คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : บรรยากาศแสนดี
แสงแดดสาดส่องทะลุก้อนเมฆตกกระทบผิวน้ำสีใสตลอดแนว
ตรงริมลำธารชายป่าถัดออกมาจากหมู่บ้านร้างที่ไม่ต่างจากสุสาน มีสตรีงดงามเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนและเร้าใจนางหนึ่งในอาภรณ์สีเขียวมรกตกำลังนั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง นางนั่งนิ่งจ้องมองในน้ำนึกแปลกใจเสียจริง ว่าเหตุใดปลาจึงไม่กินเหยื่อ เมื่อชะเง้อคอมองลงไปในลำธาร จึงได้เห็นศพเน่าเปื่อยขึ้นอืดลอยคอมา
“อา...อย่างนี้นี่เอง เฮ้อ!”
โหยวฟางหลัน ย่นจมูกก่อนถอนหายใจคำโตแล้วโยนเบ็ดทิ้งลงบึงไป ในใจนึกก่นด่า
เจ้าศพบ้า! ไยไม่ลอยที่อื่น…
หญิงสาวถอนหายใจอีกทีอย่างเบื่อหน่ายเป็นที่สุด เดิมทีนางเป็นถึงเจ้าสำนักหมื่นดารา อันได้ชื่อว่าเป็นสำนักของสตรีมากเล่ห์ฉายามารจิ้งจอกพันปี หากกล่าวขานถึงสตรีที่ชั่วร้ายที่สุด คงไม่พ้นตัวนางนี่ล่ะ
เฮ่อ! แต่ใครจะไปคาดคิด ว่าสำนักของนางจักล่มสลายเพราะบุรุษ บัดซบที่สุด!
ฟางหลัน มีศัตรูตัวฉกาจอยู่ผู้หนึ่งนามว่าอู๋เมิ่ง เขาคือเจ้าแห่งสำนักไผ่เขียว เป็นชายเหนือชาย สะสมสมุนมากมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นชายวัยฉกรรจ์
ในวันหนึ่งนั้น ชายงามนามว่าหย่งหนานที่เป็นถึงองค์ชายแคว้นต๋าเจี๋ย เกิดหลงใหลในตัวฟางหลันเป็นอย่างมาก ด้วยเห็นเสน่ห์อันเลิศล้ำของนางที่ทำอย่างไรก็ไม่อาจปกปิดได้ ความงามของนางทะลุทะลวงเหลือเกิน เรียกได้ว่าทำให้หย่งหนานรักปักใจในตัวนางจนไม่อาจถอนตัว เขาละทิ้งฐานันดรมาตามตื้อนางทุกทาง ตัวนางนั้นแม้มิได้ตอบรับ แต่ก็มิได้ปฏิเสธไปให้เสียของ ด้วยมารยาอันแสนจะร้ายกาจของนาง ทำให้บุรุษสยบแทบเท้ามานักต่อนัก เรื่องนี้จึงนับว่าไม่แปลกใหม่อันใด
หากแต่สิ่งไม่คาดฝันพลันบังเกิด เมื่ออู๋เมิ่งเกิดพึงใจในตัวบุรุษด้วยกัน กระทั่งเข้ามาแย่งชิงหย่งหนานกับนาง
หึ! เจ้าบ้านั่นไม่ถามสักคำ ว่าหย่งหนานชอบบุรุษด้วยกันหรือไม่?
