คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ความรู้สึกแปลกใหม่
รถม้าตกจากหน้าผาด้านซ้ายมือ
ลึกลงไปจากยอดหน้าผาสูงชัน
เหม่ยหลินที่กำลังร่วงหล่นสู่ปลายทางพร้อมกับรถม้าคันใหญ่ทำได้เพียงเกาะผนังรถม้าแน่น ร่างบางถูกกระแทกกระทั้นจนเจ็บไปหมด แต่ความกลัวตายของนางมีเหนือกว่าความเจ็บปวดเนื้อตัว
รถม้าเอียงตัวจนร่างบางไถลลื่น ยามผ้าม่านโบกสะบัดอย่างแรง ลำตัวช่วงบนของเหม่ยหลินจึงหลุดออกมาจากตัวรถด้านใน ยังผลให้นางรีบตะเกียกตะกายออกจากภายในรถ หวังเพียงได้เห็นพี่หงอีกสักครั้ง ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีใครกระโดดตามลงมาจากหน้าผาสูงชัน
ขณะที่กำลังหมดหวัง เหม่ยหลินกลับเห็นเงามืดสายหนึ่งกระโดดลงมา ตามด้วยนกตัวใหญ่บินทะยานโฉบตัวอย่างแรง นางตื่นกลัวและตระหนกจนไม่รู้ว่าควรทำเยี่ยงไร
ชั่วอึดใจ เจ้านกตัวโตพลันโผเกาะที่ข้างรถม้ามันพยายามเอาจะงอยปากขนาดใหญ่จิกมาที่ตัวนาง
เหม่ยหลินผงะเพราะความกลัว เสียงนกร้องดังขึ้น คล้ายส่งเสียงเรียกนายของมัน เพียงชั่วครู่ เสียงตีปีกเกิดขึ้นอีกครั้ง แล้วใบหน้าของหงซือกวนก็ฝ่าความมืดสลัวปรากฏเข้าแทนที่
“พี่หง!”
แม้สายลมรุนแรงจะพัดผ่านจนใบหน้าปวดแสบไปหมด ทั้งยังมีเสียงม้าร้องและเสียงลมที่ดังอื้ออึงจนหูอื้อตาลาย หากแต่หญิงสาวกลับร้องเรียกนามนั้นโดยไม่ต้องคิด เพราะชีวิตน้อยๆ ของนางได้เขาคอยช่วยเหลือมาตลอดทาง
ท่ามกลางสายลมรุนแรงระหว่างหน้าผาสูงชันที่เบื้องล่างเป็นปลายน้ำตกขนาดใหญ่
“พี่หง!”
เสียงหวานกังวานอันสั่นเครือเพราะร่ำไห้ตื่นกลัวร้องเรียกกัน ทำให้หงซือกวนพุ่งตัวตามไปหาได้ไตร่ตรอง โดยมีเจ้านกประหลาดตัวใหญ่ พุ่งร่างตามไปราวสายฟ้าฟาดประหนึ่งดั่งไร้น้ำหนัก สองนายบ่าวต่างสายพันธุ์คล้ายรู้ใจกันโดยมิต้องบอกกล่าว
ก่อนที่รถม้าคันใหญ่จะตกกระแทกน้ำอย่างแรงจนทับร่างบางให้แหลกเหลวเพียงเสี้ยวเวลา ชายหนุ่มตวัดฝ่ามือเพียงเบาๆ เพื่อสะบั้นเชือกที่ผูกม้ากับตัวรถ หมายลดน้ำหนักของตัวรถ จากนั้นพังล้อรถและผนังออกให้เหลือน้อยที่สุด
เจ้านกทมิฬตัวโตจึงโฉบลงมาที่รถม้าแล้วกางกรงเล็บแหลมคมที่ปลายเท้าจิกตัวรถจนเกิดเสียงไม้แตกดังเปรี๊ยะพร้อมกางปีกสะบัดพึ่บเพื่อต้านทานแรงลม
