คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ร้ายกว่าหลินหลินก็หยางหยางนี่แหล่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลินหลินจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จแล้วจึงรีบกระวีกระวาดเพื่อจะออกไปทำงานตามตารางที่ได้อ่านเอาไว้เมื่อคืน
เธอต้องออกจากคอนโดก่อนเวลาสักหนึ่งชั่วโมงเผื่อรถติดและเผื่อว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรหลายๆอย่างก่อนเริ่มงาน
ถึงแม้ว่าในตารางงานนั้น ทางทีมงานจะเผื่อเวลาให้แต่งหน้าแต่งตัวเอาไว้แล้วก็เถอะ
แต่เธอก็มักจะชอบไปก่อนนักแสดงคนอื่นๆอยู่เสมอ
เพราะว่าเธอชอบจะเป็นฝ่ายที่จะได้นั่งสวยๆรออยู่ก่อนเพื่อประเมินคนที่มาหลังเธอ มากกว่าจะเป็นฝ่ายโดนประเมินเมื่อเดินเข้าไปทีหลังคนอื่นๆ
"บ๊ายบาย หยางหยาง" หลินหลินเอ่ยทักทายเสียงใสด้วยประโยคบอกลาไปทางชายหนุ่มลึกลับที่ยืนกอดอกตัวตรงอย่างสง่างามมองมาด้วยสายตาคมเข้มเปี่ยมเสน่ห์เหมือนเช่นเคยอยู่ตรงผนังห้องไม่ไกลจากที่เธอเดินออกมาจากห้องของเธอ
หญิงสาวหายตัวออกไปจากห้องโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะฟังเข้าใจหรือเปล่า
เธอกำลังรีบ
หลี่หงจินหยางเพียงยืนมองตามร่างระหงสมส่วนที่แต่งกายด้วยชุดแปลกประหลาดเหมือนเช่นปกติ กำลังเดินออกไปจากในห้องพร้อมกับประโยคที่ทำให้เขาปวดขมับเวลารับฟังเหมือนเช่นเดิม
แต่เมื่อเขามองจากลักษณะท่าทางการกระทำของนางแล้วเขาจึงพอจะเข้าใจได้บ้างว่านางคงจะกล่าวลาแก่เขา
"บ๊ายบาย..." เสียงทุ่มต่ำของชายหนุ่มทวนคำเบาๆ ด้วยแววตาสับสนระคนขบขัน ก่อนจะเดินไปทางห้องครัว
เขาได้ยินเสียงของหลินหลินลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างในห้องแห่งนี้ ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
เมื่อเดินมาถึงด้านในของห้องครัวแห่งนี้เขาพลันสะดุดกับอาหารบนโต๊ะ
มันหน้าตาแปลกประหลาดจนเขาต้องขมวดคิ้วคมเข้มเข้าหากัน
คนทำแปลกประหลาด อาหารย่อมต้องแปลกประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่หงจินหยางคิดในใจขณะมองสำรวจไปยังอาหารบนโต๊ะอย่างระแวง
เขาเห็นเป็นแผ่นอะไรซักอย่างมีลักษณะไหม้เกรียมสีผิดเพี้ยนจากเดิม ซึ่งจากที่เขาประเมินดูแล้วมันคงเคยเป็นสีขาว และมีก้อนอะไรบางอย่างอีกสองชิ้น อันหนึ่งมีรูปร่างกลมๆแบนๆอีกอันหนึ่งมีรูปร่างเป็นแท่งยาวๆ
มันกินได้ใช่หรือไม่?
ชายหนุ่มคิดในใจขณะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะนั้น
เขาค่อยๆเอื้อมมือขึ้นหยิบอาหารขึ้นมาชิ้นหนึ่งพิจารณาก่อนใส่ปากแล้วเคี้ยวลงคออย่างยากลำบาก
เขายังไม่ชินจริงๆกับทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่
โดยเฉพาะนาง!