เจ้าอู๋เมิ่งผู้นี้ดื้อรั้นมิคิดยอมกันเลยสักนิด เขาคิดแต่จะช่วงชิงหย่งหนานอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่หย่งหนานเอาแต่ไม่ยินยอมและขอร้องให้นางช่วยเหลือ นางจึงต้องกลายร่างเป็นสาวงามผู้กล้าหาญ ปกป้องชายงามผู้เป็นสหาย
สุดท้ายเรื่องหนึ่งหญิงแต่สองชาย ที่ฝ่ายบุรุษถูกแย่งชิงอย่างน่าอาย พลันบานปลายจนเกิดสงคราม
นางเป็นสตรีเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย ไหนเลยจักสู้อย่างเป็นธรรมได้ แน่นอนว่าแผนสกปรกย่อมต้องมี นางจึงสมคบกับเหล่าทหารทรราชของแคว้นต๋าเจี๋ย พาพวกสมุนในสำนักกับทหารเหล่านั้นบุกถล่มล้างผลาญสำนักหอไผ่เขียวเสียราบคาบ หากแต่ยามที่นางประมือกับอู๋เมิ่ง นางกลับด้อยกว่าเขามากนัก นางจึงบาดเจ็บสาหัสหนีตายเกือบไม่ทัน
เรื่องของสองสำนักที่มีปัญหากันนั้น พลันเข้าหูท่านประมุขหงซือกวน ผู้อยู่เหนือสำนักทั้งมวล เขาจึงลงมาจัดการยุติปัญหาด้วยตนเอง
วิธีของท่านประมุขผู้ยิ่งใหญ่ไหนเลยจะสามัญ ท่านจึงสั่งการยุบสองสำนักที่มีปัญหากันจนสงบเงียบกริบ โดยการกวาดล้างเสียสะอาดเหี้ยนเตียน ทั้งสำนักหมื่นดาราและสำนักไผ่เขียว ใครรั้นไม่สวามิภักดิ์จึงกลายสภาพเป็นซากศพอยู่ใต้ฝ่าเท้าของท่านประมุขนั่นประไร
ฟางหลันคิดไปคิดมาพร้อมสายตาเรียวสวยมากเสน่ห์เหม่อมองไปทางศพเน่าเฟะที่ลอยอืดอยู่ในลำธาร นางยังจำภาพของท่านประมุขหงซือกวนในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ยามที่นางหลบหนีเข้าห้องลับใต้ดินของสำนักเพราะอาการบาดเจ็บยังไม่สมาน แล้วแอบมองผ่านจากรูเล็กๆ ที่มีโลหิตคล้ายสายธาราหลั่งไหลลอดช่องเข้ามา
ภาพของประมุขแห่งสำนักหมื่นโลกันต์ มิต่างอันใดกับพญามัจจุราชจากขุมนรกอเวจีเลยสักนิด ความหล่อเหลาของท่านหงซือกวน มิได้ลดทอนความโหดเหี้ยมในแววตาเลยสักเสี้ยวเดียว
ยามที่ท่านประมุขยืนเหยียบหัวกะโหลกที่กองสูงราวกับภูเขาขนาดย่อมท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดงฉานที่โหมกระพือราวไฟบรรลัยกัลป์นั้น ช่างน่าสะพรึงนัก เสียงร้องโหยหวนจากทัณฑ์ทรมานก็น่าหวาดหวั่นเสียเหลือเกิน
ถึงแม้ว่าท่านหงซือกวนจะคงไว้ซึ่งท่าทางสุขุมสงบเยือกเย็นตลอดเวลา หากแต่การสังหารโหดของท่านช่างไร้ปรานีนัก เลือดเย็นเป็นที่สุด
คิดแล้วยังเสียวสันหลังไม่หาย อดีตเจ้าสำนักหมื่นดาราเยี่ยงนางต้องขุดรูอยู่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเป็นนานจึงได้มีวาสนาได้เห็นจนประจักษ์แจ้ง ความน่าเกรงขามของท่านหงซือกวนทำให้นางได้ตระหนัก คนงามเยี่ยงนางจะไม่มีวันแปรพรรคอย่างแน่นอน
ในยามนี้ อาการบาดเจ็บของนางหายดีแล้ว จึงได้ออกมาจากรูสู่พื้นดินเบื้องบนแล้วสร้างเฉาเลี้ยว[1] เพื่อซุกหัวนอนก็เท่านั้น เมื่อนางได้เห็นสำนักหมื่นดาราย่อยยับกระทั่งหมู่บ้านเร้นลับของนางยังต้องกลายสภาพเป็นหมู่บ้านสุสาน ก็ให้รู้สึกเสียใจนัก
แต่จักโทษใครได้กันเล่า ในเมื่อจุดเริ่มต้นล้วนเป็นเพราะนางทั้งสิ้น
เฮ้อ! ถอนใจอีกที
เกิดมาเป็นคนงามก็ลำบากอย่างนี้แล...
