ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายพ่ายกลายรัก [จบ]

    ลำดับตอนที่ #47 : ภาคปลายตอน1 นกน้อยในกรงเล็ก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.58K
      1.11K
      2 มี.ค. 67

    กลางลานฝึกอันกว้างขวางหลังจวนตระกูลฟง...

    เสียงดาบหอกทวนกระบี่ยังคงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างผสมปนเปกันเหมือนดังเช่นทุกๆ ครั้งที่มีการฝึกหนักประจำวันจากบุรุษทั้งหลายของจวน ไม่ว่าจะเป็นประมุขแห่งจวนฟงซือหลาง บุตรชายคนรองฟงจินหมิงและทหารยามพร้อมกับองครักษ์กระทั่งบ่าวชายประจำจวน

    แต่ที่แตกต่างกันคือมีเสียงของดาบไม้ด้ามน้อยๆ กระทบกันดังผัวะผะถี่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกสองเสียงด้วยลีลาการต่อสู้คล้ายการฟันดาบของผู้ใหญ่

    เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ทายาทตัวน้อยที่เป็นบุตรชายทั้งสองของหลิงเวยและฟงชินหยางได้รับอนุญาตให้มาฝึกปรือฝีมืออยู่ข้างๆ สนามประลองกับอาสาวคนงามฟงลี่หลินได้เป็นวันแรกตั้งแต่พวกเขาถือกำเนิดมา

    บุตรชายคนแรกของหลิงเวยนามว่าฟงหนิงอันอายุห้าขวบและบุตรชายคนที่สองนามว่าฟงหนิงเฉิงอายุสี่ขวบได้รับอาวุธประจำกายเป็นดาบไม้เนื้อจันทราที่หาได้ยากยิ่งและแกะสลักจากฝีมืออันทรงเกียรติของท่านปู่ฟงซือหลางผู้รักหลานชายยิ่งกว่าใคร เมื่อฟงซือหลางได้รับไม้เนื้อดีที่ใช้เวลาหามานานปีและได้ลงมือขึ้นรูปเองกับมือจนกลายเป็นดาบไม้ด้ามแรกของหลานชายทั้งสอง พวกเขาจึงไม่มีการรีรอให้ช้าไปกว่านี้ เด็กน้อยทั้งสองรีบวิ่งกระดุกกระดิกมาเข้าร่วมการฝึกประลองประจำวันในทันที โดยมีท่านย่าซินหรูเดินตามหลานชายทั้งสองมาติดๆ ชนิดไม่ให้ห่างหายไปจากสายตา ทั้งๆ ที่ปกติซินหรูมักจะไม่เคยสนใจการฝึกประลองประจำจวนแต่อย่างใด   

    หลิงเวยยังคงนั่งวาดภาพอย่างเหม่อลอยอยู่ข้างลานฝึกประลองตรงริมสระบัวที่มีม่านน้ำตกร่วงหล่นลงมาจากหินผาจำลองเหมือนดั่งเช่นทุกๆ วัน นางยังคงนั่งคิดถึงใครบางคนอยู่อย่างนั้นเฉกเช่นทุกๆ วันที่ผ่านมา  

    เมื่อยามก่อนนางไม่เคยต้องทนคิดถึงใครถึงแม้ว่าจะต้องทนเหงาทนเดียวดายสักปานใด หากแต่นางไม่เคยมีใครให้คิดถึง

    นางจึงไม่เคยต้องทนทรมานถึงเพียงนี้   

    ทรมานทั้งกายทั้งใจแบบนี้

    แต่ทว่าหลังจากที่นางได้แต่งงานปานสายฟ้าฟาดได้มีสามีแบบไม่ทันได้ตั้งตัวและอยู่ร่วมกันกับเขาในทุกๆ วันหลังจากแต่งงานกันเป็นเวลาสามเดือนเต็ม จนกระทั่งนางตั้งครรภ์บุตรคนแรกและคลอดบุตรชายคนแรกออกมาตามด้วยตั้งครรภ์บุตรคนที่สองในเวลาเพียงไม่นานอันเป็นผลพวงมาจากความขยันขันแข็งของสามีที่ไม่เคยนอนค้างอ้างแรมที่ค่ายทหารแต่เขาเลือกที่จะตะบึงควบม้าตัวเขื่องกลับมานอนเคียงข้างนางในทุกๆ คืน

