คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่10 ของกำนัล1
ประกาศ! นิยายเรื่องนี้มีฉบับอีบุ๊คแล้ว
|
อากาศเดือนแปดวันที่สิบห้าแม้ยังไม่มีหิมะตกลงมาแต่ก็เริ่มเข้าสู่ฤดูเหมันต์แล้ว
ภายใต้แสงตะวันส่องสว่างลอดผ่านร่มไม้ สองชั่วยามผ่านพ้น คนสองคนวิ่งหายไปโดยไร้คำสั่งให้ติดตาม
กลุ่มองครักษ์จึงยืนเฝ้าและรอคอยอารักขานายเหนือหัวอยู่ที่เดิม พวกเขาไม่มีใครกล้าเหิมเกริมวิ่งตามแต่อย่างใด
เจิ้งเซียวเล่อเป็นบุรุษที่เก่งกาจมากความสามารถอย่างหาตัวจับได้ยาก ฝีมือเชิงยุทธ์สูงส่งยอดเยี่ยม เป็นนักรบที่มีพรสวรรค์ มีการวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ มีวิธีการทำศึกได้อย่างน่าเหลือเชื่อเหนือความคาดหมายในทุกครั้ง
ความองอาจห้าวหาญของเขาถูกกล่าวขานขจรขจาย เป็นที่เคารพยำเกรงและนับถือเลื่อมใสของเหล่าทหาร
เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสตรีทั่วแคว้น ยกเว้นในเมืองหลวง
เพราะถูกรัศมีอันอบอุ่นอ่อนโยนเปี่ยมความเป็นสุภาพชนขององค์รัชทายาทเจิ้งซงหยวนบดบัง
ทั้งยังถูกกลบฝังด้วยฉายาน่ากลัว
แม่ทัพใหญ่วัยหนุ่มแน่นผู้นี้ยังเคยล่าเด็ดหัวมาแล้วกระทั่งโจรป่าเถื่อนและโจรภูเขาที่แสนเจ้าเล่ห์ซ่อนกล
แค่ล่าสัตว์ในเขตอุทยานหลวงจึงไม่นับเป็นอะไร
องครักษ์จึงมิได้ติดตามไปเป็นการขัดขวางชะตาดอกท้อขององค์เหนือหัว
ชั่วครู่ต่อมา เหล่าองครักษ์พลันรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวหลังพุ่มไม้ไม่ไกล สายลมเย็นจัดพัดวูบเข้ามา พร้อมบุรุษชุดสีม่วงที่แบกจิ้งจอกหิมะสีขาวขนปุยตัวหนึ่งปรากฏกาย
“ท่านอ๋อง!”
กลุ่มองครักษ์กรูเข้าหา เจิ้งเซียวเล่อมิได้สนใจบุรุษตัวโตทั้งหลายตรงหน้า เขากวาดตาไปรอบๆ ไล่มองหาสตรีนางน้อย
อ๋องหนุ่มขมวดคิ้วพลางถาม “นางยังไม่กลับมาหรือ?”
“นาง?” หัวหน้าองครักษ์นึกฉงน ชั่วครู่จึงคิดขึ้นได้ “พระองค์ทรงหมายถึงท่านหญิงหยี่ซินหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เจิ้งเซียวเล่อโยนสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ให้องครักษ์รับเอาไว้ ก่อนเอ่ยเสียงขุ่น “นอกจากนางยังมีสตรีใดโผล่มาอีกหรือไร?”
หัวหน้าองครักษ์นามว่าจางฉวนรีบเอ่ย “กระหม่อมเห็นเพียงท่านอ๋อง ยังไม่เห็นนางออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินวาจาเช่นนั้น เจิ้งเซียวเล่อพลันชะงักนิ่ง ดวงตาเรียวคมฉายแววครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด จากนั้นยังถอนหายใจก่อนพลั้งเผลอเอื้อมปลายนิ้วขึ้นไล้ริมฝีปากของตนอย่างเชื่องช้า
ริมฝีปากบุรุษยามนี้มีสีแดงก่ำฉ่ำชื้นกว่ายามปกติมากนัก คล้ายไปบดขยี้กับใครมา สีหน้าเย็นชากับแววตาแข็งกระด้างยังแฝงความกรุ้มกริ่มบางเบา บ่งบอกว่าชื่นชอบมาก เผยให้เห็นตัวตนอีกด้านหนึ่งของเจิ้งเซียวเล่อในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร
แต่ไหนแต่ไรมา ชายหนุ่มไม่ชอบสุงสิงกับผู้ใด กระทั่งเปล่งวาจายังหวงแหนยิ่ง แต่กลับพึงใจที่ได้ใกล้ชิดกับสตรีผู้หนึ่ง
เขาเอ่ยเสียงพร่า “นางคงเขินอายจนหนีกลับไปแล้ว”
จางฉวนมองเจิ้งเซียวเล่ออย่างคาดไม่ถึง พระองค์ทรงเจอว่าที่คู่หมั้นแค่ครั้งที่สอง แต่กลับได้แนบชิดกันถึงขั้น....