ถัดออกมาจากริมลำธารที่มีสตรีงดงามนั่งหลงตัวเองในระยะยี่สิบจั้ง
เหม่ยหลินก็กำลังนั่งชมธรรมชาติอยู่ตรงโขดหินริมลำธารเช่นกัน นางกำลังนั่งกะพริบตาปริบๆ จ้องมองศพที่บวมอืดลอยผ่านไป
“พี่หง” หญิงสาวเอ่ยเรียกขานชายหนุ่มที่ยืนนิ่งพิงต้นไม้ไม่ไกลกัน น้ำเสียงของนางสั่นเครือน่าสงสาร
หงซือกวนเลิกคิ้วปรายสายตาคมดำมองเหม่ยหลินยามเอ่ย “เป็นเจ้าที่ไม่ต้องการอยู่ในหมู่บ้านนั่น แล้วยังอยากมานั่งชมทิวทัศน์ตรงนี้ มิใช่หรือ?”
“อืม...ถูกต้องแล้ว” เหม่ยหลินตอบกลับเสียงแผ่วอ่อน นางมีลางสังหรณ์บางอย่างเกี่ยวกับความทรงจำของพี่หง นางจึงจับมือเขาเสียแน่นอย่างเสียจริต แล้วดึงเขาออกมาจากหมู่บ้านสุสานนั่น ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการมานั่งชมทิวทัศน์ข้างลำธารสีใส เห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมา
เฮ้อ! น้ำใสมากจริงๆ เห็นศพชัดเจนเลยเชียว
“บรรยากาศตรงนี้ช่างงามนัก” น้ำเสียงราบเรียบดังออกมาจากริมฝีปากได้รูปบนใบหน้าเฉยชาของหงซือกวน เขาแสร้งหันหน้าไปชื่นชมธรรมชาติพลางเอ่ยวาจาคล้ายประชดนางตรงโขดหินกระนั้น “มิคาดว่าเจ้าจักชมชอบมองศพลอยน้ำมา”
เหม่ยหลินพลันหน้าแดงซ่าน เมื่อถูกชายปากหนักถนอมคำพูดมาตลอดทางกล่าวคำยาวเหยียดคล้ายเย้ากันอย่างนั้น “พี่หงล้อข้าเล่นแล้ว” นางก้มหน้าหลุบตาเขินอายเหลือเกิน
นี่นับได้ว่าเป็นการเกี้ยวกันได้หรือไม่หนอ?
