ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายพ่ายกลายรัก [จบ]

    ลำดับตอนที่ #66 : ภาคปลายตอน20 รักกันเปิดเผย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.03K
      1.05K
      7 พ.ย. 66

    มุมอับมุมหนึ่งตรงทางด้านหน้าของวังชินอ๋องอันยิ่งใหญ่

    ขบวนเดินทางขององค์ชายแคว้นเป่ยฉีกำลังขับเคลื่อนตัวออกมาจากวังอันยิ่งใหญ่แห่งนี้เป้าหมายคือเดินทางกลับแคว้นเป่ยฉีตามกำหนดการที่มีไม่อาจหลีกเลี่ยง

    คล้อยหลังขบวนเดินทางขององค์ชายแห่งแคว้นเป่ยฉีนั้นพลันปรากฏเงาร่างอรชนของสตรีในอาภรณ์ทหารหญิงนางหนึ่ง

    นางกำลังยืนมองขบวนเดินทางนั้นด้วยจิตใจที่วูบโหวงวูบไหวอยู่ตรงกลางอกกลางใจในแบบที่ไม่เคยเป็น

    ดวงตาเรียวสวยโฉบเฉี่ยวอันเป็นเอกลักษณ์บนใบหน้างดงามแม้มิได้แต่งแต้มเติมสีกำลังมองไปทางขบวนเดินทางนั้นผ่านม่านน้ำตาสีใสที่มิรู้ได้ว่ามีเศษฝุ่นหรือเศษอันใดลอยเข้าไปจนทำให้น้ำตาไหลออกมา

    นางมั่นใจว่านางมิได้ร้องไห้

    นางมั่นใจว่านางมิได้รู้สึกแปลกๆ กับใคร

    นางมั่นใจว่านางมิได้รู้สึกอันใดกับบุรุษสูงศักดิ์ผู้นั้น

    นางมั่นใจว่าไม่มีทางชมชอบเขา

    นางจะชอบเขาได้อย่างไรกันในเมื่อนางกับเขาได้เจอและอยู่ด้วยกันแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง

    แต่อาการคล้ายกับกำลังหายใจติดขัดนี่คืออะไร อาการที่กำลังนึกห่วงใยใครบางคนนี่คืออะไร หากเขาถูกลอบทำร้ายอีกจะทำอย่างไรเล่า

    เจ้าคนบ้าเดินทางเอิกเกริกเยี่ยงนั้นอยากเป็นเป้านิ่งให้ศัตรูหรือไร ไยไม่เดินทางขบวนเล็กๆ ไปเล่า!?

    ในขณะที่ฟงลี่หลินกำลังคิดฟุ้งซ่านจิตตกมากมายกับขบวนเดินทางขององค์ชายสูงศักดิ์ตรงหน้า ฝ่ามือน้อยๆ ของนางพลันถูกจับและกระชากอย่างแรง จนร่างบอบบางในอาภรณ์ทหารหญิงพลันหมุนตัวตามแรงกระชากนั้นในทันที

    หญิงสาวถึงกับกะพริบตาปริบๆ ไล่น้ำสีใสรอบขอบตาให้หมดไป เมื่อมองเห็นแล้วว่าเจ้าของฝ่ามือใหญ่หนาที่ฉุดกระชากฝ่ามือของนางเป็นใคร

    อึดใจริมฝีปากร้อนๆ ทั้งนุ่มทั้งชื้นพลันนาบลงมา

    “...!

    ฉีเล่ออดใจเอาไว้ไม่ได้จริงๆ เมื่อมองเห็นสตีประหลาดของเขายืนมองขบวนเดินทางของเขาด้วยดวงตาเรียวสวยที่มักจะมองทุกอย่างด้วยความปราดเปรียวโฉบเฉี่ยวกำลังมีน้ำสีใสไหลออกมา

    ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเขาถึงกับเต้นตุบๆ แทบทะลุออกมากระโดดอยู่นอกอกแกร่ง เมื่อมองเห็นนางยืนหน้าเศร้าเม้มปากแน่นอย่างคนไม่เข้าใจอันใดในชีวิตได้อย่างนั้น

    ชายหนุ่มเอื้อมฝ่ามือที่กำลังกรุ่นร้อนขึ้นจับดึงกระชากหญิงสาวเข้ามาภายในมุมอับระหว่างกำแพงวังชินอ๋องก่อนจะใช้ฝ่ามืออีกข้างที่กำลังรุ่มร้อนไม่แพ้กันช้อนท้ายทอยของหญิงสาวเอาไว้มั่นตามด้วยริมฝีปากของเขาเข้าประกบแนบชิดบดขยี้กับริมฝีปากของนางด้วยความรวดเร็วตามจังหวะการเต้นของหัวใจหาได้ยั้งคิดอันใดไม่

    ฟงลี่หลินถึงกับเบิกตากว้างจะอ้าปากห้ามก็ไม่สามารถทำได้ ยิ่งคิดจะเผยอปากอ้าออกสิ่งแปลกปลอมทั้งร้อนทั้งชื้นพลันสอดใส่เข้ามา

    อา...