นางเป็นสตรีที่เขาไม่ควรมาเจอ ไม่ควรมาอยู่ใกล้ๆอย่างสิ้นเชิง
ถ้าเป็นที่แคว้นต้าหลี่ของเขา
เขาคงจะสั่งขังนางเอาไว้ไม่ให้ได้ออกไปที่ไหน
เพราะเกรงว่าจะเป็นภัยแก่บุรุษทั้งหลาย
ชายหนุ่มคิดในใจอย่างนั้นขณะกินอาหารที่หลินหลินทำเอาไว้ให้ก่อนที่นางจะออกจากห้องไป
เขาเคยชินกับการที่มีบ่าวไพร่มาคอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ให้เมื่อยามอยู่ที่แคว้นต้าหลี่
ด้วยฐานะฐานันดรของเขาย่อมมีข้าราชบริพารล้อมหน้าล้อมหลังคอยจัดการทุกอย่างให้เป็นอย่างดี ทั้งเสื้อผ้าอาภร ทั้งอาหารการกิน
ทุกอย่างเพียงแค่เขาออกปากสั่งทุกคนก็พร้อมนำมันมาประเคนให้เขาถึงที่
เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับการกระทำเล็กๆน้อยๆของหลินหลิน
เพียงแต่...
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกได้เกี่ยวกับตัวนาง
คือนางไม่มีใคร...
นางอยู่คนเดียว
นางทำทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียว
นางเป็นสตรีที่ไม่มีใครให้พึ่งพิงอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ว่าเขาพอจะมองออกว่าสิ่งที่นางกำลังทำให้เขา นางทำเพื่อหวังประโยชน์บางอย่างจากตัวเขา
นางไม่มีความจริงใจใดๆในการกระทำ
แต่เขาก็ยังคงปล่อยให้นางได้ทำ
ถ้าเป็นยามปกติแล้ว เขาจะไม่มีทางให้สตรีนางใดได้เข้าใกล้เขา
ยิ่งที่เป็นสตรีเจ้าเล่ห์เจ้ามารยาด้วยแล้ว
เขาคงสั่งให้คนนำนางไปถ่วงน้ำกระมัง
ถึงแม้ว่าเขาจะมาจากสถานที่อื่น
แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ที่เขาคุ้นชิน
แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องอยู่กับนาง
หลังจากที่นางพาเขาชมเมือง พาเขาปรับสภาพให้คุ้นเคยกับความเป็นอยู่การดำเนินชีวิตของผู้คนที่นี่
เขาได้ลองประเมินและไตร่ตรองดูแล้วมันไม่ได้ยากอะไร กับการที่จะต้องอยู่ที่นี่ เขาสามารถอยู่ได้โดยไม่มีนาง
ในแคว้นต้าหลี่ที่เขาจากมานั้น เขาต้องฆ่าคนไม่เว้นแต่ละวัน ต้องจับอาวุธออกศึกอย่างบ้าคลั่ง ต้องสร้างขุมกำลังแผ่ขยายอำนาจอยู่ตลอดเวลา ต้องปกครองไพร่พลร่วมแสนชีวิตต้องเป็นผู้นำดูแลเหล่าสมุนในอาณัตินับไม่ถ้วน ต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่อยู่ตลอดเวลา
ผิดกับการอยู่ที่นี่อย่างสิ้นเชิง
และกับนาง
ถ้าหากเขาไม่ยินยอมแน่นอนว่านางไม่มีทางชักจูงเขาได้
แต่เขา...
