คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่9 สูญเสีย
ค่ายทหารหน้าด่านห่างออกมาจากประตูเมืองหลวงสิบลี้
ราตรีผันผ่านจากรัตติกาลเป็นทิวากาล จวบจนค่ำคืนนี้ก็นับได้ว่าผ่านมาหลายราตรีแล้วที่เหอหย่งหมิงได้ตัดสัมพันธ์กับเพ่ยจี และกลับมาประจำที่ค่ายทหารโดยมิได้กลับเข้าจวน ปล่อยให้ภรรยาพระราชทานอยู่ไปตามใจนาง โดยที่เขาแยกออกมาเพื่อความสบายใจของตนเอง
กลางลานกว้างที่เหล่าทหารนั่งล้อมวงนั่งร่ำสุราหลังจากฝึกหนักในแต่ละวัน ตรงกลางของทุกคนมีเพียงกองไฟที่ใช้ไม้สุมคล้ายกระโจมเพื่อให้เพลิงโหมกระพือขึ้นที่สูง สร้างความอบอุ่นให้แก่พี่น้องที่นั่งเป็นวงกลมรอบทิศทาง
ท่ามกลางความมืดสลัวเลือนราง มีเสียงพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติดังลั่น
“เดิมทีข้าก็โปรดปรานฮูหยินเอกคนแรกไม่น้อย หากแต่เมื่อรับฮูหยินรองเข้ามา ความแปลกใหม่ก็บังเกิด ได้รู้ถึงความสำราญอย่างแท้จริง”
เสียงหนึ่งดังขึ้นต่อจากปลายประโยคของนายทหารก่อนหน้าที่ขึ้นหัวข้อสนทนาเอาไว้ว่า
เขาต้องรับภรรยาเพิ่มเพื่อทายาทที่ยังไม่ถือกำเนิดเสียที ทำให้บรรพชนต้องเป็นห่วงแล้ว แต่ติดตรงที่เกรงใจภรรยาเอก
อีกเสียงหนึ่งจากรองแม่ทัพเอ่ยเสริม “ข้ามีอนุมากกว่าสามคน แต่ละคนข้าล้วนโปรดปราน เรื่องทายาทก็หายห่วง เต็มบ้านไปหมด”
ชายผู้นี้มีพื้นฐานเป็นคนฐานะดีจึงมิใช่เรื่องแปลกอันใด นอกจากนี้ยังมีภรรยาเอกแล้วภรรยารองอีกครบถ้วน สำราญยิ่ง!
และนั่นก็เรียกเสียงทอดถอนใจและนัยน์ตาร้อนผ่าวด้วยความอิจฉาจากนายทหารชั้นผู้น้อยได้หลายคน
ร่ำรวยถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นชายกล้าที่เลือกงานลำบากมิใช่วาณิชอันเป็นงานสบาย นับได้ว่าดีไปทุกสิ่ง น่านับถือเสียจริง
เหอหย่งหมิงที่นั่งร่ำสุราร่วมกับเหล่าลูกน้องเพียงนั่งหน้านิ่งฟังอยู่เงียบๆ แววตาคู่คมไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง
เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าจะอยากมีเมียมากมายไปทำไม แค่คนเดียวก็ปวดหัวจะแย่!