เมื่อหญิงสาวคิดได้อย่างนั้น จึงนึกชอบใจนัก นางถึงกับอมยิ้มพริ้มเพราอย่างไม่อาจห้ามใจ ก่อนจะระลึกได้ว่าไม่สำรวมจึงรีบปรับกิริยาเสียใหม่ให้เป็นปกติที่สุด ก่อนจะเงยขึ้นแล้วเอียงหน้าส่งสายตาสวยหวานสู้สายตาคมเฉี่ยวของชายหนุ่มตรงต้นไม้ นางคลี่ยิ้มงดงามแฝงความเจ้าเล่ห์ถึงสามส่วนยามเอ่ย
“พี่หงหิวหรือไม่ เราเดินทางออกจากที่นี่ไปหาอะไรกินกันเถิด”
นางต้องหลีกเลี่ยงสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อความทรงจำของเขา หากว่าเป็นจริงดั่งลางสังหรณ์ พี่หงย่อมต้องไม่ธรรมดา
ชายคนหนึ่งที่อาจจะยิ่งใหญ่มากๆ เขาคงไม่คิดจะอยู่กับสตรีเช่นนางเป็นแน่ นางยังไม่อาจทำใจยอมรับได้
เจ้าของเสียงแว่วหวานยังคงเอ่ยต่อ “ท่านอย่าเข้าไปที่หมู่บ้านนั่นอีกเลย ได้โปรดอย่าคิดอะไรด้วย” ตรงประโยคช่วงท้าย คนงามมีสีหน้าจริงจังนัก
แน่นอนว่าหงซือกวนจับกระแสความเจ้าเล่ห์เล็กๆ นั่นของเหม่ยหลินได้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความทรงจำที่ขาดหาย แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจ ก็คือเขาย่อมจากนางไป หากเขารู้แจ้งว่าตนเองเป็นใคร
แต่ในเมื่อนางกล้าที่จะเห็นแก่ตัว เขาก็ควรเห็นแก่ตัวเช่นกัน
เพราะว่าบางที ความเห็นแก่ตัวของเราสองนั้น ไม่แน่ว่าคือเรื่องเดียวกันก็เป็นได้!
เหม่ยหลินลุกขึ้นแล้วเดินเข้าหาหงซือกวน นางเงยหน้ามองเขาพร้อมเอ่ยเสียงหวานคล้ายออดอ้อนในที
“พี่หง...พวกเราไปกันเถิด ข้าหิวแล้ว”
เจ้าของนัยน์ตาคมเอ่ยถามออกมา “เจ้าอยากกินอะไร ให้เฟยเฟยไปหามาให้ ดีหรือไม่?”
“ไม่เอานะ ไม่ดี” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันทีทันใด นางแน่ใจว่าเฟยเฟยจะหาอะไรมาให้นางกิน ภาพงูสีดำตัวใหญ่ยังคงติดตา
“หรือว่าเจ้าอยากกินปลา” ชายหนุ่มถามเสียงขรึม นัยน์ตาคมฉายแววหยอกเย้าให้เห็น “ข้าลงไปจับให้ดีหรือไม่?”
ครานี้เหม่ยหลินส่ายหน้ารัวเร็ว นางเห็นศพเต็มน้ำไปหมด มิใช่ปลา!
“อ่า...” หงซือกวนครางในลำคอ “เจ้าเริ่มเอาใจยากตั้งแต่เมื่อใด”
หญิงสาวพลันหน้าแดงก่ำ “ข้ามิได้เอาใจยากเสียหน่อย” นางเถียงอย่างขัดเขิน อมยิ้มจนแก้มป่อง
ชายหนุ่มก้มหน้าเข้าหาหญิงสาวแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เช่นนั้นพวกเรากลับเข้าไปในหมู่บ้านดีกว่า ในนั้นน่าจะมีของกิน”
“โธ่! พี่หง” เหม่ยหลินเริ่มโอดครวญ นึกอยากร่ำไห้ขึ้นมาแต่ยังอ้อนเสียงหวาน “ไม่กลับไปนะ”
หงซือกวนนึกสนุกนัก ใบหน้าเฉยชาพลันมีรอยยิ้มปรากฏ เมื่อเห็นคนงามหน้าแดงหูแดงน้ำตารื้นขึ้นมาอีกแล้ว
