ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุริยันเคียงจันทรา着迷[จบ]

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 5 อำมหิต1

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 67


    ค่ำคืนเดือนเพ็ญมาเยือนอีกครา จันทรากลมโตจึงลอยเด่นบนม่านนภาอีกครั้ง

    ทุกครั้งที่จันทร์เด่นชัด ดรุณีน้อยนางหนึ่งมิรู้ได้ว่าเหตุใดถึงชอบคืนเพ็ญนัก

    ยิ่งเห็นจันทร์จรัสแสง ดวงตาสุกใสของนางก็ยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้า

    ในม่านราตรีสลัว ซิงเยว่ยืนนิ่งไม่ไหวติง แหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่เช่นนั้น

    นางยืนมองดวงจันทร์จากบนต้นไม้สูงตระหง่านท้ายเรือนปีกข้าง เกิดเป็นเงาระหงเลือนรางตกกระทบยอดหญ้า ข้างกายนางคือต้นไม้ใหญ่มีกิ่งก้านสาขามากมาย

    ช่างน่าแปลกใจที่นางไม่คิดยืนอิงแอบแนบแผ่นหลังกับต้นไม้ หากแต่นางกลับมีความคิดผิดแผกถึงขั้นปรารถนาปีนป่ายขึ้นมาบนยอดไม้อย่างอาจหาญ

    แน่นอนว่าความทรงจำของนางยังคงว่างเปล่า ทว่าสัญชาตญาณบางอย่างในตัวกำลังบอกกล่าวแก่นางว่าการปีนต้นไม้มิใช่เรื่องยาก หากต้องการใกล้ชิดดวงจันทร์ การขึ้นมายืนบนนี้เป็นเรื่องสามัญสมควรกระทำ

    ยามทอดสายตามองเหม่อไปแสนไกลถึงม่านนภา ภาพในห้วงนิทราอันเลือนรางเริ่มผุดพรายในคำนึง

    ซิงเยว่มักจะฝันเห็นเงาร่างของหญิงสาวสองคนกำลังยืนคุยกันใต้เงาจันทร์

    ภาพนั้นไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร เพราะไม่เห็นใบหน้า เห็นเพียงความมืดมัวสลัวรางจากทางด้านหลังของอิสตรี ทว่าถ้อยวจีที่พวกนางต่อขานกลับชัดเจนอย่างยิ่ง

    น้องพี่ ไม่นานจากนี้เกรงว่าค่ายจันทราคงสั่นคลอนยากยืนหยัด มิอาจต่อกรกับเภทภัยที่ย่างกรายมาเยือน  หากเป็นไปได้ จงอย่าดึงผู้อื่นมาข้องเกี่ยวกับตัวเจ้าเด็ดขาด สหายก็ดีคนรักก็ช่าง หากเจ้ามีผู้ใดให้ห่วงใยจงสลัดทิ้งเสีย

    ในฝัน ซิงเยว่เห็นสตรีผู้หนึ่งเป็นฝ่ายเอื้อนเอ่ยฉะฉาน ทว่าสตรีอีกผู้หนึ่งกลับเป็นเพียงฝ่ายรับคำเสียงเบาดุจปุยนุ่น ท่าทีลำบากใจอย่างยิ่ง

    ข้าทราบแล้วพี่ใหญ่...

    ทุกครั้งที่ฝันเห็นภาพนั้น ซิงเยว่มักตื่นขึ้นกลางดึกด้วยความรู้สึกสนเท่ห์งงงันมิเคยเข้าใจสักกะผีก

    ทั้งเงาทะมึนสองสตรีทั้งถ้อยวจีช่างชวนฉงนโดยแท้

    ชั่วยามนี้ ขณะที่ซิงเยว่ชั่งใจว่าจะปีนขึ้นไปถึงยอดไม้เพื่อดูดวงจันทร์ให้ใกล้และชัดเจนมากกว่าเดิมดีหรือไม่ นางพลันก้มหน้าลงมองร่างกายของตนเอง