    นี่มิใช่การเป่าปากแบบครั้งที่แล้ว แต่นี่เรียกว่าดูดปาก

    เขาดูดปากนาง...

    หญิงสาวจึงทำสิ่งใดไม่ถูก นางทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อ ฝ่ามือน้อยๆ กำเข้าหากันแน่น ใบหน้าสวยเฉี่ยวทำได้เพียงแหงนหงาย ริมฝีปากของนางทำได้เพียงอ้าเผยอออกเล็กน้อยอย่างยินยอม นางเห็นเพียงดวงตาคมเข้มดำขลับของเขาในระยะประชิดและสันจมูกคมสันที่ตวัดสัมผัสไล้ไปมากับจมูกของนาง

    เขาเอียงใบหน้าไปมาเอียงซ้ายเอียงขวาเบาๆ ในขณะที่นางทำได้เพียงเอียงใบหน้าของนางตามเขาแต่ในทิศทางตรงกันข้ามกันแล้วแต่ว่าฝ่ามือของเขาตรงท้ายทอยจะพาไปทิศทางใด

    ผ่านไปครู่หนึ่งลมหายใจของฟงลี่หลินคล้ายกับถูกฉีเล่อพรากไปแล้วจนสิ้น นางจึงเริ่มหายใจไม่ทัน นางจึงดันลิ้นของเขาออกไปด้วยลิ้นของนาง พร้อมเสียงครางอือๆ อยู่ในลำคอ

    แต่ทว่า...คล้ายกับหญิงสาวจะคิดผิดไป คล้ายกับว่านางทำผิดไป ชายหนุ่มผู้ที่ไม่คิดยับยั้งชั่งใจยิ่งกระทำการอุกอาจเมื่อหญิงสาวตรงหน้าทำผิดพลาดได้อย่างมหันต์ นางกำลังทำเขาอารมณ์พวยพุ่งยิ่งขึ้นในฉับพลัน เขาจึงต้องรีบถอนใบหน้าคมเข้มของเขาออกจากใบหน้าสวยเฉี่ยวของนาง ก่อนที่เขาจะกระทำการอุกอาจไปมากกว่านี้ สตรีนางนี้นี่ จริงๆ เลย...

    "บอกข้ามาว่าพี่ชายเจ้าคือใคร อยู่ที่ใด" ฉีเล่อเริ่มเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงแหบต่ำหลังจากถอนริมฝีปากออกห่างมาเพียงเล็กน้อยจากใบหน้างดงามของสตรีตรงหน้า

    ฟงลี่หลินยังคงหูอื้อตาลายทั้งยังหายใจหอบเหนื่อยจึงทำได้แค่ยืนมองหน้าขององค์ชายผู้บ้าบิ่นดีเดือดอย่างนึกฉงนและเหม่อลอย เขามิได้อยู่ในขบวนเดินทางหรอกหรือ

    "ว่าอย่างไร" ฉีเล่อยังคงคาดคั้นเป่าลมร้อนๆ เข้าปะทะใบหน้าแดงระเรื่อที่ดวงตาสวยเฉี่ยวของนางกำลังจ้องมองเขาแบบไม่วางตาพาเอาใจของเขาต้องเต้นระส่ำอยากจะกระทำบางอย่างกับนางขึ้นมาอีกครา

    ชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงมาแล้วกดจูบหญิงสาวตรงหน้าไปเร็วๆ อีกหนึ่งที เขาถอนริมฝีปากออกมาอึดใจแล้วตั้งท่าจะก้มลงจูบเข้าไปใหม่อย่างไม่อาจห้ามใจ

    หญิงสาวถึงกับกะพริบตาถี่ๆ มีสติขึ้นมาในฉับพลัน

    ฟงลี่หลินรีบปรับสายตาปรับสติปรับอารมณ์ปรับทุกสิ่งอย่างเพื่อพูดคุยกับชายหนุ่มตรงหน้าถึงแม้จะยังคงคล้ายกับว่าละเมออยู่ก็ไม่ปาน "ฟงชินหยาง พี่ชายข้า แม่ทัพฟง หือ!"

