ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจข้า[จบ]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่4 รักปักใจ

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 67



    ดวงใจข้า
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    ครั้งหนึ่งเขาตามืดบอด จึงไม่เห็นนางที่รักเขาอยู่ในสายตา แต่เมื่อวันนี้เขารักนางแล้วจนหมดใจ ใครหน้าไหน เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น!

    หนึ่งเดือนต่อมา...

    สตรีร่างระหงของสาวสะพรั่งวัยสิบหกหนาวในอาภรณ์หรูหราสมฐานะฮูหยินหนึ่งเดียวแห่งจวนแม่ทัพเหอ นางยังคงนั่งจิบชาอยู่ริมหน้าต่างในห้องส่วนตัวด้วยอารมณ์ขุ่นมัวไม่สร่างซา ใบหน้างดงามราวเทพธิดาบึ้งตึงตลอดเวลา ประกายในดวงตาราวดวงดาราบนฟากฟ้าก็เผยเพียงความแค้นเคืองไร้ที่สิ้นสุด

    ฝ่ามือเรียวเล็กปัดกาน้ำชาบนโต๊ะทิ้งอย่างแรง ยังผลน้ำชาอุ่นหกกระเซ็นไปทั่ว

    บ่าวไพร่ที่ยืนรอรับใช้อยู่หน้าห้องได้ยินเสียงแตกของกระเบื้องเคลือบดังลั่นเช่นนั้น ก็ได้แต่ยืนตัวสั่น ไม่กล้าเข้ามา เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งเรียกหา พวกนางย่อมไม่กล้าเปิดประตูเสนอหน้าทั้งนั้น

    ลี่เหยาถิงกำมือแน่นทุบโต๊ะตรงหน้าอย่างแรงหมายระบายโทสะที่มันแน่นจนคับอก

    นางโกรธเหอหย่งหมิงจนพูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร

    นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดเขาถึงชอบแต่เพ่ยจี สตรีนางนั้นมีดีที่ใด และยิ่งไม่เข้าใจยิ่งกว่า ก็คือเขาทิ้งนางไปหลังจากแต่งงานกัน

    นับตั้งแต่คืนเข้าหอจนกระทั่งถึงวันนี้ เขาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในค่ายทหาร

    ถึงแม้ไม่กี่วันหลังจากแต่งงาน เขาจะกลับมารับตัวนางไปยกน้ำชาตามประเพณี ทว่านางกลับมองไม่เห็นอะไรเลยในสายตาคมดำของเขานอกจากความเฉยชาว่างเปล่า

    หนึ่งเดือนมาแล้วที่นางต้องนอนรอเขาอย่างเดียวดาย ต้องทนน้อยเนื้อต่ำใจอย่างถึงที่สุด

    นางชอบเขาถึงเพียงนี้ เหตุใดเขาถึงไม่เข้าใจเล่า!

    ลี่เหยาถิงยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจในตัวของเหอหย่งหมิง

    นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายชาติบุรุษเช่นเขาถึงไม่ชอบสตรีที่ดีพร้อมเช่นนาง

    ทั้งๆ ที่นางชอบเขาจนหมดใจ ความรักของนางมีค่ามากเลยนะ ไม่รู้หรือไร?

    บ้าจริงเชียว!

    หลายวันผ่านพ้น สามีทั้งคนของลี่เหยาถิงก็ยังไม่กลับมา เขาเอาแต่ฝึกทหารอยู่ในค่ายไม่ว่างเว้น ไม่แม้แต่จะนัดเจอกับเพ่ยจีเหมือนที่ผ่านมา

    หญิงสาวพอจะรู้นิสัยของอีกฝ่ายอยู่บ้าง ในเรื่องความหยิ่งทะนงตน ผยองในศักดิ์ศรี มีสตรีมากหน้าสนใจเขาหมายยื่นไมตรีให้ ทว่าเขามิใคร่จะสนใจใคร หากนางได้หัวใจเขาจักดีสักเพียงใด....

    ลี่เหยาถิงคิดได้ถึงตรงนี้ โพรงอกพลันหดเกร็ง ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายพลันบีบรัด รู้สึกร้อนผ่าวตรงกระบอกตา ทว่านางมิใช่สตรีอ่อนแอ ที่สั่งน้ำตาให้ไหลอาบแก้มได้ดังใจ แต่กลับกักเก็บมันเอาไว้ มิให้ไหลออกมาต่างหาก

    แน่นอนว่านางรู้ตัวทุกอย่างว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่ เรื่องสมรสพระราชทานก็เช่นกัน นางล้วนตั้งใจกระทำทั้งสิ้น

    เหอหย่งหมิงคือบุรุษที่นางมีรักปักใจ นางพร้อมทำทุกอย่างโดยไม่สนใจใคร เรื่องราวของหัวใจนาง เกิดขึ้นกับนางเพียงฝ่ายเดียว นางรู้ดี...

