คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่๑๒ แฝงตัว
ตอนที่๑๒
แฝงตัว
หงเหม่ยหลงลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
หญิงสาวเพียงนอนเหม่อมองเพดานอยู่อย่างนั้น
ที่นี่คือที่ไหนนางไม่รู้แน่ชัด รู้แต่ว่าที่นี่ใหญ่โตมาก ข้าวของเครื่องใช้จัดได้ว่าหรูหรา ทุกสิ่งที่ใช้ล้วนแต่เป็นของดีมีราคา จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม มองแล้วสบายตา
อืม! ที่นี่น่าอยู่มากทีเดียว นางคิดไปมองไปรอบๆอย่างสำรวจตรวจตรา
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกจากบ้านของนางมา
ที่สำนักหมื่นโลกันต์บ้านของนางก็ใหญ่โตมากเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่ได้ดูสบายตาเท่าสถานที่แห่งนี้
นี่เราคงเบื่อบ้านตัวเองเต็มทีแล้วกระมัง
พอคิดมาถึงตรงนี้นางจึงหลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย
บ้านที่มีบิดาเป็นหัวหน้าจอมมารผู้โหดเหี้ยม
บ้านที่ไม่มีมารดาอันเป็นที่รักอีกต่อไป
บ้านที่มีแต่การเข่นฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณและเลือดเย็น
บ้านที่นางต้องเข้มแข็งตลอดเวลา ต้องฝึกฝนอย่างหนักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ต้องไล่ล่าฆ่าฟันกันอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน
หงเหม่ยหลงลืมตาขึ้นมาเหม่อมองเพดานอีกครั้ง
บางทีนางก็อยากอ่อนแอบ้าง อยากถูกดูแลทะนุถนอมอย่างอ่อนโยนบ้าง อยากเป็นคนธรรมดาบ้าง ไม่อยากเป็นแล้วลูกสาวจอมมาร
พอคิดมาถึงตรงนี้ หน้าของบุรุษผู้หนึ่งพลันปรากฏขึ้น
เขาเคยช่วยนางจากลูกธนู เคยพานางหลบหนี
เคยมอบสัมผัสสุดพิเศษให้นาง...
อืม...
เมื่อนึกถึงภาพบางอย่างตรงนี้หงเหม่ยหลงทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา
ไม่อยากคิดถึงมันอีก...
“ตื่นแล้วหรือ” เสี่ยวซิงเดินเข้ามาพร้อมเสียงทักทาย
หงเหม่ยหลงรีบลุกขึ้นนั่ง ก่อนเอ่ยตอบไป “ตื่นแล้ว ท่านมีสิ่งใดให้ข้าช่วยทำบ้าง”
“อืม เช่นนั้นเจ้าช่วยทำงานอยู่กับเสี่ยวอิงแล้วกัน” เสี่ยว ซิงกล่าวพลางเดินนำทางไป
หงเหม่ยหลงเพียงพยักหน้าน้อยๆ “อืม ดีเหมือนกัน” จบคำหญิงสาวเพียงลุกขึ้นเดินตามไปอย่างว่าง่าย
“ข้านะตกใจจนกระโดดขึ้นบนโต๊ะตัวที่สูงที่สุดเลย”
เสียงเจื้อยแจ้วของเสี่ยวอิงเล่าเรื่องขบขันอย่างออกรสออกชาต ตอนนี้ท่าทางของนางไม่มีความเจ็บปวดเท่าวันก่อนแล้ว
“เจ้าเห็นแค่หางมัน ก็กลัวจนลนลานเชียว” สาวใช้นางหนึ่ง กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ
“เอ๊า! ถ้าข้ารู้ว่ามันเป็นแค่ชียี่(จิ้งจก) ข้าก็คงไม่กลัวจนกระโดดได้สูงขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวอิงกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่ได้ประชดใดๆ
“เจ้าน่าจะจับมันกินซะต่อให้มันเป็นงูจริงๆก็ตาม” สาวใช้อีกคนกล่าวเสริมอย่างหยอกเย้าสร้างความขบขัน
“แม้ข้าจะกินเก่ง กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ก็ใช่ว่าจะกินงูได้หรอกนะ” เสี่ยวอิงเถียงคอเป็นเอ็น
“เอ...แต่มีคนบอกข้าว่า งูเป็นอาหารอย่างหนึ่ง กินได้นะ” สาวใช้อีกคนหนึ่งเปลี่ยนประเด็น
“ข้าว่ากินไม่ได้นะ” อีกคนเสริม “เอ๊ะ! หรือกินได้”
“ข้าว่ากินไม่ได้” ในที่สุดก็มีการเถียงกันเกิดขึ้น
หงเหม่ยหลงนั่งดูสาวใช้นั่งเถียงกันไปมา มิได้กล่าวสิ่งใด
“แม่นางเหม่ยหลง ท่านคิดว่าไง”
นั่นไง มาที่นางจนได้
หงเหม่ยหลงกอดอก สีหน้าเรียบนิ่งก่อนตอบ “ข้าไม่แน่ใจว่างูจัดว่าเป็นอาหารหรือไม่ แต่ข้าเคยกินมันแล้ว รสชาตใช้ได้ที่เดียว”
นางตอบตามสัตย์ เพราะนางเคยกินมันจริงๆ ตอนที่บิดาฝึกให้นางอยู่คนเดียวในป่าใหญ่เป็นแรมปี
“โอ...ท่านกินมันได้ด้วยรึ” เสี่ยวอิงถามอย่างสงสัย
“แล้วท่านจับมันได้อย่างไร มันอาจฉกหรือกัดเราจนตายได้นะนั่น” เด็กสาวช่างสงสัยทุกเรื่องเสียจริง
หงเหม่ยหลงยังไม่ทันได้ตอบคำใด เสียงหนึ่งพลันแทรกขึ้น “ไม่มีงานทำกันหรืออย่างไร” เสียงเสี่ยวซิงนั่นเอง
“มีเจ้าค่ะ”
“ไปแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้พลันแตกกลุ่มไปในพริบตา
ริมระเบียงบนตำหนักใหญ่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับกลุ่มสาวใช้ที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่เมื่อครู่
ตรงนั้นมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เขารู้สึกคล้ายกับเห็นใครบางคนที่เขารู้สึกคุ้นหน้า ถึงแม้ว่านางจะแต่งกายด้วยชุดบ่าวไพร่ได้อย่างกลมกลืน แต่...
