คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #62 : ภาคปลายตอน16 ปกป้อง1
ในวันนี้ชินอ๋องเฉินจิ้นเหอส่งคนมาเชิญฟงชินหยางให้ไปร่วมดื่มน้ำชาเสวนาพาทีพร้อมเดินหมากล้อมกันตามปกติวิสัย
ฟงชินหยางจึงเดินทางไปยังจวนของชินอ๋องในยามสายของวันโดยพาทหารหญิงคนสนิทข้างกายไปด้วยกันตามติดด้วยทหารหน้าบากนายหนึ่งตามไปด้วยอย่างมึนๆ
บุรุษร่างหนาใบหน้ามีแผลเป็นลากยาวหนวดเครารุงรังผู้นี้ยังคงทำหน้าที่อันหลากหลายได้ดีในทุกๆ วัน
ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์พิทักษ์พี่สะใภ้ เป็นหน่วยข่าวกรองไม่เปิดเผยตัวตนให้พี่ใหญ่ ทั้งยังเป็นหน่วยกล้าตายในสังกัดค่ายทหารได้อย่างแนบเนียน
หลิงเวยและฟงจินหมิงเดินขนาบข้างมากับฟงชินหยางจนกระทั่งเข้ามายังภายในจวนก่อนจะถูกเชื้อเชิญจากข้ารับใช้ภายในจวนให้เดินตามไปยังทิศทางที่ข้ารับใช้บอกกล่าวว่าชินอ๋องทรงนั่งประทับรออยู่แล้วเป็นนานภายในศาลากลางสระบัว
เพียงไม่นานบุคคลทั้งหมดจึงเดินมาถึงศาลาหลังใหญ่ขนาดเก้าเสาหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางบึงสระบัวขนาดกว้างขวาง
เมื่อฟงชินหยางเดินมาจนถึงศาลานั้น เสียงเพลงพิณแว่วหวานส่งสำเนียงทำนองเสียงใสพลันดังกังวานอยู่ภายในศาลา
ฟงชินหยางถึงกับชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน หลิงเวยและฟงจินหมิงเองก็ไม่ต่างกัน ทั้งหมดพากันชะงักงันยืนตรึงอยู่กับที่คล้ายกับโดนมนต์สะกดด้วยทำนองเพลงที่ปรุงแต่งเป็นอย่างดีฟังดูคล้ายกับกำลังจะเข้าครอบงำทุกคนที่ได้รับฟัง
เจ้าของบทเพลงที่กำลังร่ายทำนองอันไพเราะเสนาะโสตนั้นเป็นสตรีสูงศักดิ์ในอาภรณ์สวยงามสีเขียวมรกตลวดลายหรูหรานามว่าจินเยว่ชิงโดยมีซือจินในอาภรณ์สีม่วงอมแดงแลดูสูงส่งนั่งจิบชาฟังอยู่ด้วยกันแต่ทว่ากลับไม่เห็นเงาร่างของชินอ๋องนั่งอยู่แต่อย่างใด
จินเยว่ชิงยิ่งบรรเลงเพลงพิณเสียงดังกังวานเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนเมื่อชำเลืองมองทางหางตาที่ถูกแต่งแต้มอย่างจงใจแล้วเห็นใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ทางศาลาแห่งนี้
ซือจินแอบยกยิ้มพึงใจตามแผนการนัดพบสร้างความประทับใจได้อย่างน่าชมของธิดาแห่งตน
ฟงชินหยางที่พาเรือนร่างสูงใหญ่สมบูรณ์สมส่วนใบหน้าหล่อเหลาคมคายเป้าหมายของสองแม่ลูกเดินมาถึงยังศาลาเพียงยืนเอามือไขว้หลังอยู่นิ่งๆ ที่ด้านนอกศาลามิได้เข้าไปภายในศาลาแต่อย่างใด ด้วยเห็นว่าบุคคลที่เชิญเขามามิได้ประทับนั่งอยู่ภายในนั้น
หลิงเวยและฟงจินหมิงลอบมองตากัน เห็นได้ชัดว่าธิดาของชินอ๋องนางนี้นั้นกำลังตั้งใจบรรเลงเพลงพิณให้ผู้ใดได้รับฟัง
“เป็นอย่างไรบ้าง” จู่ๆ เสียงหนึ่งพลันดังอยู่ทางเบื้องหลังของฟงชินหยาง
เจ้าของเสียงนั้นคือชินอ๋องผู้สูงศักดิ์สูงสง่าในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักลายสีทองนามว่าเฉินจิ้นเหอ ในวันนี้เขาถูกรบเร้าจากชายาและธิดาให้ร่วมด้วยช่วยกันจัดฉากประทับใจนี้ขึ้นมาเพื่อให้ฟงชินหยางได้ดูชม
