คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่7 ไม่ทนอีกต่อไป
เฮ่อเหลียนพาร่างบอบบางที่ห่อหุ้มหัวใจบอบช้ำออกจากเรือนแห่งนั้น โดยมีซือจิงคอยจับประคองมิให้นางล้มลงไปอย่างน่าอับอาย
เมื่อกลับมาถึงเรือนก็นอนหลับตาหวังเพียงตื่นมาแล้วลืมทุกสิ่งไป แต่ยังมิทันได้พักผ่อนให้หายเหนื่อยใจ ก็มีคนของฮูหยินผู้เฒ่าเรียกให้ไปพบ
เฮ่อเหลียนแค่นเสียงหยันในลำคอ เรื่องที่นางบุกห้องหอเมื่อเช้านี้คงรู้ไปถึงหูของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
หญิงสาวเลือกที่จะออกไปพบแม่สามีอย่างกล้าหาญ ไม่มีความหวาดหวั่นต่อความผิดของตนแต่อย่างใด
ซือจิงยังคงช่วยจับประคองเฮ่อเหลียนให้เดินไปตามทางอย่างใจเย็น สองมือของนางช่วยนวดคลึงเบาๆ ที่ท่อนแขนอย่างให้กำลังใจนายสาวตลอดเวลา
ไม่นานเกินรอ เฮ่อเหลียนก็ปรากฏกายต่อหน้าผู้เฒ่าทั้งสองภายในห้องโถงของเรือนกลาง
ในห้องนี้ไร้เงาสามีของนางยืนอยู่ เขาคงอยู่ปลอบใจภรรยาคนใหม่ของเขาอยู่ในเรือนนั้น
หากนางมองไม่ผิด ยามที่กำลังเดินมาเรือนกลาง หางตาของนางคล้ายกับมองไปทางเรือนหลังน้อยแห่งนั้น แล้วเห็นเงาร่างสองสายยืนซ้อนหลังกัน
ฝ่ายหญิงกำลังก้มหน้าร่ำไห้โดยมีฝ่ายชายโอบกอดจากทางด้านหลังเพื่อปลอบประโลมกันอย่างอบอุ่น
อีกคราที่เฮ่อเหลียนต้องยิ้มขื่นอยู่ในใจอย่างรวดร้าว
“เจ้าทำสิ่งใดลงไป? เหลียนเอ๋อร์!”
เส้นเสียงทุ้มต่ำของนายท่านผู้เฒ่าเอ่ยถามอย่างตำหนิมาทางเฮ่อเหลียน
ตามด้วยฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าไยทำตัวไม่มีเหตุผลเช่นนี้ สตรีเราเมื่อไม่สามารถมีทายาทให้สามี หากไม่ถูกขับออกก็ต้องยินดีที่จะมีสตรีอื่นมาแบ่งเบา ไฉนเจ้าไม่เข้าใจ เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดที่บ้านใด เจ้าจะเห็นแก่ตัวมิได้”
ฮูหยินเอกหมาดๆ แห่งคฤหาสน์หลี่ทำได้เพียงเงียบงัน ไม่ต่อวาจาใด
นายท่านผู้เฒ่าจึงเอ่ยอีกครา “เจ้ารู้หรือไม่? ว่าฟางเอ๋อร์ หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ข้าต้องลำบากออกปากเนิ่นนานกว่าที่บิดามารดาของนางจักยินยอมให้แต่งเป็นเพียงอนุของอาชาง”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมอีกครั้งอย่างรู้สึกผิดต่อสตรีผู้นั้นเป็นอย่างมาก “ใช่แล้วเหลียนเอ๋อร์ เมื่อเช้านี้เจ้าทำฟางเอ๋อร์ตกใจจนร่ำไห้ไม่หยุด ปากก็ร่ำๆ ว่าจะกลับบ้านไป ไม่สืบทายาทแล้ว”
เฮ่อเหลียนยืนนิ่งอึ้งฟังประโยคเหล่านั้นด้วยหัวใจแข็งกระด้างเย็นเยียบ
สตรีนางนั้นเป็นคุณหนูสูงส่ง ยอมลดตัวแต่งเป็นแค่อนุต่ำต้อยให้หลี่ชาง สามารถมีทายาทให้บ้านหลี่ได้ชื่นใจ ทุกคนดูเกรงอกเกรงใจต่อนางเหลือเกิน
เมื่อเห็นภรรยาของบุตรชายเงียบงันโดยไม่เปล่งวาจา ไม่แม้แต่จะขอโทษกันเยี่ยงนั้น โทสะของเจ้าบ้านพลันบังเกิด
นายท่านผู้เฒ่าจึงหันหน้าไปทางซือจิง คิดเล่นงานบ่าวของนางแทน “อาเหิง ลากบ่าวผู้นี้ไปโบย!”
