ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมใจจอมมาร(จบ)

    ลำดับตอนที่ #12 : ไม่ไร้ประโยชน์

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 67


    เวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งเค่อ เสียงย่ำเท้าของใครบางคนก็ใกล้เข้ามายังทิศทางของรถม้าที่เหม่ยหลินนั่งอยู่

    หญิงสาวถึงกับชะงักงันตกใจ เนื้อตัวสั่นเทาเพิ่มขึ้นมา

    นางคิดว่าเป็นพี่หงของนางอยู่ห้าส่วนและอีกห้าส่วนนางคิดว่าเป็นคนร้าย

    มันย่อมเป็นไปได้ด้วยเหตุการณ์เฉียดตายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าบอกกล่าวแก่นางได้เป็นอย่างดี

    หญิงสาวจึงเริ่มมีเนื้อตัวที่สั่นเทาเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย เมื่อระลึกได้แล้วว่าอีกห้าส่วนอาจจะเป็นคนร้ายที่หมายคร่าชีวิตของนาง

    และเพียงอึดใจต่อมา เมื่อผ้าม่านพลันถูกเปิดออกด้วยฝ่ามือใหญ่หนาของใครบางคน

    ใครบางคนนั้นที่เหม่ยหลินได้เห็นทำให้นางต้องตกใจตาโตก่อนจะเปลี่ยนเป็นโล่งใจที่สุดในชีวิต

    เขาคือพี่หงของนาง

    เหม่ยหลินไม่รอช้า นางรีบขยับกายเข้าหาเขาในทันทีโดยไม่รู้ตัว

    “อา...พี่หง ข้านึกว่าเป็นคนร้ายเสียอีก” นางกล่าวคำด้วยน้ำเสียงหวานล้ำยินดีอย่างที่สุด

    นางเห็นเขาถือไก่ป่าติดมือมาถึงสองตัว เขาคงไปหาอาหารมาให้นางอย่างไม่ต้องสงสัย เหม่ยหลินคิดได้อย่างนั้นพลันส่งยิ้มหวานหยดยิ่งกว่าเดิมส่งให้

    ท่าทางของเขาที่น่ากลัวจับใจแต่กลับนึกถึงปากท้องของนาง

    หญิงสาวไม่รอช้า นางรีบกระวีกระวาดด้วยท่าทางอ่อนโยนเตรียมลงจากรถม้าเพื่อหวังจะลงไปช่วยเขาจัดการกับอาหารมื้อนี้ด้วยกัน

    นางควรมีประโยชน์กับเขาบ้าง แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี

    เหม่ยหลินคิดอย่างนั้นพลางทำท่าจะลงจากรถม้าอย่างทุลักทุเล ด้วยเพราะว่ายามปกติมักจะมีบ่าวไพร่คอยช่วยเหลือจับพยุงแต่ในยามนี้นางไม่มีใคร

    หญิงสาวจึงใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะลงจากรถม้าด้วยตัวเองโดยที่จะไม่ต้องสะดุดหกล้มให้เสียจริตต่อหน้าบุรุษร่างสูงตรงหน้าให้นางต้องอับอาย

    ในขณะที่เหม่ยหลินกำลังทำท่าทางจะลงจากรถม้าด้วยท่วงท่ามุ่งมั่นเกินมนุษย์อยู่นั้น ฝ่ามือใหญ่ของบุรุษลึกลับตรงหน้าพลันยื่นออกมาตรงด้านหน้าของเหม่ยหลิน

    หญิงสาวถึงกับชะงักงันด้วยคาดไม่ถึง

    นางทำได้เพียงมองฝ่ามือใหญ่นั้นด้วยอาการแข็งค้างกลางอากาศ ในขณะที่เจ้าของฝ่ามือเพียงยืนรอนางอย่างใจเย็น สายตาคมเฉี่ยวดำลึกจับจ้องที่วงหน้านาง

    ฝ่ามือของเขาก็ยังคงยื่นเอาไว้ตรงด้านหน้าของนางอย่างใจเย็นเช่นเดียวกัน

    เขาดูใจเย็นทุกยามเวลาทุกกิริยาท่าทาง

    แต่ยกเว้น...