*******************
ภายในห้องแต่งตัวของสตูดิโอแห่งหนึ่งที่ใช้เป็นสถานที่เคสติ้งละครเรื่อง วุ่นนักรักซะเลย
หลินหลินกำลังนั่งแต่งหน้าทำผมด้วยช่างมืออาชีพอยู่ข้างๆดาราวัยรุ่นอีกคนหนึ่ง
เธอมีชื่อว่า นภัทร์
เธอคนนี้น่าจะเป็นเด็กเส้น
หน้าตาก็งั้นๆ ทำไมถึงกล้ามาเคสติ้งบทนางเอกแข่งกับเธอ
หลินหลินเหล่ตามองด้วยหางตาของเธออย่างประเมินผู้หญิงที่ชื่อนภัทร์พลางคิดอยู่ในใจ
ซักพักหญิงสาวจึงดึงสายตาของตนเองกลับมาก่อนที่ผู้หญิงที่มีชื่อว่านภัทร์จะรู้ตัวว่าถูกเธอมองอยู่
เธอต้องคิดแผนสกัดดาวรุ่งซะแล้ว
ไม่ได้หรอก
ละครเรื่องนี้เธอต้องได้เป็นนางเอก!
หึ!
เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเคสหน้ากล้อง
หลินหลินสามารถเคสหน้ากล้องจนผ่านไปอย่างราบรื่น
ต่อมาหลังจากที่หลินหลินได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเพียงมานั่งสวยๆอย่างเงียบสงบอยู่ภายในห้องแต่งตัวปล่อยให้ข้างนอกพากันวุ่นวายตามแผนการของเธอ
เพียงไม่นานเสียงของพี่ทีมงานคนหนึ่งก็เดินกระหืดกระหอบมาทางหลินหลินก่อนเอ่ยถาม "คุณน้องหลินหลินคะ เห็นนภัทร์บ้างหรือเปล่าคะ"
หลินหลินละสายตาจากโทรศัพท์ในมือเงยหน้าขึ้นมองสบตากับพี่ทีมงานด้วยแววตาใสซื่อ ใบหน้าได้รูปทำท่าครุ่นคิดอย่างให้ความร่วมมือ
เธอขมวดคิ้วนิดนึงกลอกตาเล็กน้อยก่อนเอ่ย
"ขอหลินหลินคิดก่อนนะคะ อืม..."
หลินหลินคิดอย่างใจเย็นให้คนฟังรออย่างใจจดใจจ่อ ก่อนพูดด้วยประโยคที่ไม่ได้ช่วยอะไร "ไม่เห็นเลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ คุณน้อง" พี่ทีมงานรีบขอบคุณตามมารยาทก่อนทำท่าจะเดินผละไป
"ให้หลินหลินช่วยตามหาให้มั้ยคะพี่" หลินหลินเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำใจไปทางพี่ทีมงาน
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณน้องหลินหลินต้องรอถ่ายฟิตติ้งเซตต่อไป ขอบคุณค่ะ"
หลินหลินมองตามพี่ทีมงานไปก่อนจะนั่งก้มดูตารางงานในโทรศัพท์ที่บริษัทส่งมาให้อย่างใจเย็นอย่างต่อเนื่อง
"แย่จัง ห้องน้ำปิดทำความสะอาด" เสียงของผู้หญิงคนพลันหนึ่งดังขึ้นเพื่อบอกกล่าวแก่หลินหลิน เธอคนนี้เป็นช่างทำผมให้หลินหลิน "พี่ต้องอ้อมไปเข้าอีกฝั่งหนึ่ง เสียเวลาเลยค่ะน้องหลินหลิน"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ หลินรอได้" หลินหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์
"น้องนภัทร์ล่ะคะ เห็นเขาวิ่งหากันให้วุ่น สงสัยถอดใจไม่เคสแล้ว" ผู้หญิงคนเดิมชวนหลินหลินคุยขณะเข้ามาทำผมให้หลินหลิน
"ออกไปกับหนุ่มหล่อที่ไหนแล้วหรือเปล่าคะ" หลินหลินพูดหยอกเล่นอย่างตั้งใจ
"อุ๊ยตาย! คุณน้องไปรู้อะไรมาคะ"
"หลินพูดเล่นค่ะคุณพี่ อาจจะแค่รูปลักษณ์เหมือนกัน คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกค่ะ แหม!"
