ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธนาการรัดรึงใจ情网 [จบ]

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่8 รักแรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 67



    วังฝูอ๋อง...

    บ่ายวันนี้ซือเร่อรู้สึกหูตาพร่างพรายคล้ายกำลังมีดอกไม้เบ่งบานเต็มไปหมด เพราะตำหนักอ๋องมีแขกพิเศษมาเยือน

    เขาคือเจิ้งซงหยวน องค์ชายลำดับที่หนึ่ง ผู้ซึ่งได้ครองตำแหน่งรัชทายาทอันสูงส่ง

    เขาผู้นี้ทั้งหล่อเหลาสง่างาม เปี่ยมเสน่ห์ลึกล้ำเหนือผู้คน เป็นที่รักใคร่ของฮ่องเต้และฮองเฮา

    ตามคำเล่าขาน เขาคือองค์ชายรูปงามที่สุดในโอรสทั้งสี่ เป็นที่ชมชอบและใฝ่ฝันถึงขั้นหมายปองของอิสตรีทั่วบ้านทั่วเมือง

    ดูเถิด บุรุษดีเลิศเช่นนี้ จะมิให้เปิดหูเปิดตาได้อย่างไร?

    ตั้งแต่เมื่อวาน ซือเร่อบังเอิญได้ล่วงรู้ถึงเทียบขอเข้าพบชินอ๋องจากเจิ้งซงหยวน เมื่อคืนนางจึงเตรียมเสื้อผ้าแพรพรรณและเครื่องประดับเอาไว้พร้อมพรั่ง 

    พอฟ้ายังไม่ทันสว่างนางก็รีบลุกขึ้นแต่งตัวงดงาม        ยามสายก็มาเดินทอดน่องเฉิดฉายโดดเด่นที่หน้าตำหนักท่านอ๋องคล้ายบังเอิญ เมื่อรัชทายาทหนุ่มปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าตำหนักก็ได้เห็นท่านหญิงหยี่ซินผู้เลอโฉมอย่างคาดไม่ถึง

    ภายใต้ใบหน้าจิ้มลิ้มที่แต่งแต้มอย่างประณีตเหมาะสม ไม่มีใครล่วงรู้ว่าซือเร่อกำลังรู้สึกหน้ามืดตาลายหูตาพร่างพรายกับความรูปงามที่เปล่งประกายเหนือใครของเจิ้งซงหยวน

    ไม่เอ่ยถึงความสูงศักดิ์ที่เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่ต้องบอกว่ามีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงว่าที่องค์ราชัน แค่ได้เห็นท่าทางสุขุมเยือกเย็น กิริยาบ่งบอกถึงความเป็นสุภาพชน แววตาเรียวคมทอแววอบอุ่น วงหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน รูปร่างสูงเพรียวสง่างาม ซือเร่อก็ให้รู้สึกหัวใจใกล้ละลายแล้ว

    เด็กสาวอายุใกล้สิบหกปี เวลากระชั้นชิดเข้ามาทุกที  นางต้องเลือกว่าที่สามีให้ดี รัชทายาทผู้นี้ซือเร่อไม่อาจไม่ใส่ใจ

    แม้บุรุษคนแรกจะเป็นถึงองค์ชายที่ท่านอ๋องหมายตา ใบหน้าหล่อเหลา สูงศักดิ์เทียมกัน แต่เขามีฉายาน่ากลัวปานนั้น นิสัยแข็งกระด้างใจคอโหดเหี้ยมเกินไป ซือเร่อรู้สึกไม่ชอบใจนัก

    หากเป็นรัชทายาทผู้อบอุ่นอ่อนโยนย่อมดีกว่าแน่นอน

    วันนี้ตลอดช่วงบ่าย ชินอ๋องจึงได้เห็นบุตรสาวบุญธรรมแต่งกายประทินโฉมปานนางสวรรค์ คอยดูแลปรนนิบัติรินน้ำชาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานไม่ห่างกาย

    เมื่อเหลือบตาไปมองหลานชายรูปงามอีกฝั่ง ยังเห็นเขายกยิ้มน้อยๆ แต่แววตาอบอุ่นแฝงความเร่าร้อนมองมาไม่ขาดสาย

    เรียวคิ้วสีดอกเลาเริ่มขมวดเข้าหากัน เจิ้งเทียนฉีรู้สึกได้ถึงความผิดปกติระหว่างหนุ่มสาวทันที