    วันนี้นางสวมชุดสีฟ้าตัวใหม่ จะอย่างไรคงต้องรอให้ชุดนี้เก่าขมุกขมัวกว่าเดิมสักหน่อยถึงจะทำใจให้ชุดเปื้อนได้

    เมื่อคิดดังนั้น ซิงเยว่จึงหยุดปีนป่ายต้นไม้และเลือกที่จะกระโจนลงมาอย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวชวนกังขา ทว่านางกลับไม่นำพา

    หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมเพิ่มความอบอุ่นให้ตนเอง เกล็ดหิมะร่วงใส่จมูกเชิดรั้นจนนางต้องยู่หน้าย่นจมูกน้อยๆ

    ใต้แสงจันทรา ดวงหน้าจิ้มลิ้มแลดูน่ารักเป็นพิเศษ

    ซิงเยว่เร่งฝีเท้าเดินไปตามทางหินกรวด ลัดเลาะจากเรือนปีกข้างไปยังเรือนหลักอย่างชำนาญ

    หากแต่จะบอกว่าเดินอาจไม่ถูกนัก เพราะร่างเล็กระเหิดระหงในชุดกะทัดรัดของสาวใช้กำลังย่างเท้าลักษณะเหยียบย่องกึ่งก้าวกระโดด ฝีเท้าแผ่วเบาว่องไวนั้นมั่นคงยิ่ง ความเร็วนี้ส่งผลให้ดวงหน้านวลเนียนคล้ายมีเลือดฝาดจนอมชมพูระเรื่อยิ่งขึ้น นัยน์ตาคู่งามยิ่งแวววาวสดใส สายตาจับจ้องแน่วนิ่งเพียงเบื้องหน้า ยามนางเคลื่อนกายเดินผ่าน ดอกสีแดงบนกิ่งเหมยพลันแกว่งไกวเบาๆ

    ความว่องไวปราดเปรียวที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาตินี้ นางแค่กำลังรีบไปดูแลปรนนิบัติส่งนายน้อยเข้านอนเท่านั้น หาใช่จอมยุทธ์ลอบสืบเรื่องราวผู้คนให้หน่วยข่าวกรองที่ใด

    กระนั้นหญิงสาวกลับเหมือนแบบหลังอย่างไม่ตั้งใจ

    นับแต่ซิงเยว่ได้เป็นสาวใช้ของนายน้อยหลิวไท่หยาง เวลาพักผ่อนก็แทบไม่มี

    ต้องคอยดูแลปรนนิบัติเกือบทั้งราตรี ทั้งวี่ทั้งวัน

    สาวใช้คนอื่นได้แต่พร่ำบ่นด้วยคำถามไร้ซึ่งคำตอบ

    มิรู้ว่านายน้อยพึงใจอันใดในตัวซิงเยว่นักหนา!’

    นอกจากคำถามหลายคนยังจ้องมองด้วยความอิจฉา มีแรงริษยาในแววตาไม่เจือจาง

    ทว่าทุกวันซิงเยว่ไหนเลยจะมีเวลาใส่ใจสายตาผู้ใด แค่วิ่งวุ่นดูแลคุณชายหลิวไท่หยางก็แทบแย่แล้ว

    กระนั้น คนจำพวกหนึ่งกลับระรานไม่คิดปล่อย

    ราตรีหนึ่งในคืนเดือนเพ็ญ จันทร์กระจ่างงามเด่น ซิงเยว่ผู้ชื่นชอบแสงจันทราอย่างน่ากังขากำลังเดินเล่นเลียบริมสระบัวมาเรื่อยๆ หมายพักผ่อนหลังเสร็จงานในแบบตน นั่นก็คือปีนต้นไม้ขึ้นไปยืนมองดวงจันทร์

    หากแต่ยังไม่ทันถึงที่หมาย พลันมีฝ่ามือปริศนายื่นตรงมาที่แผ่นหลังบาง ซิงเยว่มิทันรู้สึกตัวถึงฝ่ามือนั้น พริบตาร่างเล็กกลับเซถลาลื่นไถลใกล้ริมฝั่งหมิ่นเหม่