    ฉีเล่อได้ฟังพลันตะลึงก่อนจะนึกเข่นเขี้ยวฟงลี่หลินมากขึ้นทุกทีๆ เขาจึงไม่คิดจะรั้งรออันใดอีกต่อไป

    เขารีบเอื้อมฝ่ามือของเขาลงไปที่ฝ่ามือของนางแล้วฉุดกระชากนางไปตามทางพร้อมกับเขาในทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น 

    ที่แท้นางก็คือสตรีที่พี่ชินหยางเคยเอ่ยปากเอาไว้ ที่แท้ก็เป็นนางที่พี่ชินหยางหมายผูกด้ายแดงให้เขา

    ฉีเล่อถึงกับยกริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้เมื่อเขาได้รับรู้อย่างนั้น  

    เขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าสตรีที่เขาพึงใจจะเป็นน้องสาวของฟงชินหยางที่เขานับถือเสมือนพี่ชาย

    ฟงลี่หลินที่ยังคงหูอื้อตาลายกับการกระทำอันรวดเร็วของบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าจึงไม่ทันได้ยั้งคิดอันใดทั้งสิ้น นางจึงพุ่งตัวตามแรงฉุดกระชากนั้นไปแต่โดยดี



    ฉีเล่อใช้เวลาแค่เพียงไม่นานในการพาฟงลี่หลินให้พุ่งตัวตามเขามา

     คนสองคนที่กำลังตกอยู่ในหลุมลึกของห้วงอารมณ์บางอย่างพลันเดินทางมาถึงจวนแห่งหนึ่ง จวนที่ซึ่งตั้งตระหง่านไกลออกไปจากตัวเมืองมากโขแต่กลับใกล้กับธรรมชาติมากนักมีทั้งต้นไม้ร่มรื่นและน้ำตกสายใหญ่ไหลแบ่งแยกเป็นสายเล็กสายน้อยอย่างสวยงาม

    จวนแห่งนี้คือจวนของฟงชินหยางนั่นเอง

    ฟงชินหยางกำลังพาเรือนร่างสูงใหญ่ใบหูยังคงแดงๆ เดินออกมาที่หน้าเรือนชานเคียงข้างมากับหลิงเวยที่ใบหน้ายังคงแดงๆ ที่เกิดจากการลงแรงกับกิจกรรมบางอย่างอยู่เป็นนานสองนานจนคอแหบคอแห้งทั้งๆ ที่มิได้คุยอันใดใส่กันด้วยประโยคยาวๆ เลยแม้แต่น้อย

    พวกเขาเดินออกมาต้อนรับแขกสูงศักดิ์ผู้มาเยือนถึงถิ่นพร้อมด้วยบุตรชายตัวน้อยทั้งสองที่ปีนป่ายอยู่บนบ่ากว้างทั้งสองข้างของบิดาคล้ายกับลูกลิงจอมซนกระนั้น

    “พี่ชินหยาง” ฉีเล่อเรียกขานฟงชินหยางในทันทีที่เดินทางเข้ามาภายในจวนของฟงชินหยางโดยไม่มีการเก็บงำความสนิทสนมกันอีกต่อไป เนื่องจากในยามนี้มีแต่คนในครอบครัวของท่านแม่ทัพฟงแห่งแคว้นเฉินก็เพียงเท่านั้น ความสัมพันธ์ต่างแคว้นที่ไม่เหมาะสมจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรหลบซ่อนแต่อย่างใด

    ฟงลี่หลินที่ยังคงถูกจับกุมมือยืนเคียงข้างกับองค์ชายสูงศักดิ์ต่างแคว้นได้แต่งุนงงกับพี่ใหญ่ของตนและบุรุษข้างกาย

    หลิงเวยมองฟงชินหยางและองค์ชายฉีเล่อสลับกันไปมาก่อนจะเลื่อนสายตาสวยหวานมองมาที่ฟงลี่หลินอย่างงุนงง

    และเกิดคำถามที่ฟงลี่หลินเคยถามนางกับฟงชินหยางเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว

    พวกเขารักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

    จู่ๆ ฟงหนิงเฉิงพลันส่งเสียงเจื้อยแจ้วตามภาพที่เห็นแบบตรงไปตรงมา “พี่ใหญ่ๆ ท่านอาจับมือกับบุรุษแปลกหน้า”

    ฟงหนิงอันรีบเอ่ยขัด “อันใดกัน แค่จับมือเท่านั้นทำเป็นตื่นเต้นไปได้ พวกเขาจักสู้ท่านพ่อกับท่านแม่ของเราได้อย่างไร”

    “...!

    ประโยคสนทนาของบุตรชายทั้งสองทำเอาฟงชินหยางและหลิงเวยต้องลอบมองหน้ากันด้วยความตกใจ

    “ใช่ๆ ท่านพ่อกับท่านแม่ช่างร้ายกาจ”

    “ใช่ๆ อีกไม่นานพวกเราคงได้อุ้มน้อง”

    “ใช่ๆ หลายคนด้วย”

    “ใช่ๆ”

    “...!