    อ๋องเฒ่ากระแอมเบาๆ ค่อยๆ กล่าว “วันนี้รัชทายาทให้เกียรติมาเยี่ยมเยือน เกรงว่าคงมีเรื่องสำคัญกระมัง”

    สำหรับชินอ๋องเจิ้งเทียนฉี หลานชายที่เขาสนิทสนมที่สุดคือเจิ้งเซียวเล่อ ส่วนหลานชายคนอื่นๆ กลับมีระยะห่างเหินพอควร คำเรียกขานจึงเป็นไปตามศักดิ์ฐานะของอีกฝ่าย

    เจิ้งซงหยวนหาได้แปลกใจอันใด เขายังคงไว้ซึ่งท่าทางสุขุมเยือกเย็นดุจเดิม พลางเอ่ยเสียงทุ้มเบาอ่อนโยนว่า

    “หลานไม่ขอปิดบังเสด็จลุง เสด็จพ่อทรงเป็นกังวลเรื่องพระชายา จึงเร่งรัดจัดหาสตรีคู่ควรให้ไม่เว้นวัน หลานจึงต้องหาสถานที่ขอหลบมาทำใจ วังของเสด็จลุงนับว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว เสด็จพ่อไม่คิดมาวางอำนาจที่นี่แน่นอน”

    เจิ้งเทียนฉีเลิกคิ้ว “เจ้ายังไม่อยากแต่งงาน”

    เจิ้งซงหยวนยิ้มรับ “ไม่ผิด”

    เขายกชาขึ้นจิบอึกหนึ่งก่อนกล่าวคำอย่างไม่รีบไม่ร้อน

    “หลานยังไม่มีหญิงใดในดวงใจ...” เนตรเรียวคมค่อยๆ ปรายมองซือเร่อช้าๆ รัชทายาทหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แต่น้ำเสียงราบเรียบว่า “พระชายาของหลาน ย่อมเป็นคนที่หลานมีรักปักใจ มิใช่ใครที่ไหนก็ได้”

    วาจาแม้ราบเรียบทุ้มเบา ทว่ากลับคล้ายเป็นก้อนหินลูกไฟขนาดใหญ่กระแทกใส่กลางหัวใจของซือเร่อจนรุ่มร้อน   แววตาของนางถึงกับฉายความออดอ้อนเว้าวอนอยู่เนืองๆ

    เด็กสาวมองรัชทายาทหนุ่มด้วยสองตาหวานฉ่ำปานน้ำผึ้งหยาดหยด

    นางอยากเป็นสตรีผู้นั้นของเขา...

    ริมศาลาสายลมโชยแผ่วไล้ยอดหญ้าจนไหวเอน ทว่าบุคคลในศาลากลับนั่งนิ่งตัวตรง ไร้ซึ่งวาจา ชายหนุ่มหญิงสาวมองตากันเงียบงัน มีความเปล่งประกายบางอย่างในแววตานั้น

    หากกล่าวตามจริง สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมา ล้วนมีความหมายถึงคำว่า รักแรกพบ ที่รู้กันเฉพาะพวกเขา

    ชินอ๋องมิได้รับรู้อันใด เขาจึงกล่าวเนิบนาบ

    “หากรัชทายาทเห็นว่าวังของข้าเป็นสถานที่หลบภัยชั้นดี เห็นทีคงปรารถนาจะอยู่ที่นี่สักระยะจนกว่าจะสบายใจกระมัง” 

    เจิ้งซงหยวนจำต้องละสายตาจากสะคราญโฉม เอ่ยตอบชายชราอย่างนอบน้อมว่า “หลานคงไม่รบกวนเสด็จลุงนานนัก แค่อยากพักผ่อนชั่วครู่แล้วค่อยกลับไปเผชิญหน้ากับเสด็จพ่อ”

    ซือเร่อเกรงว่ารัชทายาทหนุ่มจะรีบกลับ นางจึงรีบเอ่ย

    “ท่านพ่อบุญธรรม พระองค์ทรงให้หม่อมฉันพารัชทายาทเดินชมสวนบุปผาดีหรือไม่? กลิ่นหอมโชยกรุ่น ทิวทัศน์งามตา           ไยมิใช่พาให้ใจสงบลงได้”

    ชินอ๋องยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มพลันเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ย่อมดี ตกลงตามนี้”