ความเร็วที่เกิดจากการพลัดตกจากที่สูง แม้จะลดลงแต่ดูท่าไม่เกินชั่วสิบลมหายใจคงถึงพื้นเบื้องล่าง ทันใดนั้นสายตาของหงซือกวนมองทางซ้ายเห็นน้ำตกผืนใหญ่ห่างออกไปเกือบร้อยจั้ง ถ้ามีน้ำตก ย่อมมีพื้นน้ำรองรับ
ชายหนุ่มส่งสัญญาณเสียงหนึ่งจากริมฝีปากบอกนกประหลาดให้พาพวกเขาไปด้านนั้น เขาเองมิได้ฉุกคิดว่าเหตุใดกัน จึงรู้สัญญาณบังคับนกตัวนี้ได้
เจ้านกประหลาด เมื่อได้ยินสัญญาณก็หักปีกเปลี่ยนทิศด้วยความยากลำบาก เนื่องจากน้ำหนักตัวของหญิงสาวและชายหนุ่มรวมกับรถม้าที่พังไปกว่าครึ่ง มันเกินแรงนกเยี่ยงมันเป็นอย่างมาก
ห้าร้อยจั้ง
สี่ร้อยจั้ง
สามร้อยจั้ง
สองร้อยจั้ง
ความสูงลดลงเรื่อยๆ แต่ระยะห่างจากบึงน้ำยังเหลือหลายสิบจั้ง
ทันใดนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจตะโกนก้อง “ข้านับหนึ่งถึงสาม เจ้าจงหลับตากลั้นหายใจ”
ไม่กี่สิบจั้งที่เหลือ เหม่ยหลินเกาะซากรถม้าแล้วหลับตากลั้นหายใจ จังหวะหนึ่งถึงสามนั้นหงซือกวนเดินลมปราณซัดฝ่ามือใส่รถม้า เพื่อส่งตนเองตามไปที่บึง
เจ้านกประหลาดตัวใหญ่ที่จิกตรึงรถม้าอยู่ก็สะบัดปีกกางพึ่บแล้วหมุนเหวี่ยงร่างของตัวมันกับรถม้าออกอย่างแรง เพื่อให้สตรีร่างบางกระเด็นตกไป ตามติดด้วยหงซือกวนพุ่งร่างเข้ามาประชิดสตรีที่ถูกกระแสน้ำกลืนหาย
ภายใต้ผิวน้ำเย็นเยียบที่เสียดแทงไปถึงกระดูก
ลึกลงไปหลายจั้ง ร่างระหงของเหม่ยหลินจมดิ่งอยู่ในนั้น นางกำลังทรมานจากการจมน้ำจนขาดอากาศหายใจ แต่ที่กำลังบั่นทอนจิตใจของนางคือภาพในอดีตที่กำลังหวนกลับคืน
ยามเป็นเด็กหญิง นางตกน้ำในบึงใหญ่หลังตำหนัก นางจมอยู่ในน้ำที่มืดสลัว จนสติของนางดับวูบลง ตื่นมาอีกคราก็ผ่านไปหลายวัน โดยมีเสด็จแม่นั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียง
เสด็จพ่อทรงพิโรธหนักมาก พระองค์ทรงสั่งประหารบ่าวไพร่จนหมดทั้งตำหนัก นางที่เป็นเพียงเด็กไม่ประสา ผ่านการเฉียดตายจากการจมน้ำมาจึงกลัวน้ำมากนับแต่นั้น
ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด นางเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งตำหนักต้องตาย...