    นางกับสามีจึงได้อยู่ร่วมเรือนนอนร่วมเตียงกันตลอดมาในระยะเวลากว่าหนึ่งปี และมีลูกหัวปีหนึ่งคนท้ายปีอีกหนึ่งคน

    หลังจากที่นางได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่สองและได้คลอดเขาออกมานางก็เริ่มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นางเริ่มทนกับการอยู่คนเดียวไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีพ่อสามี แม่สามี น้องๆ ของสามีและบ่าวรับใช้ตามเป็นพรวนแต่ความเหงายังคงมีมากนักโดยเฉพาะในยามกลางคืนซึ่งนับได้ว่าเหงามากมาย  

    เหงาทั้งกาย เหงาทั้งใจ

    เนื่องจากว่าฟงชินหยางสามีของนางที่เป็นถึงแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ได้รับคำสั่งให้นำจอมพลทหารสามเหล่าทัพเคลื่อนพลไปทันทียังดินแดนทางเหนือของแว่นแคว้น เพื่อจัดการกับชนเผ่าต่างแคว้นผู้เหิมเกริมที่บังอาจโค่นล้มแม่ทัพประจำทิศเหนือจนชะตาขาดตายจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้ฟงชินหยางต้องนำกองกำลังนับหมื่นนับพันไปจัดการด้วยตนเอง 

    ในยามนั้นนางกำลังตั้งครรภ์บุตรคนที่สองได้สามเดือน และบุตรชายคนแรกที่คลอดออกมาอายุได้เพียงสี่เดือนเท่านั้น

    เมื่อสิ้นศึกครานั้นที่ใช้เวลาจัดการร่วมสามปี ฟงชินหยางยังคงต้องอยู่ประจำการที่ค่ายทหารชายแดนเพื่อสะสางดินแดนร่วมกับชินอ๋องผู้ครองหัวเมืองหลักของแคว้นนามว่าเฉินจิ้นเหอพระอนุชาคนสนิทของฮ่องเต้เฉินหยางหมิงเซียนตามคำสั่งของพระองค์ที่ต้องการรวบรวมดินแดนให้เป็นปึกแผ่นภายใต้การปกครองหนึ่งเดียวแห่งพระองค์ 

    หลังจากนางตั้งครรภ์บุตรคนที่สองแล้วคลอดเขาออกมา จนกระทั่งยามนี้นับเป็นเวลาถึงห้าปีแล้วที่สามีของนางยังคงต้องทำภารกิจทางการทหารกระทั่งอยู่ประจำการที่ค่ายทหารชายแดนทางตอนเหนืออันห่างไกล เพื่อคอยเคียงข้างเป็นทัพหน้าแด่เฉินชินอ๋องสะสางดินแดนตามคำสั่งของฮ่องเต้เฉินหยางหมิงเซียน

    และมันยังเป็นห้าปีที่ทรมานนางจนแทบขาดใจ นางต้องทนเหงาหงอยกับการนอนอย่างเดียวดายบนเตียงใหญ่เพียงลำพังนานถึงห้าปี

    หากนางยังไม่เคยมีสามีนางคงนอนได้สบาย แต่ในเมื่อนางมีสามีแล้วและนอนร่วมเตียงกับเขาทุกคืนก่อนหน้านั้นนางจึงได้เปลี่ยนไป