“องค์ชาย งานที่หม่อมฉันได้รับมอบหมายเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว พะย่ะค่ะ” เสียงของซือเว่ยดังขึ้น ดึงสติของหลี่ซื่อหมินให้ ออกมาจากตรงจุดเดิมที่เคยมีบรรดาสาวใช้ของเขานั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่
หลี่ซื่อหมินเพียงหมุนตัวกลับมานั่งที่ตั่งใกล้ตัวพลางพยักหน้าน้อยๆ มิได้แสดงอารมณ์ใดๆ
“องค์ชาย...” ซือเว่ยทำท่าทางคล้ายกับว่าอยากเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า
หลี่ซื่อหมินเห็นอาการขององครักษ์คนสนิท จึงเอ่ยถาม “เจ้ามีอะไร”
“คือ หม่อมฉันเห็นสตรี เอ่อ...นางหนึ่ง เหมือนกับ...สตรีนางนั้น...ที่เราเจอเมื่อคราวถูกลอบสังหาร พะย่ะค่ะ” ซือเว่ย กล่าวจบ เขาเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายเปลี่ยนไปทันที
เขาค่อนข้างแน่ใจจากสีหน้านั้น จึงกล่าวต่อด้วยแน่ใจว่าบรรดาบ่าวไพร่และทหารจะไม่โดนทำโทษที่ทำงานสับเพร่า เพราะสตรีที่เขาพูดถึง
“นางแอบเข้ามาและแฝงตัวอยู่กับบรรดาสาวใช้ของเราพะย่ะคะ” ซือเว่ยตัดสินใจกราบทูล
หลี่ซื่อหมินเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกายวูบหนึ่งเมื่อได้ยินดังนั้น “แอบเข้ามา แฝงตัว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา น่ะหรือ"
"ถ้าเป็นมือสังหารข้าคงตายไปแล้วกระมัง” สีหน้ากับประโยคที่กล่าวช่างผิดกันเสียจริง ซือเว่ยคิดในใจ
“พะย่ะค่ะ เอ่อ...นางไม่ธรรมดาจริงๆ พะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นพะย่ะค่ะ”
ซือเว่ยกล่าวเชิงเย้าผู้เป็นนาย เขาเป็นทั้งองครักษ์ทั้งเหมือนเพื่อนที่โตด้วยกันมา จึงกล้าที่จะทำเช่นนั้น... ก่อนหน้าที่เจ้านายของเขาโดนลอบสังหารโดยโจรป่า ครั้งนั้น ซือเว่ยมิได้ติดตามไปด้วยก็จริง แต่ต่อมาเจอกลุ่มชายชุดดำอีก แม้ตัวเขาจะโดนหลอกล่อให้ไปอีกทาง แต่เมื่อกลับมาเจอกันกับหลี่ซื่อหมิน เห็นเขามีบาดแผลสมควรแก่การรักษา คาดไม่ถึงองค์ชายของเขากลับไม่รีบรักษาบาดแผล แต่กลับควบม้าตะบึงหายเข้าไปในป่าครู่ใหญ่ ก่อนจะพา สตรีนางหนึ่งกลับเข้ามา และพาขึ้นรถม้าคันเดียวกัน ซึ่งมันค่อนข้างจะผิดวิสัยของหลี่ซื่อหมินเป็นอย่างยิ่ง
และเมื่อได้เห็นสีหน้าของผู้เป็นนายยามนี้เขาเลยมั่นใจอยู่หลายส่วน
นายน้อยของเขาน่าจะเจอสตรีถูกใจเข้าแล้ว...****นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค****
|
|
ความคิดเห็น