คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : แอบ/ซ่อน
เมื่อถึงเวลายามค่ำคืนเหล่าทหารทุกคนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าพักประจำที่ของตนเป็นลำดับต่อมา
ภายในค่ายทหารแห่งนี้ มีทั้งที่พักที่เป็นกระโจม มีทั้งที่พักที่เป็นเรือนนอน หลิวหลีใช้เวลาซักพักเพื่อสำรวจมองหาว่าที่พักของจูหยวนจางอยู่ส่วนใดของค่าย จนสุดท้ายนางก็ได้เจอ
หญิงสาวเพียงรอจังหวะเพื่อให้มั่นใจว่าจูหยวนจางออกจากที่พักไปแล้ว จึงจะแอบเข้าไปในที่พักของเขา
นางต้องการเข้าไปอาบน้ำนั่นเอง
วันนี้เนื้อตัวของนางมีแต่คราบฝุ่นและคราบเหงื่อ หากไม่ได้อาบน้ำ นางต้องคันจนนอนไม่หลับเป็นแน่ แต่จะให้ไปอาบน้ำกับบุรุษคนอื่น มันจะเป็นไปได้อย่างไร นางยอมผูกคอตายจะดีกว่า
หลิวหลีคิดอย่างนั้นอยู่ในใจขณะกำลังเมียงมองเข้าไปยังที่พักแห่งหนึ่ง
จูหยวนจางที่นั่งอยู่ภายในที่พักของตนรับรู้ได้ถึงสายตาของใครบางคนที่แอบมองเขาอยู่ตลอดเวลาจากนอกที่พักของเขา
เขาพอจะเดาความคิดของใครคนนั้นได้เป็นอย่างดี
ภรรยาของเขาที่อยู่ในคราบของอาหลิ่วกำลังต้องการบางอย่างจากที่พักของเขา
เขาเป็นทหารมานาน ฝึกประสาทสัมผัสทุกด้านมาอย่างดีตั้งแต่ยังเยาว์วัย มีหรือจะไม่รู้ตัวว่ามีใครมาแอบมองเขาอยู่ แต่จากที่เขาใช้หางตาประเมินแล้ว นางไม่ได้มองมาทางเขา แต่นางกำลังมองหาสิ่งของบางอย่างหลังฉากอาบน้ำ นั่นจึงทำให้เขารับรู้ถึงเจตนาของนาง และมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เขาต้องยอมนาง
จะให้นางไปอาบน้ำที่ใดได้กันถ้าไม่ใช่ในที่พักของเขา
เมื่อจูหยวนจางค่อนข้างมั่นใจในเจตนาของภรรยาของเขาในคราบของอาหลิ่วแล้ว เขาจึงทำทีเป็นเรียกลูกน้องให้ยกน้ำเข้ามาเติมลงอ่างก่อนที่เขาจะทำทีเป็นเดินออกมาจากที่พัก
นี่นางกำลังนำความลำบากมาให้เขาใช่หรือไม่?
แค่ได้คิดว่านางกำลังเปลื้องผ้าอาบน้ำอยู่หลังฉากนั้น แล้วคืนนี้เขาจะนอนหลับได้อย่างไรกัน?