ยามนี้ใครบางคนในจวนของเขา คงโกรธาจนเรือนพังไปแล้วกระมัง ที่เห็นเขาจากมาพร้อมเพ่ยจีเช่นนั้น นับได้ว่าเป็นการสั่งสอนกันอย่างดี ที่ทำตัวไม่สำรวมเกรี้ยวกราดใส่กันไม่ยับยั้งอารมณ์เช่นนั้น
ชายหนุ่มกระดกเหล้าดื่มจนหมดถ้วยในมือ ใช้ปลายนิ้วเช็ดเรียวปากอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงแล้วเดินเลี่ยงไปยังเรือนพักส่วนตัว
ชั่วจังหวะที่ปลายเท้าใหญ่กำลังก้าวย่างพาร่างสูงสง่าเดินไปตามทาง ทหารผู้น้อยคนหนึ่งก็รีบปรี่เข้ามาแล้วประสานหมัดทำความเคารพด้วยความรวดเร็ว บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีข่าวด่วน
“เรียนท่านแม่ทัพ มีข่าวจากจวนท่านว่าฮูหยินหายไปตั้งแต่วันเคลื่อนขบวนพระราชพิธีศพไทเฮาขอรับ”
สิ้นประโยครายงาน หัวคิ้วเข้มของแม่ทัพหนุ่มพลันขมวดเข้าหากันแน่น ม่านตาดำหดเล็กลงโดยพลัน
เหอหย่งหมิงใช้เวลาทั้งคืนควบม้าตะบึงโดยไม่พักเพื่อกลับเข้าจวนของตน และถึงที่หมายในวันรุ่ง
พบว่าเป็นจริงดังคำรายงานที่ได้รับ ลี่เหยาถิงหายตัวไป อย่างไร้ร่องรอย
เมื่อถามความจากสาวใช้ที่ติดตามนางไปในวันนั้น ก็ได้คำตอบว่า ลี่เหยาถิงไล่ทุกคนให้ไปไกลหูไกลตา พวกนางจึงทำได้เพียงยืนรอลี่เหยาถิงที่วิ่งไปร้องไห้อยู่ไกลๆ
จนเย็นย่ำพลบค่ำก็ยังไม่เห็นเดินกลับมาที่รถม้า จึงออกตามหานางแล้ว
ทว่าตามหาทั้งวันทั้งคืนก็ยังไม่พบ จึงกลับไปรอนางที่จวน
หลายวันผ่านมาฮูหยินก็ยังไม่กลับ จึงคิดว่าคงกลับตำหนักในพระราชวังไป เนื่องจากแง่งอนเพราะมีปากเสียงกับท่านแม่ทัพ แต่เมื่อไปถามกับทหารประจำพระราชวังที่คุ้นเคยกันให้เขาไปสืบให้ ก็รู้มาว่าฮูหยินมิได้กลับตำหนักแต่อย่างใด
เหอหย่งหมิงได้ฟังก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา มิคาดว่าภรรยาของเขาจักดื้อรั้นเอาแต่ใจถึงเพียงนี้
นางทำเขาหัวหมุน ทำบ่าวไพร่วุ่นวายไปทั่ว!
ข่าวการหายตัวไปของลี่เหยาถิงสร้างความกังวลใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย แน่นอนว่าเขาต้องออกตามหาด้วยหน้าที่ของสามีพึงกระทำ ต่อให้ยังไม่รัก แต่นางคือภรรยาหนึ่งเดียว เขาจะนิ่งดูดายได้อย่างไร
เหอหย่งหมิงจึงออกตามหาลี่เหยาถิงด้วยตนเองไม่หลับไม่นอน
กระทั่งสุดท้ายก็ได้รับข่าวร้ายอันน่าตกใจ
ศพของลี่เหยาถิงถูกพบโดยชาวบ้านผู้หนึ่ง
โดยมีพยานบนหน้าผาที่เห็นเหตุการณ์บอกเล่าว่า
นางร้องไห้ฟูมฟายตีอกชกหัวแล้วคิดสั้นฆ่าตัวตายในที่สุด จะเข้าไปช่วยก็วิ่งเข้าไปช่วยไม่ทัน เพราะระยะสายตาที่มองเห็นห่างกันค่อนข้างมาก
สภาพศพมีลักษณะตกจากที่สูง ซึ่งนางกระโดดจากหน้าผาบนเชิงเขา ตามร่างกายและใบหน้ามีแผลเหวะหวะ ทว่าชัดเจนว่าเป็นนาง ศพขาวซีดอยู่ในอาภรณ์สีเหลืองสดหากแต่ขมุกขมัวมีคราบเลือดสีแดงคล้ำเปรอะตามชุด เนื่องจากตกจากที่สูงและจมน้ำ เป็นชุดเดียวกับวันที่หายตัวไป