    เมื่อได้ยินคำตอบรับจากเจิ้งซงหยวน ซือเร่อก็เม้มปากก่อนจะค่อยๆ แย้มยิ้มงาม พวงแก้มแดงเรื่อ ท่าทางเขินอายยิ่งนัก แต่ประกายตากลับวาววับสมใจ

    เจิ้งเทียนฉีหรี่ตามิใคร่จะเห็นพ้องเท่าใด ตัวเขาค่อนข้างหวงแหนบุตรสาวบุญธรรมราวกับไข่ในหิน แต่การจะหักหน้ากันย่อมมิใช่สิ่งควรกระทำ ทั้งยังมิใช่วิสัยสุภาพชน เพราะอีกฝ่ายคือหลานชายและเป็นถึงองค์รัชทายาท การให้เกียรติกันจึงสมควร

    เขาเอ่ยเสียงขรึม “ตามใจเถิด...”

    เพิ่งสิ้นเสียงอนุญาต ทั้งหลานชายและบุตรสาวบุญธรรมต่างก็พากันลุกขึ้นทำความเคารพทันที เดินออกจากศาลาทันใด

    พวกเขาเดินชมนกชมไม้ด้วยท่าทางเว้นระยะพอควร กิริยาถูกต้องเหมาะสมอยู่บนครรลองคลองธรรมเป็นอย่างดี

    เจิ้งเทียนฉีนั่งมองคนทั้งสองครู่ใหญ่กระทั่งวางใจว่าจะไม่เกิดเรื่องเกินงามจึงสั่งคนสนิทให้เข็นเก้าอี้เข้าตำหนักส่วนตัว

     

    วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าสดใสเหมือนทุกวัน ทว่าในหัวใจของซือเร่อกลับสดใสกว่าทุกวัน

    เพราะวันนี้ มีคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้เป็นสหายของซือเร่อส่งคนมาขออนุญาตชินอ๋องอย่างถูกต้องตั้งแต่ฟ้าสางว่าจะพานางเที่ยวเล่นชมเมืองตามวิสัย ทั้งมีรถม้าหรูหรามารอรับนางถึงหน้าประตูวังอ๋องพร้อมคนคุ้มกัน

    หลังจากได้รับอนุญาตจากชินอ๋อง ซือเร่อก็แต่งกายงดงามเฉิดฉาย เดินไปขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางทันที

    มิคาดว่า บนรถม้าจะมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่

    “รัชทายาท เหตุใดท่าน?

    เมื่อชายหนุ่มรูปโฉมสง่างามปรากฏกายตรงหน้า ซือเร่อนึกว่าภาพลวงตา จึงเอื้อมมือขึ้นจับแก้มตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงเรียวนิ้วเย็นๆ ที่ข้างแก้มตนจึงรู้ว่าอีกคนมีอยู่จริง

    ซือเร่อเบิกตาโตมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ที่แท้นี่คือแผนการของเขาหรือ?

    เจิ้งซงหยวนมองยิ้มๆ “อะไรของเจ้า?

    ซือเร่อกะพริบตา เม้มปากอย่างขัดเขิน ครู่หนึ่งจึงเอ่ย “หม่อมฉันไม่คิดว่ารัชทายาทจะนั่งรอหม่อมฉันอยู่ในรถม้าเพคะ”

    ชายหนุ่มได้ฟังจึงหลุดหัวเราะเสียงหนึ่ง เขากล่าวเสียงทุ้มนุ่ม “ตามธรรมเนียมปฏิบัติต้าเจิ้ง ชายหญิงที่ยังไม่ออกเรือน แม้มีใจผูกสัมพันธ์ แต่การนั่งรถม้าคันเดียวกัน ออกจะไม่สมควร แต่ข้าอยากพบหน้าเจ้าให้เร็วขึ้นสักหน่อย การนั่งต้องรอเจ้าที่เหลาอาหาร มิสู้นั่งรอเจ้าอยู่ในนี้ ได้นั่งรถม้าคันเดียวกันกระทั่งถึงที่หมาย ไยมิใช่ใช้เวลาได้คุ้มค่ากว่ามากนัก”

    ประโยคเกี้ยวพายาวเหยียด ซือเร่อได้ยินก็ให้รู้สึกเขินอาย โดยเฉพาะคำว่า มีใจผูกสัมพันธ์

