คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : บ้านหลังน้อย
เมื่อเดินห่างออกมาจากหมู่บ้านที่มีซากศพนับพัน ตามน้ำเสียงออดอ้อนของใครบางคน ร่างสูงสง่าจึงเดินด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่ยังคงกลั่นแกล้งคนงามไม่มีเบื่อ
“ข้าเป็นคนป่วย จำอะไรไม่ได้ อาจจะพาองค์หญิงหลงทางเสียแล้ว” หงซือกวนเอ่ยคำเนิบนาบพลางเดินเลี้ยวซ้ายคล้ายกับจะไปยังทิศทางเดิมของหมู่บ้านสุสาน
เหม่ยหลินรีบจับแขนของเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยเสียงหวาน “พี่หงอย่าได้กังวล ครานี้ข้าจะนำทางท่านเอง” นางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังพลางพาคนตัวสูงเดินเบี่ยงมาทางขวา
นางไม่ต้องการให้พี่หงกลับไปทางหมู่บ้านสุสานอันน่าหวาดหวั่นสั่นสะพรึงนั่น อันที่จริงนางมิได้หวาดกลัวสถานที่หรือสภาพแวดล้อมเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นก็คือ พี่หงอาจจะจำความได้แล้วจากนางไป
นางยอมรับว่านางกำลังเห็นแก่ตัว...
คงเหมือนกับเสด็จพ่อที่เคยกระทำกับเสด็จแม่นั่นล่ะ
เรื่องราวของพวกพระองค์ นางรู้จากคำบอกเล่าของเสด็จแม่ ว่าเสด็จพ่อเห็นแก่ตัวปานใด พระองค์รักเสด็จแม่จนไม่สนใจความถูกต้องอันใดทั้งสิ้น กระทั่งฉุดคร่าเสด็จแม่มาเป็นสนมอย่างเลือดเย็น ไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น
อา...นางกำลังเลือดเย็นเฉกเช่นเสด็จพ่อ
เหม่ยหลินคิดไปด้วยใจร้อนรุ่มจนใบหน้าแดงก่ำเม้มปากแน่น กระชับมือตรงแขนของชายข้างกายอย่างหวงแหน ลักษณะการเดินมิต่างอันใดกับคู่รักเดินควงแขนอิงแอบซบไหล่กว้าง
องค์หญิงสูงศักดิ์กำลังหลุดกิริยาโดยไม่รู้ตัวไปเสียแล้ว สตรีในห้องหอเคร่งครัดธรรมเนียมจริยาไม่มีแล้วในยามนี้ เสมือนที่โจวเหวินหลงฮ่องเต้เคยหลุดกิริยาของบุรุษสูงส่งทำตัวเยี่ยงโจรราคะล่วงเกินเสวี่ยลี่ในอดีตก็ไม่ปาน
หงซือกวนเหลือบมองหญิงสาวข้างกายอย่างไม่ถือสา เขายังคงเฉยชากับทุกเรื่องราว ความสุขุมนุ่มลึกยังคงมีให้ได้เห็น สายตาคมเข้มลึกลับดำสนิทเยี่ยงรัตติกาลไร้จันทร์ยากคาดเดาห้วงอารมณ์อันใดทั้งนั้น หากแต่ปลายเท้าใหญ่ของเขากลับก้าวเคียงข้างกับเท้าน้อยๆ ของนางไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น
“ข้าว่าเจ้าคงหิวแล้ว กลับไปหมู่บ้านกันเถิด” เสียงห้าวเอ่ยราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์ แต่กลับสะดุดหูคนฟังสิ้นดี
“ไม่นะ” เหม่ยหลินยังคงดื้อดึง “ข้าว่าชายป่าแถวนี้คงมีอาหารเช่นกัน” นางกล่าวคำพลางเมียงมองหาอาหาร คล้ายชำนาญทิศทางเป็นอย่างมาก
