คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่๑๑ หงเหม่ยหลง
ภายในตัวเมืองยังคงมีผู้คนจอแจอยู่ตลอดเส้นทางเหมือนดังเช่นทุกวัน แต่ทว่าวันนี้ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ
หงเหม่ยหลงยังคงสวมใส่อาภรณ์สีชมพูอ่อนปักลายสีนวลชุดเดิม
ชุดที่เคยสวยงามบัดนี้มอมแมมกลายเป็นสีขุ่นอยู่หลายส่วน
หญิงสาวซึ่งเดินทางรอนแรมมาตามเส้นทางต่างๆของเมือง หากินโดยการขโมยเล็กขโมยน้อยเรื่อยมา รู้สึกได้ว่าเมืองตรงนี้ผู้คนช่างคึกคักกว่าเมืองก่อนหน้าที่ผ่านมา
พลันสายตาของนางเหลือบไปเห็นบรรดาหญิงสาวสวยงามมากหน้าหลายตายืนออกันอยู่บริเวณเพิงหน้าสถานที่อันโอ่อ่าใหญ่โตแห่งหนึ่ง
ที่นี่คงกำลังมีงานอยู่กระมัง หงเหม่ยหลงคิดในใจ
ทันใดนั้นพลันมีหญิงสาวนางหนึ่งเดินชนเข้ากับหงเหม่ยหลงจนหญิงสาวนางนั้นล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนส่งเสียงแหลม
“โอ๊ย! เกะกะขวางทางจริงเชียว”
“ข้ากำลังรีบอยู่ เขารับสมัครเพียงวันนี้วันสุดท้ายแล้วด้วย” หญิงสาวนางนั้นรีบลุกขึ้นพร้อมกับบ่นพึมพัมอย่างหัวเสียไปตามทาง
“รับสมัครงานหรือ รับแต่สตรีหรือไร น่าสนใจ” หงเหม่ยหลงคิดไปพลางเดินเข้าไปดูในเพิงใกล้ๆ
นางกำลังรู้สึกเบื่อหน่อยกับการลักเล็กขโมยน้อยเต็มที
หงเหม่ยหลงเลือกเดินเข้าไปต่อแถวตามหญิงสาวคนอื่นๆเพื่อเข้าไปสมัครงานด้วยอีกคน
เมื่อถึงลำดับของหงเหม่ยหลง เสียงของบุคคลที่รับสมัครอยู่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนเหนื่อยหน่ายกับภารกิจตรงหน้าเต็มที “เจ้าเป็นบุตรสาวบ้านไหน”
“หือ” หญิงสาวเอ่ยออกมา “สำคัญด้วยหรือ”
คนที่รับสมัครอยู่มองหงเหม่ยหลงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนเอ่ยเสียงดุ “ท่าทางสกปรก มอมแมม หน้าตาไม่งดงามเท่าที่ควร ไม่ผ่าน”
“หือ!” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยประโยคเดิม “สำคัญด้วยหรือ?”
“คนต่อไป”เสียงของบุคคลคนเดิมนี้กล่าวพลางยกมือไล่หงเหม่ยหลงให้หลบไป
หญิงสาวเพียงหรี่ตามอง นึกอยากฆ่าบุคคลผู้นี้ขึ้นมาหลายส่วนนัก
แต่เอาเถอะ นางจะปล่อยไปก่อน ถ้าเข้าแบบปกติดีๆไม่ได้ ก็ต้องแอบเข้าไป ไม่เห็นยาก หงเหม่ยหลงคิดได้ดังนั้นจึงเดินหายตัวไป
หงเหม่ยหลงเดินกลับออกมาจากสถานที่แห่งนั้นไม่ไกลกันนัก นางเลือกที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง หญิงสาวเลือกต้นที่มีความสูงมากพอที่จะมองเข้าไปด้านในสถานแห่งนี้
นางเพียงสังเกตแผนผังด้านในที่ประกอบไปด้วยเรือนเล็กเรือนน้อยและสังเกตการแต่งกายของบ่าวไพร่ข้างใน
ในสถานที่แห่งนี้มีจำนวนทหารและองครักษ์คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ไม่น้อย
หญิงสาวเลือกทางที่มีช่องเพียงนิดเพื่อเข้าไปทางด้านหลังสุดของอาณาเขตอันใหญ่โตแห่งนี้ที่เป็นเรือนตากผ้า
นางเพียงหยิบฉวยเครื่องแต่งกายของบ่าวไพร่มาไว้ในมือแล้วออกมาอย่างรวดเร็ว
อยู่นานไม่ได้ เพราะการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเกินไป
เมื่อหงเหม่ยหลงเปลี่ยนผ้าจากชุดสีชมพูมอมแมมมาเป็นชุดบ่าวไพร่เสร็จแล้ว
นางเพียงแค่เดินเข้าจากด้านหน้าทำตัวให้เหมือนออกไปจ่ายตลาดมา
เมื่อเข้าไปได้ก็ทำตัวให้เสมือนว่าทำงานอยู่ในนั้น และก็รับค่าจ้างไป หญิงสาวคิดตามนั้นในใจ
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินไป เสียงร้องไห้ของเด็กสาวนางหนึ่งก็ดังขึ้นอยู่ด้านหลังของหงเหม่ยหลง
หญิงสาวหันไปมอง เห็นเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งแต่งกายเหมือนกันกับนางตอนนี้ แต่เนื้อตัวมอมแมมเหมือนโดนทำร้ายร่างกายมา