จูหยวนจางคิดอย่างนั้นพลางเดินออกไปจากที่พักของเขา เขาใช้เวลาครู่หนึ่งรอให้แน่ใจว่าหลิวหลีในคราบอาหลิ่วได้แอบเข้าไปในที่พักของเขาแล้ว เขาจึงเดินย้อนกลับมาก่อนจะใช้วิชาตัวเบาแอบย่องเข้ามาในที่พักของเขา
เขาแค่อยากรู้ว่านางจะทำอะไรบ้างในที่พักของเขาแห่งนี้ จูหยวนจางเพียงยืนกอดอกมองภรรยาของเขาอาบน้ำอยู่หลังตู้มุมหนึ่งอย่างนึกสนุก
หลิวหลีนั้นเมื่อแน่ใจแล้วว่าจูหยวนจางเดินออกไปด้านนอกของที่พักแล้วจึงรีบเข้ามาในที่พักของจูหยวนจางอย่างย่ามใจ
เมื่อหญิงสาวเข้ามาถึงห้องด้านในจนมองเห็นอ่างอาบน้ำแล้ว จึงไม่รอช้า นางรีบเข้าไปหลังฉากกั้นแห่งนั้นทันที หญิงสาวรีบเปลื้องผ้าเปื้อนฝุ่นของตนเองออกก่อนจะลอกคราบที่พันแน่นรอบอกและลำตัวออกอีกชั้นหนึ่ง ทั้งหนวดปลอม เคราปลอม นางใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลอกทุกอย่างออกจนหมด ซักพักหญิงสาวจึงเคลื่อนกายเปล่าเปลือยของตนลงแช่ในน้ำอย่างอารมณ์ดี
ทุกการกระทำของหลิวหลีอยู่ในสายตาของจูหยวนจางทั้งหมด เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตนเองเข้ามาแอบดูอะไรกันแน่ ระหว่างดูพฤติกรรมของนาง กับ ดูนางอาบน้ำ ยามนี้คล้ายกับว่าเขาอยากจะทำอย่างหลังมากกว่า
จูหยวนจางยังคงยืนกอดอกแอบมองภรรยาของตนอาบน้ำอยู่อย่างนั้นพร้อมกับพยายามเก็บข่มอารมณ์ปรารถนาบางอย่างเอาไว้เป็นอย่างดี
เขามั่นใจว่ามิได้นึกรักใคร่ชอบพอนางแต่อย่างใด
เพียงแต่ว่า
พอนึกถึงร่างเปลือยเปล่านุ่มนิ่มนั่นที่เคยอยู่ใต้ร่างของเขา เคยนอนเคียงกันและร่วมอภิรมย์ด้วยกันอยู่หลายครั้ง
เขาจึงรู้สึกแปลกๆ
มิใช่ว่าเขาไม่เคยร่วมอภิรมย์กับอิสตรี
เขาเคยไปเที่ยวหอคณิกาบ้างตามอารมณ์บุรุษเพศกับเหล่าเพื่อนทหารด้วยกัน
สตรีพวกนั้น ทั้งงดงามมากกว่าหลิวหลี และลีลาเร่าร้อนตอบสนองบุรุษเพศได้ดีกว่าหลิวหลี
แต่สายตา...
สายตาและเสียงแว่วหวานที่มิได้เสแสร้งนั่นของนาง...
ยามที่หลิวหลีใช้สายตากลมโตของนางมองมาที่เขา
ยามที่หลิวหลีร้องครวญครางหวานใสใส่หน้าเขา
อา...
เขาจะจัดการกับอารมณ์ของเขายามนี้อย่างไรดี
เวลาผ่านไปซักพัก หลิวหลีที่อาบน้ำจนพอใจแล้วจึงเคลื่อนกายออกมาจากอ่างอาบน้ำ หญิงสาวรีบใส่ผ้าทุกอย่างไว้เหมือนเดิมพร้อมเปลี่ยนใส่ชุดใหม่ที่นางเตรียมเอามา มันเป็นชุดลำลองรูปแบบเดียวกับทหารทุกคนในที่นี้
นางเตรียมมาหลายชุดเชียวล่ะ นางค่อนข้างรอบคอบเกี่ยวเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นอย่างดี
หญิงสาวยังคงบรรจงติดหนวดติดเคราเอาไว้ตามเดิมโดยไม่ต้องมองหาคันฉ่องแต่อย่างใด นางฝึกใส่โดยไม่ต้องมองผ่านเงาในกระจกมาหลายรอบแล้ว
อา...
