คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่12 คาดไม่ถึง1
นิยายเรื่องนี้มีฉบับอีบุ๊คแล้ว
|
หลายเดือนแล้วที่เจิ้งเซียวเล่อคอยบัญชาการอยู่ชายแดนเหนือมิได้กลับเมืองหลวง
แต่กระนั้นเขายังคงส่งของกำนัลไปให้วังฝูอ๋องไม่เคยขาด ถึงขนาดส่งจดหมายขอแลกเปลี่ยนวันเดือนปีเกิด ส่งแม่สื่อและส่งของหมั้นกันเลยทีเดียว
เรียกได้ว่ารวดเร็วรวบรัดสมกับเป็นบุรุษหนุ่มผู้เลือดร้อน แสดงออกถึงปรารถนาอันแรงกล้าต่อว่าที่คู่หมั้นอย่างสง่าผ่าเผย
แรกเริ่มเดิมทีครั้งที่เจิ้งเซียวเล่อได้เจอว่าที่คู่หมั้นในศาลาแห่งวังฝูอ๋อง เขาส่งเพียงของกำนัลที่เน้นมอบแก่อ๋องเฒ่าดั่งเช่นปกติที่เคยกระทำมา สิ่งของเหล่านั้นล้วนเป็นยาบำรุง ชาชั้นดี เครื่องเคลือบ ภาพวาด สุรารสเลิศ หยกเนื้อดี เครื่องรางเสริมบารมีจากต่างถิ่น โดยเฉพาะสมุนไพรใบชาและผลไม้ตามฤดูกาล ไม่เคยส่งไข่มุกหรือเครื่องประดับแต่อย่างใด
หากแต่เมื่อได้พบเจอว่าที่คู่หมั้นครั้งที่สองนั้น แม้สิ่งของที่ส่งให้ชินอ๋องไม่แปรเปลี่ยนอะไร แต่กลับเพิ่มสิ่งล้ำค่ามากมายเข้าไปในคันรถมากโข ไม่ว่าจะเป็นกำไลเงิน ชุดประดับทองคำ สร้อยไข่มุก ปิ่นหยกสลักหายาก เครื่องประดับ ผงชาด ขี้ผึ้งบำรุง น้ำมันหอม และเครื่องประทินโฉมในปริมาณที่นับไม่ถ้วน
กระทั่งเจิ้งเทียนฉียังเขียนจดหมายเย้าหลานชายว่า ‘สายตาเฉยชาไร้ความรู้สึกไร้ซึ่งเสน่หาในศาลาวันนั้นคืออะไร? หากคิดจะเปลี่ยนใจจงถามไม้เท้าในมือลุงเจ้าก่อน’
เจิ้งเซียวเล่อมิได้ตอบจดหมายนั้น เพียงยกยิ้มบาง... คนอย่างเขาถ้าชอบก็คือชอบ หากชอบแล้วไม่มีทางไม่ใส่ใจหรือเปลี่ยนใจแน่
การจัดการชนเผ่าป่าเถื่อนไม่เคยคณามือพยัคฆ์ร้ายอย่างเช่นเจี้ยนอ๋องฉายามัจจุราชผลาญเมืองผู้นี้ เวลาแค่เพียงไม่กี่เดือนคนป่าเถื่อนเหล่านั้นล้วนถูกกำราบจนเหี้ยนเตียน
หลังจากเร่งรัดสะสางปัญหาชายแดนเหนือจนสิ้นซาก เจิ้งเซียวเล่อก็เร่งรีบเดินทางนับพันลี้เพื่อมาพบหน้าใครบางคน
ทว่าระหว่างทางกลับ ก่อนเข้าเขตเมืองหลวง เขาได้รับข่าวคราวบางประการที่ทำให้ในอกร้อนผ่าวอย่างคาดไม่ถึง
‘ท่านหญิงหยี่ซินล่องเรือสำราญกลางทะเลสาบกับรัชทายาทเพียงสองต่อสอง ท่าทางประหนึ่งคู่รักที่คบหากันมานาน’
เดิมทีเจิ้งเซียวเล่อมิได้เชื่อถือสักเท่าไหร่เพราะเขาเป็นบุรุษหนักแน่นดุจขุนเขามิใช่คนหูเบาปานปุยนุ่น
หากมิใช่บังเอิญเห็นสองคนนั้นลอบนัดพบกันในยามนี้แบบคาตา ตัวเขาก็คงเป็นแค่คนโง่เขลาเบาปัญญาเช่นเดิม
