ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน如意[จบ]

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 1 คุณหนูใหญ่จวนไป๋

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 67



    ข้อมูล ณ วันที่ 8 ก.พ. 64


    ตอนที่ 1

    คุณหนูใหญ่จวนไป๋

    ย้อนกลับไปก่อนมีราชโองการสมรสพระราชทาน

    ตั้งแต่มารดาสิ้นใจ ไป๋หมิงเยว่ที่เคยเป็นที่หนึ่งของจวนก็ถูกลดฐานะลงกะทันหัน นางที่กลายเป็นบุตรสาวของอดีตภรรยาเอกก็คล้ายตายทั้งเป็น เพราะบิดายกฮูหยินรองขึ้นเป็นใหญ่ในเรือนหลังทันที น้องสาวคนรองของนางจึงโดดเด่นขึ้นมาบดบังรัศมีของคุณหนูใหญ่อย่างนางจนมิด

    อำนาจจัดการในจวนล้วนตกอยู่ในมือฮูหยินคนใหม่กับบุตรสาวคนรองจนสิ้น บุตรสาวคนโตจากอดีตฮูหยินเอกจึงไร้ตัวตนเข้าไปทุกที ทุกวันบ่าวไพร่ยังแทบไม่เคยเห็นหน้า

    งานเลี้ยงการเข้าสังคมล้วนเป็นฮูหยินที่เคยเป็นรองและน้องสาวผู้น่ารักสดใส บิดายังใส่ใจแค่พวกนางทั้งสอง

    เมื่อฮูหยินรองให้กำเนิดบุตรชายอีกหนึ่งคน บรรยากาศภายในจวนไป๋สำหรับไป๋หมิงเยว่ยิ่งย่ำแย่

    คุณหนูใหญ่จึงคล้ายถูกขังให้อยู่ตำหนักเย็นก็ไม่ปาน

    เหล่าบ่าวไพร่เห็นเจ้านายทำเยี่ยงนั้นก็ยิ่งเกียจคร้านไม่นำพาต่อคุณหนูใหญ่ของจวนผู้นี้ พวกเขาพร้อมประจบสอพลอเฉพาะนายหญิงที่มีอำนาจในกำมือ ผู้อื่นไร้อำนาจจะต้องสนใจไปไย

    กระนั้นไป๋หมิงเยว่ก็หาได้ใส่ใจบิดาและแม่เลี้ยงไม่ ยิ่งไม่ชายตาแลเหล่าบ่าวไพร่ในจวนที่เปลี่ยนไปมิใคร่นับถือหรือกริ่งเกรงนางเหมือนเดิมทั้งหลายเหล่านั้น เพราะนางยังมีนายน้อยหลี่เฟยเทียนอยู่ทั้งคน

    ครอบครัวหลี่สนิทสนมกับครอบครัวไป๋มาช้านาน หลี่ทำการค้าใหญ่ ไป๋เป็นขุนนางท้องถิ่น สองสกุลผูกมิตรกัน บุตรชายและบุตรสาวต่างรักใคร่กลมเกลียวมาโดยตลอดตั้งแต่พวกเขายังเป็นเพียงเด็กหญิงและเด็กชายอายุน้อย

    ไป๋หมิงเยว่กับหลี่เฟยเทียนสนิทสนมกันถึงขั้นคบหาดูใจอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ มารดาของไป๋หมิงเยว่ก่อนตายก็รับรู้และสนับสนุนเป็นอย่างดี หวังฝากฝังบุตรีอย่างหมดห่วง

    “คุณหนูใหญ่ คุณชายหลี่มาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

    สาวใช้เข้ามารายงานต่อไป๋หมิงเยว่เหมือนเช่นเคย

    “กำลังนั่งรออยู่ในศาลา คุณหนูใหญ่รีบไปเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวชักช้าอยู่เลย”

    ไป๋หมิงเยว่เป็นสตรีเรียบร้อยที่อ่อนหวานนุ่มนวล กิริยาเนิบนาบเชื่องช้า แม้สาวใช้จะวิ่งตึงตังไร้มารยาทเข้ามา นางก็แค่ขมวดคิ้วเรียวงามน้อยๆ