นางช่างเฉลียวฉลาดเก่งกาจเหมือนกันนะนี่
หลิวหลีคิดอย่างเข้าข้างตนเอง
เมื่อจัดการกับตนเองเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว หญิงสาวเพียงเมียงมองไปทางประตูของห้องพักแห่งนี้
นางมองจนแน่ใจว่าจูหยวนจางยังไม่กลับเข้ามา นางจึงเดินสำรวจห้องพักของเขาอย่างใคร่รู้ นางมองไปรอบๆห้องอย่างถ้วนถี่ เห็นมีข้าวของวางระเกะระกะไม่เรียบร้อยดีนัก หนังสือบนชั้นหนังสือบางเล่มก็วางเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่เกรงจะตกลงมาจากชั้นหนังสือจนรูปเล่มเสียหาย
หญิงสาวจึงไม่รอช้านางรีบเดินเข้าไปจัดหนังสือบนชั้นให้จนเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอย่างดี โดยเว้นไว้เฉพาะบนโต๊ะทำงานของจูหยวนจางที่นางไม่คิดจะแตะต้องแต่อย่างใด ด้วยเกรงว่าเขาอาจจะทำงานอะไรค้างคาเอาไว้ ถ้างานของเขาถูกย้ายเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม อาจจะสร้างปัญหาให้แก่เขาเอาได้
หญิงสาวคิดได้ดังนั้นจึงผละไปจากโต๊ะนั่นก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าของจูหยวนจาง
นางเพียงหยิบเสื้อผ้าของเขาออกสำรวจดู พบว่ามีบางตัวขาดวิ่นจากรอยตะเข็บรอยเย็บเดิม นางคิดไว้อยู่แล้ว เพราะจากการฝึกทหาร การออกท่าทางกิริยาต่างๆในการทำกิจกรรมประจำของพวกทหารเหล่านี้ ย่อมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้กับเสื้อผ้าอาภรณ์ นางจึงเตรียมอุปกรณ์เย็บผ้ามาด้วย มันเป็นนิสัยประจำตัวของนาง ขอทำตามใจหน่อยก็แล้วกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นหลิวหลีจึงไม่รอช้า รีบเอาเสื้อผ้าของจูหยวนจางมานั่งเย็บอยู่ตรงตู้แห่งนั้นทันที ในขณะที่เย็บไปก็ชำเลืองมองที่ประตูห้องพักไปด้วย
ถ้าหากจูหยวนจางกลับเข้ามา นางจะแอบหลบเข้าไปตรงหลังตู้นี่ นางคิดเอาไว้แล้ว...
และการกระทำของหลิวหลีนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับจูหยวนจางอยู่ไม่น้อย เขายังคงแอบมองนางอยู่ตรงมุมมืดของห้องพักของตนเอง
เขาแอบมองภรรยาของเขาอยู่อย่างนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พิศมองนางอย่างจริงจัง
เขามองเห็นการเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆนั่น
แม้มันจะเป็นเรื่องไร้สาระอยู่บ้างในความคิดของเขา
แต่...
ทำไม...
เขาถึงรู้สึกดี
มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
หลิวหลีใช้เวลาซ่อมเสื้อผ้าของจูหยวนจางอีกซักพักจึงรีบเก็บเข้าที่พร้อมกับจัดตู้ให้อย่างเรียบร้อย หญิงสาวเพียงยืนมองเหล่าเสื้อผ้าของจูหยวนจางอยู่อย่างนั้น นางมองเสื้อของเขา มองไปที่แขนเสื้อของเขาอย่างเหม่อลอย
อา...
นางกำลังคิดถึงสัมผัสของเขา
อ้อมอกของเขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ
วงแขนที่มีความแข็งแกร่งของเขา
อืม...
นางจะจัดการกับอารมณ์แบบนี้อย่างไรดี
หลิวหลีคิดในใจพลางเม้มริมฝีปากจนแก้มสีแดงระเรื่อป่องออกมา ก่อนจะย่อเข่าทรุดนั่งลงตรงตู้เสื้อผ้า
หญิงสาวนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น
นางคิดถึงจูหยวนจาง
แม้ว่าจะได้เข้ามาอยู่ในค่ายทหารแห่งเดียวกับเขาแล้ว แต่นางก็ไม่อาจที่จะให้เขารู้ตัวตนของนางได้ ถ้าหากเขารู้ เขาคงไม่พอใจ เขาคงไล่นางกลับไปอย่างไม่ใยดี ท่าทางของเขาตั้งแต่คืนเข้าหอ ทั้งแข็งกระด้างไม่มีท่าทางถนอมบุบผาอย่างนั้นมันบอกกับนางได้ดี ว่าเขาคงจะกระทำการอันใดกับนาง
หลิวหลีนั่งถอนหายใจอยู่หลายเฮือกอยู่มุมเดิม นางนึกละอายใจในความโง่งมของตนเองเหลือเกิน
แต่นางชอบเขาจริงๆ นางไม่ได้ชอบแค่เพียงผิวเผิน
ก่อนที่นางจะตัดสินใจว่าต้องเป็นเขา นางค่อนข้างมั่นใจว่านางชอบเขา
นางถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้แต่งงานกับเขา นางมิได้ทำตามอารมณ์ชั่ววูบแต่อย่างใด
เขาจะมีใจชอบนางตอบกลับบ้างหรือไม่กันนะ
หลิวหลีจมอยู่ในภวังค์ของตนเอง นางนั่งกอดเข่าหลังติดอยู่หน้าตู้พลางเอามือจิ้มวนไปมากับพื้นอยู่อย่างนั้น
ท่าทางของหญิงสาวคล้ายกับเด็กสาวขี้เหงาคนหนึ่ง
จูหยวนจางที่ยืนกอดอกแอบมองอยู่รู้สึกได้อย่างนั้น
กิริยาของนาง...