    ยามฆ่าคน

    นางไม่เคยมองได้ทัน

    ทุกกระบวนท่ายามสังหาร เขากระทำการได้อย่างรวดเร็วรวบรัดปานสายฟ้าฟาด ผิดกับบุคลิกสงบเยือกเย็นที่เผยให้เห็นยามมิได้ฆ่าใคร

    หญิงสาวคิดในใจพลางเมียงมองฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษร่างสูงตรงหน้าตาปริบๆ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมฝ่ามือน้อยๆ ของตนขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้ววางเอาไว้บนฝ่ามือของเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ  

    ความอุ่นวาบแล่นปราดเข้ามาทั่วร่างผ่านทางฝ่ามือของนาง

    เหม่ยหลินถึงกับกะพริบตาเม้มริมฝีปากพวงแก้มเริ่มขึ้นสี นางกำลังจะชักฝ่ามือกลับออกมาแต่ถูกฝ่ามือใหญ่จับเอาไว้เสียอย่างนั้น

    เขาจับมือนางแล้วบีบเอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะคลายตัวออกอย่างเร็ว แล้วเปลี่ยนจากจับมือมาจับช่วงเอวของนาง ก่อนจะจับยกร่างนางจนตัวลอยขึ้นทั้งตัวแล้ววางนางลงบนพื้นดินอย่างนุ่มนวล

    เหม่ยหลินถึงกับชะงักงันตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ก่อนเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างตระหนกตกใจเกือบหลุดอุทานออกมาจนเสียจริต

    นางรู้สึกร้อนฉ่าไปทั่วทั้งใบหน้าทั้งลำคอ

    นี่นางเป็นอะไรมากหรือไม่

    ไยถึงได้มีกิริยาน่าอายเหลือเกิน...

     

    บุรุษลึกลับงามสง่าในอาภรณ์บ่าวไพร่สีหม่นที่เดินกลับมายังรถม้าหลังจากที่ไปหาอาหาร

    เขาเพียงเปิดผ้าม่านของรถม้าออกเพื่อให้สตรีในนั้นรู้ว่าเป็นเขา และเมื่อนางมองเห็นเขาแล้วสีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป จากที่ทำท่าหวาดระแวงกลัวเกรงกลับเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจแต่คลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้เขา

    “อา...พี่หง ข้านึกว่าเป็นคนร้ายเสียอีก” นางกล่าวคำด้วยน้ำเสียงหวานล้ำคลี่ยิ้มอ่อนหวานก่อนจะรีบเคลื่อนกายระหงเข้าหาเขาอย่างไม่รีรอ

    อันที่จริงนางควรจะกลัวเขา เพราะว่าเขามีกลิ่นอายที่เรียกได้ว่าพญามัจจุราชมิใช่เพียงคนร้ายเสียอีก และท่าทางของนางทั้งอ่อนแอและขี้กลัวทั้งยังตระหนกตกใจอยู่ตลอดเวลา

    แต่นางกลับส่งยิ้มงดงามให้เขา

    ถึงแม้ว่าเขาจะสติเลอะเลือนจำสิ่งใดยังไม่ได้ทั้งหมด แต่เขารับรู้ได้ว่าไม่เคยมีใครเห็นเขาแล้วมีท่าทางยินดีปรีดาส่งยิ้มอ่อนหวานให้เขาเป็นแน่

    บุรุษแซ่หงได้แต่มองสตรีอ่อนหวานตรงหน้าด้วยท่าทางเยือกเย็น สายตาคมกริบของเขามองนางไม่วางตา

    กิริยาท่าทางของนางที่เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้พบเจอ และเมื่อนางทำท่าทางว่าอยากจะลงจากรถม้าอย่างทุลักทุเล เขาจึงยื่นมือออกมาเพื่อจะช่วยจับพยุงนาง

    ฝ่ามือเรียวเล็กนุ่มนิ่มของนางทำให้เขายากจะปล่อย หากแต่บีบแรงก็เกรงว่านางจะบาดเจ็บ เขาเห็นนางหน้าแดงเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นอย่างนั้น เขาเกรงว่านางอาจจะรู้สึกเจ็บจนต้องเก็บข่มไม่กล้าร้องออกมา เขาจึงตัดสินใจปล่อยมือแล้วจับยกนางทั้งตัวเพื่อให้นางได้ลงจากรถม้าด้วยความรวดเร็ว

    ยามนี้นางยิ่งหน้าแดงหูแดงมิรู้ได้ว่าบาดเจ็บตรงส่วนใด

    “พี่หง” เหม่ยหลินเรียกขานนามของบุรุษตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวานล้ำไม่เปลี่ยนแปลง

    ทำเอาเจ้าของนามเรียกขานยิ่งจ้องมองนางด้วยสายตาคมเข้มดำดิ่งนิ่งงัน เขากำลังยอมรับว่ามิใคร่พึงใจกับนามนี้สักเท่าไหร่ มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก จิตใต้สำนึกบางประการบอกกับเขาว่า หากมีใครกล้าเรียกเขาเยี่ยงนี้ เขาคงกระชากมันมาหักคอบีบสมองจนแหลกเหลว

    แม้ใจจะคิดอย่างนั้น ทว่ากิริยาต่อสตรีตรงหน้ามีเพียงมองนางนิ่งๆ มิได้เอ่ยขัดแม้ครึ่งคำ

