คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 4 ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า!2
หลายวันแล้ว ซิงเยว่ยังคงสลบไสลมิได้สติ
เนื่องจากนางถูกโบยไปหลายทีจนแผ่นหลังบอบบางได้แผลมีเลือดซึม ทั้งเพิ่งฟื้นคืนจากสภาพร่างกายที่เจ็บป่วยในช่วงก่อนหน้าแค่ไม่นาน
นางถูกพาตัวมารักษาในเรือนหลักทางฝั่งตะวันออกของห้องปีกข้างในเรือนพำนัก ซึ่งเป็นที่พักอาศัยแบบส่วนตัวของนายน้อยหลิว
ท่านหมอถูกเชิญตัวมาอย่างเร่งด่วน เพื่อทำการรักษาซิงเยว่ให้ทันท่วงที เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้แก่เหล่าบ่าวไพร่ทั่วทั้งคฤหาสน์
สาวใช้คนงามทั้งหลายที่รอขยับขยายฐานะขึ้นเป็นสาวใช้ห้องข้าง เพื่อได้รับสิทธิ์ติดตามนายน้อยเป็นอนุภรรยาท้ายจวนคหบดีหลิวอันยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงถึงขั้นเม้มปาก พวกนางตัวสั่นกัดฟันน้ำตาไหลพรากด้วยความริษยา
นางทาสผู้นั้นมีดีอันใด? นิสัยหรือก็หยาบกระด้าง ผิวพรรณหรือก็หยาบกร้าน ใบหน้าก็มิได้งดงามเท่าใด สายตายิ่งชั่วร้ายปานนั้น มองไม่เห็นมิตรไมตรีสักกะผีก! ไยนายน้อยถึงต้องตาต้องใจขนาดรั้งไว้ข้างกาย?
หรือนางมีดีเรื่องบนเตียง?
ทุกวาจาล้วนเป็นคำถามอันไร้ซึ่งคำตอบโดยสิ้นเชิง...
และหลิวไท่หยางไม่ใส่ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ทุกวัน ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามเป็นเอกของเขา มีแต่คำถามซ้ำไปซ้ำมา ถามย้ำแต่เรื่องเดิมๆ
เขาเพียรถามตัวเองตลอดเวลาว่าทั้งๆ ที่นางร้ายกาจปานนั้น เขาที่แค้นเคืองปานนี้ เกลียดชังนางเข้ากระดูกดำยากสั่นคลอน แต่กลับปรารถนาไปเฝ้าไข้นางถึงขอบเตียง อยากป้อนข้าวป้อนยา อยากดูแลนางด้วยตนเองเพื่ออันใด?
เหตุใดนางถึงชอบทำให้คนเป็นห่วงจนนอนไม่หลับ!
ภายในห้องหนังสือรโหฐานอันหรูหราแต่เรียบง่ายอวลบรรยากาศเคร่งขรึม
บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยังคงนั่งนิ่งคงไว้ซึ่งท่วงท่าสุภาพชนเฉกเช่นคุณชายตระกูลใหญ่ ทว่าบนใบหน้าคมคายกลับมีเรียวคิ้วที่ขมวดแน่นไร้วี่แววคลายออกเฉกนักรบคิดกลศึก
จังหวะนั้นจิ้นสิงพลันส่งเสียงนอกประตู “นายน้อย ซิงเยว่ฟื้นแล้วขอรับ”
หลิวไท่หยางยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมแน่นกว่าเดิม ความรู้สึกสับสนหลากอารมณ์ไหลวูบผ่านม่านตาดำ
นานครู่ใหญ่ค่อยเบือนใบหน้ามาทางประตูห้อง สั่งเสียงห้วน “พานางมาพบข้า!”
แม้บาดแผลจากแจกันบนศีรษะของหลิวไท่หยางจะหายดีแล้ว ทว่าเขากลับเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะหยิบผ้าขาวขึ้นมาพันเอาไว้อย่างดี ประหนึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์ไม่หายเสียที
จากนั้นก็นั่งนิ่งๆ ด้วยท่าทางงามสง่าดุจเดิม สูดหายใจลึกๆ หลับตาอยู่นานกว่าจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ประตูห้องถูกเปิดออกแผ่วเบา เรือนร่างอรชรในอาภรณ์สีขุ่นค่อยๆ เดินเข้ามาปรากฏกายเบื้องหน้า
“นายน้อย...”
ซิงเยว่เอ่ยเรียกเสียงหวาน สองเนตรคมเฉี่ยวงดงามมองอย่างเทิดทูน
ตั้งแต่ก่อนสลบสิ้นสติและหลังจากตื่นลืมตาขึ้นมา นางไม่เคยลืมเสียงห้ามปรามอย่างโกรธาและท่าทางห่วงใยปานนั้นของเจ้านายเลย นางจึงตั้งมั่นจะรับใช้ปรนนิบัติเขาอย่างดีเลิศเชียวล่ะ!