เด็กหญิงคนนั้นดึงชายผ้าของหญิงสาวไว้พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“พี่สาว ช่วยพาข้าน้อยเข้าไปด้วยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเดินไม่ไหวแล้ว”
“เจ้าเป็นอะไร” หงเหม่ยหลงก้มถามเด็กสาวเนิบๆ
“ข้าน้อยโดนลากตัวไปทำโทษที่ตำหนักขององค์หญิง เว่ยฟางใกล้ๆกันนี่เจ้าค่ะและโดนขังอยู่ในนั้นอยู่สองวัน เมื่อครู่คนพวกนั้นพาข้าน้อยมาวางทิ้งไว้ตรงนี้เจ้าค่ะ” เด็กสาวตอบยาวเหยียด เหมือนเกรงว่าหงเหม่ยหลงจะไม่พานางเข้าไปด้วย
“เจ้าชื่ออะไร” หงเหม่ยหลงถามขึ้นพลางแบกสาวน้อยเอาไว้ที่ด้านหลังของตนแล้วค่อยๆเดินเข้ามาด้านในได้อย่างแนบเนียนไร้พิรุธใดๆ เพียงเพราะมีสาวน้อยนางนี้อยู่บนแผ่นหลัง
“เสี่ยวอิงเจ้าค่ะ” เด็กสาวตอบคำ
“อืม เจ้าคงกินเก่งน่าดู น้ำหนักตัวช่างไม่เข้ากันกับรูปร่างของเจ้า”
“ข้าน้อยหนักมากหรือเจ้าคะ”
“มาก”
“ข้าน้อยต้องขอโทษพี่สาวด้วย” เสี่ยวอิงพูดปนสะอื้น
“ไม่ต้องร้อง ให้ข้าพาไปทางไหน บอกมา” หงเหม่ยหลงถามเรื่อยๆมิได้แสดงอารมณ์ใดๆ
เสี่ยวอิงยกมือชี้ไป “ทางนั้นเจ้าค่ะ ข้าอยากไปหาท่านแม่”
หงเหม่ยหลงไปตามทางที่เสี่ยวอิงบอก เพียงไม่นานก็มีหญิงสูงวัยนางหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับตะโกนเรียกสาวน้อย
“เสี่ยวอิง เสี่ยวอิงเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านแม่” เสี่ยวอิงตอบพลางสะอื้นไห้
“พี่สาวคนนี้ให้ข้าขี่หลังเข้ามา นางคงเจ็บหลังน่าดูเจ้าค่ะ”
หงเหม่ยหลงเพียงยืนมองอย่างนิ่งเฉยมิได้กล่าวสิ่งใด นางเพียงต้องการประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆ
แต่เหมือนหญิงสูงวัยเอะใจอะไรบางอย่าง ก่อนเอ่ยออกมาตามตรง
“เจ้าเป็นใครรึ” หญิงสูงวัยเดินเข้ามาใกล้หงเหม่ยหลงพลางหรี่ตามองอย่างวิเคราะห์
“เจ้าใส่ชุดบ่าวไพร่ของที่นี่ แต่ข้าจำได้ว่าไม่มีคนหน้าตาเช่นเจ้านะ” นางดูดีเกินกว่าจะเป็นบ่าวไพร่ สตรีสูงวัยคิดในใจ
หงเหม่ยหลงหรี่ตานิดหนึ่งก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติอย่างแนบเนียนไม่มีตระหนกแต่อย่างใด
“ท่านจำบ่าวไพร่ของที่นี่ได้ไม่หมดหรอกกระมัง”
“ข้าย่อมจำได้ เพราะข้าเป็นหัวหน้าบ่าวไพร่ของที่นี่ ย่อมต้องจำได้จนหมด” หญิงสูงวัยกล่าวตามนั้น ทำเอาหงเหม่ยหลงนิ่งไป
ซวยล่ะสิ ไม่น่าเลย หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ในใจ พลางมองไปที่เสี่ยวอิง ก่อนตัดสินใจพูดตามความจริง
“ข้าเห็นด้านนอกมีรับสมัครงาน ข้านึกสนใจขึ้นมา แต่ด้านหน้านั้นไม่รับข้า ข้าก็เลยเข้ามากับเสี่ยวอิง”
“เจ้าจะสมัครคัดเลือกสาวงามอย่างนั้นหรือ” หญิงสูงวัยถามขึ้น
“อืม ข้าแค่อยากได้งานทำ ได้ที่พัก ก็เท่านั้น ไม่ต้องการคัดเลือกจากด้านหน้าได้หรือไม่” หงเหม่ยหลงถามขึ้นบ้าง
หญิงสูงวัยส่ายหน้าน้อยๆ “เช่นนั้นย่อมทำไม่ได้ แต่เอาเถอะ ข้าจะลองช่วยให้เจ้าได้เข้าคัดเลือกก็แล้วกัน แต่จะได้หรือไม่นั้น ข้าไม่สามารถรับปากเจ้าได้”
“เช่นนั้นข้าขอพักค้างแรมที่นี่จนกว่าจะถึงวันคัดเลือกได้หรือไม่” เข้าพักสักสองสามวันหลังจากนั้นก็ตีสนิทเข้าพักไป เรื่อยๆแล้วก็ทำงานอยู่ที่นี่ไปโดยปริยาย หญิงสาวคิดในใจอย่างมีแผนการ
“ท่านแม่ พี่สาวเป็นคนใจดีไว้ใจได้ นางเพียรพยายามแบกข้าเข้ามา ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีใครแบกข้าเข้ามาหรอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวอิงช่วยพูดพลางกระพริบตาให้หงเหม่ยหลงเป็นเชิงว่าตนเองมีวิธีช่วยเหลือหงเหม่ยหลงกระนั้น
หญิงสาวเพียงมองเด็กสาวนิ่งๆ มิได้กล่าวสิ่งใดต่อ
นางเพียงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเสี่ยวอิงช่วยพูดกับมารดาไปอย่างใจเย็น
|
|
ความคิดเห็น