"แล้วไปค่ะคุณน้อง" จบคำสองสาวเพียงหัวเราะให้กันคิกคักอย่างไม่มีความหมายตามมารยาทสังคม
หลังจากที่หลินหลินได้โชว์ฝีมือในการสวมบทบาทของนางเอกในละครเรื่องวุ่นนักรักซะเลยให้ผู้กำกับและทีมงานได้ชมโดยไร้คู่แข่งแล้วนั้น จึงเป็นอันสรุปได้ว่าบทนางเอกที่จะได้ฟิตติ้งในลำดับต่อไปคงไม่ใช่ใครนอกจากเธอ
เนื่องจากว่าหลินหลินนั้นมีเวลาให้กับงานละครอาทิตย์ละสามวันเพราะต้องแบ่งเวลาเอาไปเรียนและงานอื่นๆอีกตามเงื่อนไขของบริษัทต้นสังกัดของเธอ
ดังนั้นแล้วเมื่อเคสหน้ากล้องเสร็จแล้วจึงต้องเร่งทำการฟิตติ้งกันเลย
เรียกได้ว่าถ้าโผล่หน้ามาล่ะก็ถูกใช้งานกันคุ้มเลยทีเดียว
และในระหว่างที่หลินหลินกำลังนั่งรอการเซตฉากสำหรับฟิตติ้งนั้นเสียงโวยวายของนภัทร์ก็ดังขึ้นมา
"ภัทร์ถูกขังไว้ในห้องน้ำจริงๆนะคะ พี่" นภัทร์กำลังแก้ตัวกับพี่เลี้ยงของเธอที่พาเธอมาเคสติ้งในวันนี้
"มันจะเป็นไปได้ยังไง ถ้าถูกขังเอาไว้จริงๆ โทรศัพท์มาบอกก็ได้" พี่เลี้ยงของเธอถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์และไม่ต้องการรับฟัง เธอคงคาดหวังเอาไว้มากแล้วก็คงผิดหวังอย่างแรง
"ก็โทรศัพท์พัง" นภัทร์ยังคงเถียงพี่เลี้ยงคอเป็นเอ็น
"อะไรจะบังเอิญปานนั้น เมื่อเช้ายังโทรคุยกันได้อยู่"
"ก็..." นภัทร์อึกอักพลางหันมาทางหลินหลิน "ก็มีคนแกล้งภัทร์"
หลินหลินเห็นสายตาที่มองมาจากนภัทร์ที่ยืนคุยกับพี่เลี้ยงอยู่ไม่ไกลกันจึงมองตอบกลับไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า อย่ามาหาเรื่อง!
ในเมื่อไม่มีหลักฐานชี้ชัดใดๆ แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดจาพล่อยๆให้ตัวเองเสียหน้าเสี่ยงอื้อฉาว
นภัทร์จึงเงียบไป ก่อนจะเดินกระแทกกระทั้นด้วยอาการเอาแต่ใจอย่างไม่ปิดกั้นแล้วออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยไม่มีการร่ำลาผู้หลักผู้ใหญ่ในกองละครหรือทีมงานคนใด
หลินหลินเพียงปรายตามองตามอย่างนึกสะใจด้วยใบหน้าเรียบเฉยเก็บกดอารมณ์กรี๊ดกร๊าดสุดๆเอาไว้เป็นอย่างดี
อันที่จริง เรื่องราวของนภัทร์มีต้นเหตุมาจากหลินหลิน
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้นั้น หลินหลินได้อาศัยจังหวะที่ยัย นภัทร์นั่นกำลังยกน้ำส้มขึ้นดื่ม เธอจึงทำทีลุกขึ้นพรวดพราดจนชนเข้ากับช่างทำผมของเธอ จนช่างทำผมของเธอเซถอยหลังไปชนเข้ากับนภัทร์ที่กำลังกระดกแก้วน้ำส้มดื่มอยู่
ผลที่ได้ก็คือน้ำส้มหกใส่เสื้อผ้าและโทรศัพท์ของนภัทร์
และในขณะที่นภัทร์ไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำส้มนั้น หลินหลินก็แอบเดินตามไป รอจนยัยนั่นเข้าห้องน้ำแล้วเธอก็เอาป้ายทำความสะอาดมาแขวนไว้ก่อนจะล็อคประตูชั้นนอกแล้วค่อยๆเอาอะไรแข็งๆเล็กๆมาขัดไว้กับกลอนประตูห้องน้ำที่นภัทร์เข้าไป
