คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เริ่มต้นไล่ล่า
ภายในห้องพักห้องหนึ่งของโรงเตี๊ยมแห่งเดิม ร่างงามสง่าของจ้าวจิ่นหลงยังคงนั่งสงบเรียบนิ่งอยู่ในนั้น เขาเพียงนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น เมื่อได้รับฟังความจากลูกน้องของเขาที่ได้ไปสืบทราบมาให้ได้ยิน
ข่าวที่ได้รับฟังคำการรายงานจากลูกน้องของเขานั้น เป็นข่าวคราวประวัติความเป็นมาของสตรีนางหนึ่ง
นางผู้ซึ่ง...
ได้ตัวเขาแล้ว...
กลับไม่รับผิดชอบ!
“นางเป็นอดีตองค์หญิงของแคว้นเฉินแห่งนี้นามว่าเฉินเจียวเหมยพะย่ะค่ะองค์ชาย นางสร้างเรื่องจนถูกถอดยศสืบเนื่องมาจากไม่ยินยอมที่จะเป็นองค์หญิงบรรณาการพะย่ะค่ะ”
คำกล่าวรายงานยาวเหยียดของสายสืบประจำตัวแห่งจ้าวจิ่นหลงทำเอาจ้าวจิ่นหลงถึงกับเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นอย่างฉงน
สายสืบยังคงเอ่ยคำอย่างต่อเนื่องไม่มีตกหล่น “ในปีนั้นเป็นปีที่นางจะต้องเดินทางไปเป็นองค์หญิงบรรณาการให้แก่องค์ชายนะ พะย่ะค่ะ”
“หืม...” จ้าวจิ่นหลงถึงกับส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนเอ่ยออกมาอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“องค์หญิงบรรณาการแห่งข้าเช่นนั้นหรือ”
“พะย่ะค่ะ” สายสืบก้มหัวรับคำอย่างมั่นอกมั่นใจ
จ้าวจิ่นหลงเริ่มหรี่ตาลงเพื่อคบคิดแลวิเคราะห์
ในปีนั้นเขาที่เป็นองค์ชายแคว้นจ้าวจะต้องเดินทางมาเชื่อมสัมพันธ์กับองค์หญิงบรรณาการของแคว้นเฉินเพื่อให้สัญญาสงบศึกเป็นที่สมบูรณ์ แต่ทว่า...เมื่อมาถึงแคว้นเฉินแล้ว กลับกลายเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่ต่างพากันมารอต้อนรับเขา แทนที่จะเป็นองค์หญิง
ในปีนั้นฮ่องเต้แคว้นเฉินทรงให้เหตุผลว่าองค์หญิงที่มียังทรงอ่อนเยาว์เกินไป พวกนางยังคงอยู่ในวัยเพียงไม่เกินห้าหนาวเท่านั้น และต่อมาอัครเสนาบดีหลิวจึงได้นำตัวบุตรสาวของเขานามว่าหลิวหลีมาแนะนำตัวให้แก่เขา และนางก็ได้ทำการอุกอาจคุกเข่าขอร้องบิดาของนางต่อหน้าเขาว่าต้องการเพียงนายทหารคนหนึ่งคนเดียวเท่านั้น นายทหารท่านนั้นนามว่าจูหยวนจาง เขาเองก็รู้จัก แน่นอนว่าจูหยวนจางก็รู้จักเขา
นั่นจึงทำให้เขาลงสัญญานามสงบศึกมือเปล่าโดยไม่ได้สตรีบรรณาการกลับไป
จ้าวจิ่นหลงหรี่ตาคมเข้มสีนิลลงพลางคิด
เฉินเจียวเหมยอย่างนั้นหรือ?
องค์หญิงบรรณาการที่บังอาจหนีเขาไปอย่างนั้นหรือ
นางหนีเขาไปแล้วคราหนึ่ง อย่างนั้นหรือ
อันใดกัน?
ครั้งนั้นนางหนีเขาไปอย่างไม่ใยดีก็ว่าหนักหนาพอตัวอยู่แล้ว
แต่ครั้งนี้...
นางหนีเขา
ทั้งๆ ที่...
นาง...
นาง...