เรื่องนี้ทำร่างสูงของเหอหย่งหมิงชาวาบ รับรู้เพียงแรงสะเทือนในห้วงอารมณ์ที่อยู่ลึกสุดใจ
ดวงตาคมเข้มทอประกายเย็นเยียบวูบไหว ร่างแกร่งเพียงยืนตระหง่านนิ่งนานไม่ไหวติงใดๆ สมองพลันขาวโพลน สายตาพลันว่างเปล่า
ทุกสรรพสิ่งคล้ายหยุดเคลื่อนขับไปชั่วขณะ
กระทั่งมีรับสั่งจากฮ่องเต้ให้เข้าเฝ้า
ซึ่งคาดว่าพระองค์น่าจะทรงกลับจากแปรพระราชฐานยังทิศตะวันออกแล้ว
และก็คงจะทรงรู้เรื่องลี่เหยาถิงแล้วเช่นกัน
ชายหนุ่มจึงดึงสติของตนให้กลับมา แล้วสั่งให้บ่าวรับใช้ดูแลนำศพของลี่เหยาถิงกลับจวน
กำชับให้ดูแลอย่างดี ก่อนจะเดินทางเข้าเฝ้าองค์เหนือหัวในทันที
เมื่อเดินมาถึงต่อหน้าพระพักตร์ จึงได้เห็นสายพระเนตรตำหนิชัดแจ้งจากเจี้ยนหยางฉีฮ่องเต้
เจ้าแห่งแผ่นดินต้าเจี้ยนเพียงทอดพระเนตรเหอหย่งหมิงเงียบงัน ยังไม่อาจตรัสสิ่งใดทั้งสิ้น ด้วยพระองค์ทรงรู้ดี ว่าเรื่องนี้นับเป็นเรื่องหลังเรือนของผู้อื่น
เมื่อสตรีแต่งงานออกไปแล้วก็คือคนของสามี และการฆ่าตัวตายก็คือการตายโดยสมัครใจ ไม่สามารถเอาผิดผู้ใดได้ทั้งนั้น
ต่อให้เป็นถึงโอรสสวรรค์ พระองค์ไม่อาจยุ่งย่ามได้ เพราะว่ามันอยู่นอกเหนือจากกฎมณเฑียรบาลโดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้วังหลังของพระองค์เองก็ดุเดือดเลือดพล่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เกิดการปองร้ายบ้าง ฆ่ากันตายบ้าง ปลิดชีพตนเองอย่างมีเงื่อนงำไร้ซึ่งหลักฐานเป็นประจำอยู่แล้ว
และการแต่งงานโดยปราศจากความรักด้วยสมรสพระราชทาน ก็ใช่ว่าไม่เคยเกิด
พระองค์ทรงมอบสมรสพระราชทานให้ขุนนางในราชสำนักมานับไม่ถ้วน ทั้งองค์หญิงและองค์ชายที่เป็นทายาทในสายพระโลหิตก็ไม่มีละเว้น
และต่อให้บุคคลที่พระองค์มอบสมรสให้จักมีคนรักรออยู่สักกี่คน พระองค์ก็หาได้สนพระทัยไม่
การที่บุรุษมีภรรยามากกว่าหนึ่งแปลกที่ใด ต่อให้มีเป็นร้อยพันก็หาใช่เรื่องผิดอันใดทั้งนั้น
หากอยู่เป็นก็อยู่ได้ หากอยู่ยากก็ต้องลำบากทนต่อไป
ตนเป็นที่พึงแห่งตน ไม่มีใครคอยประคบประหงมได้ตลอดไปหรอก
แต่ครานี้ ไยหลานสาวของพระองค์ถึงไม่เข้าใจ ไยถึงได้โง่เขลานัก นางหลงรักเหอหย่งหมิงอย่างโง่เง่าถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
แค่เขามีคนรักอยู่แล้วก็แพ้พ่ายอย่างง่ายดาย...
ช่างอ่อนหัดเหลือเกิน!
แล้วเหตุใดเจ้าแม่ทัพของพระองค์ถึงซื่อบื้อนักเล่า?
ทุกคำตรัสล้วนทอประกายสื่อความนัยชัดเจนออกมาทางสายพระเนตรของเจี้ยนหยางฉีฮ่องเต้จนสิ้น
เหอหย่งหมิงย่อมเข้าใจความนัยแห่งพระเนตร เขาทำได้เพียงเงียบงันไร้ซึ่งคำพูดใด
เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าลี่เหยาถิงจักใจกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนั้น
นางเลือกวิธีนี้ได้อย่างไร?
แล้วที่บอกว่ารักเขากระทั่งได้สมรสพระราชทานคืออันใด?