ชายร่างสูงยังคงอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็น เขารู้สึกชอบใจในกิริยาน่าเอ็นดูของหญิงข้างกาย หากแต่ริมฝีปากยังคงเอ่ยเสียงเย็นเฉกเช่นใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงเฉยชา “ข้าคิดว่าให้เจ้าเฟยเฟยไปหาอาหารดีกว่า ในน้ำก็ดีมีปลาน่ากิน”
ครานี้เหม่ยหลินเริ่มหรี่ตามอง “พี่หง” นางเริ่มแง่งอนอย่างมิอาจควบคุม
หงซือกวนเพียงเลิกคิ้วปรายสายตาคมดำลงมองใครบางคนที่แง่งอนเสียแล้ว
ทันใดนั้นเสียงกระพือปีกของเฟยเฟยพลันดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะของคนทั้งสอง เมื่อพวกเขาแหงนหน้าขึ้นมอง จึงได้เห็นเจ้าเฟยเฟยออกตัวโบยบินไปยังทิศทางหนึ่ง อาการของมันบ่งบอกได้ว่าให้ตามมันไป หงซือกวนจึงเดินไปทางนั้นโดยไม่ลืมดึงนางข้างกายให้เดินไปด้วยกัน
เมื่อเดินลัดเลาะชายป่ารกทึบเข้ามาในระยะทางหลายสิบจั้ง จึงได้เจอกับบ้านเก่าทรุดโทรมหลังหนึ่ง ซึ่งถูกปลูกสร้างเอาไว้แบบเรียบง่ายคล้ายกับแค่กันแดดหาใช่ลมฝน หากล้มลงพังครืน ก็แค่สร้างใหม่ไม่ยากเย็น
เฟยเฟยลดทอนแรงกระพือปีกอันทรงพลังของตนลง ด้วยเกรงว่าจะทำบ้านพัง มันเพียงบินไปเกาะกิ่งไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านไม่ไกลจากตัวบ้านแล้วสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น
หงซือกวนยังคงมีท่าทางสงบนิ่งยามเดินเข้าไปในตัวบ้าน เหม่ยหลินจึงเดินตามอย่างอุ่นใจไม่เปลี่ยนแปลง
“โชคดีเสียจริง หากได้พักเอาแรงที่นี่สักคืนคงดีไม่น้อย” เสียงใสเอ่ยตามแผ่นหลังงามสง่าไปตามทาง
เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาแล้วจึงเริ่มสำรวจไปทั่ว ภายในนี้มีเครื่องเรือนน้อยชิ้น มีห้องแยกออกจากกันเพียงสามห้อง หนึ่งคือห้องครัวมีอุปกรณ์ทำอาหารไม่กี่ชิ้น สองคือห้องโถงที่มีโต๊ะตั้งอยู่กลางห้องกับตั่งยาวตั้งขนาบข้างโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียว และสามคือห้องนอนมีเตียงไม้เล็กๆ พร้อมหมอนหนึ่งใบกับผ้าห่มหนึ่งผืน ถัดจากเตียงนอนมีชั้นวางผ้าที่พับเอาไว้เป็นระเบียบ ทุกตัวมีสีสันสวยงามผิดกับตัวบ้าน ไม่มีชุดบุรุษแม้แต่ชุดเดียว เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านอาศัยอยู่เพียงลำพัง ทั้งยังเป็นสตรีที่รักสวยรักงามเป็นอย่างมาก
ตรงส่วนนี้เหม่ยหลินสรุปได้จากเสื้อผ้าแพรพรรณที่มีสีสันสดใส ไม่ว่าจะเป็นสีชิง[1] สีฟ้าลายคราม สีเขียวมรกต สีเหลืองอำพัน สีชาดปานเพลิง ทุกตัวล้วนคู่ควรกับสาวงาม หญิงสาวตรึงสายตาคู่งามอยู่ที่เสื้อผ้าทั้งหลาย พลางเหลือบตาลงมองชุดที่ตนเองสวมใส่ พบว่ามันมีคราบเปื้อนเปรอะสกปรกมากนัก ทั้งยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ นางจึงเริ่มครุ่นคิดอย่างลังเล นางอยากเปลี่ยนเสื้อผ้า หากยืมเจ้าของบ้านมาสักตัว จะได้ไหมหนอ?