    เหม่ยหลินเห็นอย่างนั้นจึงยิ่งคลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้ ด้วยเกรงว่าเขาอาจจะไม่พอใจกับกิริยาท่าทางไม่งามของนางเมื่อครู่

    “ให้ข้าช่วยท่านบ้าง ได้หรือไม่” นางถามเสียงหวาน

    “ช่วยอะไร” เขาหรี่ตามอง

    “เอ่อ...ข้าเห็นท่านมีอาหารติดมือมา” เหม่ยหลินทำท่าครุ่นคิดหนักหน่วงที่สุดในชีวิตก่อนเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจ “ข้าช่วยหาฟืนให้ดีหรือไม่”

    “ย่อมได้” บุรุษตรงหน้าเอ่ยอนุญาตแค่นั้นก่อนหันหลังเดินไปยังพื้นที่โล่งไม่ไกลกันเพื่อจัดการกับไก่ป่าที่หามาได้

    เมื่อเหม่ยหลินได้รับอนุญาตแล้วอย่างนั้น นางจึงรีบเดินหาฟืนเพื่อที่จะนำมาก่อไฟ

     

    เวลาผ่านไปเกือบสองเค่อ เหม่ยหลินจึงหอบกิ่งไม้แห้งเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหนเดินกลับมา

    แต่ทว่าตรงที่พี่หงของนางนั่งอยู่กลับมีกองไฟและไก่ป่ากำลังส่งกลิ่นหอมบ่งบอกได้ว่ามันใกล้จะสุกแล้ว

    เหม่ยหลินถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูกอยู่อึดใจ

    นี่นางพยายามหาฟืนนานเกินไปใช่หรือไม่ ไยนางถึงไร้ประโยชน์อย่างนี้

    หญิงสาวถึงกับยืนกะพริบตาปริบๆ มองกองไฟที่กำลังปะทุคุโชนส่งความร้อนใส่ไก่จนเนื้อเริ่มเป็นสีเหลืองจนกลิ่นหอมกรุ่น

    นางเดินคอตกเข้ามาหาพี่หงของนางอย่างรู้สึกผิดมากมาย นางทรุดกายลงนั่งข้างๆ เขาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง พลางวางกิ่งไม้แห้งเอาไว้อย่างทะนุถนอมบนพื้นดิน

    กิริยาทุกอย่างล้วนนุ่มนวลอ่อนโยน คล้ายขนนกลอยมากระทบปุยเมฆกระนั้น

    บุรุษแซ่หงมองกิริยาอย่างนั้นของนางอย่างเงียบงัน ก่อนจะเอื้อมมือหยิบเอากิ่งไม้ของนางมาหักแล้วใส่เข้าไปในกองไฟก่อนกล่าวเสียงเย็น “กิ่งไม้ของเจ้าคงช่วยได้มาก หากไม่ได้มัน เราคงไม่ได้กินอาหารกันง่ายๆ กระมัง”

    เหม่ยหลินหลุบตาลงอย่างนึกอับอายระคนอ่อนใจอย่างไร้เรี่ยวแรง

    “อืม...ข้าขอโทษ” นางตอบในลำคอเบาๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ำริมฝีปากเม้มสนิทรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นมา

    บุรุษร่างใหญ่เพียงก้มหน้ามองนางนิ่งงัน สายตาคมเข้มโฉบเฉี่ยวของเขาจ้องใบหน้าของนางไม่วางตา มุมปากของเขาที่เขารับรู้ได้ว่าไม่เคยคลี่ออกมาให้กับผู้ใด แต่มันกลับกำลังยกยิ้มบางเบาอย่างที่ไม่เคยเป็น

    “ข้าออกไปหามาให้ท่านอีกดีหรือไม่” เหม่ยหลินยังคงมีความพยายามกับเรื่องกิ่งไม้ยิ่งนัก

    “พอเถอะ” บุรุษแซ่หงตอบกลับแค่นั้น

    เหม่ยหลินถึงกับสะดุ้งตกใจก่อนจะนิ่งเงียบไปอีกคราอย่างรู้สึกผิดฉายชัด

    “ข้าขอโทษ”

    “ไม่เป็นไร”

    “ให้ข้าหักกิ่งไม้ใส่กองไฟก็ยังดี”

    เหม่ยหลินกล่าวจบคำก็หยิบกิ่งไม้บนพื้นดินมาหักออกอย่างยากลำบาก ฝ่ามือน้อยๆ สั่นเบาๆ

    ทำเอาบุรุษข้างกายถึงกับต้องเบือนใบหน้าคมเข้มไปทางอื่น เพื่อหลบรอยยิ้มตรงมุมปากที่คลี่ออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×