ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียงนาง 她一个人[จบ]

    ลำดับตอนที่ #4 : เริ่มต้นไล่ล่า

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 67


    ภายในห้องพักห้องหนึ่งของโรงเตี๊ยมแห่งเดิม ร่างงามสง่าของจ้าวจิ่นหลงยังคงนั่งสงบเรียบนิ่งอยู่ในนั้น เขาเพียงนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น เมื่อได้รับฟังความจากลูกน้องของเขาที่ได้ไปสืบทราบมาให้ได้ยิน

    ข่าวที่ได้รับฟังคำการรายงานจากลูกน้องของเขานั้น เป็นข่าวคราวประวัติความเป็นมาของสตรีนางหนึ่ง

    นางผู้ซึ่ง...

    ได้ตัวเขาแล้ว...

    กลับไม่รับผิดชอบ!

    “นางเป็นอดีตองค์หญิงของแคว้นเฉินแห่งนี้นามว่าเฉินเจียวเหมยพะย่ะค่ะองค์ชาย นางสร้างเรื่องจนถูกถอดยศสืบเนื่องมาจากไม่ยินยอมที่จะเป็นองค์หญิงบรรณาการพะย่ะค่ะ”

    คำกล่าวรายงานยาวเหยียดของสายสืบประจำตัวแห่งจ้าวจิ่นหลงทำเอาจ้าวจิ่นหลงถึงกับเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นอย่างฉงน

    สายสืบยังคงเอ่ยคำอย่างต่อเนื่องไม่มีตกหล่น “ในปีนั้นเป็นปีที่นางจะต้องเดินทางไปเป็นองค์หญิงบรรณาการให้แก่องค์ชายนะ พะย่ะค่ะ”

    “หืม...” จ้าวจิ่นหลงถึงกับส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนเอ่ยออกมาอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    “องค์หญิงบรรณาการแห่งข้าเช่นนั้นหรือ”

    “พะย่ะค่ะ” สายสืบก้มหัวรับคำอย่างมั่นอกมั่นใจ

    จ้าวจิ่นหลงเริ่มหรี่ตาลงเพื่อคบคิดแลวิเคราะห์

    ในปีนั้นเขาที่เป็นองค์ชายแคว้นจ้าวจะต้องเดินทางมาเชื่อมสัมพันธ์กับองค์หญิงบรรณาการของแคว้นเฉินเพื่อให้สัญญาสงบศึกเป็นที่สมบูรณ์ แต่ทว่า...เมื่อมาถึงแคว้นเฉินแล้ว กลับกลายเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่ต่างพากันมารอต้อนรับเขา แทนที่จะเป็นองค์หญิง

    ในปีนั้นฮ่องเต้แคว้นเฉินทรงให้เหตุผลว่าองค์หญิงที่มียังทรงอ่อนเยาว์เกินไป พวกนางยังคงอยู่ในวัยเพียงไม่เกินห้าหนาวเท่านั้น และต่อมาอัครเสนาบดีหลิวจึงได้นำตัวบุตรสาวของเขานามว่าหลิวหลีมาแนะนำตัวให้แก่เขา และนางก็ได้ทำการอุกอาจคุกเข่าขอร้องบิดาของนางต่อหน้าเขาว่าต้องการเพียงนายทหารคนหนึ่งคนเดียวเท่านั้น นายทหารท่านนั้นนามว่าจูหยวนจาง เขาเองก็รู้จัก แน่นอนว่าจูหยวนจางก็รู้จักเขา

    นั่นจึงทำให้เขาลงสัญญานามสงบศึกมือเปล่าโดยไม่ได้สตรีบรรณาการกลับไป

    จ้าวจิ่นหลงหรี่ตาคมเข้มสีนิลลงพลางคิด

    เฉินเจียวเหมยอย่างนั้นหรือ?

    องค์หญิงบรรณาการที่บังอาจหนีเขาไปอย่างนั้นหรือ

    นางหนีเขาไปแล้วคราหนึ่ง อย่างนั้นหรือ

    อันใดกัน?

    ครั้งนั้นนางหนีเขาไปอย่างไม่ใยดีก็ว่าหนักหนาพอตัวอยู่แล้ว

    แต่ครั้งนี้...

    นางหนีเขา

    ทั้งๆ ที่...

