คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ไม่ไร้ประโยชน์
เวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งเค่อ เสียงย่ำเท้าของใครบางคนก็ใกล้เข้ามายังทิศทางของรถม้าที่เหม่ยหลินนั่งอยู่
หญิงสาวถึงกับชะงักงันตกใจ เนื้อตัวสั่นเทาเพิ่มขึ้นมา
นางคิดว่าเป็นพี่หงของนางอยู่ห้าส่วนและอีกห้าส่วนนางคิดว่าเป็นคนร้าย
มันย่อมเป็นไปได้ด้วยเหตุการณ์เฉียดตายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าบอกกล่าวแก่นางได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวจึงเริ่มมีเนื้อตัวที่สั่นเทาเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย เมื่อระลึกได้แล้วว่าอีกห้าส่วนอาจจะเป็นคนร้ายที่หมายคร่าชีวิตของนาง
และเพียงอึดใจต่อมา เมื่อผ้าม่านพลันถูกเปิดออกด้วยฝ่ามือใหญ่หนาของใครบางคน
ใครบางคนนั้นที่เหม่ยหลินได้เห็นทำให้นางต้องตกใจตาโตก่อนจะเปลี่ยนเป็นโล่งใจที่สุดในชีวิต
เขาคือพี่หงของนาง
เหม่ยหลินไม่รอช้า นางรีบขยับกายเข้าหาเขาในทันทีโดยไม่รู้ตัว
“อา...พี่หง ข้านึกว่าเป็นคนร้ายเสียอีก” นางกล่าวคำด้วยน้ำเสียงหวานล้ำยินดีอย่างที่สุด
นางเห็นเขาถือไก่ป่าติดมือมาถึงสองตัว เขาคงไปหาอาหารมาให้นางอย่างไม่ต้องสงสัย เหม่ยหลินคิดได้อย่างนั้นพลันส่งยิ้มหวานหยดยิ่งกว่าเดิมส่งให้
ท่าทางของเขาที่น่ากลัวจับใจแต่กลับนึกถึงปากท้องของนาง
หญิงสาวไม่รอช้า นางรีบกระวีกระวาดด้วยท่าทางอ่อนโยนเตรียมลงจากรถม้าเพื่อหวังจะลงไปช่วยเขาจัดการกับอาหารมื้อนี้ด้วยกัน
นางควรมีประโยชน์กับเขาบ้าง แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
เหม่ยหลินคิดอย่างนั้นพลางทำท่าจะลงจากรถม้าอย่างทุลักทุเล ด้วยเพราะว่ายามปกติมักจะมีบ่าวไพร่คอยช่วยเหลือจับพยุงแต่ในยามนี้นางไม่มีใคร
หญิงสาวจึงใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะลงจากรถม้าด้วยตัวเองโดยที่จะไม่ต้องสะดุดหกล้มให้เสียจริตต่อหน้าบุรุษร่างสูงตรงหน้าให้นางต้องอับอาย
ในขณะที่เหม่ยหลินกำลังทำท่าทางจะลงจากรถม้าด้วยท่วงท่ามุ่งมั่นเกินมนุษย์อยู่นั้น ฝ่ามือใหญ่ของบุรุษลึกลับตรงหน้าพลันยื่นออกมาตรงด้านหน้าของเหม่ยหลิน
หญิงสาวถึงกับชะงักงันด้วยคาดไม่ถึง
นางทำได้เพียงมองฝ่ามือใหญ่นั้นด้วยอาการแข็งค้างกลางอากาศ ในขณะที่เจ้าของฝ่ามือเพียงยืนรอนางอย่างใจเย็น สายตาคมเฉี่ยวดำลึกจับจ้องที่วงหน้านาง
ฝ่ามือของเขาก็ยังคงยื่นเอาไว้ตรงด้านหน้าของนางอย่างใจเย็นเช่นเดียวกัน
เขาดูใจเย็นทุกยามเวลาทุกกิริยาท่าทาง
แต่ยกเว้น...
