คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่๑๓ เจ้าของห้อง
ตอนที่๑๓ เจ้าของห้อง
หนังสือเล่มหนาถูกปิดลง พร้อมกับเปลวไฟบนเชิงเทียนถูกเป่าให้ดับ โดยบุรุษในห้องนั้น เขาลุกขึ้นเดินไปยังทิศทางที่มีชั้นหนังสือตั้งอยู่ ด้วยความเคยชิน เพื่อเก็บหนังสือในมือ
ในขณะที่เขากำลังเดินไปยังห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นเรือนนอนของเขาที่อยู่ติดกับห้องหนังสือ เขารู้สึกเหมือนมีฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้บริเวณห้องหนังสือของเขา
ประสาทสัมผัสของเขารับรู้ได้ว่าเจ้าของฝีเท้านั้นไม่ใช่คนของเขาอย่างแน่นอน เขาจึงเบี่ยงตัวหลบเข้าไปหลังชั้นหนังสือทันที
เขาซ่อนอยู่ในความมืด รอบุคคลที่กำลังเข้ามาเยือนเขาถึงถิ่นของเขา
ในมือของเขาแม้ไม่มีดาบหรืออาวุธใดๆ แต่เขามักจะพร้อมเสมอสำหรับการต่อสู้
ประสบการณ์จากการถูกลอบสังหารทำให้เขามีความพร้อมอยู่เสมอ
เสียงฝีเท้าของบุคคลปริศนาเงียบไป เหมือนยืนอยู่หน้าห้อง ผู้มาเยือนคงรอจะกำลังจังหวะเพื่อแน่ใจว่าเขาหลับแล้ว
เวลาผ่านไปครู่เดียว ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา
แอ๊ด...
และปิดลงอย่างแผ่วเบาเช่นเดิม
ชายหนุ่มหรี่ตาเพ่งมองอยู่ในความมืด พินิจพิจารณาผู้มาเยือนยามวิกาล
เขาเห็นเป็นเงารูปร่างระหงสมส่วน ทำให้เขารู้ว่าผู้มาเยือนเป็นสตรีมิใช่บุรุษ
นางเป็นใครกัน แอบเข้ามาในห้องของเขาในเวลานี้ ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เขานึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ
ร่างบางระหงในความมืดนั้นค่อยๆเดินอย่างแผ่วเบามาหยุดอยู่ที่ชั้นหนังสือ
กิริยาของนางเหมือนกำลังเลือกหนังสือเพื่อนำมันไปอ่าน
นางใช้เวลาเลือกหนังสืออยู่ในความมืดอย่างใจเย็น เห็นได้ชัดว่ามิได้มาร้าย
แต่มาหาหนังสือ...
เวลาผ่านไปซักพักหญิงสาวก็ได้หนังสือมาไว้ในมือ แล้วทำท่าจะเดินจากไป
ชายหนุ่มซึ่งแอบดูอยู่ในความมืด เห็นดังนั้นจึงคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวสำหรับการต่อสู้ลง มือที่กำแน่นอยู่ค่อยๆคลายลง
ทันใดนั้นเหมือนหญิงสาวผู้มาเยือนจะรู้ตัวว่าถูกแอบมอง จึงเขวี้ยงหนังสือใส่มุมที่ชายหนุ่มยืนอยู่พร้อมกับพุ่งร่างบางเข้าใส่
ชายหนุ่มที่กำลังอยู่ในท่าผ่อนคลายถึงกับถอยหลังไปสองก้าวเพื่อหลบหนังสือและรับฝ่ามือของนาง
การต่อสู้จึงเกิดขึ้นฉับพลัน
ทั้งสองผลัดกันรับ ผลัดกันรุก อย่างพัลวัน
“เจ้าเป็นใคร ประสงค์สิ่งใดต่อเจ้าของห้องนี้” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
หือ! ชายหนุ่มถึงกับชะงัก
“ยอมจำนนซะ ข้ายังไม่อยากฆ่าใคร” หญิงสาวยังคงคำรามพร้อมฟาดฝ่ามือใส่ไม่ยั้ง
ชายหนุ่มเปลี่ยนการต่อสู้มาเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ไม่รุกคืบเหมือนตอนแรก
เป็นนาง...