สถานที่แอบพบของชายโฉดหญิงชั่วคู่หนึ่งคือโรงน้ำชาริมชานเมืองห่างไกลบ้านเรือนอื่นใด ปราศจากผู้คนพลุกพล่าน รอบด้านยังเป็นทุ่งนาเวิ้งว้าง
อ๋องหนุ่มมองเห็นภาพบาดตาจากโรงเตี๊ยมอีกฝั่ง
เขาคาดว่าเรื่องที่หยี่ซินนัดเจอเจิ้งซงหยวนคงเป็นความลับสุดยอด กระทั่งเสด็จลุงเองก็คงไม่ล่วงรู้
เจิ้งเซียวเล่อรู้ดีว่าเหตุใดสองคนนี้ถึงมิให้เสด็จลุงล่วงรู้ นั่นก็เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายได้พูดจาหมายตาหยี่ซินไว้ให้เขาแล้ว
เรื่องผ่านความเห็นชอบจากฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาแล้ว และสินสอดของหมั้น ตัวเขาก็ส่งให้แล้วโดยสมบูรณ์เช่นกัน
รอเพียงพิธีปักปิ่นผ่านพ้น คนสองคนก็ถึงคราวเข้าพิธีมงคลประกาศตนเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้อง
ริมระเบียงบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมตรงข้ามกับโรงน้ำชา อ๋องหนุ่มยืนอยู่เงียบๆ มองชายหญิงทั้งสองหยอกเย้ากันอยู่ไกลๆ
ดวงตาคมดำสงบนิ่งคู่นั้นแฝงความผิดหวังเต็มเปี่ยม มีกลิ่นอายสังหารเย็นเยียบลอยวนอยู่รอบกายแกร่งตลอดเวลา
แววตาบุรุษเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววดุดันฉาบทับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เจิ้งเซียวเล่อกำลังยิ้มเยาะให้ตนเอง พลางซึมซับให้ลึกซึ้งถึงภาพที่บังเอิญเจอคู่หมั้นของตนกำลังดื่มด่ำกับชายอื่น
นี่คือการพบกันในครั้งที่สามกับความรู้สึกที่คาดไม่ถึง...
เจิ้งเซียวเล่อกำลังคิดว่าจะดีสักเพียงใดหากเขาพบเจอนางแค่ครั้งเดียวในศาลาแห่งวังฝูอ๋อง และจะดีสักเพียงใด หากเขามิได้พบนางอีกครั้ง ที่กลางป่าในอุทยานหลวงวันนั้น ความรู้สึกดีๆ ที่ได้เจอกันในครั้งที่สอง กำลังทำร้ายเขาในวันนี้…
อ๋องหนุ่มสะบัดแขนเสื้อเบาๆ หมุนกายสูงใหญ่เดินไปจากภาพบาดตาอย่างเงียบงัน จางฉวนที่ยืนอย่างสงบเงียบอยู่ทางเบื้องหลังนั้น เหม่อมององค์เหนือหัวของตนอย่างหวาดหวั่น ยิ่งมองเห็นความผิดหวังในแววตาก็ยิ่งรู้สึกเย็นเยียบถึงกลางอก นึกห่วงใยความรู้สึกของเจ้านายยิ่งนัก
หัวหน้าองครักษ์รู้ว่าเจิ้งเซียวเล่อมีความรู้สึกที่รุนแรง หากรักก็จะรักสุดหัวใจ แต่หากเกลียดใครจะเกลียดเข้ากระดูกดำ ย่อมไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกย่ำแย่ในยามนี้อย่างไรเป็นแน่
“จางฉวน! เหตุใดยังไม่ตามมา?”