    แต่นางไม่อาจเพิกเฉยต่อความรู้สึกของตนเองได้ และยิ่งไม่อาจเพิกเฉยต่อผู้มีพระคุณ

    เมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กทารกช่วยเหลือตนเองมิได้ ไร้บิดามารดาตนคอยอุ้มชูดูแลป้อนนมป้อนน้ำ นางได้รับรู้จากท่านยาย ว่าชายผู้หนึ่งช่วยชีวิตนางเอาไว้ แล้วอุ้มนางที่เกิดได้เพียงเดือนเศษมาจากกลางป่า ฝ่าดงขุนนางฝีปากกล้า หมายเข้าหาองค์เหนือหัวให้ยลโฉมนาง

    ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ชายผู้นั้นจักสามารถเข้าพบบุคคลระดับเจ้าแผ่นดินได้

    หากแต่ความพยายามของเขาไม่ธรรมดา ในที่สุดเขาก็ได้เข้าวังหลวงถึงเขตพระราชฐานชั้นใน ด้วยหลักฐานเป็นหยกม่วงครึ่งซีกที่เหมือนกับฮ่องเต้เจี้ยนหยางฉี

    สิ่งนี้บ่งบอกได้ดีว่าทารกในอ้อมแขนเขาเป็นใคร

     

    ทว่าด้วยราชกิจที่ยุ่งเหยิง ฮ่องเต้ทรงออกว่าราชการนอกเขตวังหลวง ไทเฮาก็ทรงเดินทางขึ้นเขาถือศีล คงเหลือเพียงสตรีสูงศักดิ์แห่งวังหลัง ไม่ว่าจะเป็นฮองเฮา เฟยต่างๆ ยังไม่รวมพระสนมคนอื่นๆ ชายผู้นั้นยังหาญกล้าปฏิเสธทุกทางเพื่อปกป้องนางด้วยเกียรติของเขา จากการที่นางอาจจะถูกสตรีเหล่านั้นนำไปใช้เป็นเครื่องมือแห่งวังหลัง

    จากนั้นเขาก็พานางที่เป็นทารกตัวน้อยเดินทางอย่างยากลำบากไกลหลายลี้เพื่อขึ้นเขาไปหาท่านยายยังวัดห่างไกล

    ท่านยายของนางก็คือไทเฮา

    หลังจากไทเฮาได้เห็นทารกที่กำลังร้องไห้จ้าก็คุ้นเคยโดยไม่ต้องตรัสคำใด พระนางอุ้มเอาไว้อย่างไม่ลังเล ทันใดเสียงแผดร้องลั่นก็เงียบลงทันที ครานี้เป็นไทเฮาบ้างที่ร่ำไห้ออกมา

    หลังจากได้คุยกับชายผู้นั้นจนรับรู้ทุกสิ่งจนสิ้น ก็ทรงรับทารกเช่นนางดูแลด้วยองค์เองทันที ก่อนจะเสด็จกลับไปจัดการศพบิดามารดาของนางอย่างสมเกียรติ ถึงแม้จะไม่สามารถนำศพพวกท่านเข้าสุสานหลวงได้ หากแต่ไทเฮาก็ทรงสร้างสุสานให้ทั้งสองที่หุบเขาเชื่อมใจ อันเป็นสถานที่ครองรักของพวกเขา

    เรื่องราวเหล่านี้เป็นไทเฮาที่ได้เล่าทุกอย่างให้นางฟังโดยไม่ปิดบัง เมื่อครั้งที่นางเริ่มรู้ความ  

    ชายผู้นั้นเป็นนายทหารระดับหัวหน้ากองธรรมดาผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นสหายกับท่านพ่อของนาง เขาเล่าเรื่องราวที่ท่านแม่ให้กำเนิดนางแล้วตายหลังจากนางอายุได้เพียงเดือนเศษ ท่านพ่อตรอมตรมจนสิ้นลมหายใจตามไป ชายผู้นี้ไปเยี่ยมท่านพ่อกับท่านแม่พอดีก่อนที่ท่านพ่อจะหมดลมเฮือกสุดท้าย เขาจึงพานางมาหาท่านยาย พร้อมหยกม่วงประจำตัวท่านแม่

    ชายผู้มีพระคุณของนางหาใช่ใคร

    เขาคือบิดาของเหอหย่งหมิง

    ตอนที่นางเกิดมา เหอหย่งหมิงได้ห้าขวบ

    เหอหย่งหมิงอาศัยอยู่กับมารดาอีกเมืองหนึ่ง ส่วนลุงเหอ พ่อของเขาเป็นทหารประจำกองทัพให้กับหุบเขาเชื่อมใจ