ชายหนุ่มคิดในใจขณะรับฝ่ามือของหญิงสาวพัลวัน
หญิงสาวยังคงรุกคืบอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
นางสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายมีฝีมือไม่ธรรมดา แต่ทำไมถึงไม่ยอมตอบโต้
นางเพียงนึกสงสัยแค่นั้น เหมือนชายหนุ่มจับความคิดนางได้ เขาถือโอกาสเพียงเสี้ยววินาทีตอนที่นางลังเลเปลี่ยนจากรับมาเป็นรุก อ้อมไปด้านหลังของหญิงสาว ใช้วงแขนกำยำรวบแขนของนางจากด้านหลัง
เมื่อแขนของหญิงสาวถูกรวบเอาไว้อย่างนั้น นางจึงใช้ขาเป็นหลักในการต่อสู้
หญิงสาวขยับเท้าหวังจะเตะส่งออกไป
ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาใช้ขาของเขารวบขาทั้งสองข้างของนางเอาไว้
จนชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ในท่าเสมือนงูสองตัวพันกันอยู่ก็ไม่ปาน
หญิงสาวยังคงดิ้นรนไม่ยอมจำนน ชายหนุ่มถึงกับเสียหลักล้มลงทับร่างบางในอ้อมกอดซะอย่างนั้น
เมื่อหญิงสาวถูกร่างของอีกฝ่ายทับอยู่ในท่าที่หมิ่นแหม่ว่าจะถูกลุกล้ำ นางจึงดิ้นรนหนักมากยิ่งขึ้น อาวุธที่เหลือของนางก็คือปาก นางก้มหน้าหวังจะกัดแขนกำยำนั่นให้เนื้อขาดติดปาก
ชายหนุ่มรู้ทันจึงเบี่ยงแขนหลบในท่าที่ยังกอดรัดฟัดเหวี่ยงนางอยู่ไม่ยอมปล่อย
หญิงสาวก้มหน้าไล่งับแขนของเขาซ้ายทีขวาที เขาก็เบี่ยงหลบซ้ายทีขวาที จนร่างของทั้งคู่กลิ้งไปตามพื้น พัลวันพันตูอยู่อย่างนั้น
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ร่างบางเริ่มเหนื่อย การเคลื่อนไหวจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่
หญิงสาวหอบ แฮ่ก แฮ่ก จนตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงนั่น พอเริ่มหายเหนื่อยก็รู้สึกถึงลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารดต้นคอจากด้านหลัง นางจึงตั้งท่าจะดิ้นอีก จนชายหนุ่มต้องยอมจำนนกับอาการพยศที่ไม่มีทีท่าว่าจะหมดฤทธิ์ง่ายๆ
“เป็นข้าเอง หลี่ซื่อหมิน เจ้าของห้องนี้” เขาเอ่ยขึ้นในที่สุด
หญิงสาวถึงกับชะงัก
หยุดดิ้น
แต่เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นนางก็ดิ้นต่ออย่างแรง
ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะกับกิริยาของหญิงสาว
เอาล่ะ! เขาต้องยอมนางจริงๆ
ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยแขนและขาของเขาที่รัดนางอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นไปจุดเทียนเพื่อให้ความสว่างภายในห้อง
หญิงสาวรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า จัดทรงผมให้เข้าที่
เมื่อจัดการกับตัวเองเรียบร้อย จึงเงยหน้าขึ้นมองหลี่ซื่อ หมินอย่างเต็มตา พบว่าเขายืนกอดอกมองนางอยู่
หญิงสาวถึงกับหน้าแดง ทำตาวาวดั่งแมวป่า จ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง
ชายหนุ่มมองกิริยาของหญิงสาวตรงหน้า เขาอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ แต่ต้องสะกดกลั้นเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย
เขาไม่ชอบให้ใครล่วงรู้ความคิดของเขาเอาเสียเลย
“ไฉนเป็นท่าน” หงเหม่ยหลงโพล่งถามออกมา
“นี่ห้องของข้า...ย่อมเป็นข้าที่อยู่ในห้อง” ชายหนุ่มตอบกลับหน้าตาเฉย แต่แววตากลับซ่อนความขบขัน
“ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หญิงสาวถามอย่างเอาเรื่อง
นางจำชายหนุ่มได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังรู้สึกดีใจอยู่หลายส่วน
“นี่เป็นบ้านข้า ข้าย่อมอยู่ที่นี่ เจ้าแอบแฝงตัวเข้ามาโดยไม่รู้จักเจ้าของบ้านได้อย่างไร” ชายหนุ่มถามขึ้นทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ไยท่านยังไม่ยอมนอน” นางถามออกไปตามตรง เพราะมั่นใจว่าเจ้าของห้องนอนหลับแล้ว นางจึงแอบย่องเข้ามา
“ถ้าข้านอนแล้ว ย่อมไม่ได้จับแมวขโมยตัวเป็นๆ” เขากล่าวออกไปอย่างนั้นเอง แต่เหมือนจะเป็นความจริง เพราะหญิงสาวถึงกับสะดุ้งเฮือก ก่อนตอบ
“ข้า...ข้า...เอ่อ แค่อยากมาหาหนังสืออ่านเท่านั้น มิได้มีประสงค์ร้าย” หญิงสาวตอบตามตรง
“อยากอ่านหนังสือแล้วไยไม่มาตอนกลางวันเล่า”
“ก็ตอนกลางวันมีท่านอยู่ตลอดเลยนี่ ข้าจะเข้ามาได้อย่างไรเล่า”
“แล้วทำไมจะเข้ามาไม่ได้เล่า”
“ก็...” นางจะเข้ามาตอนที่เขาอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อนางไม่รู้ว่าเป็นเขา และถึงนางจะรู้ แต่นางก็ไม่กล้าเข้ามาอยู่ดี เพราะ แท้จริงแล้วนางอยากได้หนังสือเกี่ยวกับการคัดเลือกสาวงาม
“ก็...ก็ข้าไม่อยากรบกวนท่าน” นางตอบ ก่อนเอียงหน้าไปอีกด้านตัดพ้ออยู่ในใจ เสี่ยวอิงนะเสี่ยวอิง ข้าไม่น่าเชื่อเจ้าเลย
“อาการบาดเจ็บของเจ้า หายดีแล้วกระมัง” ชายหนุ่มถามหญิงสาวด้วยเสียงอ่อนโยนลง เขาถูกใจกับคำตอบและกิริยาเมื่อครู่ของนาง
“หือ” หญิงสาวหันมากระพริบตาใส่เขา “อ้อ...ดีแล้ว ข้าหายดีแล้ว แล้วท่านเล่า”
“เจ้าหายตัวไปเสียหลายวัน ย่อมไม่รู้อาการของข้าสินะ” ชายหนุ่มเอ่ยเชิงตัดพ้อ
“เช่นนั้นท่านคงหายดีแล้ว” หญิงสาวกล่าวเสียงเบา
หลี่ซื่อหมินมิได้กล่าวสิ่งใดต่อ เขาเพียงเดินไปจุดเทียนอีกเล่มที่บริเวณชั้นหนังสือ และอีกเล่มที่บริเวณโต๊ะที่ใช้นั่งอ่านหนังสือ ก่อนจะนั่งลงตรงตั่งตัวหนึ่งแล้วเหลือตั่งอีกตัวหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับเขา เป็นเชิงให้หญิงสาวมานั่งลง
หงเหม่ยหลงยอมมานั่งลงแต่โดยดี ด้วยเพราะรู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเอง
“ข้า เอ่อ...ขอโทษด้วยที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องของท่านยามวิกาลเช่นนี้” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้น สีหน้างามที่มักจะดุดันของนางอ่อนโยนลงภายใต้แสงเทียน
ชายหนุ่มเพียงนั่งมองใบหน้านั้นมิได้กล่าวสิ่งใด
หญิงสาวเห็นชายหนุ่มเงียบไปจึงเอียงหน้าไปทางเขาพลางขมวดคิ้วเป็นเชิงคำถาม “ท่านกำลังเคืองข้างั้นรึ”
“เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องเคือง ข้ามิได้ทำสิ่งใดที่เป็นความผิดร้ายแรงเสียหน่อย หนังสือหรือ ข้าก็ยังมิได้ขโมยไปสักเล่ม”
ชายหนุ่มจ้องหน้านางก่อนกล่าว “ถ้าข้านอนหลับไปแล้ว เกรงว่าเจ้าจะขโมยมันจนหมด ไม่เหลือสักเล่ม”
“ท่าน!” หญิงสาวถลึงตาใส่ ก่อนถอนหายใจ ยามเอ่ย
“เฮ่อ....ท่านจะเอาอย่างไร ว่ามา”
“ก็ไม่อย่างไร” ชายหนุ่มตอบหน้านิ่ง “ถ้าเจ้าอยากอ่านหนังสือก็อ่านได้เลย แต่ต้องอ่านที่นี่ ห้ามนำมันออกไป”
“แม้ข้าจะนำมันออกไป ข้าย่อมนำมันมาคืน”
“แต่ข้าไม่ให้นำมันไป เจ้าต้องนั่งอ่านมันในนี้”
“ทำไมงั้นเล่า ท่านจะไม่หลับไม่นอนหรือยังไง”
“ข้ายังไม่ง่วง” ใครจะหลับลง เขาคิด
หญิงสาวก้มหน้าลง “ก็ได้ ก็ได้” พร้อมส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงว่ายอมแพ้ “ข้ายอมท่านแล้ว”
หลี่ซื่อหมินเพียงมองนางนิ่งงัน เขาพอใจกับท่าทางของนางจริงๆ
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้ เขานั่งมองหญิงสาวที่กำลังสาลวนอยู่กับการอ่านหนังสือในห้องหนังสือแห่งนี้
นางอ่านหนังสือเล่มนั้นที เล่มนี้ที อย่างตั้งอกตั้งใจ ประหนึ่งว่ากำลังจะไปสอบจอหงวนอย่างนั้น
เวลาผ่านไปอีกจนเกือบรุ่งเช้า หญิงสาวจึงปิดหนังสือลง แล้วนำมันไปไว้บนชั้นหนังสือดังเดิม
หนังสือแต่ละเล่มถูกนางนำมาจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบดังเดิมไม่ขาดไม่หาย ก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนนางทั้งคืน
“ครบนะ” หญิงสาวเอ่ย
“อืม” ชายหนุ่มตอบรับในลำคอพร้อมพยักหน้าน้อยๆ ก่อนเอ่ย “ท่าทางเจ้าคงได้ความรู้ไปไม่น้อย”
“แน่นอน” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับพาร่างจากชั้นหนังสือกลับมาพร้อมน้ำชาที่อยู่บริเวณบนโต๊ะใกล้ตัว แล้วเดินมานั่งลงที่เดิมตรงข้ามชายหนุ่ม นางรินน้ำชาให้ชายหนุ่มก่อนจะรินให้ตนเองแล้วยกขึ้นดื่ม
ชายหนุ่มมองการกระทำที่ไม่มีจริตเสแสร้งแต่อย่างใดของหญิงสาว ทุกอย่างที่นางทำเขารู้สึกพอใจ
“เจ้าอ่านหนังสือมากมายเพียงนี้ คงมิได้แค่ประดับความรู้กระมัง” เขาชวนนางคุย เหมือนเกรงว่านางจะออกจากห้องไปเมื่ออ่านหนังสือจนหมด
หญิงสาวไม่ตอบ นางอ่านหนังสือจนตาลาย สายตาพร่ามัวไปหมด
นางง่วงเหลือเกิน...
“เจ้าชื่ออะไร”
“หือ” หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจฟัง
“ข้าถามว่า เจ้าชื่ออะไร” ชายหนุ่มย้ำ
“อ่อ...”
นางตอบพลางเอามือเท้าคาง “ข้าชื่อ หงเหม่ยหลง” ตาของนางจะปิดอยู่แล้ว
“หลงเอ๋อร์...” ชายหนุ่มเรียกด้วยเสียงทุ้มต่ำ
หือ! นางอุทานในใจ
เขาเรียกนางอย่างนี้ น้ำเสียงแบบนี้
ทำเอานางขนลุก ขมวดคิ้วมุ่น
ไม่ได้การ บุรุษคนนี้มีเสน่ห์ล้นเหลือจริงๆ ทั้งหน้าตา ทั้งท่าทาง ไม่ได้การ
หญิงสาวเหม่อมองชายหนุ่มอย่างโง่งมพลางคิดในใจ พร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ ไล่ความง่วงให้หมดไป
|
|
ความคิดเห็น