กระแสเสียงทรงอำนาจแฝงโทสะของเจิ้งเซียวเล่อดังขึ้น ดึงสติของหัวหน้าองครักษ์ได้ทันที เขารีบเดินปรี่ออกห่างจากประตูห้องชั้นสามของโรงเตี๊ยมอย่างเร็ว ได้ยินองค์เหนือหัวสั่งการอย่างเกรี้ยวกราดว่า “กลับวังเจี้ยนอ๋อง เตรียมฉลองชนะศึก”
จางฉวนพลันชะงัก “ท่านอ๋อง แล้วไม่ไปรายงานฝ่าบาท”
“ยังไม่มีอารมณ์!”
“...!?”
การรายงานหลังสิ้นศึกต่อพระพักตร์เป็นเรื่องที่ต้องกระทำทันทีไม่มีผ่อนปรน
นี่คือกฎข้อบังคับ หากมัวเยิ่นเย้อไม่เร่งรีบอาจต้องแบกรับโทษฐานทำตัวไม่เป็นที่วางพระทัย หนักกว่านั้นก็กบฏแล้ว
อีกประการหนึ่ง ท่านอ๋องจะฉลองชนะศึกที่วังของตนทั้งๆ ที่ยังมิได้รับพระราชานุญาตจากฝ่าบาท ถือเป็นการกระทำโดยพลการ นั่นคือโทษฐานล้ำเส้นหมิ่นพระเกียรติเบื้องสูง
จางฉวนยิ่งหวาดหวั่นพรั่นพรึง
เพราะอำนาจบารมีและความสามารถอันเลิศล้ำเกินใครกับกองกำลังในอาณัติที่มีมากมายของเจิ้งเซียวเล่อในยามนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นที่หวาดระแวงแห่งราชสำนัก
หากพลั้งเผลอกระทำการไม่บังควรย่อมถูกนำไปเป็นเครื่องมือล้มล้างอำนาจวังเจี้ยนอ๋องได้ทุกเมื่อ
หัวหน้าองครักษ์รีบเอ่ย “ท่านอ๋องไปรายงานฝ่าบาทก่อนค่อยกลับวังฉลองศึกเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เจิ้งเซียวเล่อปรายตามืดดำมองคนสนิทอย่างหงุดหงิด “เจ้ารู้ใจข้าทุกสนามรบแต่กลับไม่เข้าใจความรู้สึกข้าในยามนี้รึ?”
จางฉวนปาดเหงื่อ ยามนี้คืออยู่ท่ามกลางสนามรักปะไร ใครจะเข้าใจเล่า!
เขายังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ จึงปราศจากความคิดเห็นหรือคำปลอบใจใดๆ ทำได้เพียงตีหน้าเศร้าเดินคอตกค่อยๆ ตามติดแผ่นหลังนายเหนือหัวไปอย่างจำนน
ในจังหวะที่เจิ้งเซียวเล่อกับจางฉวนกำลังเดินพ้นประตู กุนซือหนุ่มหน้าหยกนามหลี่เค่อที่ยืนอยู่เงียบๆ คล้ายไร้ตัวตนประหนึ่งกำลังสิงร่างกับต้นเสาก็เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ”
อ๋องหนุ่มปรายตามองกุนซือของตนอย่างไม่สบอารมณ์ “หากเป็นเจ้า เมื่อเห็นสตรีของตนกำลังถูกแย่งชิงแบบนี้ ยังระงับโทสะได้หรือไม่?”