    คืนแรกยังไม่ทรมานเท่าไหร่ คืนต่อๆ มาก็ยังพอทนได้

    ปีแรกนางเริ่มทรมานเป็นเรื่องเป็นราว ปีต่อมานางก็เริ่มทรมานหนักหนามากกว่าเดิม  

    ยามนี้เพิ่มเติมระยะเวลามาถึงห้าปีแล้ว จากที่ควรจะชาชินมันกลับเพิ่มเติมความทรมาน จากเพียงแค่ทรมานกลับเริ่มเปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ จากความหนาวเหน็บที่ขั้วหัวใจมันกลับกลายเป็นเจ็บปวดเจียนตายในทุกๆ ครั้งที่คิดถึงเขา นางถึงขั้นต้องนอนกอดจดหมายของเขาในยามค่ำคืน นางต้องแอบร้องไห้เพื่อไม่ให้ลูกๆ หรือคนในครอบครัวได้เห็น    

    นางต้องฝืนยิ้มงดงามสว่างไสวในทุกๆ วันต่อหน้าทุกๆ คนถึงแม้ว่าภายในจิตใจของนางจะกำลังมืดหม่นและร่ำไห้อย่างแสนสาหัส

    นางคิดถึงสามีของนางเหลือเกิน

    ชินหยาง...



    ในขณะที่หลิงเวยกำลังนั่งมองบุตรชายทั้งสองฟันดาบไม้กับฟงลี่หลินเพื่อนำมาวาดภาพบุตรชายกำลังฟันดาบกับฟงชินหยางสามีที่นางกำลังคิดคำนึงถึงอยู่นั้นเสียงกังวานสดใสของเด็กน้อยพลันดัง

    “ท่านแม่!” ฟงหนิงอันวิ่งกระดุกกระดิกมาทางหลิงเวยพร้อมรอยยิ้มสดใสไม่ต่างจากน้ำเสียง “ข้าชนะขอรับ ท่านแม่”

    หลิงเวยรีบคลี่ยิ้มอ่อนหวานพร้อมวางพู่กันในมือลงเพื่ออ้าแขนรับร่างน้อยๆ ของบุตรชายคนโต “เจ้าเก่งมาก ลูกแม่”

    “ท่านแม่ ข้าก็ชนะขอรับ” ฟงหนิงเฉิงวิ่งกระดุกกระดิกมาอีกคนพร้อมทั้งพุ่งตัวใส่อ้อมแขนของหลิงเวยในเวลาไล่เลี่ยกับพี่ชาย  

    ไม่น่าเชื่อว่าวงแขนเรียวเล็กของหลิงเวยจะสามารถรับน้ำหนักของบุตรชายอายุห้าขวบกับสี่ขวบได้พร้อมๆ กัน นางกอดประคองและอุ้มเด็กน้อยทั้งสองด้วยแขนเล็กๆ ของนางเอาไว้มั่นพลางก้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายขวาอย่างรักใคร่

    “ข้าแพ้เพราะว่าเจ้าสองคนนี้รุมข้านะอาซ้อ” ฟงลี่หลินในวัยสาวสะพรั่งเอ่ยปากพลางวิ่งตามหลานชายทั้งสองมาในเวลาไล่เลี่ยกัน “ช่างมีเล่ห์กลไม่ต่างจากพี่ใหญ่เลยเชียว”

    และคำพูดที่ไม่ตั้งใจของฟงลี่หลินทำเอาหลิงเวยถึงกับชะงักงันยิ้มแข็งกลางอากาศในขณะที่บุตรชายทั้งสองได้แต่มองไปทางฟงลี่หลินเป็นตาเดียวกัน

    “พี่ใหญ่ของท่านอาก็คือท่านพ่อของเรานะหนิงเฉิง” ฟงหนิงอันเป็นพี่ชายที่ดี เขารีบอธิบายให้น้องชายฟังถึงแม้ว่าเขาเองจะจำหน้าบิดายังมิได้ เนื่องจากบิดาต้องเดินทางไกลไปทำศึกยามที่เขาอายุได้เพียงสี่เดือนเท่านั้น

    ฟงหนิงเฉิงพยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันกันถึงแม้ว่าเขาจะยังอยู่ในครรภ์มารดาเมื่อบิดาเดินทางจากไป “ท่านพ่อของเรา”

    หลิงเวยถึงกับใบหน้าหม่นแสงลงทันใดเมื่อได้ยินคำว่าพี่ใหญ่ซึ่งหมายถึงฟงชินหยางผู้เป็นสามีที่นางคิดถึงแทบขาดใจในทุกๆ วันทุกยามเวลา และยิ่งรู้สึกเจ็บปวดหนักหนาเมื่อลูกชายทั้งสองเอ่ยคำว่า ท่านพ่อ ทั้งๆ ที่พวกเขายังไม่เคยมีโอกาสเรียกอย่างนั้นต่อหน้าฟงชินหยางเสียด้วยซ้ำ 

    ฟงลี่หลินที่รู้ตัวแล้วว่าเผลอไผลสะกิดใจพี่สะใภ้ถึงกับชะงักงันเมื่อมองเห็นสามคนแม่ลูกตรงหน้าที่ทำท่าน่าเห็นใจ

    อึดใจหญิงสาวพลันต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกซินหรูตีไหล่ของนางเบาๆ ไปหนึ่งทีเป็นการลงโทษ 

    ซินหรูที่มักจะตามติดหลานชายทั้งสองตลอดเวลาจึงรีบเข้าไปช่วยแก้สถานการณ์หม่นหมองให้สะใภ้ของตนอย่างเข้าใจในหัวอกเดียวกันอย่างทันที

    เนื่องจากนางเองก็เคยผ่านช่วงเวลาเยี่ยงนี้มาแล้วทั้งสิ้น  ในยามนั้นนางต้องเลี้ยงลูกน้อยเพียงลำพังในขณะที่สามีไปออกรบนานหลายปีเช่นเดียวกัน

    “เวยเอ๋อร์” ซินหรูเอ่ยเรียกสะใภ้เสียงเบา “คืนนี้มีงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนท่านเจ้าเมือง เจ้าช่วยไปเป็นเพื่อนแม่ได้หรือไม่” การไปพบปะสังสรรค์กับเหล่าผู้คนย่อมนับว่าดียิ่งในช่วงเวลานี้

    “เจ้าค่ะท่านแม่” หลิงเวยเป็นสะใภ้ที่ดีเสมอมานางเชื่อฟังแม่สามีและไม่เคยปฏิเสธสิ่งใด นางรับรู้ได้ถึงความห่วงใยนั้นของท่าน “ข้าพาลูกๆ ได้ด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” กล่าวจบก็ก้มหน้าลงมองบุตรชายทั้งสองบนตักอุ่นภายในอ้อมแขนทั้งสองข้างของตน

    “ย่อมได้” ซินหรูยิ้มแย้มเอ่ยต่อ “ท่านพ่อย่อมตามติดไปคอยคุ้มกัน หากหลานๆ ไปกันพร้อมหน้า เขากำลังคิดหนักว่าจะไปดีหรือไม่เพราะไม่ต้องการห่างหลานแม้เสี้ยวเวลา” 

    หลิงเวยถึงกับหลุดยิ้ม นั่นนับว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากรู้ดีว่าทั้งแม่สามีและพ่อสามีติดหลานชายทั้งสองมากมายปานใด ต่อให้นางไม่ขอให้พาไปแม่สามีย่อมพาไปอยู่ดีเพียงแต่ว่าแม่สามียกพ่อสามีมากล่าวอ้างเท่านั้น  

    “ข้าไม่ไปนะท่านแม่ งานเลี้ยงน้ำชามีแต่บรรดาฮูหยินไม่มีสตรีรุ่นเดียวกับข้าเลย” ฟงลี่หลินเอ่ยคำเสียงเบา