ทำให้เขาอยากเข้าไปดึงร่างนั้นขึ้นมากอด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้นดึงหลิวหลีและจูหยวนจางที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตนเองให้หลุดออกจากภวังค์ในทันที
"ท่านรองแม่ทัพอยู่หรือไม่ เจ้าคะ" เสียงใสๆของสตรีนางหนึ่งดังเข้ามาจากหน้าประตู "ข้าน้อย อวี้เจิน เจ้าค่ะ"
หลิวหลีได้ยินดังนั้นจึงรีบลุกเดินขึ้นไปทางประตูก่อนจะดึงประตูออกมา
"อ๊ะ!" อวี้เจินยิ้มกว้างก่อนจะหุบลงในทันใด "อ้าว!"
"ท่านรองแม่ทัพจูล่ะ" อวี้เจินเอ่ยถามบุรุษตรงหน้าพลางเมียงมองเข้าไปด้านในห้องอย่างถือวิสาสะก่อนจะก้าวเดินฉับๆเข้าไปด้านในของห้อง
"ท่านรองแม่ทัพไม่อยู่รึ" อวี้เจินเดินไปถามไปอยู่ภายในห้องพักของจูหยวนจาง
หลิวหลีได้แต่ขมวดคิ้วมองตามอย่างขัดเคือง แต่ไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้ นางเพียงเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น
"เช่นนั้น ข้าจะนั่งรอเขาในนี้นะ ข้ามีขนมมาฝากเขา" อวี้เจินหันหน้ามาบอกกล่าวแก่หลิวหลีที่อยู่ในร่างของอาหลิ่ว "เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าต้องการอยู่กับท่านรองแม่ทัพสองต่อสอง"
ประโยคนั้นทำหลิวหลีถึงกับหน้าบึ้งตาโต
"อะไรของเจ้า" อวี้เจินเห็นหน้าของบุรุษที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงประตูถึงกับหลุดหัวเราะเสียงใส
"ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ข้ากับรองแม่ทัพจู เรา..." จบคำอวี้เจินทำทีเอียงอายยกนิ้วมือขึ้นแตะริมฝีปากอย่างมีเลศนัย นางต้องการปล่อยข่าวเกินจริงออกไปก่อน เพื่อปูทางให้มันเป็นจริงได้ในสักวัน
และมันก็ได้ผล
หลิวหลีถึงกับนิ่งอึ้งไป
อวี้เจินเริ่มรำคาญกับบุรุษตรงหน้าที่เอาแต่ยืนตัวตรงขวางประตูอยู่จึงดันร่างของเขาให้ออกจากประตูจนกระเด็นออกไปข้างนอกห้องก่อนจะปิดประตูใส่หน้า
หลิวหลียังคงยืนนิ่ง มองบานประตูอย่างนั้น หญิงสาวกำลังนึกภาพปะติดปะต่อกันอยู่
จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่สตรีนางนี้คล้ายกำลังเข้ามาตีสนิทกับจูหยวนจางเมื่อช่วงบ่ายของวัน นางแค่สังเกตได้ว่าจูหยวนจางเพียงสนทนาโต้ตอบธรรมดามิได้มีท่าทีอันใดพิเศษ
แต่...
ถ้าหากว่า
เรื่องของจูหยวนจางเป็นดังที่สตรีนางนี้ต้องการจะสื่อ
ถ้าเป็นอย่างนั้น...
ถ้าเป็นอย่างนั้น...
"อาหลิ่ว!" เสียงของอาต้วนตะโกนดังมาแต่ไกลเมื่อมองเห็นอาหลิ่วคล้ายยืนเคว้งอยู่กลางอากาศ
"อาหลิ่วเป็นอะไรไป ไปเถอะ ไปกับข้าทางนั้นดีกว่า ไปทำความรู้จักกับสหายใหม่กัน" จบคำอาต้วนก็ลากเอาอาหลิ่วที่คล้ายก้อนเนื้อชนิดหนึ่งให้ติดมือไป
ความคิดเห็น