หลี่เค่อแย้มยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าไม่! โดยเฉพาะกับสตรีที่เราพึงใจและกำลังจะได้แต่งงานกับเรา ยิ่งไม่อาจปล่อยให้ชายใดมาลบหลู่ เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเรื่องน่าละอายเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ก็ยังเกิดขึ้น ท่านหญิงเป็นคู่หมั้นของท่านอ๋อง กำหนดการมงคลก็เกิดขึ้นแล้วในอีกไม่ช้า แต่กลับลอบคบหากับรัชทายาท ทั้งยังนัดพบเจอในสถานที่ลับตา เป็นไปได้ว่านางตัดสินใจเลือกอีกฝ่ายแล้ว คงกำลังคิดร่วมมือกันงัดข้อกับท่านอ๋องมากกว่า การที่ท่านอ๋องเลือกประชดชันโดยการกลับไประบายโทสะที่วัง อดทนเจ็บใจเพียงลำพัง มิสู้...”
เขาเหล่มองเจ้านายด้วยสองตาแสนเจ้าเล่ห์
เจิ้งเซียวเล่อขึงตา “อะไร?”
กุนซือกระแอมเบาๆ รีบย่ำเท้ามากระซิบที่ริมหูเจ้านายว่า “มิสู้เข้าไปกระชากหน้ากากให้อับอายไร้แผ่นดินให้หยัดยืน!”
อ๋องหนุ่มเลิกคิ้ว จางฉวนเบิกตา
หลี่เค่อคือบุรุษผู้อ่อนโยนละมุนละไมที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของเจิ้งเซียวเล่อ
ฉากหน้าเปื้อนยิ้มเปี่ยมเมตตามากไมตรี แต่ฉากหลังกลับเป็นชายโฉดที่ชั่วช้าที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสามคน
แน่นอนว่าคนอย่างเจิ้งเซียวเล่อสามารถเข้าไปถล่มได้กระทั่งโรงน้ำชาให้แหลกลาญคามือจนไม่เหลือแม้เศษซาก มิให้ชายหญิงคู่นั้นมีสถานที่พลอดรักโดยสะดวกอีกต่อไป ช่วยประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าขณะนี้มีคู่ยวนยางเน่าเฟะกำลังสมสู่เฉกเช่นสัตว์เดรัจฉานอยู่ตรงนั้นคู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ถอนหมั้นให้สะเทือนฟ้าสะท้านแผ่นดิน
ทว่าหากทำลงไป เสด็จลุงของเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยังมีเสด็จพ่ออีกที่ต้องแบกรับความอัปยศของบุตรชายผู้เป็นถึงองค์รัชทายาท
เจิ้งเซียวเล่อไม่อาจไม่ใส่ใจต่อผู้อาวุโส
แต่ในเมื่อกระทำการโหดร้ายอย่างอุกอาจเอิกเกริกมิได้ ก็ถล่มแค่โต๊ะดื่มชาในห้องของสองชายหญิงชั่วช้าคู่นั้นให้พังราบ จับพวกมันมัดแขนขาแล้วพาไปทิ้งกลางทะเลทรายสักเดือนก็พอ
ที่สำคัญต้องมิให้พวกมันรู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด และต้องไร้หลักฐานเอาผิดด้วยจึงจะดี ให้อัดอั้นคับข้องใจตายไปเลย
ทั้งสามหรี่ตามองหน้ากันเงียบงันก่อนยกยิ้มเยียบเย็น
นิสัยเฉกเช่นหนุ่มน้อยเลือดร้อนจอมซนสามคนเสมือนเมื่อวัยเยาว์พลันบังเกิด
พวกเขามักจับกลุ่มก่อปัญหาเยี่ยงอันธพาลครองเมืองตามวิสัยของคุณชายตระกูลใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
และทุกครั้งที่ก่อเรื่องไม่เคยมีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง
แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นเป็นชายหนุ่มเต็มวัยจึงเลิกเป็นอันธพาลแต่เลือกทำชั่วโดยการออกรบฆ่าฟันศัตรูสร้างคุณงามความดีชดเชยความผิดแทน
เมื่อเป็นอันตกลง สามบุรุษใช้เวลาปลอมตัวชั่ววูบเดียวเท่านั้นก็พร้อมแล้วที่จะสามารถลอบเข้าโรงน้ำชาไปจับชายชู้กับหญิงแพศยาได้ทันที
นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค คลิก>>>
|
ความคิดเห็น