หากแต่ยังมิทันได้ตัดสินใจ ผ้าชุดใหม่พลันถูกยื่นมาตรงหน้า
หงซือกวนหยิบผ้าสีแดงชาดตัวหนึ่งให้เหม่ยหลิน ดวงตาคมเฉี่ยวบนใบหน้าเย็นชามองเรือนร่างของนางจนทั่ว แล้วเอ่ยปากเสียงเรียบ “เปลี่ยนเสีย”
หญิงสาวถึงกับหน้าแดงก่ำ มิคาดว่าพี่หงจะล่วงรู้ความคิดนาง
“พี่หง” นางเรียกเขาเสียงเบา จนชายหนุ่มต้องเลิกคิ้วก้มมอง ก่อนที่นางจะเอ่ยขึ้นอีกว่า “มันแดงเกินไปไหม?”
“...”
หลังจากได้ผ้าชุดใหม่เป็นสีชมพูจัดจ้านตัวหนึ่งพร้อมสายตาเย็นเยียบบนใบหน้าหล่อเหลาที่ดำทะมึนเล็กน้อยของผู้หยิบยื่น เหม่ยหลินจึงไม่กล้าทำตัวมากความอีกเป็นครั้งที่สอง นางรับชุดนั้นมาจากฝ่ามือใหญ่แล้วเอ่ยเตือน “เราเข้ามาขโมยเสื้อผ้าเจ้าของบ้านเช่นนี้จะดีหรือ?”
“แล้วอย่างไร?” หงซือกวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชามิผิดจากสีหน้า “หากเจ้าต้องการกระทั่งบ้าน ข้าย่อมขโมยให้เจ้าได้”
คำกล่าวตรงไปตรงมาเช่นนั้นทำเอาเหม่ยหลินถึงกับชะงักนิ่งไป ความหมายของชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาหญิงสาวยิ่งหน้าแดงลามไปถึงลำคอ
นี่มิใช่ว่าเขาพร้อมตามใจนางได้ทุกเรื่องราวหรอกหรือไร?
ทว่าเหม่ยหลินไม่อาจเขินอายได้นานเมื่อตระหนักได้ว่ามันไม่ถูกต้อง เป็นเพราะนางส่งสายตาชื่นชมบ้านหลังนี้กระนั้นหรือ พี่หงจึงคิดเช่นนั้น
“พี่หง ข้าแค่ต้องการนอนพักที่นี่สักคืนก็เท่านั้น มิได้ต้องการช่วงชิง” นางรู้สึกผิดทันใด
หงซือกวนมิได้ต่อคำประโยคนั้น เขาแค่ยืนนิ่งหน้าตายแล้วเอ่ย “เปลี่ยนชุดเสีย”
“หืม...” หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นอีกนิดแล้วจ้องตาเขา “เปลี่ยนเลยหรือ?” นางหันซ้ายแลขวาครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ห้องนี้ไม่มีฉากไม้หรือฉากบังตาอันใดทั้งนั้น “พี่หงออกไปก่อน” นางไล่คนตัวโตตรงหน้าทันที
ชายหนุ่มจึงหรี่ตามอง ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นนางมาหมดแล้วทุกสัดส่วน แต่เขาอยากเห็นอีก มิได้หรือ?
ทันใดนั้นฝ่ามือนุ่มนิ่มพลันจับแขนล่ำสันแล้วดึงไปทางประตูห้องก่อนจะดันแผ่นหลังแข็งแกร่งให้พ้นประตูไป ตามด้วยเสียงปิดประตูให้ปิดกั้นสายตาคม ห้องนี้คับแคบมากนัก หงซือกวนยังมิทันได้ก้าวเท้าเต็มที่ก็พบว่าร่างสูงของตนออกมาพ้นห้องนั้นเสียแล้ว
“พี่หงรอสักครู่” เสียงหวานใสดังลอดช่องของประตู
ชายหนุ่มจึงยืนนิ่งพิงขอบประตูอย่างเสียมิได้ “เร็วหน่อย” เขาสั่งเสียงเรียบนึกขัดใจยิ่ง
“เกือบเสร็จแล้ว” เส้นเสียงของคนงามยังคงลอดช่องประตูออกมา พาคนฟังเสียวซ่านนัก
เกือบเสร็จแล้ว อย่างนั้นหรือ? อืม...พูดได้ดี หงซือกวนเริ่มคิดไปไกล
เพียงชั่วอึดใจ เหม่ยหลินจึงเปิดประตูออกมาพร้อมร่างระหงในชุดสีชมพูสดใส นางปล่อยผมเรียบลื่นยาวสยายปรกไหล่ปลายผมลู่ลงไปถึงเอวคอดกลมกลึงโดยมิได้รวบมวยมัด เพราะว่าเครื่องประดับทั้งหมดของนางล้วนหายไปจนหมดสิ้นแล้วเมื่อครั้งที่ตกหน้าผา และเชือกผ้าที่ผูกมาตลอดทางก็มีสภาพย่ำแย่เต็มที เพียงนางดึงออกมาก็ขาดเสียได้ นางจึงออกมาหาพี่หงเพื่อบอกกล่าว “พี่หง...”