เสร็จแล้วเธอก็มารอเรียกเคสติ้งอยู่อย่างใจเย็น
เดิมทีนั้นผู้กำกับสั่งทีมงานบอกว่าให้รอนภัทร์ให้มาเคส
แต่หลินหลินโวยวายว่าถ้ารอนภัทร์ เธอก็จะไม่เคส ให้ทางทีมงานเลือกเอาว่าจะเคสคนที่พร้อมตรงนี้หรือจะรอคนที่ยังไม่มา
ถ้ารอ เธอก็จะสละสิทธิ์
ให้ทีมงานรอจนเวลาล่วงเลยไม่ได้งานไม่ได้การ
สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมเธอด้วยเหตุผลนี้นั่นเอง
แต่จะว่าไป เขาคงเลือกเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมั้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคู่แข่งแค่ยัยนภัทร์อะไรนั่นคนเดียวหรอก
หลินหลินคิดในใจอย่างหลงตัวเอง ขณะขับรถเลี้ยวเข้าไปที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพื่อให้ทันเข้าเรียนตอนบ่ายโมง
วันนี้มีเรียนวิชาที่หลินหลินคิดว่ามันยากมากๆแถมยังต้องทำรายงานกันเป็นกลุ่มๆอีก
หลินหลินจึงตัดสินใจเข้าหาคนที่ท่าทางเรียนเก่งที่สุดในชั้นเรียนแล้วหลอกล่อด้วยอาหารมื้อค่ำกับหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟค ที่อยู่ในสังกัดเดียวกันกับเธอ
และมันก็ได้ผล
เพื่อนเธอคนนี้ยอมทำรายงานให้เธอแต่โดยดี
แม้เธอจะยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครให้เป็นหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟคมาให้เพื่อนคนนี้ก็ตามที เดี๋ยวเอาไว้ค่อยเลือกจากผู้ชายใน สต๊อกของเธอก็แล้วกัน
เวลาเรียนที่ต้องนั่งเรียนในห้องเรียนนั้นหลินหลินไม่ค่อยจะมีปัญหา เพราะว่าเธอมักจะทำมันได้ดีอยู่เสมอ
เพียงแต่ว่า ถ้าหากจะต้องทำรายงานเป็นกลุ่มๆแล้วต้องให้มายุ่งวุ่นวายกันที่บ้านของเธอหรือจะต้องให้เธอคอยวิ่งตามไปที่นั่นที่นี่กับบรรดาสมาชิกในกลุ่มนั้น เธอไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่
มันจึงไม่แปลกที่วิชามนุษยสัมพันธ์ของเธอจึงเป็นวิชาที่เธอเรียนได้คะแนนน้อยที่สุดมาโดยตลอด
เวลาต่อมา...เมื่อเรียนเสร็จแล้วหลินหลินก็ตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อไปร่วมงานอีเว้นท์เครื่องสำอางสำหรับวัยรุ่นต่อเลย
ภายในห้องแต่งตัวเธอเห็นดาราวัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่จะได้ร่วมอีเว้นท์กับเธอในวันนี้ เธอเพียงทักทายตามมารยาทก่อนจะนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผม
เพียงไม่นานทีมงานก็นำชุดที่จะต้องใส่ขึ้นบนเวทีในวันนี้เข้ามา
มีชุดสีแดงหนึ่งชุดกับชุดสีส้มอีกหนึ่งชุด
ทีมงานให้เธอกับอีกคนหนึ่งเลือกชุด
และแน่นอนเธอต้องจะต้องได้เลือกก่อน แต่...
