คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ข่มกลั้น1
ยามราตรีกาลอันมืดมิด ตรงก้นเหวลึกลับ ที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาได้ยากนัก
หงซือกวนกับเหม่ยหลินนั่งเคียงข้างกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงโขดหินริมลำธาร โดยเจ้านกประหลาดตัวใหญ่เพียงเกาะอยู่บนต้นไม้เพื่อระวังภัยก็เท่านั้น รอบด้านของสองชายหญิงล้วนวังเวงและเย็นเยียบ สายลมโชยพลิ้วหนาวเหน็บ บรรยากาศประหนึ่งกำลังจะถูกแช่แข็งก็ไม่ปาน ทำให้พวกเขาต้องนั่งใกล้กองไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย
ภาพหนึ่งภาพพลันปรากฏในห้วงความคิดของทั้งสองโดยมิได้นัดหมาย ภาพนั้นไม่พ้นภาพแห่งค่ำคืนวานที่สองร่างเปลือยเปล่านอนกอดก่ายแนบชิด ปล่อยความร้อนกรุ่นของผิวกายให้สื่อถึงกัน
แน่นอนว่าหงซือกวนย่อมนึกภาพตามความจริง ถึงหญิงที่กำลังนั่งข้างกายกัน ว่าเนื้อนวลนางนุ่มนิ่มปานใดยามตกอยู่ในอ้อมแขนเขา หากแต่เหม่ยหลินกลับนึกภาพคล้ายความฝันก็เท่านั้น นางกำลังนึกถึงแผงอกตึงแน่นของชายข้างกายกัน นางอยากรู้ว่าจะอบอุ่นสักปานใด
ชายหนุ่มหญิงสาวใต้ต้นไม้ใหญ่ กำลังคิดการณ์ไกลโดยมิได้มองหน้ากัน แต่ทว่าพวกเขานั้น กลับนึกถึงภาพเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เวลานี้เป็นยามซวีสี่เค่อ[1]แล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงย่างปลากินอย่างใจเย็นอยู่ริมลำธารเช่นเดิม โดยไม่คิดจะเดินทางต่อแต่อย่างใด เนื่องจากเห็นใครบางคนที่นั่งไม่ไกลกันแอบจับเท้าตนเองอยู่หลายครา
ร่างสูงสง่าของเขาเพียงนั่งเอนกายพิงต้นไม้ชันเข่าขึ้นหนึ่งข้าง สายตาคมดำมองออกไปยังทิศทางรอบด้าน คล้ายมิได้ใส่ใจอันใดกับสตรีงดงามข้างกายเลยแม้แต่น้อย นั่นจึงทำให้เหม่ยหลินกล้าที่จะลอบถอดรองเท้าของตนออก
หญิงสาวใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะค่อยๆ ถอดรองเท้าออกมาแล้วนวดคลึงจนทั่ว ตั้งแต่ปลายเท้ากระทั่งถึงหัวเข่า นางแอบเปิดชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อพิศมองเรียวขาของตนเอง ว่าระบมแค่ไหน และสิ่งที่เห็นยามเมื่อร่างของตนต้องแสงเพลิงของเปลวไฟในกองฟืนก็คือเท้าของนางบวมมาก ทั้งๆ ที่ยามกลางวันไม่เจ็บสักเท่าไหร่
หญิงสาวเม้มปากแน่น น้ำสีใสปริ่มๆ อยู่ตรงขอบตา รู้สึกเจ็บมากกว่าเดิมขึ้นมาทันใด แต่ทว่าจำต้องข่มกลั้นเอาไว้ แล้วปิดชายประโปรงลงเช่นเดิม ก่อนจะใส่รองเท้าอย่างยากลำบาก มิคาดว่ายามใส่คืนจะเจ็บยิ่งกว่ายามถอดออกเสียอีก
หลังจากจัดการกับตนเองเรียบร้อยดีแล้ว เหม่ยหลินจึงนั่งกินปลาอยู่เงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงอันใดทั้งนั้น เนื่องจากอาจจะเป็นการปลุกเหล่าสัตว์ร้ายในป่าใหญ่ให้ตื่นขึ้นมา ภาพของพวกหมาป่าตัวโตเขี้ยวยาวเหล่านั้น นางล้วนจำได้ขึ้นใจ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เหม่ยหลินจึงขยับร่างระหงเข้าใกล้ชายข้างกายอีกนิดจนไหล่แนบชิดโดยไม่รู้ตัว
หงซือกวนยังคงกวาดสายตาคมมองสำรวจรอบทิศ ด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ยามนี้ดึกมากแล้ว อากาศค่อนข้างเย็นและมีน้ำค้างตกลงมา แต่ทว่าใกล้ๆ นี้ไม่มีถ้ำ ไกลออกไปก็ไม่มี แต่หากย้อนกลับไปคงมิใช่เรื่องดี เขาจึงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่ยามอู่ก็เพราะเท้าน้อยๆ ของนางข้างกาย
ชั่วครู่ต่อมาสายตาเย็นชาบนใบหน้าคมคายหันมามองคนงามแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เจ้ามีนามว่าอะไร?”