สิ้นเสียงนั้น ซือจิงก็ถูกบ่าวชายตัวโตสองคนลากตัวไป
เฮ่อเหลียนพลันได้สติเบิกตากว้าง “ท่านพ่อ!” นางรีบหมุนตัววิ่งไปหาซือจิง แต่กลับถูกสาวใช้สองคนมาขวางเอาไว้
อึดใจเสียงไม้กระทบเนื้อก็ดังลั่นติดกันหลายครั้งหลายทีอย่างไม่มีความปรานีอันใด หากแต่ซือจิงก็พยายามอดทน ไม่ส่งเสียงร้องร่ำสักคำ มีเพียงเฮ่อเหลียนที่หลั่งน้ำตาอยู่เงียบๆ
นางร้องไห้แบบไร้เสียงเนิ่นนาน
นายท่านผู้เฒ่ากล่าวด้วยอารมณ์เดือดดาล “เป็นเพราะบ่าวชั้นต่ำไม่รู้ความ ส่งเสริมเจ้านายในทางที่ผิด ซือจิงของเจ้าทำร้ายคนของฟางเอ๋อร์จนสลบไม่ได้สติ สมควรถูกโบยจนตายด้วยซ้ำ”
ทันทีที่ได้ยิน ดวงเนตรคู่งามพลันเบิกกว้างอย่างตกใจ
พี่ซือจิงของนางหาใช่บ่าวชั้นต่ำ แต่เป็นคนที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เกิด เฮ่อเหลียนพลันตระหนกและบังเกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นชั่วขณะ
“ท่านพี่ ใจเย็นเถิดเจ้าค่ะ เหลียนเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ารีบจับประคองสามีแล้วกล่าวเสียงสั่น หมายให้เรื่องราวยุติโดยพลัน “เหลียนเอ๋อร์ เจ้ารีบขอโทษท่านพ่อเสียเถิด”
หากแต่สตรีผู้ถูกเรียกขาน ไม่อาจเอ่ยคำใดได้อีกแล้ว
ยิ่งได้เห็นคนสนิทที่รักและเคารพกำลังถูกถลกผ้าเปิดก้นยามโดนโบยเช่นนั้น
ยิ่งปราศจากวาจาแม้ครึ่งคำ
ในหัวใจมีเพียงคำเดิมซ้ำๆ ว่านางไม่อาจทน
พอกันที!
“ท่านพ่อโปรดสั่งคนให้หยุดเดี๋ยวนี้ นางหาใช่บ่าวรับใช้ชั้นต่ำไร้ค่าไม่!”
สิ้นเสียงนั้นของเฮ่อเหลียน ทุกคนพลันผงะชะงักงัน กระทั่งอาเหิงผู้ถือไม้ยังนิ่งค้างกลางอากาศ
“เจ้า...เจ้ากล่าวสิ่งใด” ฮูหยินผู้เฒ่าใกล้หลั่งน้ำตาเต็มที
เฮ่อเหลียนประกาศกร้าวไม่เกรงใจผู้ใดอีกต่อไป
“ข้าบอกให้หยุดโบยซือจิงของข้า และนางก็มิใช่บ่าวรับใช้ของที่นี่อีกต่อไป ข้าจะไปจากที่นี่ ไม่เป็นภรรยาของใครทั้งนั้น”
“หา!”
หลังจากประกาศกร้าวว่าจะจากไป หนังสือหย่าจึงถูกร่างออกมา
หญิงสาวจรดปลายพู่กันด้วยมืออันสั่นเทา รอเพียงฝ่ายสามีลงตราประทับเท่านั้น
เฮ่อเหลียนยอมรับว่าตนเองไม่มีความอดทนมากนัก และนางก็มิใช่สตรีที่ดีพร้อม นางเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองมิใช่สตรีจิตใจดี นางเห็นแก่ตัวดังคำของแม่สามีว่ากล่าวทุกประการ
เมื่อเก็บของเสร็จ ร่างสูงของหลี่ชางก็ปรากฏอยู่หน้าเรือน
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขาวซีดเครียดตึงไม่น้อย เขาเอ่ยปากเนิบช้าด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
“เหลียนเอ๋อร์ ไม่ไปได้หรือไม่?”
เป็นน้ำเสียงที่น่าฟังเสมอมาสำหรับเฮ่อเหลียน
หากแต่ผู้ถูกทัดทานเพียงเงียบงัน ไม่สามารถเปล่งคำใด ใบหน้าซีดเซียวของนางเต็มไปด้วยความข่มขื่นสุดจะหยั่ง
ฟ้าดินเท่านั้นที่รู้ว่านางเจ็บช้ำในหัวใจปานใด
หากจะทำร้ายนางอย่างไรย่อมทำได้ แต่ต้องไม่ใช่กับพี่ซือจิงที่เลี้ยงดูประคบประหงมนางประหนึ่งมารดา
หญิงสาวเพียงหลับตา ไม่มองหน้าชายหนุ่มผู้เป็นสามี นางกลั้นน้ำตามิให้ไหลรินออกมาอย่างยากลำบาก แม้แต่รอยยิ้มบางเบาก็ไม่สามารถมอบให้เขาได้อีกแล้วในยามนี้
เฮ่อเหลียนเลือกที่จะเดินจากหลี่ชางมาอย่างเยือกเย็น แม้จะถูกฝ่ามืออบอุ่นที่แสนคุ้นเคยจับตรึงเอาไว้ นางก็ไม่หันหน้ากลับไป น้ำตายังคงกลั้นเอาไว้ให้ลึกสุดใจ
“ไยเจ้าถึงใจร้อนเช่นนี้ มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันได้หรือไม่?”
หลี่ชางเอ่ยปากตัดพ้อ มือหนายังคงจับแขนภรรยาเอาไว้ เขาพยายามดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด ทว่ากลับถูกเจ้าของกายงามบิดตัวหลบเลี่ยง
“เหลียนเอ๋อร์ ข้ารักเพียงเจ้า”
เฮ่อเหลียนไม่เห็นหน้าเขา ว่ากำลังเผยความจริงใจออกมาสักกี่ส่วนยามเอ่ยคำนั้น ทว่าหากเปรียบเทียบกันระหว่างนางที่ใจร้อน กับเขาที่ใจร้าย ใครน่าละอายมากกว่ากัน!
หญิงสาวแข็งใจเดินต่อไป ไม่สนใจสรรหาคำตอบใด
ไม่แม้แต่จะหันไปมองชายอันเป็นที่รักอีกเลย...
นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค
|
ความคิดเห็น