ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวใช้พระกาฬ

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่18 ความจริงบางอย่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.26K
      2.04K
      8 มี.ค. 67


    อีกด้านหนึ่งในสวนไผ่อันร่มรื่นเย็นสบายที่ตั้งต้นเรียงรายอยู่ทางด้านหลังของวัดฉือหนิง

    ซูเจินแอบมาฝึกยุทธ์อยู่ภายในสวนป่าไผ่ช่วงเวลาค่ำคืน เนื่องจากไม่สะดวกใจให้ใครได้เห็นในยามกลางวัน นางฝึกไปได้ประมาณสามชั่วยาม กินเวลาไปครึ่งคืน จนได้เหงื่อเย็นฉ่ำ จึงกลับเข้าห้องพักแล้วอาบน้ำผลัดเปลี่ยนผ้า เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จสรรพ จึงตาสว่างมากนักไม่ง่วงงุนเลยสักนิดจึงคิดจะหาอะไรทำ

    อืม...ไปยั่วยวนพี่ชายท่านนั้นดีกว่า!

    แต่ทว่า ซูเจินเดินหาพี่ชายรูปงามผู้เป็นเป้าหมายในการยั่วยวนอยู่นาน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ มิรู้ได้ว่าเหยื่อรู้ตัวเสียแล้วหรือไร?

    เมื่อคิดได้อย่างนั้น นางจึงเลือกที่จะเดินเล่นแทนโดยล้มเลิกแผนการในใจไป

    ซูเจินเดินไปเรื่อยๆ จนเจอเข้ากับห้องหมื่นอักษรซึ่งรวมหนังสือสวดมนต์และหนังสือธรรมะเอาไว้มากมาย ทั้งยังอนุญาตให้คฤหัสถ์ทั้งชายหญิงสามารถเข้าไปได้ นางจึงเดินเข้าไปในนั้น การอ่านหนังสืออาจทำให้นางฉลาดขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย มันย่อมดีกว่าการตามหาบุรุษเพื่อยั่วยวนแน่นอน 

    หากแต่อย่าให้เจอตัวเชียวนะ อาจินของข้า...

    หยางเหอจินใช่ว่าจะไม่รู้ว่าน้องน้อยของเขาต้องการทำสิ่งใด มิใช่ว่าเขากำลังหลบหน้านาง แต่เนื่องจากว่าเขาเองก็ได้รับรายงานเกี่ยวกับการเสด็จแปรพระราชฐานของเฟยหลงจวิ้นฮ่องเต้เช่นกัน เขาจึงแอบออกจากวัดฉือหนิง หมายจะเข้าพบพี่ชายของตนเพื่อเบี่ยงเบนวัตถุประสงค์ในการเสด็จมายังวัดแห่งนี้ เขาไม่ต้องการให้เจินเจินน้อยเผชิญหน้ากับเฟยหลงจวิ้น ไม่ว่ากรณีใด

    เรื่องฆ่าล้างสำนักของท่านอาจารย์ซูหยางนั้น เป็นฝีมือของพี่ชายอันเป็นที่รักของเขา พี่ชายที่เลี้ยงดูเขามาไม่ต่างจากบิดา

    ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อเลยก็ตาม หากแต่ข่าวที่ได้รับยามที่เขาประจำอยู่ชายแดนกลับเป็นเช่นนั้น

    เจินเจินน้อยย่อมได้รับข่าวแบบเดียวกัน ศัตรูของนางย่อมเป็นพี่ชายของเขา

    น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟมาก ในยามนี้เจินเจินน้อยเหลือเพียงตัวคนเดียว ในขณะที่เฟยหลงจวิ้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ต้องการให้ทั้งสองเผชิญหน้ากัน

    ด้วยวิชาตัวเบาที่เป็นเลิศ หยางเหอจินจึงใช้เวลาไม่นานในการเดินทางระหว่างวัดฉือหนิงกับตำหนักของเฟยหลงจวิ้น

    แต่ทว่าเมื่อชายหนุ่มมาถึงตำหนักต้าหนิง กลับไม่พบพี่ชายเสียแล้ว มิคาดว่าพระองค์แอบปลอมตัวไปท่องเที่ยวทางใด นิสัยของพี่ชายแห่งเขาเหมือนกับหลานชายไม่มีผิดเพี้ยน ให้ตายเถิด!