    กระทั่งมารดาของเขาตาย บิดาของเขาจึงพาเข้าเมืองหลวง และเลี้ยงดูในค่ายทหาร กระทั่งบิดาของเขาตายในสนามรบเพื่อปกป้ององค์เหนือหัว คงเหลือเขาที่แสดงฝีมือแทนบิดาสืบมาจนได้เป็นแม่ทัพและได้นางเป็นรางวัลนี่ล่ะ

    นางยังจำได้ว่าครั้งแรกที่นางเจอเหอหย่งหมิง ยามนั้นนางในวัยเด็กแปดหนาว เขาอายุสิบสาม

    นางได้เจอเขาที่ไปร่วมงานในพระราชวังกับบิดาของเขา นางวิ่งเล่นลับตาบ่าวรับใช้จนข้อเท้าแพลงเดินไม่ได้ เขาเห็นเข้าก็เลยช่วยนางไว้

    เขาให้นางขี่หลังจนกลับมาถึงตำหนักไทเฮา จากนั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่ได้เจอเขาอีก

    ทว่าข่าวคราวของเขาก็มาถึงนางโดยตลอด เป็นนางที่ขอให้ท่านยายส่งคนไปสืบมา ไม่ว่าเขาจักไปประจำยังชายแดนฝั่งใดของแว่นแคว้น ล้วนไม่เกินสายลับของท่านยาย

    เรียกได้ว่า นางแอบหลงรักเขาเพราะบิดาของเขานั่นล่ะ

    แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว ทุกข่าวของเขาและการกระทำที่กล้าหาญต่างๆ ของเขา ยิ่งทำให้นางมีรักปักใจ

    นี่คือนิสัยของลี่เหยาถิง ซึ่งไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาและบิดาเลยสักนิด

    นอกจากดื้อรั้นเอาแต่ใจ นางยังเป็นสตรีที่เที่ยงตรงและเด็ดเดี่ยวในเรื่องความรัก กระทั่งไทเฮายังต้องยอมนาง

    ล่วงเข้าถึงเดือนที่สองแล้ว หลังจากแต่งงานกัน

    ลี่เหยาถิงก็ยังได้รับเพียงข่าวคราวของเหอหย่งหมิง เหมือนที่ผ่านมา หญิงสาวถอนหายใจหนักหน่วง รู้สึกขัดเคืองขึ้นมาอีกครา

    มิใช่ว่านางไม่ชินที่เรื่องราวระหว่างนางกับเขาเป็นเช่นนี้

    หากแต่นางได้แต่งงานกับเขาแล้วมิใช่หรือไรกันเล่า?

    สองเราควรมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่านี้มิใช่หรือไร!

    หญิงสาวเริ่มหงุดหงิด จนลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องส่วนตัวอย่างไม่สบอารมณ์ต่อสิ่งใด กระทั่งเดินออกมาชมสวนสวยกลางจวน ก็ยังไม่ดีขึ้น

    ในขณะที่ลี่เหยาถิงตัดสินใจที่จะลงมือตกแต่งต้นไม้จัดสวนริมสระบัวด้วยตนเอง หมายให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวดีขึ้น บ่าวรับใช้ก็เข้ามาบอกถึงเรื่องราวบางประการ ที่เรียกได้ว่า พลิกแผ่นฟ้าของนางในชั่วพริบตา

    ข่าวนั้นคือไทเฮาทรงพระประชวรอย่างหนัก ถูกนำตัวออกจากวัดฉือหนิงกลับวังหลวงกะทันหัน

    หญิงสาวได้ยินก็รู้สึกวูบโหวงในโพรงอก ตกใจจนหน้ามืดฉับพลัน ดียิ่งนักที่สาวใช้รับร่างของนางเอาไว้ ก่อนที่จะล้มลงไปจนหัวกระแทกกับพื้นดิน

    เมื่อตื่นขึ้นมาจากการสะเทือนใจจนเป็นลม ลี่เหยาถิงก็รีบรุดเข้าวังหลวงเพื่อไปเยี่ยมไทเฮาในทันที

    เมื่อเข้ามายังพระตำหนักชั้นใน ก็ได้เห็นความวุ่นวายของเหล่านางกำนัลกระทั่งหมอหลวงวิ่งวุ่นกันไปหมด

    ลี่เหยาถิงยืนนิ่งแข็งค้างมองประตูกว้างหน้าห้องบรรทมขององค์ไทเฮา ก็ได้เจอกับฮ่องเต้ ซึ่งก็คือน้าชายของนาง

    พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ให้นางได้เข้าไปหาท่านยาย บ่าวรับใช้รีบเปิดทางโดยพลัน

    ทันทีที่ประตูลวดลายประณีตวิจิตรถูกเปิดออก หัวใจของลี่เหยาถิงพลันดิ่งวูบลงหลุมดำไร้ก้นบึ้งในทันที

    ปลายเท้าน้อยๆ ค่อยๆ ย่างเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนหลังใหญ่ บนนั้นมีร่างวัยชราซึ่งเปรียบดั่งแผ่นฟ้าของนาง

    “ท่านยาย...”