ถึงแม้ว่าการฆ่าตัวตายไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากมักจะเกิดอยู่บ้างในทุกที่ และการฆ่าตัวตายนี้ก็เป็นหนึ่งในวิธีแสดงถึงเกียรติยศของบรรพบุรุษ ในกรณีที่ทำความผิดร้ายแรงมีผลให้ตระกูลถูกครหา การฆ่าตัวตายนี้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อกู้คืนศักดิ์ศรีให้ลูกหลานหรือคนในครอบครัวที่ยังอยู่ แสดงถึงความรับผิดชอบขั้นสูงสุด
แต่หากการฆ่าตัวตายเพราะความโง่งมในรักเล่า!
เรื่องนี้ตามกฎของแคว้นต้าเจี้ยน นับเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะชีวิตนี้เป็นของบุพการีผู้ให้กำเนิด มิอาจหักหาญปลิดชีพตนได้ตามใจ ด้วยเหตุผลอันน่าขบขันเช่นนั้นได้
แบบนี้จึงนับได้ว่าอกตัญญูอย่างที่สุด
หลังจากความเงียบงันผ่านพ้นไปราวครึ่งก้านธูป
สุรเสียงเย็นเยียบจึงดังขึ้น
“เจ้าควรไว้ทุกข์ให้ภรรยาหนึ่งปี ระหว่างนี้สร้างความดีความชอบให้เราอย่าได้ขาด”
ฮ่องเต้แห่งต้าเจี้ยนตรัสอย่างใจกว้างดั่งมหาสมุทรสุดขอบฟ้า ถึงแม้ว่าจะนึกขัดเคืองพระทัยกับแม่ทัพผู้นี้อยู่บ้าง ทว่าเขาเป็นบุรุษที่ไม่เลวเลยสักนิด ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีนอกไม่มีใน ไว้ใจได้เป็นที่สุด
อีกทั้งพระองค์ก็ไม่อาจนำเรื่องหลังเรือนของขุนนางคนใดมาลงโทษตามแต่พระทัยได้
การปกครองแว่นแคว้นอาจจะตัดเฉือนหัวใจตนเพื่อความคงอยู่ของอำนาจได้ หากแต่มิใช่ว่าจะตัดแขนตัดขาของพระองค์เองเพื่อสตรีใดไม่
แม้กระทั่งตัวพระองค์เอง ยังต้องเฉือนหัวใจของตนครั้งแล้วครั้งเล่าจนกลายเป็นบุรุษไร้ใจ มิใช่หรือไร?
และการฆ่าตัวตายของหลานสาวก็นับได้ว่าเป็นการทำร้ายวงศ์ตระกูลอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ดังนั้นการจะเอาผิดสามีย่อมทำได้ยากนัก ด้วยเหตุผลที่สตรีเป็นฝ่ายโง่งมเองเช่นนั้น จักให้เอาผิดกับบุรุษก็ใช่ที่
พระองค์จึงสั่งให้สามีของหลานสาวไว้ทุกข์นานถึงหนึ่งปี
จากเดิมหากภรรยาตาย สามีอาจจะไว้ทุกข์ให้เพียงหนึ่งถึงสามเดือน หรืออาจจะแต่งภรรยาใหม่ได้เลยภายในสองเดือน
แต่เหอหย่งหมิงต้องไว้ทุกข์หนึ่งปี!
อันเป็นการบังคับกันอย่างชัดเจนว่าห้ามแต่งหญิงใดระหว่างนี้เป็นอันขาด
ไม่ว่าจักรักกันปานใดก็ห้ามแต่ง!
รอให้เหี่ยวแห้งไปอีกหนึ่งปีเถิด หึ!
เหอหย่งหมิงน้อบรับพระบัญชาอย่างเต็มใจไร้ข้อกังขาหรือโต้แย้งทุกสิ่ง
และจากมาทันใด เมื่อองค์เหนือหัวโบกพระหัตถ์เป็นเชิงอนุญาตให้กลับมาสะสางเรื่องวุ่นวายภายในจวน
*******
นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค ได้เพิ่มตอนพิเศษให้แล้วอย่างจุใจนะคะ
คลิกเลยค่า >>>
|
ความคิดเห็น