ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อ๋องทมิฬ [จบ]

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่4 ผู้มีพระคุณ2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.94K
      830
      8 พ.ย. 66

    กิริยาเปิดเผยไร้ความสุขุมเช่นนั้นพาบรรยากาศคุกรุ่นเมื่อครู่ให้ชื่นมื่นอย่างแปลกประหลาด ทว่าน่าสนใจอย่างมากในความรู้สึกของลี่เซียน

    นางมองทุกสิ่งรอบกายอย่างสงสัย ไม่เข้าใจอันใด

    ภาพตรงหน้ายามนี้ช่างแตกต่างจากสิ่งที่นางเคยพบพานในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณนับแต่จำความได้

    เด็กน้อยผู้หนึ่ง ลืมตาดูโลกได้แค่แปดปี ทั้งยังมีเพียงนักพรตหญิงดูแลสอนสั่ง ตำรายังพร้อมพรั่งแค่เพียงบทบัญญัติแค่โลกแห่งธรรม รอบด้านล้อมไปด้วยโลกทัศน์แค่สันเขากางกั้น

    ยามนั้นนางท่องคัมภีร์ทั้งหอพระธรรม จดจำได้แม่นยำ ทั้งยังฝึกพลังวัตรไม่ว่างเว้น กระทั่งอายุได้แปดขวบแล้ววิญญาณหลุดออกจากร่างฝังแน่นอยู่ในกำไลหลายร้อยปียังถือโอกาสบำเพ็ญตบะจนสามารถแปรเปลี่ยนดวงจิตเป็นกายหยาบยามที่กำไลถูกทำลายจนแตกหัก แล้วหลุดออกมาได้สำเร็จ

    เนื่องจากผ่านกาลเวลามาหลายร้อยปี เนิ่นนานเหลือเกิน กายหยาบของลี่เซียนยามนี้จึงเติบโตสมส่วนสมบูรณ์แบบ                      

    มีรูปร่างระเหิดระหงอรชร บั้นท้ายงามงอน เนินอกอวบตึง ใบหน้าเรียวเล็กน่ารัก ดวงตากลมโตดำขลับซ่อนแววซุกซนเอาไว้

    กลายเป็นหญิงสาวเต็มวัยสะคราญโฉมผู้หนึ่ง

    ลี่เซียนยามนี้มีอายุหลายร้อยปี มีรูปร่างเติบใหญ่เต็มที่ ทว่าแท้ที่จริงความรู้สึกนึกคิดกลับยังเป็นเพียงเด็กน้อยไม่ประสาอายุแค่แปดหนาวเท่านั้น ทั้งยังอ่อนต่อโลกหล้ามากนัก

    นางจึงคิดตั้งใจศึกษาหาความรู้เต็มที่

    เปรียบเสมือนถ้วยเปล่าใบหนึ่ง รอผู้รู้ใส่สิ่งต่างๆ ลงไปอย่างยินดี ดรุณีน้อยคิดตั้งมั่นที่จะศึกษาเรื่องราวทางโลกรอบตัวที่กำลังเผชิญให้ถ่องแท้ ปฏิบัติตัวเฉกเช่นเมื่อยามอยู่อารามผิงอันอย่างเคร่งครัด

    และสิ่งที่นางกำลังเรียนรู้ยามนี้ ก็คือการเป็นคณิกา...

    ถ้อยวาจาไม่ยินยอมที่จักปรนนิบัติรุ่ยอ๋องยังคงดังอย่างต่อเนื่องจากริมฝีปากแดงชาดของเย่เสีย

    ลี่เซียนเห็นอีกฝ่ายมองมาอย่างต้องการความช่วยเหลือ จึงตัดสินใจเดินเข้าหา ท่านแม่ผู้นั้น แล้วเอ่ยเสียงเบา

    “ให้ข้าไปแทนพี่เย่เสียได้หรือไม่?

    น้ำเสียงของลี่เซียนแว่วหวานเป็นกังวานสดใสดุจไข่มุกตกกระทบแก้วเจียระไนก็ไม่ปาน ทำเอานางคณิกาทุกคนต้องหยุดฟังแล้วหันมอง

    “จะดีหรือ?