    หลังจากสนทนากันเมื่อวาน ความสนิทสนมก็เริ่มต้นและเพิ่มขึ้นอย่างทบทวีจนน่าตกใจ แม้ว่ามันออกจะเร็วไปสักหน่อย ทว่ายามนี้ เด็กสาวคล้ายเป็นกองหิมะเจอแสงตะวันกลางคิมหันต์ หากเขายังเอ่ยต่ออีกคำ เกรงว่านางคงละลายจนเหลวเป็นน้ำ ปรารถนาไหลซึมไปหลอมรวมกับเรือนร่างสง่างามของเขาแล้ว 

    ซือเร่อจึงเอ่ย “เรารีบไปเถิดเพคะ หากกลับเข้าวังผิดเวลา ท่านพ่อบุญธรรมย่อมเคืองพระทัย”

    ประเดี๋ยวไม่ให้นางออกไปเที่ยวอีก จะแย่!

    ประโยคหลังซือเร่อเพียงคิดในใจมิได้เอ่ยออกมา

    รอยยิ้มอบอุ่นยังคงประดับอยู่บนดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์ของเจิ้งซงหยวน เขาถามเสียงทุ้ม “เจ้าไม่อยากฟัง?

    เด็กสาวขมวดคิ้ว “ไม่ใช่เพคะ!

    จบคำพวงแก้มยิ่งแดงปลั่งดั่งจะคั้นน้ำสีกุหลาบออกมา

    รัชทายาทหนุ่มหลุดหัวเราะเสียงเบา “ข้าพูดให้ฟังอีกนะ”

    ซือเร่อยิ่งหน้าแดงก่ำราวกับซับสีเลือด “ไม่ต้อง”

    เจิ้งซงหยวนยิ่งหัวเราะขบขัน “เอาล่ะ! ข้าไม่เย้าเจ้าแล้ว”

    แม่นางน้อยเอ่ยอย่างแง่งอน “ย่อมดีเพคะ”

    เสียงหัวเราะกลั้วเสียงหยอกล้อดังขึ้นผสานกับเสียงล้อบดถนนยามรถม้าเคลื่อนตัว

    จื่อซิ่วกับเสี่ยวชุ่นที่เดินอยู่ด้านข้างรถม้าพากันส่งยิ้มพร่างพราวให้แก่กันอย่างรู้สึกมีความสุขร่วมกับนายสาวของตน

    ข่าวว่ารัชทายาทเจิ้งซงหยวนทรงเป็นบุรุษทรงคุณธรรมเปี่ยมน้ำใจ ในตำหนักบูรพาก็ยังไม่มีกระทั่งอนุชายาสักคน

    พวกนางบ่าวคนสนิททั้งสอง เริ่มเห็นเส้นทางสุกสว่างเรืองรองคล้ายโรยด้วยกลีบบุปผาแห่งความสุขหากได้ติดตามท่านหญิงหยี่ซินเข้าตำหนักบูรพาในภายหน้า

     .

    .

    .

    หลายวันแล้วที่เฟิงลี่เดินทางอยู่ในเมืองหลวงต้าเจิ้งอันกว้างใหญ่แห่งนี้ จากทิศใต้ค่อยๆ ขยับขึ้นทิศเหนือ

    ระหว่างนั้นนางต้องระหกระเหินเร่ร่อน เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขมุกขมัว สภาพย่ำแย่ไม่ต่างจากแมวป่าผลัดหลงกับฝูงตน กระทั่งเงินหมดลง ไม่มีให้ซื้อข้าวกิน เฟิงลี่ยามนี้กำลังหิวมากๆ จะให้ทำอย่างไร

    เด็กสาวมองซ้ายแลขวาคิดวิธีหางานทำเพื่อแลกข้าวกิน ความคิดของนางมิได้ซับซ้อน เป้าหมายมีแค่หาข้าวกิน

    สาเหตุที่นางคิดเช่นนี้เพราะเงินได้มาย่อมหมดในไม่ช้า แต่หากสามารถหาสถานที่พักพิงมีข้าวกินครบมื้อนั่นจึงดำรงอยู่ได้ยืนนาน จะได้ไม่หิวตายก่อนหาพี่สาวเจอ

    อ้อ...ถ้าได้สถานที่ที่ไม่มีบุรุษมากรักด้วยจึงจะดี นางยังไม่อยากมีสามีกลายเป็นสตรีของผู้อื่นก่อนเจอพี่ซือซือ