เหม่ยหลินพยายามลืมตาอ้าปากหาอากาศหายใจ ความหวาดกลัวกระแสน้ำกำลังแล่นริ้วเป็นเส้นเป็นสาย สองมือน้อยๆ พยายามปัดป่ายหาสิ่งยึดเหนี่ยวอย่างยากลำบาก สัมผัสของน้ำที่กระทบฝ่ามือมีเพียงความเจ็บปวดราวกับหัวใจจะฉีกขาด
นางทรมานมาก นางหวาดกลัวเหลือเกิน
ยามเมื่อสติเส้นสุดท้ายใกล้สิ้นลง หญิงสาวจึงได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่มีสายตาคมเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ท่ามกลางความมืดสลัวน่ากลัว เขาฉุดนางเข้าหาแผงอก เพียงพริบตาเดียวก็ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
ความนุ่มนวลใดๆ ล้วนไม่มี เหม่ยหลินรู้สึกได้เพียงว่าสายน้ำเย็นเยียบกำลังบาดผิวเนื้อ ยามเมื่อพี่หงกระชากนางขึ้นจากน้ำ เขากระทำการด้วยความรวดเร็วและทรงพลัง ความปราดเปรียวของเขานั้น ไม่มีคำว่าถนอมแม้เพียงเสี้ยวเดียว
แต่ทว่า...นางรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย
เมื่อหงซือกวนพาร่างนุ่มนิ่มอ่อนแรงขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว จึงอุ้มนางมานั่งที่โขดหินริมน้ำเชี่ยว เขาปล่อยมือจากร่างนาง แต่นางกลับยึดเหนี่ยวลำคอของเขาเอาไว้มั่น
ชายหนุ่มถึงกับก้มหน้ามอง
เหม่ยหลินที่กำลังมีสติจมดิ่งกับความกลัวน่านน้ำยากจะดึงกลับคืน นางจึงเนื้อตัวสั่นเทามากนัก กอปรกับความเย็นเยียบที่เสียดแทงถึงกระดูก นางจึงโผเข้าหาชายตรงหน้าแล้วร้องไห้ออกมา
สติของนางล้วนพร่าเลือนขาดการยับยั้งชั่งใจ
"พี่หง" นางเอาแต่เรียกนามเขาด้วยเสียงสั่นเครือ ร่ำไห้ปานจะขาดใจ
หงซือกวนไม่แน่ใจว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตหรือไม่ ที่มีใครมาซบอกร่ำไห้กันอย่างนี้ ชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วคมเข้มเข้าหากัน ด้วยสัญชาตญาณทั้งหมดที่เขามี ล้วนบอกกล่าวถึงภาพความทรงจำอันเลือนราง ว่าคงไม่เคยมีเป็นแน่
นางช่างกล้ากับเขา!
สายตาคมเฉี่ยวจ้องมองนางตรงแผงอกอย่างดุดัน หากแต่การกระทำนั้น กลับเอื้อมวงแขนช้อนร่างนางขึ้นมา แล้วอุ้มนางที่กำลังตัวสั่นเอาไว้แนบอก หมายพานางไปให้ไกลจากริมน้ำตกเชี่ยวกรากที่มีไอกระแสเย็นปกคลุมไปทั่ว
เสื้อผ้าของพวกเขาล้วนเปียกชุ่มไปหมด จนร่างทั้งร่างแนบชิดคล้ายกับไร้เสื้อผ้าหุ้มกาย ก่อเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ให้แก่หงซือกวน
ชายหนุ่มที่อุ้มหญิงสาวยิ่งให้รู้สึกอึดอัด เรียวคิ้วพาดเฉียงยิ่งขมวดพันเป็นปม ดวงตากลมใสบนใบหน้าสวยหวานที่มีน้ำตาหยาดรินสองข้างแก้มนวลซุกซบอยู่ตรงแผงอกแกร่ง ชิดใกล้กับใบหน้าคมเข้มแค่ไม่กี่ชุ่น[1] นำพาลมหายใจกรุ่นร้อนของทั้งสองผสานกัน
เรื่องบางอย่างระหว่างชายหญิง หงซือกวนไม่แน่ใจว่าเคยมีหรือไม่ หรือว่าเขาคิดแต่จะฝึกวิชา ฆ่าล้างผลาญจนมิใคร่จะใส่ใจ เพราะตั้งแต่ลืมตาตื่นมาแล้วความจำเลือนหาย เขารู้สึกได้ว่าฝีมือของเขาไม่ธรรมดา ทุกพลังในเรือนกายย่อมเกิดจากการฝึกฝนจนไม่สนใจสิ่งใด เป็นไปได้ว่าเขามิเคยได้แตะต้องใคร จึงรู้สึกแปลกใหม่เมื่อแตะต้องนาง
ชายหนุ่มคิดในใจแล้วสรุปได้ด้วยตนเอง พลางกระชับนางในอ้อมแขนให้แนบแน่นแล้วเดินไปอย่างใจเย็น
บางทีเขาควรสนใจสิ่งอื่นใดบ้าง นอกจากฆ่าคน...
ความคิดเห็น