    นางชอบไปเที่ยวงานในตลาดมากกว่าที่จะต้องไปนั่งสนทนากับบรรดาฮูหยินที่เอาแต่พูดเรื่องสามีของพวกนาง “ไปกันเถิดหลานรัก” นางกล่าวจบก็โน้มตัวลงตรงหน้าหลิงเวยแล้วอุ้มหลานชายทั้งสองให้ไปวิ่งเล่นด้วยกันที่ข้างสนามดังเดิมพร้อมกับเริ่มฟันดาบไม้ใส่กันอีกคราเสียงดังผัวะผะแก๊งๆ

    ซินหรูได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ นึกระอาบุตรสาวของตนเหลือเกิน ดียิ่งนักที่นางได้หลิงเวยเป็นสะใภ้ไม่อย่างนั้นนางคงหาคนที่คุยในเรื่องเดียวกันยากเป็นแน่

    “เจ้ากำลังวาดภาพเด็กๆ ตีดาบกับหยางเอ๋อร์หรือนี่” ซินหรูโน้มตัวลงมองภาพที่หลิงเวยกำลังนั่งวาดตรงหน้าอย่างอึ้งๆ เพราะว่ามันเสมือนจริงยิ่งนักถึงแม้ว่าฟงชินหยางมิได้อยู่กับเด็กๆ ในยามนี้ก็ตามที

    หลิงเวยเงยหน้าขึ้นสบตากับแม่สามีอึดใจก่อนก้มหน้าลงต่ำพวงแก้มเริ่มซับสีเลือดเป็นเชิงยอมรับอย่างนึกอับอายเล็กน้อย เพราะว่านี่คือวิธีหนึ่งในการระบายออกของนางเมื่อยามที่นางคิดถึงฟงชินหยางแทบขาดใจ

    ซินหรูเข้าใจทั้งหมด นางเข้าใจหลิงเวยได้เป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งนางก็เคยเป็นเช่นนี้ นางถึงขั้นปลอมตัวออกจากเรือนไปตามหาฟงซือหลางยังชายแดนห่างไกลเสียด้วยซ้ำ  

    เมื่อสตรีสูงวัยคิดขึ้นมาถึงตรงนี้นางจึงอมยิ้มน้อยๆ พลางเอื้อมฝ่ามือเรียวงามของตนลูบไหล่กลมมนของสะใภ้เบาๆ ก่อนจะตบแผ่นหลังบอบบางของหลิงเวยเป็นเชิงปลอบใจอย่างอ่อนโยน

    ใต้หล้าช่างกว้างใหญ่ไพศาลหากแต่นกน้อยจักกล้ากางปีกเล็กบางโผบินออกไปหรือไม่กัน...



    ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับจบบริบูรณ์ คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก


    ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับ E-Book คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0NTM5NSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijc4Nzg1Ijt9

    Thumbnail Seller Link
    ร้ายพ่ายกลายรัก
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    เขาเป็นถึงแม่ทัพผู้เกรียงไกร แต่กลับถูกวางยาปลุกกำหนัดได้เสียกับสตรีนางหนึ่งจนต้องแต่งงานกันด้วยแผนการอันแยบยลของนาง แต่เหตุไฉนไยนางถึงไม่ยินดี บัดซบ!...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    ร้ายพ่ายกลายรัก(ภาคพิเศษ)
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    หากใครชมชอบเรื่องราวความรักที่อึนมึนดิบเถื่อนของพี่ชายใหญ่แห่งบ้านฟงกันมาแล้ว (ฟงชินหยาง&หลิงเวย) ครานี้ลองมาติดตามเรื่องราวความรักของสองพี่น้องบ้...
    Get it now

    Thumbnail Seller Link
    Set ร้ายพ่ายกลายรัก
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    เรื่องราวความรักของเหล่าพี่น้องสกุลฟง มีทั้งหมดสี่เรื่องสี่คู่จุใจ-ร้ายพ่ายกลายรัก ภาคต้น+ภาคปลาย-ร้ายพ่ายกลายรัก ภาคพิเศษ-ร้ายพ่ายกลายรัก สเปเช...


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×