    หญิงสาวพยายามทำเสียงให้กังวานสดใสเช่นวันวาน  มิให้สั่นเครือแม้แต่น้อย

    ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ท่านยายของนางคล้ายกับแก่ชราลงไปมากมายนัก หรือว่าก่อนหน้านี้ท่านยายปิดบังอาการเจ็บป่วยเอาไว้มิให้นางได้รับรู้

    หลานมีสิ่งใดประสงค์จะขอยายหรือไม่ ยายให้ขอได้หนึ่งอย่าง มีข้อแม้ว่าต้องสำคัญต่อหลานเป็นอย่างมาก คิดให้ดีแล้วมาบอกยาย

    ประโยคนั้นของไทเฮาเคยเอ่ยกับลี่เหยาถิงเมื่อสองเดือนก่อน และนางก็ขอสมรสพระราชทานกับเหอหย่งหมิง

    เป็นความจริงที่ว่า เรื่องนี้สำคัญต่อนางจริงๆ

    ร่างระหงค่อยๆ นั่งลงที่ข้างเตียงนอนอย่างระมัดระวัง ด้วยเกรงจะเป็นการกระทบกระเทือนร่างอ่อนแรงที่กำลังพยายามปรือตามองนาง

    “มาแล้วหรือถิงเอ๋อร์ของยาย” เสียงแหบแห้งของไทเฮาตรัสขึ้นกับหลานรักหนึ่งเดียว ที่มีสิทธิ์เรียกพระนางว่าท่านยาย

    “ถิงเอ๋อร์มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านยาย” หญิงสาวเอื้อมมือของตนจับกุมมือเหี่ยวย่นของผู้เป็นยายเอาไว้อย่างทะนุถนอม ประคองเอาไว้จนแนบแก้มนางอย่างรักใคร่

    “หลานรักของยายได้แต่งงานกับชายในดวงใจแล้ว” หญิงชราบนเตียงนุ่มเอ่ยเย้าเหมือนที่เคยกระทำ

    “ท่านยาย” ลี่เหยาถิงรู้สึกจุดอยู่กลางอก ถ้อยวาจานับหมื่นพันมิอาจเอื้อนเอ่ย “ท่านยาย...”

    ไทเฮาทรงยิ้มบาง “หลานยายคงมีความสุขแล้ว...”

    หญิงสาวรีบพยักหน้ายอมรับ “แน่นอน หลานมีความสุข”

    “เห็นหลานมีความสุข ยายก็ได้หมดห่วงเสียที มิต้องทนทรมานกับอาการป่วยมานานปีเช่นนี้อีกต่อไป อวยพรให้ยายได้เดินทางไกลด้วยนะหลานรัก”

    สิ้นเสียงแหบแห้ง นัยน์ตาที่หรี่ปรือเหลือเกินก็ค่อยๆ หลับลงอย่างสงบ โดยที่บนใบหน้ายังเจือไปด้วยรอยยิ้มละมุน

    เห็นได้ชัดว่า ท่านยายกำลังรอนางอยู่จนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

    “ไม่! ท่านยาย...”

    นัยน์ตาของลี่เหยาถิงถึงกับร้อนผ่าว น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอีกต่อไป

    ฮ่องเต้ทรงเยื้องพระบาทเข้ามาใกล้ กลิ่นอายทรงอำนาจแผ่ปกคลุมไปทั่ว ทว่านางกลับสัมผัสได้เพียงความเจ็บปวดจนสุดที่จะพรรณนา

    การสูญเสียญาติผู้ใหญ่ที่รักยิ่ง...ไม่ดีเลยจริงๆ


    *******

    นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค ได้เพิ่มตอนพิเศษให้แล้วอย่างจุใจนะคะ 

    คลิกเลยค่า >>>www.hytexts.com หรือ>>www.mebmarket.com

    ดวงใจข้า
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    ครั้งหนึ่งเขาตามืดบอด จึงไม่เห็นนางที่รักเขาอยู่ในสายตา แต่เมื่อวันนี้เขารักนางแล้วจนหมดใจ ใครหน้าไหน เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×