แต่ยัยดาราอีกคนหนึ่งนั้นดันตะโกนออกมาว่าจะเอาชุดสีแดงในขณะที่หลินหลินกำลังคิดอยากจะใส่ชุดสีแดงเหมือนกัน
ศึกการแย่งชุดจึงเกิดขึ้น…
ช่วยไม่ได้!
เรื่องนี้ต้องโทษทางทีมงานที่ให้ดาราเป็นฝ่ายเลือกชุดด้วยตัวเอง
และสุดท้ายความชุลมุนที่ทวีความรุนแรงด้วยความบ้าคลั่งของหลินหลินที่ไร้ซึ่งขีดจำกัดจึงจบลงด้วยการที่หลินหลินได้ใส่ชุดสีแดงขึ้นเวทีนั่งเอง...
เวลาผ่านไปจนค่ำคืนแห่งราตรีของเมืองหลวงมาเยือนอยู่เป็นนาน
เมื่อหลินหลินกลับมาถึงคอนโดเธอจึงรีบเข้าไปอาบน้ำเพื่อจะได้รีบมามาร์กหน้า เพราะว่าวันนี้ทั้งวันเธอต้องแต่งหน้าเช็ดหน้าอยู่หลายรอบจึงต้องรีบบำรุงโดยเร็ว
หลินหลินทำการมาร์กหน้าเอาไว้โดยไม่สนใจสายตาคมดุของใครบางคนที่กำลังนั่งตัวโตอยู่ตรงโซฟา
สงสัยจะโมโหหิว! หลินหลินคิดในใจขณะหรี่ตามอง หยางหยางของเธอที่นั่งงามสง่าอย่างผู้สูงศักดิ์เหนือคำบรรยายอยู่ตรงโซฟา
"รอแป๊บนะ" หลินหลินเอ่ยออกไปทางหยางหยางก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพูดผิด
"ข้าหมายถึง รอสักครู่เจ้าค่ะ" เธอพูดใหม่อีกครั้งขณะดึงแผ่นมาร์กหน้าออก ก่อนจะเดินเข้าไปทางห้องครัว
เธอเองก็หิวเหมือนกันจึงคิดว่าหยางหยางก็คงหิวด้วย
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อหยางหยางที่หลินหลินถือวิสาสะเรียกอยู่ตลอดเวลาเพียงปรายสายตาคมเฉี่ยวมองตามหลังร่างระหงของหญิงสาวที่กำลังเดินเข้าไปทำอะไรบางอย่างในครัว
นอกจากจะเป็นปีศาจราคะแล้วยังเป็นปีศาจราตรีอีกด้วย!
ชายหนุ่มคิดในใจขณะมองกลับไปทางนาฬิกาที่หลินหลินเคยบอกวิธีดูเวลาเอาไว้ก่อนหน้า
เข็มสั้นของนาฬิกาตอนนี้ชี้อยู่ระหว่างเลขสิบเอ็ดเกือบถึงเลขสิบสอง
ถ้าเป็นเวลาของยามค่ำคืนในยุคสมัยของเขามันคือเวลายามจื่อนั่นเอง
ใยกลับบ้านเอาป่านนี้
หลี่หงจินหยางถามนางอยู่ในใจ
เวลาผ่านไปอีกซักพัก...
เพียงไม่นานข้าวต้มพร้อมเสิร์ฟก็ส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาจากในห้องครัวตามด้วยเสียงใสๆของหลินหลินเอ่ยเรียก
"หยางหยาง มาๆ กินข้าวต้มกัน" เธอต้องเอาใจใส่หยาง หยางของเธอเอาไว้ให้มากๆ เพราะเธอมักจะสร้างศัตรูเอาไว้ไม่เว้นแต่ละวัน
วันนี้มีเพิ่มอีกสองคน
แถมวันนี้เธอรู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามเธอตอนอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าอีกด้วย
ดังนั้นแล้วเธอต้องมีบอดี้การ์ด!