อา...นอกจากเก่งกาจด้านการศึก พระองค์ยังเด็ดขาดด้านความรัก กระหม่อมนับถือยิ่งนัก!
หัวหน้าองครักษ์มองนายเหนือหัวของตนอย่างปลื้มปริ่ม เขากำลังมองเห็น หนุ่มน้อยผู้เปี่ยมเสน่ห์ลึกล้ำยากต้านทาน ทำผู้มองรู้สึกวาบหวามในหัวใจไร้ยาต้านมิให้ไหวหวั่น
จางฉวนผู้นี้กำลังภาคภูมิใจในเจี้ยนอ๋องอย่างยิ่ง
ชั่วจังหวะนั้น ม้าเร็วพลันห้อตะบึงเข้ามา
เมื่อถึงที่หมายเบื้องหน้าเจิ้งเซียวเล่อ นายทหารรีบลงจากหลังม้า คุกเข่าหนึ่งข้างประสานหมัดก่อนกล่าวเสียงดังว่า “ทูลท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ท่านอ๋องเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
เจิ้งเซียวเล่อเลิกคิ้ว “มีเรื่องด่วนอะไร?”
นายทหารรีบตอบ “ทูลท่านอ๋อง นอกด่านมีรายงานมาว่าเผ่าซยงหนูเข้าก่อกวนชายแดนเหนือฝั่งตะวันออก พวกมันลอบโจมตีเมืองฟ่งหลิ่ง ใช้เพทุบายตัดหัวแม่ทัพหูจนสำเร็จและยึดดินแดนไปได้เป็นวงกว้างภายในเวลาแค่เดือนเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
ยามที่เกิดเภทภัยหนักหนาสาหัสจากข้าศึกเหิมเกริม ล้วนต้องเป็นเจิ้งเซียวเล่อที่ต้องไปจัดการกำราบให้เหี้ยนเตียน
อ๋องหนุ่มหรี่ตา “ข้ารู้แล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
นายทหารคำนับรับคำแล้วรีบควบม้าจากไป
บุรุษสูงศักดิ์สั่งการอีกว่า “พวกเจ้านำจิ้งจอกหิมะตัวนี้ส่งไปที่วังฝูอ๋อง มอบให้ท่านหญิงเพื่อเป็นของกำนัล รอตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่านางกลับไปถึงอย่างปลอดภัยหรือยัง”
องครักษ์สองคนรับคำอย่างขึงขัง “พ่ะย่ะค่ะ”
ขนสีขาวปุยนุ่มของจิ้งจอกหิมะเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง แม้มีเงินมากมายก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้ เพราะพวกมันอาศัยอยู่ในเขตอุทยานหลวงจินซานแห่งนี้เท่านั้น และที่สำคัญผู้ที่ได้รับอนุญาตให้จับหรือล่ามีเพียงแค่เชื้อพระวงศ์ชาย
คุณหนูตระกูลใหญ่ สตรีชนชั้นสูงหรือแม้กระทั่งองค์หญิงยังไม่มีสิทธิ์ล่าด้วยตนเอง หากอยากได้มาครอบครองยังต้องรอให้องค์ชายล่าให้และผู้ที่ได้รับย่อมต้องมีน้ำหนักในใจชายสูงศักดิ์ มูลค่าของจิ้งจอกหิมะจึงมหาศาล ยากหาสิ่งใดเทียบเทียม
หากเอ่ยตามตรง การได้รับมอบสิ่งนี้จากเจี้ยนอ๋อง หาใช่เป็นเพียงของกำนัลไม่ แต่เป็นถึงของแทนใจเลยต่างหากเล่า
จางฉวนยิ่งมองนายเหนือหัวด้วยสายตาทอประกายวาววับระยิบระยับขั้นสุด
คนถูกมองขมวดคิ้ว ถลึงตาใส่คนสนิท “มองอะไร?”
จางฉวนกระแอมเบาๆ ตัวเขาไหนเลยจักกล้าหยอกเย้าเจ้านายว่า ท่านกำลังตกหลุมรักว่าที่คู่หมั้นของตนเองแล้ว...
แม้อีกฝ่ายมิได้กล่าวออกมา ทว่าเจิ้งเซียวเล่อกลับเข้าใจ เขาจึงโยนคันธนูใส่อย่างแรงจนหัวหน้าองครักษ์รับไว้แทบไม่ทัน จากนั้นก็พลิกกายขึ้นหลังม้า
“ยังไม่รีบเตรียมตัวเดินทาง!”