    สำหรับเฟิงลี่นั้น ยามนี้เหลือแค่ซือเร่อที่เป็นญาติคนเดียว ซึ่งเปรียบประดุจมารดา หากจะออกเรือนยังต้องเชื่อฟัง จะหวีผมม้วนมวยปักปิ่นครั้งแรกยังต้องให้พี่สาวทำให้

    ยามนี้เด็กสาวค่อนข้างระวังตัวมากกว่าเดิม ระหว่างทางเคยเข้าของานทำที่โรงน้ำชา โรงหมอ เหลาอาหาร โดยเลือกเฉพาะร้านที่ไว้ใจได้ว่าจะไม่เจอบุรุษใจหยาบอีก

    ทว่าไม่มีใครรับเลย พวกเขาบอกว่าไม่รับขอทานสกปรกเข้าทำงาน หากนางอยากได้ข้าวกินต้องไปนั่งนอกร้าน

    โน่น! นั่งห่างๆ ไป!”

    ประโยคเดือดดาลตวาดลั่นช่างคล้ายคลึงกันยิ่ง

    เฟิงลี่ได้ยินจนจำขึ้นใจ

    เฮ้อ! คนเมืองหลวงนี่ก็กระไร ชอบมองคนแค่เปลือกนอก!

    นางถูกขับไล่ออกมาไม่ต่างจากสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ท้ายที่สุด จึงไม่ประสงค์เดินวนเวียนอยู่ในตัวเมืองสักเท่าไหร่ หมวกกันลมก็รุ่มร่ามเกินไป มองทางหนีทีไล่ได้ลำบากลำบนมาก ยิ่งเห็นบุรุษในเครื่องแบบทหารเดินเป็นแถวยาวเหยียดอย่างขึงขังก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวน เกรงว่าจะเป็นคนของทางการถูกสั่งมาให้จับกุมนางในข้อหาที่จิ่วเม่ยสร้างขึ้น

     

    เมืองหลวงใหญ่โตยิ่งนัก นอกจากมีอาณาเขตกว้างขวาง ยังมีภูเขารอบด้าน นับว่าเป็นปราการปกป้องตามธรรมชาติอันยอดเยี่ยม

    เฟิงลี่จึงเลือกเดินเลียบชานเมืองอันเป็นชายป่าเชิงเขา ถึงแม้จะลำบากกายทว่ากลับเดินทางได้สบายใจกว่ามาก เพราะชีวิตยากไร้สิบกว่าปีที่แล้วล้วนชาชินกับป่าเขาลำเนาไพร ยอมเหนื่อยเพิ่มอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป

    เพียงแต่ในป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์อย่างไม่น่าเชื่อ

    สาวน้อยเดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หิวก็หาอาหารป่ากิน เสื้อผ้าสีชมพูสดใสที่สวมใส่แต่เดิมเริ่มเปื้อนฝุ่นดินเป็นสีขมุกขมัว ชุดนี้เป็นผ้าไหมเนื้อดีและสวยงามสามารถเปลี่ยนหญิงยาจกให้กลายเป็นธิดาเศรษฐี จิ่วเม่ยเลือกซื้อให้เฟิงลี่อย่างเอาอกเอาใจหลิวอี้ก่อนเกิดเรื่องขึ้น แต่นั่นมิใช่สิ่งที่ต้องกังวล สิ่งที่กังวลคือความยาวรุ่มร่ามของมัน

    ยามเดินเหินชายผ้ามักจะเกี่ยวกับกิ่งไม้ต้นหญ้าจนตึง ดึงรั้งดรุณีไปจนตลอดทาง ที่สำคัญ กางเกงกับแขนเสื้อด้านในค่อนข้างหลวมและโปร่งบาง อันอาจจะทำให้มีสัตว์ตัวเล็กๆ แอบเข้าไปใต้ร่มผ้าได้ เฟิงลี่จึงหาเชือกเถาวัลย์มารัดรอบแขนเหนือข้อมือและรอบขาเหนือข้อเท้าเอาไว้ หมวกกันลมยังโยนทิ้งไป เพื่อมิให้ปิดกั้นทัศนียภาพ ทำให้เดินทางได้คล่องตัวยิ่งขึ้น