ชายหนุ่มผู้เครียดขรึมตรงประตูจึงปรายตามอง
หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน “ผ้าผูกผมขาดเสียแล้ว”
หงซือกวนหาได้พูดพร่ำ เขาเบี่ยงกายสูงใหญ่เฉียดคนงามเดินเข้าไปในห้องอีกครา ถึงแม้ว่าก่อนหน้าเขาจะสำรวจภายในนี้เพียงแวบเดียว แต่ทุกรายละเอียดหาได้รอดพ้นสายตาคมกริบของเขาไม่ กล่องใบหนึ่งซึ่งเก็บเอาไว้บนชั้นเสื้อผ้าพลันถูกเขาเปิดออกแล้วสั่งการ “มาเลือกตรงนี้”
ดวงตากลมใสบนใบหน้าขาวผ่องที่ล้อมรอบด้วยเรือนผมนุ่มลื่นดุจเส้นไหมพลันจ้องเขม็งไปที่คนตัวใหญ่ที่ในมือเขากำลังรื้อค้นเครื่องประดับในกล่องนั้น
อืม...นางแค่ต้องการบอกเขาว่าเชือกผ้าเส้นเก่าขาดไปแล้ว หมายให้เขาฉีกเศษผ้าเส้นใหม่ให้นาง
“พี่หง” เสียงหวานใสเอ่ยออกมาพร้อมกะพริบตาปริบๆ รู้สึกผิดขึ้นมาอีกแล้ว
“มานี่” เสียงทุ้มห้าวสั่งอีกครา
เหม่ยหลินจึงจำต้องเดินเข้าไปตามคำสั่งเขา
“เกล้าผมขึ้น” ชายหนุ่มสั่งเสียงเรียบ
หญิงสาวรีบเอื้อมมือขึ้นเกล้าผมทันใด
เมื่อเส้นผมดำขลับถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยครึ่งศีรษะ ปิ่นอันหนึ่งจากมือใหญ่จึงปักลงมา ตามด้วยอีกอัน และอีกอัน ปิ่นทุกอันล้วนงดงามทั้งสิ้น
“พี่หง” เหม่ยหลินตกใจนัก “พอแล้ว” เขาปักปิ่นให้นางแค่อันเดียว นางก็ใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะแล้ว แต่เขาจะปักปิ่นให้นางมากเยี่ยงนี้มิได้นะ
“ตามใจเจ้า” หงซือกวนกล่าวพลางปิดกล่องเครื่องประดับลงดังเดิมอย่างไม่สบอารมณ์ มิคาดว่านางจะมักน้อยถึงเพียงนี้
“พี่หงหิวหรือไม่ เราไปดูในครัวกันเถิด” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มพริ้มเพราพาพวงแก้มนวลเนียนเปล่งปลั่งอมชมพูระเรื่อ ก่อนเดินออกนอกห้องไป เป้าหมายคือห้องครัวอีกฝั่งหนึ่ง
ชายหนุ่มจึงเดินออกมาพร้อมหญิงสาว พลางปรายตามองรอยยิ้มหวานหยดของนางไปด้วย
ความใกล้ชิดกันในหลายวันนี้ก่อเกิดความผูกพันอันแสนประหลาด สิ่งแวดล้อมอันน่าสะพรึงโดยรอบเรือนกายของพวกเขาตลอดการเดินทาง ไม่มีผลอันใดกับการกระชับความสัมพันธ์เลยสักนิด
และในยามนี้ ทั้งสองก็กำลังทำตัวคล้ายสามีภรรยาที่เดินไปเดินมาในบ้านตนเอง
หากเจ้าของบ้านกลับมา คงเป็นลมล้มพับเป็นแน่
**********************
|
|
|
|
ความคิดเห็น