    คณิกาคนหนึ่งถามอย่างห่วงใย เพราะเห็นลี่เซียนเพิ่งมาวันนี้วันแรก ทั้งยังมีท่าทางโง่เขลาอ่อนด้อยประสบการณ์ปานนั้น

    จังหวะเดียวกันพลันมีนางคณิกางามพิลาสผู้หนึ่งเอ่ยแทรกเสียงหวาน

    “ท่านแม่...ให้ข้าไปเถิด ข้าปรารถนาปรนนิบัติท่านอ๋องมานานแล้ว ฝีมือข้าย่อมล้ำเลิศไม่ด้อยไปกว่าเย่เสียเจ้าค่ะ”

    ยามเอ่ยด้วยสุ้มเสียงน่าฟัง ดวงตาของนางยังพราวระยับราวมีหยาดพิรุณคลอเคล้า

    เป็นสตรีที่มีกลิ่นกายชวนหวามไหวให้หลงใหลเฉพาะตัว เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างมาก นางมีนามว่า ซวงอี๋

    ลี่เซียนเอียงคอมองซวงอี๋แน่วนิ่ง พลันรู้สึกได้ว่า พี่สาวผู้นี้คงมีฝีมือปรนนิบัติบุรุษเหนือชั้นเป็นแน่

    ขนาดนางเป็นสตรีด้วยกันยังใจเต้นระส่ำ มิอาจละสายตาได้

    แม่นางน้อยไม่ประสามิกล้างัดข้อกับผู้มากประสบการณ์อยู่แล้ว นางจึงหลุบตาลง จำนนทั้งใจ

    “เช่นนั้นให้พี่ซวงอี๋ไปเถิดเจ้าค่ะ”

    ทว่าผู้คุมหอกลับเห็นต่าง

    นางกลอกตามองประเมินซวงอี๋กับลี่เซียนชั่วครู่

    ซวงอี๋เป็นสตรีที่มีใบหน้างดงามจับตา ทว่าแฝงริ้วรอยช่ำชองเด่นชัด กิริยาท่าทางมองจากยอดเขาไกลหลายร้อยจั้ง[1]ยังดูออกว่าผ่านมือชายมานับไม่ถ้วน กลิ่นคาวโลกีย์โชยชัดขนาดนี้

    ส่วนลี่เซียนเป็นสตรีนางน้อยวัยแรกแย้ม สองแก้มแดงเรื่อราวลูกท้อสุก ดวงตาสีดำกลมโตเปล่งประกายสดใสไร้เดียงสา ดวงหน้างดงามพริ้มเพราน่าเอ็นดู มองจากยอดเขาไกลเป็นลี้[2] ยังดูออกว่าบริสุทธิ์ผุดผ่อง 

    ได้เจอหยกงามล้ำค่าโดยบังเอิญแล้ว จักโง่ปล่อยไปหรือ? ไม่มีทาง!

    หลังจากผู้คุมหอได้ครุ่นคิดลึกซึ้งนางรีบเอ่ยไปทางลี่เซียน

    “เจ้านั่นล่ะไป”

    กล่าวจบไม่รอช้า รีบชี้นิ้วสั่งให้ผู้ดูแลคนหนึ่งพาลี่เซียนไปแต่งหน้าเติมชาดเพิ่มอีกสักหน่อย เปลี่ยนชุดด้วยจึงจะดี

    ในใจนางคิดว่าอ๋องทมิฬที่ใคร ๆ ต่างหวาดกลัวหวั่นเกรงอาจพึงใจเด็กน้อยนุ่มนิ่มไม่ประสาก็เป็นได้

    ซวงอี๋มองลี่เซียนด้วยสายตาฉายรอยผิดหวังรุนแรง  พริบตาก็รีบเก็บอาการได้แนบเนียน นางนิ่งเงียบ ไม่ต่อความอีก

    เย่เสียเห็นลี่เซียนเสนอตัวเช่นนั้นก็รีบเดินตามแผ่นหลังบอบบางของแม่นางน้อยเข้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เอ่ยกระซิบว่า

    “จะดีหรือลี่เซียน ที่ข้าช่วยเหลือเจ้า ให้ข้าวให้น้ำ มิใช่ว่าจะทวงบุญคุณโดยการให้เจ้าไปเสี่ยงตายแทนข้าหรอกนะ”

    เด็กสาวนิ่งฟังเสียงทัดทานพลางมองตนเองในคันฉ่อง  ปล่อยให้ผู้ดูแลที่เป็นหญิงวัยกลางคนจัดแต่งทรงผมและแต่งหน้าเติมชาดอย่างตั้งใจ

    นางเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองชอบแต่งกายงดงามเช่นนี้เหลือเกิน ไม่ต้องใส่แค่เสื้อคลุมตัวยาวสีขาวไร้สีสัน ม้วนผมทรงมวยก้วน[3] ปราศจากเครื่องประดับเหมือนเมื่อก่อนตอนอยู่ผิงอัน

    ระหว่างคิดในใจเช่นนั้นยังมองสบตากับเย่เสียในคันฉ่อง พลางคลี่ยิ้มเฉิดฉันที่แสนจะจริงใจส่งให้

    เย่เสียคือผู้มีพระคุณ ช่วยเหลือลี่เซียนที่กำลังอ่อนแออย่างที่สุด เหตุเพราะเป็นวิญญาณหลุดลอย อาศัยพลังวัตรที่ฝึกตบะยามถูกขังให้สามารถผสานกายหยาบได้