ฮึ่ม! ยิ่งคิดยิ่งอับอาย เสียเชิงชายอย่างยิ่งยวด
นางเป็นสตรีชนิดใดกัน
ไยถึงทำกับเขาได้ถึงเพียงนี้
เขาที่เป็นถึงบุรุษผู้สูงศักดิ์
เขาที่มีรูปร่างสง่างามสมส่วน
เขาที่มีใบหน้าหล่อเหลาเหนือชาย
เขาที่มีดีทุกอย่างทุกด้านเหนือบุรุษทั้งหลาย
แต่นาง...
นางกลับทำกับเขาเยี่ยงนี้
ได้อย่างไรกัน?
เมื่อจ้าวจิ่นหลงคิดได้อย่างนั้น คิ้วคมเข้มพลันขมวดเข้าหากันมุ่น ใบหน้าได้รูปคมคายพลันตึงเครียด รูปร่างสง่างามสมส่วนพลันกระตุกลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก่อนเอ่ยสั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ทรงพลัง
“ข้าจะต้องไล่ล่านางให้มาเป็นชายาของข้าให้จงได้”
จบคำจ้าวจิ่นหลงเพียงยกยิ้มมุมปากสีแดงสดอย่างเจ้าเล่ห์ดุดัน ด้วยมาดของผู้สูงศักดิ์เปี่ยมพลังเหลือร้าย
ภายในโรงหมอของเฉินเจียวเหมย
หญิงสาวยังคงนั่งต้มยาห้ามครรภ์อย่างหมายมาดไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากวิ่งหนีบุรุษผู้หนึ่งอย่างนึกอับอายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ก่อนจะวิ่งวกวนกลับเข้ามายังโรงหมอแห่งนี้
นางดื่มไปแล้วหลายหม้อ แต่นางก็ยังคงต้องดื่มต่อไป
ดื่มจนกว่านางจะมั่นใจว่านางจะไม่ตั้งครรภ์อย่างแน่นอน
อา...
บุรุษอะไร
ช่างมีเรี่ยวแรงมากมายมหาศาล
เขากระทำการอย่างนั้นกับนางอยู่จนตลอดเกือบทั้งคืน
ทำอยู่หลายครั้งหลายครา
ทำแล้วทำอีกอยู่นั่นล่ะ
ฤทธิ์ของยาสูตรพิเศษก็ช่างเหลือร้าย
ไยนางถึงเป็นหมอที่เก่งกาจปานนี้กัน ผสมยาที่มีอิทธิฤทธิ์ร้ายแรงเยี่ยงนั้น ได้อย่างไร...
น่าเจ็บใจยิ่งนัก
ยิ่งคิดยิ่งอับอาย
อับอายเหลือจะกล่าว
นางจะทำอย่างไรดี
ในขณะที่เฉินเจียวเหมยยังคงนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องราวของตนเองอยู่นั้นเสียงประตูโรงหมอพลันเปิดออกเสียงดัง
เฉินเจียวเหมยไม่เสียเวลาหันหลังไปมอง นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปทางหลังโรงหมอในทันที
บุคคลที่เข้ามาในโรงหมอแห่งนี้ถึงกับงุนงง เขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ต้องการมาหาซื้อยาไปกินแค่เพียงเท่านั้น
ไยท่านหมอต้องหนีเขาไป เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ แล้วจะหยิบยาไปต้มกินเองได้หรือไม่กัน ชาวบ้านท่านนั้นได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจในชีวิตของตนเอง
เฉินเจียวเหมยที่ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีมาทางด้านหลังของโรงหมอเป็นผลสำเร็จแล้วนั้น นางจึงหยุดยืนเพื่อให้ตัวเองได้หายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเหลือกำลัง
อา...
ไม่ดีแน่
หากยังเป็นอย่างนี้อยู่ไม่ดีแน่ๆ
ชีวิตอันแสนจะอิสรเสรีและสงบสุขของนาง ต้องหายไปจากชีวิตน้อยๆ นี้ อย่างไม่ต้องสงสัย
นางควรจะทำอย่างไรดี
นางจะลืมเรื่องคืนนั้นไปได้หรือไม่
นางควรลืมมันเสีย
อย่าได้ใส่ใจ
นางต้องไม่ใส่ใจ
นางต้องลืมมัน
ลืมมันให้จงได้
ลืมมันไป...