เฉินจิ้นเหอยังคงเอ่ย “จินเยว่ชิงบรรเลงเพลงพิณเป็นอย่างไรบ้าง อาหยาง ทั้งงดงามทั้งไพเราะใช่หรือไม่” เขาตั้งใจถามแม่ทัพตรงหน้าแบบตรงมาตรงไปตามวิสัย
ฟงชินหยางหันหน้ามาทำความเคารพชินอ๋อง ตามด้วยฟงจินหมิงและหลิงเวยเคารพอย่างพร้อมเพรียงตามลำดับ
“ไพเราะมากพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” ฟงชินหยางเลือกที่จะตอบตามมารยาทที่พึงมี “หากแต่ท่านหญิงควรบรรเลงให้บุรุษที่นางพึงใจได้สดับรับฟังเท่านั้นถึงจะเป็นการดี” เขาเลือกที่จะเอื้อนเอ่ยตามตรงดังนิสัยที่เป็นมาเช่นเดียวกัน
เฉินจิ้นเหอหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี เขาไม่เคยคิดที่จะถือสาความเถรตรงของบุรุษหนุ่มตรงหน้าแต่ตรงกันข้ามเขากลับชื่นชอบเป็นอย่างมาก เขาจึงกล่าวต่อคำเรียบเรื่อยด้วยคิดมาดีแล้ว
“จินเยว่ชิงรบเร้าข้าให้เชิญเจ้ามาร่วมรับฟังให้ได้ เห็นได้ชัดว่านางชมชอบเจ้าจากใจจริง”
“...”
“หากเป็นไปได้ข้าอยากให้เจ้าทั้งสองเปิดใจคบหากัน”
“...”
"ข้าชมชอบเจ้า ข้าอยากได้เจ้าเป็นบุตรเขย"
"..."
"หวังว่าเจ้าคงไม่ปฏิเสธข้านะ อาหยาง"
"..."
หมดคำพูด ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดออกมาทั้งสิ้น
และอีกคราที่หลิงเวยกับฟงจินหมิงลอบมองตากัน
แต่ครั้งนี้มีฟงชินหยางแอบลอบมองตากับทั้งสองเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
ริมศาลาขนาดเก้าเสากลางบึงสระบัวขนาดใหญ่ภายในจวนแห่งชินอ๋องผู้ครองหัวเมืองหลักของแคว้นเฉิน
ชินอ๋องยังคงอารมณ์ดีมองฟงชินหยางอย่างนึกชมชอบในตัวบุรุษตรงหน้าไม่สร่างซา หากได้เขาคนนี้มาเป็นบุตรเขยเขาคงนอนตายตาหลับเป็นแน่แท้
เสียงเพลงพิณยังคงแว่วดังพาทำนองน่าฟังขับกล่อมทุกผู้คนให้ถูกครอบงำด้วยสำเนียงเสียงแว่วหวานกังวานใสเคล้าคลอไปกับอากาศในยามสายของวันสบายๆ ผสมผสานสายลมเอื่อยเฉื่อยที่โลมไล้รอบเรือนกายของบุคคลทั้งหมดที่กำลังยืนอยู่ทางด้านนอกของศาลาอันใหญ่โตโอ่อ่า
จู่ๆ เสียงทุ้มห้าวของบุรุษร่างใหญ่กำยำพลันดังทำลายบรรยากาศอันดีงามเสียสิ้น
“กระหม่อมมีภรรยาอยู่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“...”
เสียงนั้นเป็นเสียงของฟงชินหยาง เขาเลือกที่จะเอ่ยกับชินอ๋องตามตรงว่าเขามีภรรยาแล้ว เมื่อในวันนี้ชินอ๋องเองก็เลือกที่จะเอ่ยกับเขาตามตรงเช่นเดียวกัน เขาสังเกตได้ตลอดมาว่าธิดาของชินอ๋องชมชอบเขา หากแต่เขาไม่อาจปฏิเสธออกมาตามตรงได้แต่อย่างใด เนื่องจากจินเยว่ชิงและพระชายาเพียงทำท่าทางก้ำกึ่งตามแบบฉบับสตรีสูงศักดิ์มิได้เปิดเผยความนัยแบบตรงไปตรงมา เขาจึงทำได้แค่เพียงรอเวลานี้เพื่อที่จะให้ชินอ๋องได้ตัดสินใจเอ่ยกับเขาออกมา เขาจึงเลือกวันนี้บอกออกมาเช่นเดียวกัน
“หืม...” เฉินจิ้นเหอเริ่มสับสน “เจ้ากล่าวสิ่งใดกัน”
“กระหม่อมมีภรรยาอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฟงชินหยางเอ่ยอีกคราอย่างช้าๆ แบบเน้นๆ