ยามฆ่าคน
นางไม่เคยมองได้ทัน
ทุกกระบวนท่ายามสังหาร เขากระทำการได้อย่างรวดเร็วรวบรัดปานสายฟ้าฟาด ผิดกับบุคลิกสงบเยือกเย็นที่เผยให้เห็นยามมิได้ฆ่าใคร
หญิงสาวคิดในใจพลางเมียงมองฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษร่างสูงตรงหน้าตาปริบๆ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมฝ่ามือน้อยๆ ของตนขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้ววางเอาไว้บนฝ่ามือของเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ความอุ่นวาบแล่นปราดเข้ามาทั่วร่างผ่านทางฝ่ามือของนาง
เหม่ยหลินถึงกับกะพริบตาเม้มริมฝีปากพวงแก้มเริ่มขึ้นสี นางกำลังจะชักฝ่ามือกลับออกมาแต่ถูกฝ่ามือใหญ่จับเอาไว้เสียอย่างนั้น
เขาจับมือนางแล้วบีบเอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะคลายตัวออกอย่างเร็ว แล้วเปลี่ยนจากจับมือมาจับช่วงเอวของนาง ก่อนจะจับยกร่างนางจนตัวลอยขึ้นทั้งตัวแล้ววางนางลงบนพื้นดินอย่างนุ่มนวล
เหม่ยหลินถึงกับชะงักงันตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ก่อนเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างตระหนกตกใจเกือบหลุดอุทานออกมาจนเสียจริต
นางรู้สึกร้อนฉ่าไปทั่วทั้งใบหน้าทั้งลำคอ
นี่นางเป็นอะไรมากหรือไม่
ไยถึงได้มีกิริยาน่าอายเหลือเกิน...
บุรุษลึกลับงามสง่าในอาภรณ์บ่าวไพร่สีหม่นที่เดินกลับมายังรถม้าหลังจากที่ไปหาอาหาร
เขาเพียงเปิดผ้าม่านของรถม้าออกเพื่อให้สตรีในนั้นรู้ว่าเป็นเขา และเมื่อนางมองเห็นเขาแล้วสีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป จากที่ทำท่าหวาดระแวงกลัวเกรงกลับเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจแต่คลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้เขา
“อา...พี่หง ข้านึกว่าเป็นคนร้ายเสียอีก” นางกล่าวคำด้วยน้ำเสียงหวานล้ำคลี่ยิ้มอ่อนหวานก่อนจะรีบเคลื่อนกายระหงเข้าหาเขาอย่างไม่รีรอ
อันที่จริงนางควรจะกลัวเขา เพราะว่าเขามีกลิ่นอายที่เรียกได้ว่าพญามัจจุราชมิใช่เพียงคนร้ายเสียอีก และท่าทางของนางทั้งอ่อนแอและขี้กลัวทั้งยังตระหนกตกใจอยู่ตลอดเวลา
แต่นางกลับส่งยิ้มงดงามให้เขา
ถึงแม้ว่าเขาจะสติเลอะเลือนจำสิ่งใดยังไม่ได้ทั้งหมด แต่เขารับรู้ได้ว่าไม่เคยมีใครเห็นเขาแล้วมีท่าทางยินดีปรีดาส่งยิ้มอ่อนหวานให้เขาเป็นแน่
บุรุษแซ่หงได้แต่มองสตรีอ่อนหวานตรงหน้าด้วยท่าทางเยือกเย็น สายตาคมกริบของเขามองนางไม่วางตา
กิริยาท่าทางของนางที่เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้พบเจอ และเมื่อนางทำท่าทางว่าอยากจะลงจากรถม้าอย่างทุลักทุเล เขาจึงยื่นมือออกมาเพื่อจะช่วยจับพยุงนาง
ฝ่ามือเรียวเล็กนุ่มนิ่มของนางทำให้เขายากจะปล่อย หากแต่บีบแรงก็เกรงว่านางจะบาดเจ็บ เขาเห็นนางหน้าแดงเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นอย่างนั้น เขาเกรงว่านางอาจจะรู้สึกเจ็บจนต้องเก็บข่มไม่กล้าร้องออกมา เขาจึงตัดสินใจปล่อยมือแล้วจับยกนางทั้งตัวเพื่อให้นางได้ลงจากรถม้าด้วยความรวดเร็ว
ยามนี้นางยิ่งหน้าแดงหูแดงมิรู้ได้ว่าบาดเจ็บตรงส่วนใด
“พี่หง” เหม่ยหลินเรียกขานนามของบุรุษตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวานล้ำไม่เปลี่ยนแปลง