     

    วัดฉือหนิง ยามโฉ่ว(01.00-02.59)

    บนทางเดินทอดยาวระหว่างวิหารศักดิ์สิทธิ์อันเชื่อมต่อกับห้องหมื่นอักษร หนึ่งบรรพชิตหนึ่งคฤหัสถ์ชายวัยกลางคนกำลังเดินทอดน่องปราศรัยอย่างเป็นกันเอง

    บรรพชิตคือ ไต้ซือฉินไท่ ผู้สละแล้วซึ่งกิเลส เหนือหน้าผากไร้เส้นผมมีจุดสีแดงถึงสิบสองจุดบ่งบอกตำแหน่งเจ้าอาวาสและปวารณาตนแล้วว่า จะไม่สึกออกไปเป็นคฤหัสถ์จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ หนวดเคราเหนือริมฝีปากและปลายคางยาวลงมากว่าสิบชุ่นล้วนเป็นสีขาวโพลน

    คฤหัสถ์ชายมีนามว่า เฟยหลงจวิ้น เขามีรูปลักษณ์ภูมิฐานงามสง่าสมชาย ถึงแม้วัยจะล่วงเลยมากแล้ว อาภรณ์บนเรือนกายแม้จะแต่งเพียงธรรมดาเพื่อปกปิดฐานะ หากแต่อำนาจบารมีกลับแผ่ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ทั้งสองเป็นทั้งอาจารย์ผู้สอนสั่งและสหายร่วมตายในอดีตกาล

    “ข่าวล่มสลายของสำนักอันดับหนึ่งอย่างพยัคฆ์เมฆาหงส์ฟ้าล่อง ท่านคงทราบแล้ว” เสียงทุ้มต่ำกล่าวเนิบนาบแผ่วเบา แต่กลับเปล่งบารมีมากนักเอ่ยขึ้นมาทางไต้ซือฉินไท่ ที่เดินพร้อมกับคลึงลูกประคำมาตลอดทาง

    “อามิตตาพุทธ บรรพชิตย่อมสนใจเพียงทางธรรม ไหนเลยจักใคร่รู้ทางโลกจนเกินไป” หลวงจีนผู้เฒ่ากล่าวเสียงเรียบให้ความรู้สึกเย็นสบายยามรับฟัง เขาเคยพบเจอกับซูหยางมาก่อนจึงพอมีสัมพันธ์กันอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่มากนัก แต่ทว่ากลับแอบเลื่อมใสกันและกันอยู่ในใจ

    เฟยหลงจวิ้นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แล้วเอ่ยต่อ “ข่าวแพร่สะพัดในยุทธภพล้วนเข้าใจว่าเป็นฝีมือของข้า และข้าก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงข่าวใดๆ”

    ไต้ซือฉินไท่เพียงเดินนิ่งรับฟัง ไม่แม้กระทั่งจะถามกลับว่าเหตุใดจึงทำอย่างนั้น

    เสียงทุ้มต่ำเรียบเรื่อยยังคงดังให้ได้ยิน “ดีเสียอีก จอมยุทธ์ทั้งหลายในใต้หล้าจะได้พากันเกรงกลัวข้า ไม่กล้ามีปัญหากับราชสำนัก”

    ไต้ซือฉินไท่ยังคงคลึงลูกประคำอย่างสงบ ท่วงท่ายังคงสุขุม ให้ความรู้สึกสุขสบายแผ่กำจายความปรานี