    และอีกหลายประโยคที่ทำให้ฟงชินหยางกับหลิงเวยต้องรีบพาลูกๆ เข้าเรือนไป ไร้ซึ่งการทักทายอันใดกับฉีเล่อและฟงลี่หลินที่กำลังยืนนิ่งตาค้างหูแดงหน้าแดงอยู่นอกเรือนชาน

    ฉีเล่อรับรู้จากฟงชินหยางเมื่อวานว่ามีบุคคลสำคัญเข้ามาพักในจวนแห่งนี้ นั่นก็คือบุคคลจากจวนตระกูลฟง

    บิดาและมารดาของฟงลี่หลินกำลังอยู่ที่นี่ในเวลานี้

    ชายหนุ่มที่เดิมทีคิดจะเอ่ยบางสิ่งกับฟงชินหยางก่อนใครพลันต้องเปลี่ยนใจจับกุมมือของหญิงสาวข้างกายให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้นก่อนจะก้าวเท้าหนักๆ เดินเข้าเรือนไปอย่างมั่นคง

    ฟงลี่หลินยิ่งเกิดอาการงุนงงหลังจากหูอื้อตาลายอยู่เป็นนานเมื่อองค์ชายผู้อุกอาจข้างกายพานางมานั่งคุกเข่าต่อหน้าบิดามารดาของนางที่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ในห้องโถง พวกท่านกำลังมองมาทางนางกับองค์ชายผู้นี้คล้ายกับเห็นผีกระนั้น

    หญิงสาวถึงกับนึกเข่นเขี้ยวชายหนุ่มข้างกายขึ้นมาจับใจ

    อะ...อะไรกันนี่

    บุรุษผู้นี้นี่ จริงๆ เลย...

    ในขณะที่สติสัมปชัญญะของฟงลี่หลินยังไม่ครบถ้วนเท่าใดนักเส้นเสียงทุ้มต่ำแลดูสุขุมนุ่มลึกพลันดัง

    "ข้าฉีเล่อบุตรชายอันดับที่สองของจักรพรรดิแคว้นเป่ยฉีขออนุญาตท่านทั้งสองคบหาดูใจกับฟงลี่หลินธิดาหนึ่งเดียวของพวกท่านแบบเปิดเผย ขอพวกท่านได้โปรดอนุญาต"

    "หา!" 

    จบคำของฉีเล่อ ฟงลี่หลินถึงกับตาโตตกใจอุทานเสียงดัง 

    ในขณะที่ฟงซือหลางและซินหรูถึงกับสำลักน้ำชา

    สองผู้เฒ่าจึงรีบมองหน้ากันและกันก่อนถามกันเองออกมาเบาๆ 

    "องค์ชายผู้นี้หรอกหรือที่หยางเอ๋อร์ได้บอกเอาไว้"

    เมื่อถามกันเสร็จก็หันหน้ามามองฉีเล่อกับฟงลี่หลินที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ด้วยกัน

    ฉีเล่อยังคงเอ่ย “ข้าขอเวลาแค่เพียงไม่นานการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์คงบังเกิด หาใช่รอรับสตรีบรรณาการนางใดไม่”

    ฟงลี่หลินยิ่งกะพริบตาเมื่อได้ยิน

    ฉีเล่อยังไม่คิดจะหยุด เขายังคงเอ่ย “สัญญาสงบศึกมิได้มีแค่ปีต่อปีแต่จะมีตลอดไป”

    "อ่า..." เสียงของฟงซือหลางและซินหรูครางในลำคอพร้อมกันขณะลอบมองหน้ากันด้วยความหมายทางสายตาว่าเป็นห่วงฉีเล่อเป็นหนักหนา ก่อนเอ่ยออกมา

    "ลำบากท่านแล้วล่ะ องค์ชาย"

    "...!?" 

    ฟงลี่หลินพลันชะงักไป

    ท่านพ่อกับท่านแม่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ!?



    สำหรับภาคพิเศษนั้นไม่รู้ว่าคู่ของใครจะร้อนแรงกว่ากัน...อิอิ



    เป็นเพื่อนกับ หลี่หง>>>คลิกFacebook

    อีบุ๊คฉบับเต็มไม่มีกั๊กไม่ตัดฉากใด

    ร้ายพ่ายกลายรัก
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    เขาเป็นถึงแม่ทัพผู้เกรียงไกร แต่กลับถูกวางยาปลุกกำหนัดได้เสียกับสตรีนางหนึ่งจนต้องแต่งงานกันด้วยแผนการอันแยบยลของนาง แต่เหตุไฉนไยนางถึงไม่ยินดี บัดซบ!



    หากชอบผลงานของหลี่หงคลิกฉบับ e-book ที่ชื่อเรื่องด้านล่างนี้ได้เลยค่ะรับประกันความฟิน >>>


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×