    “เหตุใดวันนี้เจ้าดูร้อนรนนัก”

    “โธ่! คุณหนูใหญ่” จิ่นซินชักสีหน้ามึนตึงพลางกล่าว “บ่าวแค่รู้สึกว่าวันนี้สวนงามน่าชม ท่านควรออกไปเดินเล่นรับลมกับคุณชายหลี่ให้เร็วขึ้นหน่อยเจ้าค่ะ”

    “อ้อ...เช่นนั้นเรารีบไปเถิด”

    หญิงสาวกระชับชุดคลุมสีดำสวมทับสีขาวให้มิดชิดพลางลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นแม้ยังอ่อนแรงอยู่มาก

    ช่วงนี้นางเจ็บป่วยบ่อยจนน่าแปลกใจเกินไปจริงๆ

    ไป๋หมิงเยว่ยังคงไว้ทุกข์ให้มารดาผู้ลาลับเกือบสามปี ใบหน้าจึงซีดเซียวไร้เครื่องประทินโฉม เสื้อผ้าก็ไร้สีสัน

    นางเดินนำหน้าสาวใช้คนสนิทออกมาทางศาลา สถานที่ซึ่งเป็นจุดนัดพบเสมอมาระหว่างบุรุษของนาง

    ทว่าเมื่อมาถึงกลับเห็นไป๋ลี่ถิงนั่งอยู่ก่อนแล้ว

    น้องสาวคนรองของนางนั่งอยู่กับบุรุษของนาง

    พวกเขานั่งคุยกันโดยไม่มีนางนั่งร่วมบ่อยครั้งมากขึ้น เมื่อก่อนตอนยังเด็กอาจไม่รู้สึกอะไร ทว่ายามนี้กลับไม่ใช่

    ไป๋หมิงเยว่หรี่ตามองเงียบงัน บัดนี้นางจึงได้เข้าใจว่าเหตุใดสาวใช้จิ่นซินถึงได้มีท่าทีร้อนรนนัก

    จังหวะนั้น ไป๋ลี่ถิงที่หันมาเห็นพี่สาวชะงักไปเล็กน้อย นางรีบเก็บซ่อนพิรุธลุกขึ้นยืนยิ้มๆ ด้วยท่าทางอ้อนแอ้นพลางทักทายเสียงใส ดวงตากลมโตคู่นั้นดูน่ารักเป็นพิเศษ

    “พี่ใหญ่มาแล้ว”

    หลี่เฟยเทียนจึงหันมามองด้วยสีหน้าปกติคงรอยยิ้มอบอุ่นเป็นนิตย์ “เยว่เอ๋อร์มาแล้ว”

    ไป๋หมิงเยว่คลี่ยิ้มอ่อนหวานไม่กล่าวอะไร

    เมื่อเดินมานั่งลงในศาลา ผู้เป็นน้องสาวก็กล่าวลาแล้วรีบจากไปทันที

    คงเหลือเพียงหลี่เฟยเทียนที่ยังมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ประดับบนใบหน้าหล่อเหลา

    “พี่เทียนรอข้านานแล้วกระมัง”

    ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวมากุมเอาไว้อย่างนุ่มนวล “นานเท่าใด ข้าก็รอเจ้าได้”

    พวงแก้มหญิงสาวแดงเรื่อ ไป๋หมิงเยว่อมยิ้มเขินอาย เลือกที่จะปัดความคิดไร้สาระซึ่งกำลังรบกวนจิตใจให้ตกไป

    นางไว้ใจบุรุษของนาง...

    ทั้งสองคุยกันด้วยถ้อยคำหวานหูเหมือนเคย

    ยังนัดแนะกันเรื่องจัดการหมั้นหมายหลังพ้นช่วงไว้ทุกข์ให้มารดา ขอแค่ครบสามปีในอีกไม่กี่นาน เรื่องแต่งงานคงเกิดขึ้นทันที

     

    ทว่าความไว้วางใจและหมายมั่นในความรักนั้น กลับกลายเป็นยาพิษกัดกินหัวใจไป๋หมิงเยว่ไม่เหลือดี