สิ้นเสียงทรงอำนาจ องครักษ์จึงรีบพลิกกายขึ้นหลังม้า
ทั้งหมดพากันควบตะบึงไปทางทิศที่ตั้งของวังหลวง เพื่อติดตามนายเหนือหัวเข้ารายงานตัวต่อพระพักตร์ฮ่องเต้
คืนนั้นเจิ้งเซียวเล่อรับพระบัญชาเคลื่อนทัพเดินทางไปชายแดนเหนือฝั่งตะวันออกทันที...
แม้ฟ้าจะมืดสลัว หากแต่วังฝูอ๋องกลับสว่างไสวด้วยแสงโคมไฟจนเต็มพื้นที ทั้งหรูหราและเจิดจ้าปานนั้น
ขนสีขาวแวววาวของจิ้งจอกหิมะถูกส่งถึงวังแห่งนี้ ในสภาพที่ดีที่สุด ไร้รอยเลือดให้เห็น จึงสะท้อนแสงไฟได้อย่างงดงามโดดเด่น องครักษ์สองคนนำมามอบผ่านพ่อบ้านเรียบร้อยก็ยืนรออยู่นอกประตูวังสีแดงอย่างสงบเสงี่ยม กระทั่งแน่ใจว่าท่านหญิงหยี่ซินกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วจึงจากไปทันที
ซือเร่อยืนมองซากจิ้งจอกหิมะตาปริบๆ รู้สึกใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ดวงหน้าร้อนผ่าว ขัดเขินเหลือจะกล่าว เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเจิ้งเซียวเล่อ
ทว่าเวลาต่อมาก็นึกได้ถึงฉายามัจจุราชกลืนเมืองของเขา
นางลอบกลืนน้ำลายลงคอ ระบายลมหายใจอย่างหวาดหวั่น ก่อนหันไปมองกล่องเครื่องประดับ หีบผ้าไหม ปิ่นปักผมทองคำ กล่องอัญมณีและภาพวาดทั้งหลายซึ่งตั้งเรียงรายอีกฝั่งหนึ่ง
พลันนั้นใบหน้าคมสันกระจ่างใสขาวเนียนที่มีรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนประดับอยู่ตลอดเวลาก็ปรากฏขึ้น
เด็กสาวอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อนึกถึงรัชทายาทเจิ้งซงหยวน คนผู้นี้มิใช่มีดีเพียงรูปโฉมที่สง่างาม หากแต่เป็นถึงว่าที่จักรพรรดิ และเขายังบอกว่าจะแต่งนางเป็นชายาเอกแห่งรัชทายาท
วันหน้าหากเขาขึ้นครองราชย์ นางก็จะได้เป็นฮองเฮา
ยิ่งคิด ซือเร่อยิ่งคลี่ยิ้มกว้าง จากนั้นก็สนใจเพียงสิ่งของสวยงามตรงหน้า มิได้ให้ความใส่ใจต่อขนจิ้งจอกหิมะอีกต่อไป
นางต้องการหนีห่างให้ไกลจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับผืนป่า ไม่ประสงค์ระลึกถึงกำพืดของตนเองอีก
ซือเร่อสั่งให้สาวใช้สองคนช่วยกันยกซากสัตว์นี้ไปเก็บในห้องปีกข้าง แล้วหันมาสนใจแค่สิ่งล้ำค่าที่ใช้เงินมากมายซื้อมา
ของกำนัลเหล่านี้เจิ้งซงหยวนให้คนซื้อมาโดยใช้นามผู้อื่นได้อย่างแนบเนียนไร้พิรุธให้ซือเร่อเดือดร้อน
หลังจากจัดเก็บของกำนัลที่ได้รับจากองค์รัชทายาทด้วยมือตนเองเรียบร้อย สาวใช้นางหนึ่งก็ขออนุญาตเข้ามาในห้องเพื่อส่งกระดาษแผ่นน้อยอันเป็นข่าวสำคัญ
ซือเร่อรับเอาไว้อย่างรู้ดีว่ามันคือเรื่องใด
เรื่องนั้นคือข่าวคราวของน้องสาวที่ได้รับจากสายสืบที่นางแอบว่าจ้างอย่างลับๆ ให้ไปสืบถึงหุบเขาเหลิ่งซานตลอดจนบริเวณใกล้เคียงและพื้นที่ทั่วสารทิศ
ท่านตาหานไต้ตายไปนานแล้ว และยามนี้เฟิงลี่ก็เหลือตัวคนเดียว นางลงจากหุบเขาเหลิ่งซาน เพื่อตามหาพี่สาวอย่างนาง
นอกจากนี้ยังมีข่าวอีกสายหนึ่งแจ้งมาว่ามีคนพบเห็นสตรีที่มีใบหน้าเหมือนท่านหญิงหยี่ซินทุกประการอยู่อีกเมืองหนึ่ง
หลังจากอ่านรายงานจบก็โยนกระดาษลงอ่างไฟรอจนมันมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลี
ซือเร่อยกยิ้มมุมปาก น้องพี่...อีกไม่นานเราได้เจอกันแน่!
นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค คลิก>>>
|
ความคิดเห็น