนในยุคสมัยของเขามันคือเวลายามจื่อนั่นเอง

    ใยกลับบ้านเอาป่านนี้

    หลี่หงจินหยางถามนางอยู่ในใจ

     

    เวลาผ่านไปอีกซักพัก...

    เพียงไม่นานข้าวต้มพร้อมเสิร์ฟก็ส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาจากในห้องครัวตามด้วยเสียงใสๆของหลินหลินเอ่ยเรียก  

    "หยางหยาง มาๆ กินข้าวต้มกัน"  เธอต้องเอาใจใส่หยาง หยางของเธอเอาไว้ให้มากๆ เพราะเธอมักจะสร้างศัตรูเอาไว้ไม่เว้นแต่ละวัน

    วันนี้มีเพิ่มอีกสองคน

    แถมวันนี้เธอรู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามเธอตอนอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าอีกด้วย 

    ดังนั้นแล้วเธอต้องมีบอดี้การ์ด!

    บอดี้การ์ดสุดเท่ห์ที่ไม่ต้องเสียเงินค่าจ้างในราคาที่แพงหูฉี่แต่อย่างใด หึหึ!

    หลี่หงจินหยางได้ยินคำเรียกขานจากสตรีนางนี้ เขาจึงพาร่างสูงโปร่งงามสง่าของเขาเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยมาดเรียบนิ่งน่ายำเกรงพร้อมสายตาคมเข้มน่าหวาดหวั่นดั่งเช่นปกติ

    หลินหลินเพียงปรายตามองตามเขาอย่างหมายมาดต้องการอะไรบางอย่าง

    ชายหนุ่มยอมกินข้าวต้มแต่โดยดี  เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะกินได้คล่องคอ 

    ยามนี้เขาคิดถึงบรรดาบ่าวไพร่ประจำโรงครัวในวังของเขาเสียจริง 

    หลินหลินยังคงเหม่อมองหลี่หงจินหยางที่กำลังกินข้าวต้มอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงกันข้ามกับเธอด้วยสายตาคาดหวังจนชายหนุ่มรู้สึกได้

    "เจ้ามีอะไร" ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งหน้าตาเย็นชา

    "เปล๊า" หลินหลินเสียงสูงแก้ตัวหน้าตาย

    แม้คำพูดของหลินหลินนั้นหลี่หงจินหยางจะไม่เข้าใจความหมาย  แต่น้ำเสียงที่ดีดสูงขึ้นปานนั้นทำเอาชายหนุ่มเข้าใจความนัยได้ไม่ยาก เขาจึงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจ  "ว่ามา"

    ทั้งสีหน้าและแววตาอีกทั้งน้ำเสียงอย่างนั้นของหยาง หยางทำเอาหลินหลินถึงกับชะงักงันเล็กน้อย 

    เขาไม่เหมือนใครเลยจริงๆ หลินหลินคิด 

    "คือว่า" หญิงสาวเริ่มเข้าเรื่องอย่างอ้อมโลก "ในชีวิตของคนเรานั้นนะ ต้องเจอกับอะไรหลายๆอย่าง คนหลายๆแบบเยอะแยะมากมาย  ไว้ใจใครไม่ได้  ถ้าเราไม่ทำเขา  เขาก็ทำเรา ท่านว่าจริงหรือไม่"

    หลี่หงจินหยางเพียงรับฟังนิ่งๆขณะสนใจเพียงข้าวต้มในถ้วย พลางเอ่ยเสียงราบเรียบ "ถ้าเราไม่ฆ่าเขา  เขาก็ฆ่าเรา"

    "หือ!" หลินหลินอุทาน  ฆ่าเลยรึ!

    "เจ้าอยากให้ข้า ไปฆ่าใคร" 

    "หา!"

    ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยสีหน้าบ่งบอกได้ว่า การฆ่าเป็นเรื่องธรรมดา

    หลินหลินถึงกับนิ่งงันกระพริบตาปริบๆ

    ชายหนุ่มหญิงสาวเพียงนั่งจ้องหน้ากันและกันนิ่งๆโดยมีเพียงโต๊ะเล็กๆกั้นกลาง

    ฝ่ายหนึ่งจ้องหน้าหญิงสาวด้วยแววตาคมเฉี่ยวฉายแววดุดันพร้อมเชือดนิ่มๆด้วยมาดสุขุมนุ่มลึกดูดีมีชาติตระกูล

    ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยดวงตากลมโตเม้มริมฝีปากเพียงนิด ก่อนคลี่ยิ้มสดใสแฝงความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง

    ร้ายกว่าหลินหลินก็หยางหยางนี่แหล่ะ!

    เดี๋ยวพรุ่งนี้จัดเลย....

    หลินหลินคิดในใจอย่างปลื้มปริ่มไม่เปลี่ยนแปลง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×