    ยามนี้ดรุณีน้อยร่างเพรียวยืนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง พยายามเพ่งมองจับทิศทางท่ามกลางพนาที่กว้างใหญ่ไพศาล เมื่อรู้ได้ว่าทิศใดคือทิศเหนือและควรไปทางใดจึงปีนลงจากต้นไม้แล้วเดินทางต่อ

    เฟิงลี่ไม่อาจล่วงรู้ว่าผืนป่านี้กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ก็เพราะเป็นเขตอุทยานหลวง สำหรับเชื้อพระวงศ์เข้ามาล่าสัตว์

    เมื่อนางลงจากต้นไม้แล้วก้าวเท้าได้เพียงครึ่งก้าว ลูกธนูพลันแหวกอากาศเฉียดศีรษะดังสวบ

    สิ่งนี้นอกจากไม่ทำให้เฟิงลี่รู้สึกหวาดหวั่น สาวน้อยยังรีบหันขวับกลับไปมองตามทิศทางลูกธนูทันควัน

    ทันใดนั้นนางพลันแตกตื่นในแววตา

    ท่ามกลางป่าไม้สีเขียวรกชัฏ เด็กสาวเห็นบุรุษหนุ่มแน่นในอาภรณ์สีม่วงผู้หนึ่งนั่งสง่าอยู่บนหลังม้า

    รูปร่างของเขางดงามสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เรียวคิ้วดกดำพาดเฉียง นัยน์ตาที่เรียวยาวคู่นั้นปลายเชิดเล็กน้อย ดูมีเสน่ห์บาดตาอย่างบอกไม่ถูก  

    ทว่าสีหน้าของเขากลับเคร่งขรึมเย็นชาอย่างมาก เป็นความเคร่งขรึมที่หาได้ยากในตัวบุคคลที่นางเคยพบพาน เป็นความเย็นชาที่ทำให้ใจคนร้อนรุ่ม ประดุจดอกไม้น้ำแข็งค้างที่ผลิบานอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนแรงแต่กลับหนาวเหน็บ ทั้งสูงค่าและกล้าแกร่งอย่างหาใดเทียม เรือนกายยังแผ่กลิ่นอายคล้ายสัตว์ร้ายในป่าลึกเร้นลับ เกินกำลังที่จะจับต้องได้

    ดรุณีนางน้อยแหงนหน้าเบิกตากลมโตมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่คล้ายดั่งภาพมายา นางรู้สึกเสมือนได้เจอเทพลงมาเยี่ยมเยือนยังแดนมนุษย์ ใจของนางเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม ใบหน้าของนางร้อนผ่าว ลมหายใจสะดุด สายตามิอาจละจาก  ได้แต่มีความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นฉับพลัน

    ความรู้สึกเช่นนี้ เฟิงลี่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร

    สายลมโชยแผ่วไล้ผ่านยอดหญ้า ทำสองหูถึงกับอื้ออึง ทุกสรรพเสียงรอบตัวอันตรธานหายไป แสงแดดที่กระทบใบหน้า ทำให้นางรู้สึกพร่าเลือนนัยน์ตา และแสงแดดที่ตกกระทบร่างเขา คล้ายสีทองสว่างจ้า ยิ่งทำให้นางลืมตาไม่ขึ้น

    สรุปแล้ว ดวงตาของเฟิงลี่กำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่  นางกำลังมองเห็นอสูรร้ายตนหนึ่งเสมือนเทพเซียนจำแลง

     

     

    ลมหุบเขาโชยผ่านเย็นยะเยือกปานนั้น กลีบดอกหญ้าปลิวว่อนประหนึ่งพิรุณโปรยปราย

    ภายใต้ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา มีสายตาคล้ายตกหลุมรักเพียงแรกเห็นเช่นนี้ เป็นสิ่งที่บุรุษอย่างเจิ้งเซียวเล่อรับรู้ได้

    ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มบางเบา

    นางตรงหน้ามิใช่ว่าที่คู่หมั้นของเขาหรือไร?


    นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค คลิก>>>พันธนาการรัดรึงใจ

    Thumbnail Seller Link
    พันธนาการรัดรึงใจ亲爱的
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    นางถูกพี่สาวยึดเอาความดีความชอบเสวยสุขคนเดียว ถูกจับตัวให้สวมรอยแต่งงานกับบุรุษที่รักพี่สาวสุดซึ้ง พันธนาการเส้นหนึ่งแม้มิตั้งใจแต่กลับรัดรึงนางไว้ตลอ...
    Get it now


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×