    ดวงตาซิงเยว่เบิกกว้าง แน่นอนว่านางตกใจ อีกทั้งยังไม่ทันได้ตั้งรับอันใด กลับรับรู้ได้ถึงกระแสลมเย็นวูบหนึ่ง จากนั้นเสียงตูมพลันเกิดขึ้น ม่านน้ำซ่านเซ็น สองหูอื้ออึง ม่านตามืดมน ร่างทั้งร่างจมดิ่งลงสระบัว

    ซิงเยว่รีบตะเกียกตะกายตามสัญชาตญาณเพราะเท้าที่แตะไม่ถึงพื้นใต้น้ำกำลังบอกว่าสระแห่งนี้ลึกเกินหยั่ง ระหว่างนั้นนางพลันได้ยินเสียงคนหัวเราะอยู่ริมตลิ่ง

    คฤหาสน์หลิวซิงค่อนข้างกว้างขวาง และมุมที่ซิงเยว่เลือกชมจันทร์คือมุมอับไร้ใครเดินผ่าน เวรยามยังไม่สนใจ ดังนั้นยามนี้จึงไม่มีใครอื่น นอกจากซิงเยว่และอีกคนที่กำลังก่อเหตุอุกอาจต่อนาง

    “เป็นอย่างไรเล่า หนาวหรือไม่?

    คนผู้นั้นเป็นสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเสียงที่เอื้อนเอ่ยเย้ยหยันนั้นช่างหวานแหลมสิ้นดี

    ซิงเยว่ในน้ำเย็นเยียบเริ่มครองสติแล้วเร่งสดับฟัง  ไม่นานนางก็จับกระแสเสียงของอีกฝ่ายได้ สตรีผู้นี้คือซิวอิ๋ง สาวใช้คนใหม่ที่นอนห้องเดียวกับนางร่วมกับสาวใช้อีกคน

    ทั้งๆ ที่ต่อหน้ายิ้มแย้ม กลางวันยื่นไมตรีช่วยแบ่งเบาภาระงาน แล้วเหตุใด?

    ซิงเยว่ไม่เข้าใจ นางไม่เคยมีความแค้นหรือสร้างเรื่องบาดหมางอันใดกับสตรีผู้นี้

    แต่เมื่อได้ฟังวาจาอีกฝ่ายเอ่ยถึงนายน้อยหลิว

    “กินน้ำเข้าไปเยอะๆ เลย หนาวตายในน้ำเลยยิ่งดี จะได้ไม่ต้องกลับมาเสนอหน้าอยู่ใกล้นายน้อยอีก ฮ่าๆ”

    ชัดเจนแล้วว่าต่อให้คนผู้หนึ่งยิ้มให้ด้วยความจริงใจ แต่เมื่อมีเรื่องบุรุษมาเกี่ยวข้อง ความเกลียดชังอันไร้เหตุผลย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

    ซิงเยว่แค่นเสียงเย็นในใจ

    นางหยุดตีน้ำ หยุดตะเกียกตะกาย

    เท้ายืนไม่ถึงแล้วอย่างไร

    หญิงสาวหรี่ตา ปล่อยกายาจมดิ่ง ผิวธาราเริ่มแน่นิ่ง

    Thumbnail Seller Link
    สุริยันเคียงจันทรา着迷
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    เมื่อหญิงเดียวในดวงใจไม่เห็นค่า ขยี้ความรู้สึกของเขาอย่างมิให้ราคา สะบั้นรักไม่ไยดี รักแท้จึงเปลี่ยนเป็นชิงชัง แล้วนางก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมความทรงจำท...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    SET สุริยาจันทราแดง ( บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน如意 + สุริยันเคียงจันทรา着迷 )
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    คู่หนึ่งแต่งงานกันแล้วทำอย่างไรให้รักกันหลังแต่งงาน อีกคู่หนึ่งรักกันแล้วทำอย่างไรให้ได้แต่งงานกัน โปรดติดตามได้ใน 'เซตสุริยาจันทราแดง' ป...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×