เมื่อเฉินเจียวเหมยคิดได้อย่างนั้นแล้ว นางจึงยืนตั้งสติ ทำสมาธิ แล้วเพียงหลับตา
หญิงสาวยืนหลับตาพิงกำแพงหลังโรงหมออยู่อย่างนั้น
นางยังคงกำหนดลมหายใจเข้าออกอยู่อย่างนั้น เพื่อที่จะได้ตั้งจิตภาวนา ให้นางได้ลืมเลือนมันเสีย เรื่องในคืนนั้น
นางต้องการจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนั้น
คืนนั้นทั้งคืนนั่น
กับบุรุษแปลกหน้าผู้นั้น นางจะต้องลืมเขาให้จงได้
เฉินเจียวเหมยเพียงหลับตาพลางคิด
ใบหน้ารูปงามของเขาที่กำลังขยับอยู่ใกล้ๆ นางในคืนนั้น ดวงตาคมกริบทอประกายร้อนแรงใส่หน้านางในคืนนั้น จมูกของเขาที่โน้มเข้ามาหานางพร้อมๆ กับริมฝีปากสีแดงสดของเขาที่โน้มเข้ามาหาใบหน้าของนางนั้น เขาโน้มเข้ามา โน้มเข้ามา
แล้วจูบนาง...
อา...
ใช่...
เขาจูบนาง...
อย่างนี้ล่ะ...
เฉินเจียวเหมยยังคงหลับตาพลางคิดถึงภาพระหว่างนางกับบุรุษแปลกหน้าที่กำลังแนบชิดเบียดเสียดกันไปมาทั้งใบหน้า ทั้งเรือนร่าง แต่ทว่า...
นางเพียงแค่คิดเท่านั้น แล้วทำไม...
ทำไมมันถึงรู้สึกสมจริงเยี่ยงนี้ ความอุ่นซ่านอย่างนี้
ริมฝีปากแนบชิดอย่างนี้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวจึงลืมตา
และนางก็ได้เจอ
บุรุษผู้นั้นกำลังจูบนาง
เขาจูบนางอยู่! เมื่อไหร่กัน!
เฉินเจียวเหมยถึงกับตาโตในขณะที่ริมฝีปากของนางกำลังถูกจ้าวจิ่นหลงกดจูบอย่างไม่ยั้งอยู่ตรงกำแพงหลังโรงหมอแห่งนี้
เขากำลังจูบนาง จูบนานแล้วหรือไม่ จูบนางตั้งแต่เมื่อไหร่ ไยนางถึงรู้สึกคุ้นชิน ไม่สิ! ไยนางถึงไม่รู้ตัว ได้อย่างไรกัน
จ้าวจิ่นหลงที่เดินเข้ามายังโรงหมอแล้วเห็นไหล่บางๆ ของสตรีนางนี้กำลังยืนพิงกำแพงหลับตาอยู่คล้ายกับว่ากำลังรอเขาอยู่กระนั้น
เขาจึงไม่รอช้า รีบเดินเข้ามาหานางแล้วตอบสนองนางในทันที
เขาก้มหน้าจูบนางอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่นางเพียงหลับตาให้เขาจูบ เขาก็จูบ เขาจูบนางอยู่หลายที รสชาติดีไม่เบา
จ้าวจิ่นหลงยังคงก้มหน้าก้มตากดจูบเฉินเจียวเหมยอยู่อย่างนั้น
เฉินเจียวเหมยที่เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าถูกบุรุษเจ้าของใบหน้าที่นางกำลังนึกถึงอยู่ กำลังกระทำการอย่างย่ามใจ นางจึงรีบบิดใบหน้าของนางให้เบือนหนี ในขณะที่มือของนางรีบดันแผงอกของเขาให้ออกห่าง
แต่นี่...
คนหรือรากไม้กัน
ไยถึงแน่นเหนียวหนึบหนับอย่างนี้
ไย...
ผลัก ไม่ ออก....
ความคิดเห็น