ถึงแม้จะจำอันใดมิได้ หากแต่เขาก็รู้สึกได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากทำความรู้จักสตรีสักคน
เมื่อเหม่ยหลินได้ยินคำถามนั้น เรียวคิ้วงามพลันขมวดเป็นปม “ข้ายังมิได้บอกนามตนแก่ท่านหรือ?”
อา...อันที่จริง องค์หญิงเช่นนาง ไหนเลยจักเคยแนะนำตนเองกับใคร เพราะส่วนใหญ่ยามที่ต้องเผยโฉมออกสู่ธารกำนัล นามของนางล้วนมีคนประกาศแทน
เมื่อเป็นเช่นนั้น ใบหน้าขาวผ่องพลันแดงซ่านทันใด หญิงสาวรู้สึกขัดเขินขึ้นมาทันทียามที่ต้องเอ่ยแนะนำตนเอง
“เอ่อ...ข้ามีนามว่าโจวเหม่ยหลิน พี่หงเรียกข้าว่าเหม่ยหลินก็ได้” กล่าวจบเลือดลมพลันสูบฉีด ทั้งพวงแก้ม ทั้งใบหู กระทั่งลำคอระหงแดงก่ำประหนึ่งดั่งผลอิงเถากระนั้น อันที่จริงนางอยากให้เขาเรียกนางว่า หลินเอ๋อร์
“เหม่ยหลิน” หงซือกวนทวนคำนาง “เป็นนามที่ดี” เขากล่าวชมด้วยใบหน้าสงบเรียบนิ่ง สายตาคมดำจ้องมองนางที่กำลังเขินอายเสียเหลือเกิน ผิวเปล่งปลั่งของนางดั่งจะคั้นน้ำออกมาเป็นสีชาดได้
มิคาดว่านางจะอ่อนไหวถึงเพียงนี้ หากนางรู้ว่าเขากอดนางทั้งคืน ทั้งยังลอบจุมพิตนางด้วย นางมิละลายกลายเป็นของเหลวไปเลยหรือไร
ชายหนุ่มครุ่นคิดในใจได้อย่างนั้น จึงจำต้องข่มกลั้นความรู้สึกอยากแนบชิดนางเอาไว้ แต่ทว่ายิ่งเห็นร่างนุ่มนิ่มของนางตัวสั่นด้วยอากาศเหน็บหนาวที่กำลังแผ่ปกคลุมไปทั่ว ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก
หงซือกวนหรี่ตาลงเล็กน้อยยามก้มหน้ามองนางข้างกาย พลางขยับร่างแกร่งเข้าใกล้นางอีกนิดให้ไหล่แนบชิดกันอีกหน่อย
เหม่ยหลินยิ่งหลุบตา จนแพขนตาบดบังพวงแก้ม หากแต่ก็มิได้คิดจะถอยห่างเลยแม้แต่น้อย
ยามราตรีกาลอันหนาวเหน็บ สายลมโชยพลิ้วพาความเย็นคล้ายคมมีดเข้าบาดผิว รอบด้านอันมืดมิดมีเสียงแมลงกลางคืนร้องร่ำดังระงมคล้ายขับขานบรรเลงเพลงหวาน
ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงโขดหินริมลำธาร กำลังมีเงาร่างงดงามสองสาย หนึ่งคือชายหนุ่มสูงสง่านั่งก้มหน้ามองนางข้างกายนิ่งงัน อีกหนึ่งคือหญิงสาวงดงามอ่อนหวานนั่งหลุบตาลงเพื่อให้แพขนตางามงอนช่วยปิดบังความเขินอาย
สองหนุ่มสาววัยกำดัดที่กำลังเกิดอารมณ์ตามธรรมชาติอย่างมิอาจห้ามใจ หากแต่ต้องข่มกลั้นมันเอาไว้ ถึงแม้บรรยากาศจะเป็นใจก็ตามที
[1] ยามซวีสี่เค่อ = 20.00 น.
**********************
|
|
|
|
ความคิดเห็น