ใต้ต้นไม้ริมลำธารมีชายหนุ่มหญิงสาวยืนเถียงกันไปมา ประหนึ่งเป็นคู่รักที่กำลังหยอกเย้ากันอย่างมีความสุข ท่ามกลางบรรยากาศแสนดี ที่มีศพเน่าเปื่อยลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่ในน้ำ
ที่ข้างศพซากหนึ่ง มีดวงตาเรียวสวยเคลื่อนที่อยู่ใต้น้ำโดยมีศพนั้นช่วยอำพราง นางคือฟางหลัน
ในยามที่หญิงสาวนอนเล่นบนทุ่งหญ้าริมลำธารแล้วแหงนมองท้องฟ้าอันเวิ้งว้างกว้างไกล สายตาคู่งามบังเอิญเห็นเจ้านกประหลาดตัวใหญ่ผู้เป็นสหายประจำกายของท่านประมุขหงซือกวนบินโฉบไปมา นางจึงผลุบลุกขึ้นทันใด ด้วยตระหนักได้เป็นอย่างดี ว่าเจ้านกอยู่ที่ใดท่านประมุขย่อมอยู่ที่นั่น นางจึงต้องรีบมองหาท่านประมุขอย่างลนลาน หมายหลบเร้นซ่อนกายให้ไว ด้วยชนักติดหลังที่มี แต่หากหลบมิได้ยังต้องมองสีหน้าของท่านประมุขให้ดี หากสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปโดยไม่มองทิศทางลม เห็นทีคนงามคงสิ้นชีพโดยที่ยังไม่มีสามีเสียแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนั้นนางจึงลงน้ำมา แล้วลอบลอยคออยู่กับซากศพนี่ประไร!
และแล้วนางจึงได้เห็น ชายหนุ่มผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่สง่างามเหนือใครในอาภรณ์คล้ายบ่าวไพร่ กับหญิงสาวนางหนึ่งผู้มีใบหน้าหมดจดงดงามจับตา นางอยู่ในอาภรณ์ธรรมดาสีขาวขมุกขมัว
เมื่อฟางหลันหรี่ตาสวยเด่นพินิจอย่างเฉียบขาดจึงเห็นได้ชัดแจ้งว่าฝ่ายชายนั้นเป็นผู้ใด
ท่านประมุขผู้ยิ่งใหญ่ ผู้โหดเหี้ยมเยี่ยงปีศาจ ผู้ที่ไม่มีใครกล้าต่อกร ท่านหงซือกวน!
ฟางหลันกะพริบตาถี่ๆ อยู่ในน้ำใต้ศพขึ้นอืด ท่านประมุขผู้เคร่งขรึมหล่อเหลากับสตรีงดงามอ่อนหวานนางหนึ่ง พวกเขายืนคุยกันอย่างชื่นมื่นใต้ต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางซากศพเน่าเฟะมากมาย
อา...ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ ชวนให้สะพรึงไม่น้อย อ๊ะ! มิใช่! ชวนให้ตราตรึงไม่น้อยต่างหาก แค่แปลกประหลาดไปสักหน่อยเท่านั้น มิคาดว่าท่านประมุขผู้ชั่วร้ายเยี่ยงพญามัจจุราชแห่งขุมนรก จักมีอารมณ์เยี่ยงชายหนุ่มทั่วไปที่เกี้ยวหญิงสาวได้อย่างน่าชม
แต่อืม...เจ้าศพที่นางใช้อำพรางตัวในน้ำนี่ กลิ่นของมันใช้ได้เลยทีเดียว...
[1] เฉาเลี้ยว คือกระต๊อบ นอกจากเป็นที่อยู่ของคนยากจนแล้ว “เลี้ยว” ยังเป็นที่อยู่ของนักบวชที่ได้สละสถานภาพคฤหัสถ์ไปเป็นนักบวชที่ตัดกิเลสแล้ว
******
ฟางหลันจะมาเป็นคนสนิทของเหม่ยหลิน และเป็นคู่ปรับจัดสมดุลของหยวนจงเจ้าค่ะ
*********
ทดลองอ่าน เรื่องของฟางหลันและหยวนจง คลิก >>>นางร้ายพ่ายรัก (ดวงใจแม่ทัพ)
|
**********************
|
|
|
|
ความคิดเห็น