    นาง...

    นาง...

    ฮึ่ม! ยิ่งคิดยิ่งอับอาย เสียเชิงชายอย่างยิ่งยวด

    นางเป็นสตรีชนิดใดกัน

    ไยถึงทำกับเขาได้ถึงเพียงนี้

    เขาที่เป็นถึงบุรุษผู้สูงศักดิ์

    เขาที่มีรูปร่างสง่างามสมส่วน

    เขาที่มีใบหน้าหล่อเหลาเหนือชาย

    เขาที่มีดีทุกอย่างทุกด้านเหนือบุรุษทั้งหลาย

    แต่นาง...

    นางกลับทำกับเขาเยี่ยงนี้

    ได้อย่างไรกัน?

    เมื่อจ้าวจิ่นหลงคิดได้อย่างนั้น คิ้วคมเข้มพลันขมวดเข้าหากันมุ่น ใบหน้าได้รูปคมคายพลันตึงเครียด รูปร่างสง่างามสมส่วนพลันกระตุกลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก่อนเอ่ยสั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ทรงพลัง

    “ข้าจะต้องไล่ล่านางให้มาเป็นชายาของข้าให้จงได้”

    จบคำจ้าวจิ่นหลงเพียงยกยิ้มมุมปากสีแดงสดอย่างเจ้าเล่ห์ดุดัน ด้วยมาดของผู้สูงศักดิ์เปี่ยมพลังเหลือร้าย

     

     

     

     

     

    ภายในโรงหมอของเฉินเจียวเหมย

    หญิงสาวยังคงนั่งต้มยาห้ามครรภ์อย่างหมายมาดไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากวิ่งหนีบุรุษผู้หนึ่งอย่างนึกอับอายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ก่อนจะวิ่งวกวนกลับเข้ามายังโรงหมอแห่งนี้

    นางดื่มไปแล้วหลายหม้อ แต่นางก็ยังคงต้องดื่มต่อไป

    ดื่มจนกว่านางจะมั่นใจว่านางจะไม่ตั้งครรภ์อย่างแน่นอน

    อา...

    บุรุษอะไร

    ช่างมีเรี่ยวแรงมากมายมหาศาล

    เขากระทำการอย่างนั้นกับนางอยู่จนตลอดเกือบทั้งคืน

    ทำอยู่หลายครั้งหลายครา

    ทำแล้วทำอีกอยู่นั่นล่ะ

    ฤทธิ์ของยาสูตรพิเศษก็ช่างเหลือร้าย

    ไยนางถึงเป็นหมอที่เก่งกาจปานนี้กัน ผสมยาที่มีอิทธิฤทธิ์ร้ายแรงเยี่ยงนั้น ได้อย่างไร...


    น่าเจ็บใจยิ่งนัก

    ยิ่งคิดยิ่งอับอาย

    อับอายเหลือจะกล่าว

    นางจะทำอย่างไรดี

    ในขณะที่เฉินเจียวเหมยยังคงนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องราวของตนเองอยู่นั้นเสียงประตูโรงหมอพลันเปิดออกเสียงดัง

    เฉินเจียวเหมยไม่เสียเวลาหันหลังไปมอง นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปทางหลังโรงหมอในทันที

    บุคคลที่เข้ามาในโรงหมอแห่งนี้ถึงกับงุนงง เขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ต้องการมาหาซื้อยาไปกินแค่เพียงเท่านั้น

    ไยท่านหมอต้องหนีเขาไป เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ แล้วจะหยิบยาไปต้มกินเองได้หรือไม่กัน ชาวบ้านท่านนั้นได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจในชีวิตของตนเอง

    เฉินเจียวเหมยที่ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีมาทางด้านหลังของโรงหมอเป็นผลสำเร็จแล้วนั้น นางจึงหยุดยืนเพื่อให้ตัวเองได้หายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเหลือกำลัง

      

    อา...

    ไม่ดีแน่

    หากยังเป็นอย่างนี้อยู่ไม่ดีแน่ๆ

    ชีวิตอันแสนจะอิสรเสรีและสงบสุขของนาง ต้องหายไปจากชีวิตน้อยๆ นี้ อย่างไม่ต้องสงสัย

    นางควรจะทำอย่างไรดี

    นางจะลืมเรื่องคืนนั้นไปได้หรือไม่

    นางควรลืมมันเสีย

    อย่าได้ใส่ใจ

    นางต้องไม่ใส่ใจ

    นางต้องลืมมัน

    ลืมมันให้จงได้

    ลืมมันไป...