ทำเอาเจ้าของนามเรียกขานยิ่งจ้องมองนางด้วยสายตาคมเข้มดำดิ่งนิ่งงัน เขากำลังยอมรับว่ามิใคร่พึงใจกับนามนี้สักเท่าไหร่ มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก จิตใต้สำนึกบางประการบอกกับเขาว่า หากมีใครกล้าเรียกเขาเยี่ยงนี้ เขาคงกระชากมันมาหักคอบีบสมองจนแหลกเหลว
แม้ใจจะคิดอย่างนั้น ทว่ากิริยาต่อสตรีตรงหน้ามีเพียงมองนางนิ่งๆ มิได้เอ่ยขัดแม้ครึ่งคำ
เหม่ยหลินเห็นอย่างนั้นจึงยิ่งคลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้ ด้วยเกรงว่าเขาอาจจะไม่พอใจกับกิริยาท่าทางไม่งามของนางเมื่อครู่
“ให้ข้าช่วยท่านบ้าง ได้หรือไม่” นางถามเสียงหวาน
“ช่วยอะไร” เขาหรี่ตามอง
“เอ่อ...ข้าเห็นท่านมีอาหารติดมือมา” เหม่ยหลินทำท่าครุ่นคิดหนักหน่วงที่สุดในชีวิตก่อนเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจ “ข้าช่วยหาฟืนให้ดีหรือไม่”
“ย่อมได้” บุรุษตรงหน้าเอ่ยอนุญาตแค่นั้นก่อนหันหลังเดินไปยังพื้นที่โล่งไม่ไกลกันเพื่อจัดการกับไก่ป่าที่หามาได้
เมื่อเหม่ยหลินได้รับอนุญาตแล้วอย่างนั้น นางจึงรีบเดินหาฟืนเพื่อที่จะนำมาก่อไฟ
เวลาผ่านไปเกือบสองเค่อ เหม่ยหลินจึงหอบกิ่งไม้แห้งเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหนเดินกลับมา
แต่ทว่าตรงที่พี่หงของนางนั่งอยู่กลับมีกองไฟและไก่ป่ากำลังส่งกลิ่นหอมบ่งบอกได้ว่ามันใกล้จะสุกแล้ว
เหม่ยหลินถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูกอยู่อึดใจ
นี่นางพยายามหาฟืนนานเกินไปใช่หรือไม่ ไยนางถึงไร้ประโยชน์อย่างนี้
หญิงสาวถึงกับยืนกะพริบตาปริบๆ มองกองไฟที่กำลังปะทุคุโชนส่งความร้อนใส่ไก่จนเนื้อเริ่มเป็นสีเหลืองจนกลิ่นหอมกรุ่น
นางเดินคอตกเข้ามาหาพี่หงของนางอย่างรู้สึกผิดมากมาย นางทรุดกายลงนั่งข้างๆ เขาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง พลางวางกิ่งไม้แห้งเอาไว้อย่างทะนุถนอมบนพื้นดิน
กิริยาทุกอย่างล้วนนุ่มนวลอ่อนโยน คล้ายขนนกลอยมากระทบปุยเมฆกระนั้น
บุรุษแซ่หงมองกิริยาอย่างนั้นของนางอย่างเงียบงัน ก่อนจะเอื้อมมือหยิบเอากิ่งไม้ของนางมาหักแล้วใส่เข้าไปในกองไฟก่อนกล่าวเสียงเย็น “กิ่งไม้ของเจ้าคงช่วยได้มาก หากไม่ได้มัน เราคงไม่ได้กินอาหารกันง่ายๆ กระมัง”
เหม่ยหลินหลุบตาลงอย่างนึกอับอายระคนอ่อนใจอย่างไร้เรี่ยวแรง
“อืม...ข้าขอโทษ” นางตอบในลำคอเบาๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ำริมฝีปากเม้มสนิทรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นมา
บุรุษร่างใหญ่เพียงก้มหน้ามองนางนิ่งงัน สายตาคมเข้มโฉบเฉี่ยวของเขาจ้องใบหน้าของนางไม่วางตา มุมปากของเขาที่เขารับรู้ได้ว่าไม่เคยคลี่ออกมาให้กับผู้ใด แต่มันกลับกำลังยกยิ้มบางเบาอย่างที่ไม่เคยเป็น
“ข้าออกไปหามาให้ท่านอีกดีหรือไม่” เหม่ยหลินยังคงมีความพยายามกับเรื่องกิ่งไม้ยิ่งนัก
“พอเถอะ” บุรุษแซ่หงตอบกลับแค่นั้น
เหม่ยหลินถึงกับสะดุ้งตกใจก่อนจะนิ่งเงียบไปอีกคราอย่างรู้สึกผิดฉายชัด
“ข้าขอโทษ”
“ไม่เป็นไร”
“ให้ข้าหักกิ่งไม้ใส่กองไฟก็ยังดี”
เหม่ยหลินกล่าวจบคำก็หยิบกิ่งไม้บนพื้นดินมาหักออกอย่างยากลำบาก ฝ่ามือน้อยๆ สั่นเบาๆ
ทำเอาบุรุษข้างกายถึงกับต้องเบือนใบหน้าคมเข้มไปทางอื่น เพื่อหลบรอยยิ้มตรงมุมปากที่คลี่ออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้…
ความคิดเห็น