ชินอ๋องถึงกับตกใจชะงักไปพาความเงียบงันปกคลุมโดยรอบเรือนกายฉับพลัน ทั้งๆ ที่ภายในศาลายังคงมีเสียงเพลงพิณดังกังวานแว่วหวานฝ่าสายลมโบกโชยมาอยู่ตลอดเวลา
แต่ทว่า กับบุคคลนอกศาลากลับไม่ได้ยินเสียงอันใดนอกจากความเงียบงันเงียบกริบผิดปกติ
เฉินจิ้นเหอรีบเรียกสติของตนเองให้กลับมาจากอาการชะงักงันก่อนจะเริ่มขมวดคิ้วคมเข้มพันกันเป็นปมพาริ้วรอยแห่งวัยฉายชัด
เขามิรู้เรื่องนี้มาก่อน เขาปกครองหัวเมืองอยู่นอกเมืองหลวง วันๆ เอาแต่ทำงานราชกิจราชการในส่วนที่ตนปกครอง
ข่าวที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับเหตุบ้านการเมืองทั้งสิ้น จึงมิได้รับรู้เรื่องส่วนตัวของใคร
“เจ้ามีภรรยาแล้วหรือ อาหยาง” เฉินจิ้นเหอถามเสียงเบา
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” ฟงชินหยางเอ่ยรับเสียงหนัก
เฉินจิ้นเหอถึงกับเบิกตากว้าง
"จินเยว่ชิงไปร่วมงานล่าสัตว์หกปีที่แล้วก่อนที่เจ้าจะมาทำศึกกับข้าที่นี่ นางบอกว่าเจ้ายังไม่มีผู้ใด"
เฉินจิ้นเหอเอ่ยออกมาตามตรงกับบุรุษร่างใหญ่ตรงหน้าเนื่องจากว่าพวกเขาค่อนข้างจะสนิทใจกันในทุกสมรภูมิรบในยามออกศึกด้วยกัน หากแต่เรื่องในมุ้งบนเตียงไม่เคยเลยที่พวกเขาจะได้นำมาคุยกันก็เท่านั้น
"ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมแต่งงานเมื่อปีนั้นพ่ะย่ะค่ะ ในงานล่าสัตว์ปีนั้นภรรยาของกระหม่อมก็ไปด้วยกันกับกระหม่อม พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ท่านหญิงยังได้เห็นภรรยาของกระหม่อมออกมาร่ายบทเพลงอันเป็นที่ประทับใจต่อหน้าพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้แลฮองเฮา และที่สำคัญในยามนี้กระหม่อมมีบุตรชายแล้วถึงสองคนพ่ะย่ะค่ะ"
"อา..." เฉินจิ้นเหอถึงกับครางอยู่ในลำคอ “เช่นนั้นหรือ”
มิน่าเล่า! ฟงชินหยางมาประจำการอยู่ที่นี่ถึงห้าปีแต่กลับไม่เกี่ยวข้องกับสตรีนางใดเลยสักคนเดียว
อา...นี่เขาพลาดเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
ทำไมภรรยากับธิดาของเขาถึงต้องโกหกกัน ไยพวกนางถึงบอกว่าฟงชินหยางยังมิได้แต่งงานมีภรรยา
ชินอ๋องกำลังรู้สึกขัดเคืองและเสียหน้าเป็นหนักหนาจนนึกอยากจะขับไล่ธิดาของตนไปเสียให้ไกลๆ หนีความอับอายในยามนี้เป็นอย่างมากหากแต่ยังคงรักษาท่วงท่าสง่างามเอาไว้ได้อย่างน่าชม เขาเพียงเอ่ย
"นี่นับว่าเป็นข่าวดียิ่งนักที่อาหยางของข้าได้แต่งงานแล้ว หากแต่จินเยว่ชิงของข้าก็ถึงวัยออกเรือนแล้วอย่างนี้"
เฉินจิ้นเหอเริ่มคิดหนักแต่ยากนักที่บุรุษสูงศักดิ์เช่นเขาจักคิดการอันใดได้ลึกล้ำไปกว่าแผนการศึกเพื่อรวบรวมแผ่นดินตามหน้าที่หลักของบุรุษเช่นเขา
เสียงทรงอำนาจจึงเอ่ยต่อ
"ข่าวว่าแคว้นเป่ยฉีต้องการองค์หญิงบรรณาการเพื่อสัญญาสงบศึกรอบใหม่ ข้าจักส่งจินเยว่ชิงไปก็แล้วกัน ฉีเล่อเองก็เข้าตาข้าอยู่ไม่น้อย องค์ชายผู้นี้ใช้ได้เลยทีเดียว และที่สำคัญยังไม่มีสตรีนางใดข้างกาย"
ฟงชินหยางได้ฟังพลันชะงักงันนิ่งไป
ได้อย่างไร!?
นั่น! ว่าที่น้องเขยของเขา!
อีบุ๊คฉบับเต็มไม่ตัดเนื้อหาใดๆ รวมภาคต้นและภาคปลายในเล่มเดียว...
|
ความคิดเห็น