    เมื่อเฉินเจียวเหมยคิดได้อย่างนั้นแล้ว นางจึงยืนตั้งสติ ทำสมาธิ แล้วเพียงหลับตา 

    หญิงสาวยืนหลับตาพิงกำแพงหลังโรงหมออยู่อย่างนั้น

    นางยังคงกำหนดลมหายใจเข้าออกอยู่อย่างนั้น เพื่อที่จะได้ตั้งจิตภาวนา ให้นางได้ลืมเลือนมันเสีย เรื่องในคืนนั้น

    นางต้องการจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนั้น

    คืนนั้นทั้งคืนนั่น

    กับบุรุษแปลกหน้าผู้นั้น นางจะต้องลืมเขาให้จงได้

    เฉินเจียวเหมยเพียงหลับตาพลางคิด

    ใบหน้ารูปงามของเขาที่กำลังขยับอยู่ใกล้ๆ นางในคืนนั้น ดวงตาคมกริบทอประกายร้อนแรงใส่หน้านางในคืนนั้น จมูกของเขาที่โน้มเข้ามาหานางพร้อมๆ กับริมฝีปากสีแดงสดของเขาที่โน้มเข้ามาหาใบหน้าของนางนั้น  เขาโน้มเข้ามา โน้มเข้ามา

    แล้วจูบนาง...

    อา...

    ใช่...

    เขาจูบนาง...

    อย่างนี้ล่ะ...

    เฉินเจียวเหมยยังคงหลับตาพลางคิดถึงภาพระหว่างนางกับบุรุษแปลกหน้าที่กำลังแนบชิดเบียดเสียดกันไปมาทั้งใบหน้า ทั้งเรือนร่าง แต่ทว่า...

    นางเพียงแค่คิดเท่านั้น แล้วทำไม...

    ทำไมมันถึงรู้สึกสมจริงเยี่ยงนี้ ความอุ่นซ่านอย่างนี้

    ริมฝีปากแนบชิดอย่างนี้

    เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวจึงลืมตา

    และนางก็ได้เจอ

    บุรุษผู้นั้นกำลังจูบนาง

    เขาจูบนางอยู่! เมื่อไหร่กัน!

    เฉินเจียวเหมยถึงกับตาโตในขณะที่ริมฝีปากของนางกำลังถูกจ้าวจิ่นหลงกดจูบอย่างไม่ยั้งอยู่ตรงกำแพงหลังโรงหมอแห่งนี้ 

    เขากำลังจูบนาง จูบนานแล้วหรือไม่ จูบนางตั้งแต่เมื่อไหร่ ไยนางถึงรู้สึกคุ้นชิน ไม่สิ! ไยนางถึงไม่รู้ตัว ได้อย่างไรกัน

    จ้าวจิ่นหลงที่เดินเข้ามายังโรงหมอแล้วเห็นไหล่บางๆ ของสตรีนางนี้กำลังยืนพิงกำแพงหลับตาอยู่คล้ายกับว่ากำลังรอเขาอยู่กระนั้น

    เขาจึงไม่รอช้า รีบเดินเข้ามาหานางแล้วตอบสนองนางในทันที

    เขาก้มหน้าจูบนางอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่นางเพียงหลับตาให้เขาจูบ เขาก็จูบ เขาจูบนางอยู่หลายที รสชาติดีไม่เบา

    จ้าวจิ่นหลงยังคงก้มหน้าก้มตากดจูบเฉินเจียวเหมยอยู่อย่างนั้น

    เฉินเจียวเหมยที่เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าถูกบุรุษเจ้าของใบหน้าที่นางกำลังนึกถึงอยู่ กำลังกระทำการอย่างย่ามใจ นางจึงรีบบิดใบหน้าของนางให้เบือนหนี ในขณะที่มือของนางรีบดันแผงอกของเขาให้ออกห่าง

    แต่นี่...

    คนหรือรากไม้กัน

    ไยถึงแน่นเหนียวหนึบหนับอย่างนี้

    ไย...

    ผลัก ไม่ ออก....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×