ความคิดในใจของหญิงสาวผู้เป็นบ่าวรับใช้ ชายหนุ่มผู้เป็นนายไหนเลยจักล่วงรู้
เขาไม่รับรู้อะไรเลย เพราะสองตาคมที่จ้องนางมีแต่ความแค้นเคือง
หลิวไท่หยางเห็นแค่ภาพอดีตที่นางเคยย่ำยีหัวใจเขาจนแหลกสลาย...
การแก้แค้นคนผู้หนึ่งจำเป็นต้องให้อีกฝ่ายจดจำให้ดีว่าสิ่งใดที่ทำให้แค้น...
หลิวไท่หยางจึงมีความคิดว่าจะช่วยฟื้นความทรงจำให้ซิงเยว่เสียก่อน เพื่อจะได้แก้แค้นอย่างสาสมตรงประเด็น เสียงเย็นเยียบจึงดังขึ้น “เจ้าจำได้หรือไม่ว่าทำอะไรกับข้า?”
ซิงเยว่เลื่อนสายตาขึ้นมองผ้าสีขาวรอบศีรษะบุรุษ สีหน้าพลันซีดลง เกิดความรู้สึกหม่นหมองยิ่ง
“บ่าวจำได้เจ้าค่ะ บ่าวตีนายน้อยด้วยแจกัน”
“ซิงเอ๋อร์...” น้ำเสียงของหลิวไท่หยางฉายแววดุดัน วาจาคุกคาม “เรียกตัวเองว่าซิงเอ๋อร์”
นามนี้จะยิ่งตอกย้ำให้เขาจำได้แม่นยำว่านางเคยทำสิ่งเลวร้ายอันใดไว้กับเขา
“เจ้าค่ะ” ซิงเยว่ย่อมไม่รู้ความนัย นางพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
“ซิงเอ๋อร์จำได้เจ้าค่ะ ซิงเอ๋อร์วู่วามพลั้งมือไปแล้ว ยามนั้นซิงเอ๋อร์ตกใจ ไม่นึกว่านายน้อยจะบุ่มบ่าม ทำเช่นนั้น เอ่อ...” จะพูดว่าขืนใจก็เอ่ยได้ไม่เต็มปาก
“ข้าน่ะหรือบุ่มบ่าม?” หลิวไท่หยางแค่นเสียงหยัน รู้สึกไม่สบอารมณ์ “ไยมิใช่มีเพียงเจ้าที่วู่วาม พลั้งมือ?”
ชีวิตของบ่าวรับใช้เป็นของเจ้านาย ไม่ว่าอีกฝ่ายต้องการหรือปรารถนาอันใด บ่าวไพร่ล้วนไม่อาจต่อต้านและทัดทาน
ซึ่งแน่นอนว่าเจ้านายย่อมมีสิทธิ์ทุกอย่างในเรือนร่างของสาวใช้ การทำร้ายเจ้านายเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ไม่มีสิทธิ์กระทำเด็ดขาด
ซิงเยว่ให้รู้สึกผิดยิ่งนัก “ใช่แล้วเจ้าค่ะ เป็นซิงเอ๋อร์ที่วู่วามเกินไป ขอนายน้อยโปรดอภัย”
“อภัยหรือ?” ชายหนุ่มยิ่งแค่นเสียงเย็น สีหน้าเคร่งเครียด “ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า!”
หญิงสาวได้ยินก็ตื่นตระหนก คิดในใจว่าแย่แล้ว “นายน้อยให้ซิงเอ๋อร์ทำอะไรก็ได้เจ้าค่ะ ต่อให้เป็นวัวเป็นม้า ซิงเอ๋อร์ยอมทั้งนั้น ขอแค่ท่านหายโกรธซิงเอ๋อร์”
รอยยิ้มสมใจพลันปรากฏตรงมุมปาก แววตาคมเข้มคล้ายรัตติกาลดำจัดบนใบหน้าหล่อเหลาสว่างวาบ
หลิวไท่หยางให้รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ประโยคนี้ล่ะที่เขาต้องการฟังมาแรมปี
ตั้งแต่วันนั้นที่นางสะบั้นรักเขา เพียงวาจานี้ก็พอแล้ว
“พูดได้ดี...” หลิวไท่หยางลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง พาร่างสง่างามโดดเด่นเดินเนิบช้ามาหยุดเบื้องหน้าซิงเยว่
ทว่าวูบหนึ่งในใจพลันลอบกระแอมไออย่างหงุดหงิด
อันที่จริงเขาควรเรียกนางให้เป็นฝ่ายเดินเข้าหาต่างหาก มิใช่เป็นฝ่ายลุกเดินมาเองเยี่ยงนี้!
หลิวไท่หยางอยากสบถออกมาดังๆ เหลือเกิน
เขายอมนางเกินไปอีกแล้ว ให้ตายเถอะ!
ซิงเยว่ยังคงไม่รู้อันใด นางเพียงแหงนหน้าขึ้นสบตาแล้วยิ้มหวาน
หวานมาก...
หลิวไท่หยางให้รู้สึกตาพร่า บ้าจริง!
|
|
|
ความคิดเห็น