    เมื่อค่ำคืนหนึ่งในเทศกาลลอยโคม ไป๋หมิงเยว่ได้บังเอิญเห็นหลี่เฟยเทียนยืนปล่อยโคมเคียงคู่กับไป๋ลี่ถิง

    พวกเขาอยู่ด้วยกันเพียงสองต่อสองในมุมลับตา

    ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันใต้เงาแสงสะท้อนจากโคมไฟ ต่างจับจ้องสายตากันและกันในระยะชิดใกล้

    จากนั้นภาพการจุมพิตลึกซึ้งของชายคนรักกับน้องสาวของไป๋หมิงเยว่ก็ปรากฏเต็มสองตา

    หลี่เฟยเทียนกับไป๋ลี่ถิงจูบกันแนบแน่น

    ฝ่ามือยังกอบกุมกันไม่ปล่อย

    เมื่อค่อยๆ ผละจากใบหน้ากันและกันอย่างเสียดาย เสียงสั่นเทาของฝ่ายหญิงก็ตัดพ้อกระเง้ากระงอดว่า

    “เมื่อไหร่พี่เฟยเทียนจะบอกความจริงเรื่องของเรากับพี่ใหญ่เสียทีเล่าเจ้าคะ”

    ฝ่ายชายก้มหน้าตอบเสียงพร่า “น้องลี่ถิงใจเย็นเถิด ให้เวลาพี่สาวเจ้าได้ทำใจสักหน่อย หากบอกออกไปยามนี้  ดีไม่ดีนางอาจทำใจไม่ได้ มารดาของนางเสียไปไม่ถึงสามปี ส่วนเจ้าเองยังต้องรอปักปิ่นอีกหลายเดือนมิใช่หรือไร หืม...”

    “อืม...ก็จริง” หญิงสาวเงยหน้ากะพริบตากลมโตแลดูไร้เดียงสา

    “แต่พี่เฟยเทียนต้องสัญญากับข้าว่าจะบอกปัดเรื่องหมั้นหมายกับพี่ใหญ่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ ห้ามตบปากรับคำเด็ดขาด ต่อให้พี่ใหญ่ไม่ต้องไว้ทุกข์แล้วก็ตาม”

    ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ปลอบเสียงทุ้มนุ่ม “ข้าก็บอกปัดมาตลอดอยู่แล้วอย่างไรเล่า เอาเป็นว่าเจ้าก็รีบโตเป็นหญิงงาม จะได้เป็นเจ้าสาวของข้าเสียที หลังปักปิ่นเลยเป็นไร?

    หยอกเย้ากันจบก็แนบชิดคลอเคลียใต้แสงจันทร์ ฝ่ายหญิงส่งเสียงออดอ้อน ฝ่ายชายคอยพะเน้าพะนอไม่ห่าง

    ช่างเป็นภาพอันบริสุทธิ์งดงามหาใดเทียม

    ไป๋หมิงเยว่ยืนมองภาพบัดซบนั้นด้วยสองตาแดงก่ำ สองหูอื้ออึง สมองขาวโพลน

    น้ำตามากมายหลั่งรินอาบแก้มเมื่อใดไม่ทราบได้ หัวใจนางแหลกสลายไปแล้วโดยสมบูรณ์

    หญิงสาวเก็บภาพบาดตาบาดใจนั้นเอาไว้เพียงลำพังแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องหับปิดสนิท แม้หน้าต่างก็ไม่แง้มเปิด

    นางร้องไห้จนสลบ น้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด ขดตัวอยู่มุมห้องราวกระต่ายน้อยบาดเจ็บ

    เนิ่นนานผ่านไปยังค่อยๆ คล้ายกับหนูป่วยใกล้ตายเข้าไปทุกที

    นิยายเรื่องนี้มีฉบับอีบุ๊ค คลิก>>>

    Thumbnail Seller Link
    บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน如意
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    ชายหญิงแต่งงานมิอาจเลือกคู่ครองตามแต่ใจคู่ชีวิตศีลเสมอกัน บัณฑิตคู่กับบัณฑิต คุณชายสูงศักดิ์ย่อมคู่กับคุณหนูในห้องหับแสนเรียบร้อยทว่าแม่ทัพผู้...
    Get it now

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×