บอดี้การ์ดสุดเท่ห์ที่ไม่ต้องเสียเงินค่าจ้างในราคาที่แพงหูฉี่แต่อย่างใด หึหึ!
หลี่หงจินหยางได้ยินคำเรียกขานจากสตรีนางนี้ เขาจึงพาร่างสูงโปร่งงามสง่าของเขาเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยมาดเรียบนิ่งน่ายำเกรงพร้อมสายตาคมเข้มน่าหวาดหวั่นดั่งเช่นปกติ
หลินหลินเพียงปรายตามองตามเขาอย่างหมายมาดต้องการอะไรบางอย่าง
ชายหนุ่มยอมกินข้าวต้มแต่โดยดี เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะกินได้คล่องคอ
ยามนี้เขาคิดถึงบรรดาบ่าวไพร่ประจำโรงครัวในวังของเขาเสียจริง
หลินหลินยังคงเหม่อมองหลี่หงจินหยางที่กำลังกินข้าวต้มอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงกันข้ามกับเธอด้วยสายตาคาดหวังจนชายหนุ่มรู้สึกได้
"เจ้ามีอะไร" ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งหน้าตาเย็นชา
"เปล๊า" หลินหลินเสียงสูงแก้ตัวหน้าตาย
แม้คำพูดของหลินหลินนั้นหลี่หงจินหยางจะไม่เข้าใจความหมาย แต่น้ำเสียงที่ดีดสูงขึ้นปานนั้นทำเอาชายหนุ่มเข้าใจความนัยได้ไม่ยาก เขาจึงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจ "ว่ามา"
ทั้งสีหน้าและแววตาอีกทั้งน้ำเสียงอย่างนั้นของหยาง หยางทำเอาหลินหลินถึงกับชะงักงันเล็กน้อย
เขาไม่เหมือนใครเลยจริงๆ หลินหลินคิด
"คือว่า" หญิงสาวเริ่มเข้าเรื่องอย่างอ้อมโลก "ในชีวิตของคนเรานั้นนะ ต้องเจอกับอะไรหลายๆอย่าง คนหลายๆแบบเยอะแยะมากมาย ไว้ใจใครไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำเขา เขาก็ทำเรา ท่านว่าจริงหรือไม่"
หลี่หงจินหยางเพียงรับฟังนิ่งๆขณะสนใจเพียงข้าวต้มในถ้วย พลางเอ่ยเสียงราบเรียบ "ถ้าเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา"
"หือ!" หลินหลินอุทาน ฆ่าเลยรึ!
"เจ้าอยากให้ข้า ไปฆ่าใคร"
"หา!"
ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยสีหน้าบ่งบอกได้ว่า การฆ่าเป็นเรื่องธรรมดา
หลินหลินถึงกับนิ่งงันกระพริบตาปริบๆ
ชายหนุ่มหญิงสาวเพียงนั่งจ้องหน้ากันและกันนิ่งๆโดยมีเพียงโต๊ะเล็กๆกั้นกลาง
ฝ่ายหนึ่งจ้องหน้าหญิงสาวด้วยแววตาคมเฉี่ยวฉายแววดุดันพร้อมเชือดนิ่มๆด้วยมาดสุขุมนุ่มลึกดูดีมีชาติตระกูล
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยดวงตากลมโตเม้มริมฝีปากเพียงนิด ก่อนคลี่ยิ้มสดใสแฝงความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง
ร้ายกว่าหลินหลินก็หยางหยางนี่แหล่ะ!
เดี๋ยวพรุ่งนี้จัดเลย....
หลินหลินคิดในใจอย่างปลื้มปริ่มไม่เปลี่ยนแปลง
ความคิดเห็น