    ทว่ายามที่กายหยาบเพิ่งผสานได้แค่ไม่นาน พลังปราณยังไม่เข้าที่ นางจึงสิ้นสตินอนสลบไสลอยู่ตรงชายป่า เสื้อผ้าที่ใส่ยังเป็นชุดเดียวกับเมื่อยามอายุแค่แปดปี เป็นชุดสีขาวไร้ลวดลาย  คับแน่นไปหมดจนหายใจไม่ออก เผยเนินเนื้อได้อย่างน่าอาย มวยผมยังมัดเป็นก้อนกลมคล้ายซาลาเปาสองก้อนบนหัว ส่วนรองเท้าคู่เล็กน่ารักหลุดหายไปที่ใดมิอาจทราบ

    สภาพเยี่ยงนั้น แม้เป็นเด็กไม่ประสา แต่ก็พอคิดออกว่าไม่น่าดูเลยแม้แต่นิดเดียว

    แม่นางน้อยกล่าวด้วยเส้นเสียงสดใส

    “บุญคุณย่อมทดแทน พี่เย่เสียไม่ต้องเกรงใจ”

    แต่อีกฝ่ายยังคงส่ายหน้า “โง่เขลาเบาปัญญาอย่างเจ้า  หากเขาไม่พึงใจเจ้าขึ้นมา มิต้องเอาชีวิตไปทิ้งหรือ?

    ลี่เซียนหัวเราะคิก “ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอกเจ้าค่ะ”

    แน่งน้อยเอ่ยตามสัตย์ แม้ว่านางในยามนี้คือเหรินเซียน[4] แต่ประสบการณ์ชีวิตยังแค่เด็กแปดขวบที่เติบโตภายในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ซึ่งถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงและแตกต่างจากสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก  

    ลี่เซียนจึงคิดแค่ว่าต้องปรับตัวให้มีชีวิตปกติได้เหมือนบรรดาพี่สาวเหล่านี้เท่านั้น เพียงทำตามตำราที่ได้อ่านเมื่อครู่

    ช่างง่ายดาย...

    เย่เสียไหนเลยจะเข้าใจลี่เซียน นางมุ่นคิ้วเอ่ยเสียงเครียด

    “แต่ข้าได้ยินเรื่องราวของเขามาไม่น้อย รุ่ยอ๋องผู้นั้นประดุจยมทูตจากขุมนรกอเวจีเชียวนะ”

    ประโยคชวนผวาและน้ำเสียงของเย่เสียที่สั่นเทาปานนั้น ทำให้ลี่เซียนแย้มยิ้มเอียงหน้ากะพริบตา ในใจคิดว่า การได้เจอยมทูตนับเป็นวาสนาแล้ว

    ทว่า...คนผู้นั้นไม่ใช่ยมทูตแน่ๆ เขาเป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่ง มิใช่ว่านางจะดูไม่ออกเสียหน่อย

    และที่สำคัญ ความสามารถในการจดจำของนางไม่ด้อย  เมื่อเช้ายามที่นางได้เห็นเขาพร้อมพี่เย่เสีย นางก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา

    บุรุษบนหลังอาชา...

    เจ้าของทวนเหล็กไหลที่ช่วยปลดปล่อยนางออกมาจากกำไลหยกลายคราม

    แม้มีหน้ากากอักขระสีดำบดบังกว่าครึ่ง ทว่ากลิ่นอายเฉพาะกายของเขามิอาจปิดบัง ปราณสังหารเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์เช่นนั้น นางมิอาจลืม

    เขาคือผู้มีพระคุณที่สุดของนาง


    -----

    [1] 1 จั้ง เท่ากับ 3.3 เมตร

    [2] 1 ลี้ เท่ากับ 500 เมตร

    [3] ม้วนผมสองด้านเป็นมวยกลมด้านละลูกแล้วปล่อยจอนมวยลงมาตามธรรมชาติ ไม่ปักปิ่นใดๆ

    [4] เหรินเซียน (人仙) คือมนุษย์ที่มีพลังหยินหยางอย่างสมดุลจนมีชีวิตเป็นอมตะ  ไม่แก่ไม่ตาย แต่ยังมีความหิวกระหายและต้องการเครื่องนุ่งห่มอย่างมนุษย์ทั่วไป อาศัยอยู่ในมนุษย์ภูมิ


    ***นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค***

    Thumbnail Seller Link
    อ๋องทมิฬ
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    เมื่อฮ่องเต้มีรักปักใจเพียงฮองเฮาโดยไม่คิดรับสนมชายา การบริหารบ้านเมืองจึงเหน็ดเหนื่อยหนักหนา เหล่าบุตรสาวและบุตรชายจึงไม่อาจนิ่งดูดาย พวกเขาพร้อมใจกั...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×