    เฟยหลงจวิ้นมักจะเลือกเดินทางมาพบอดีตพระอาจารย์ของเขาที่แอบมาบวชยังวัดห่างไกลความเจริญแห่งนี้ ทุกครั้งที่มาเขาก็มักจะเล่าเรื่องราวทางโลกอันสนุกสนานให้ฟัง โดยไม่สนใจสักนิดว่าพระอาจารย์จะอยากฟังหรือไม่ แต่อย่างน้อย คำโต้แย้งอันใดย่อมไม่มีให้ได้ยินแน่นอน ไม่เหมือนกับพวกจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนักที่เอาแต่แย่งเขาพูดในท้องพระโรง

    ผู้ส่งสารของท่าน แจ้งมาว่าขบวนเสด็จจะมาในยามรุ่งของวันพรุ่งนี้ ท่านต้องการสิ่งใดหรือไม่ จักได้จัดหาเตรียมเอาไว้ แต่อาจจะมิได้ครบครันดังหวัง” เจ้าอาวาสถามขึ้นถึงเหล่าราชนิกุลทั้งหลายแห่งราชวงศ์เฟยหลงที่มักจะติดตามอดีตลูกศิษย์ผู้นี้มาอย่างยิ่งใหญ่อลังการเหลือเกิน ทั้งยังต้องจัดการสถานที่รับรองอันวุ่นวาย สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้พระลูกวัดหนักหนา

    เฟยหลงจวิ้นยังคงส่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี เขาย่อมรู้ความในใจของพระอาจารย์ แต่พวกฮองเฮาและสนมคนโปรดที่ติดตามเขามาก็เรื่องมากจริงๆ เสียด้วย

    “เฮ่อ! ข้ากำลังเล่าเรื่องยุทธภพให้ท่านฟังอยู่นะ ท่านเอาแต่บ่นข้าเรื่องลูกเมียอีกแล้ว”

    ท่ามกลางการอารักขาจากราชองครักษ์เงารายรอบ บุคคลทั้งสองยังคงเดินทอดน่องอย่างใจเย็นคุยกันคนละเรื่องเดียวกันไปตามทางเดินของลานวัด ท่ามกลางรัตติกาลอันสงบเงียบ โดยมิได้รู้ตัวเลยว่ากำลังทำให้ใครบางคนถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน

    ซูเจินในชุดสีฟ้าอ่อนสมวัย รูปลักษณ์น่ารักไร้พิษภัย ในฐานะคฤหัสถ์หญิงไร้ใครสนใจ นางบังเอิญยืนอยู่ภายในห้องหมื่นอักษรหลังบานประตูใหญ่ด้านในมุมอับ 

    ซึ่งบังเอิญตรงกับตำแหน่งนอกห้องที่มีกำแพงห้องกางกั้น ประจวบเหมาะกับจุดที่เจ้าอาวาสและชายวัยกลางคนเดินผ่านมาจากมุมทางเดินพอดิบพอดี ในระยะไม่ถึงจั้ง

    ดวงตากลมโตอยู่แล้วของนางยิ่งกลมโตเข้าไปใหญ่ เมื่อนางแอบได้ยินประโยคหนึ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึง...

    ข่าวแพร่สะพัดในยุทธภพล้วนเข้าใจว่าเป็นฝีมือของข้า และข้าก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงข่าวใดๆ

    นั่นหมายความว่าอย่างไร?


    นิยายสาวใช้พระกาฬ ฉบับ E-Book คลิก>>>สาวใช้พระกาฬ

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0NTM5NSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg1ODk5Ijt9

    Thumbnail Seller Link
    สาวใช้พระกาฬ
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    จะเป็นอย่างไรเมื่อทายาทสาวน้อยจ้าวยุทธ์ ต้องมาอยู่ในคราบสาวใช้ของนายสาวผู้อ่อนแอ..."คุณหนูท่านรักบุรุษผู้นั้น""ข้ากับเขาคบหากันมา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×